Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 11 ไล่สังหาร
ตงป๋อเสวี่ยอิงทะยานออกไปในพริบตา กระบี่เทพในมือแปรเป็นประกายกระบี่อันสะดุดตาสายหนึ่งแทงตรงไปทางประมุขหุบเขาเปลวอัคคี
สีหน้าของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีเปลี่ยนแปรไปในทันใด บรรดาผู้บำเพ็ญมีอายุขัยยาวนาน ก็เพราะส่วนใหญ่ล้วนแต่ระมัดระวังเป็นอันมาก หากไม่มั่นใจเต็มที่ ก็จะไม่สอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวในการต่อสู้ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตน มิเช่นนั้นแล้ว ระหว่างการห้ำหั่นเอาเป็นเอาตาย หากไม่ระวังแล้วเอาชีวิตไปทิ้งขึ้นมา ทั้งหมดก็จะกลายเป็นสูญเปล่าไป ต่อให้มีสมบัติล้ำค่ามากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์!
“เจ้าเอาสมบัติล้ำค่าไป ก็ไม่เหลือชีวิตให้ใช้งานหรอก!” ขณะที่ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีต่อยประมุขพรรคกระบี่สวรรค์จนกระเด็นถอยไปในหมัดเดียวนั้น พลิกมือคราหนึ่ง ท่าไม้ตายอันอำมหิตที่สุดก็โจมตีเข้ามา
ตู้มมมม…
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเพียงว่านัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมา ท่ามกลางเปลวเพลิงอันโดดเด่นสะดุดตามีเงาหมัดมากมายปรากฏขึ้น แล้วโจมตีเข้ามาด้วยอานุภาพระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างไม่ขาดสาย ขั้นรวมเป็นหนึ่งที่อ่อนแอนับร้อยคนก็ต้องถูกหมัดนี้ต่อยจนแหลกละเอียดเป็นผุยผงไปจนสิ้น แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตกใจมาก ประกายกระบี่ที่สำแดงออกไปวาดเป็นวงโค้งสายหนึ่งเพื่อสกัดกั้นเงาหมัดอันน่าหวาดหวั่นนี้เอาไว้
จากนั้นก็ปะทะออกมาเสียงดังกัมปนาท ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถูกกระแทกเสียจนกระเด็นลอยถอยหลังไป ร่างกายกระทบเข้ากับยอดเขาแห่งหนึ่ง ปัง ยอดเขาครึ่งลูกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วถล่มลง ตงป๋อเสวี่ยอิงกระอักโลหิตสดๆ ออกมาจากปาก
“ไม่ดีแล้ว” ประมุขยอดเขาทั้งสามที่ชมการต่อสู้อยู่ด้านข้างพากันร้อนใจขึ้นมา“พลังของยอดฝีมือท่านนี้เหมือนจะด้อยกว่าประมุขหุบเขาเปลวอัคคีผู้นี้อยู่บ้าง”
“อาศัยแค่เจ้าก็คิดจะทำเรื่องของข้าให้เสียหายอย่างนั้นหรือ ทิ้งชีวิตน้อยๆ ของเจ้าเอาไว้ให้ข้าเสียเถิด!” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีมีท่าทีสูงเทียมฟ้า
ส่วนประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ซึ่งเดิมทีคิดจะอาศัยโอกาสนี้กดดัน ‘พิษวิญญาณด้ายเงินโยง’ ภายในวิญญาณก็ร้อนใจขึ้นมา จากนั้นก็ถ่ายเสียงพูดว่า “ระวัง การโจมตีของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีนี้รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ทว่าในด้านวิถีกายและด้านความวิจิตรพิสดารล้วนแต่บกพร่องอยู่บ้าง เจ้าไม่สามารถต่อสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันกับเขาได้”
ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ไม่ขยับเขยื้อนดุจขุนเขา การป้องกันของวิถีกระบี่ร้ายกาจพอจึงกล้าฝืนต้านทานได้
ดังนั้นหากแค่มองดูการสัประยุทธ์ระหว่างประมุขพรรคกระบี่สวรรค์และประมุขหุบเขาเปลวอัคคีอย่างผิวเผิน ก็จะมองไม่ออกเลยว่าการโจมตีของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีเหี้ยมโหดเพียงใด
“ข้าจะร่วมมือกับเจ้าแล้วจัดการกับเขาเสียก่อน” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่ายอดฝีมือเร้นลับผู้นี้จะเอาชนะในการต่อสู้ตัวต่อตัวก็ยากมากแล้ว ก็ทำได้เพียงกัดฟันฝืนต้านทานต่อไป
“ได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถ่ายเสียงรับคำ
เขาจงใจแปลงกาย เขาได้กำหนดบทบาทของตนเอาไว้ก่อนแล้วว่าเป็นมือกระบี่ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านบริเวณและวิถีกายคนหนึ่ง พลังกำหนดอยู่ที่ระดับเจดีย์ดาวชั้นที่สี่! เนื่องจากระดับนี้ ในดินแดนเก้าเมฆาก็มีไม่น้อยเลย หากตนสำแดงพลังระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าออกมา เกรงว่าพวกประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ก็คงจะแจ้งคนอื่นให้ทราบผ่านการส่งสารและเชื่อว่าคงจะเผยแพร่ออกไปในเวลาไม่นาน!
หากผู้มีพลังระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าคนใดก็ตามโผล่ออกมา และดึงดูดสายตาของโลกทิพย์ทั้งสามและสองพรรคใหญ่เข้า!
เนื่องจากระดับนี้ ทั้งดินแดนเก้าเมฆามีน้อยยิ่งนัก! หากโผล่ออกมาคนหนึ่งก็ควรค่าแก่การสงสัย นอกเสียจากจะมีผู้แกร่งกล้าท้องถิ่นซึ่งมีร่องรอยการเติบโตที่สามารถติดตามได้ มิเช่นนั้นแล้วหากเป็นผู้แกร่งกล้าแปลกหน้า สองพรรคใหญ่และโลกทิพย์ทั้งสามก็คงจะไม่ปล่อยปละละเลยไปง่ายๆ แน่
“เมื่อครู่จ้าเพียงแค่ทดสอบพลังของเขาดูเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงบุกสังหารเข้ามาอีกครั้ง ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างนี้แผ่คลุมแล้วโอบล้อมประมุขหุบเขาเปลวอัคคีเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทำให้ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีสีหน้าเปลี่ยนแปรไป เพราะความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาลดฮวบลงอย่างรวดเร็วในทันที และนี่ยังเป็นขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจงใจ ‘ซ่อนเร้น’ พลังเอาไว้อีกด้วย เขาสำแดงพลังของแผนภาพคลื่นจานออกไปเพียงส่วนเดียวของปัจจุบันนี้เท่านั้น
“ฟิ้วๆๆ”
ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์สังหารเข้ามา ประกายกระบี่สายแล้วสายเล่าพลันกดดันเข้ามาประหนึ่งขุนเขาอย่างไรอย่างนั้น
ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีรู้สึกว่าแต่ละกระบวนท่าของตนล้วนถูกพันธนาการทั้งสิ้น เขาทำได้เพียงใช้ฝ่ามือหนึ่งเข้ารับเท่านั้น แต่บัดนี้ฝ่ามือนี้ช้าลงและอานุภาพก็ลดลงอย่างมากจนเห็นได้ชัด ประกายกระบี่กวาดเข้ามาอย่างต่อเนื่องดุจเทือกเขา ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีลอยถอยหลังไป บนหน้าอกมีบาดแผล โลหิตสาดกระจาย
“เอ๊ะ” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ตกตะลึงอยู่บ้าง หากปะทะกันซึ่งหน้า เขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าสมองวิงเวียนไปหมด ทว่าเขากัดฟันเอาไว้ ก่อนจะสำแดงวิถีกระบี่ต่อไป
ฟิ้ว
เงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปกะพริบวาบก่อนจะถลาไปทางประมุขหุบเขาเปลวอัคคี
“พันธนาการเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งนักเป็นยอดฝีมือเร้นลับผู้นี้เองน่ะหรือ” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีร้อนใจขึ้นมาแล้ว ด้านหนึ่งเขากำลังรับมือกับวิถีกระบี่ของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ที่โจมตีเข้ามา แต่ประกายกระบี่ของตงป๋อเสวี่ยอิงกะพริบวาบคราหนึ่งแล้ววาดข้ามมา เดิมทีประมุขหุบเขาเปลวอัคคีก็ไม่เชี่ยวชาญด้านวิถีกายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกพันธนาการเข้าไปอีก ทั้งยังต้องแบ่งสมาธิไปสกัดกั้นประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ แม้จะใช้ฝ่ามือหนึ่งเข้าสกัด แต่ประกายกระบี่สายนั้นก็ยังคงผ่าลงบนร่างเขาอยู่นั่นเอง ร่างกายกว่าครึ่งถูกผลาญทำลาย ทว่าร่างกายที่เหมือนเปลวเพลิงของเขาก็งอกขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ไม่ดีแล้ว” สีหน้าของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“ฉวยโอกาสสังหารเขาเสีย” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กลับตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง
“ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงคล้ายจะมีแววอาฆาตอันหนักหน่วง
“ยอดฝีมือเร้นลับผู้นี้ การโจมตีซึ่งหน้าอ่อนด้อยไปหน่อย แต่บริเวณร้ายกาจอย่างยิ่ง วิถีกระบี่ก็พิสดารนัก” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีร้อนใจขึ้นมาแล้ว
“สหายท่านนี้มิได้ทำเพื่อสมบัติล้ำค่าหรอกหรือ ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ผู้นี้ถูกพิษล้ำลึกนัก ขอเพียงท่านร่วมมือกับข้าก็จะสามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย ถึงตอนนั้นสมบัติล้ำค่าของเขาจะยกให้เป็นของเจ้าทั้งหมด และข้าก็ยินดีมอบสมบัติล้ำค่าซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับศิลาปฐมโลกาแปดสิบก้อนให้กับท่านด้วย” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีพูดขึ้นด้วยความร้อนรน
ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์หัวใจบีบรัดแน่นขึ้นมา
ประมุขยอดเขาทั้งสามที่อยู่ไกลออกไปก็เป็นกังวลขึ้นมา
ยอดฝีมือเร้นลับผู้นี้ค่อนข้างละโมบในทรัพย์สมบัติ เพื่อสมบัติล้ำค่า เขาก็แทรกซึมเข้าไปท่ามกลางการห้ำหั่นเอาเป็นเอาตายในระดับเดียวกัน แต่เมื่อประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ต่อสู้กับประมุขหุบเขาเปลวอัคคีแบบตัวต่อตัวต่อตัวก็ตกเป็นรองอย่างสิ้นเชิง หากเขาช่วยเหลือประมุขหุบเขาเปลวอัคคีเข้าจริงๆ…เช่นนั้นผลการต่อสู้ก็จะไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย เมื่อต่อสู้ขึ้นมาก็จะยิ่งง่ายดายและสบายขึ้น
“ท่านดูถูกข้าเกินไปแล้ว” เสียงของตงป๋อเสวี่ยอิงดังกังวาน กระบี่คมในมือกลับไม่หยุดลงเลยแม้แต่น้อย
“สมบัติล้ำค่ามูลค่าศิลาปฐมโลการ้อยก้อน นี่คือสมบัติล้ำค่าทั้งหมดของข้าแล้ว จะมอบให้ท่านทั้งหมด” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีตะโกนบอก
พวกประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ซึ่งเพิ่งจะคลายใจลงไปต่างพากันตึงเครียดขึ้นมาในทันใด
ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ยิ่งร้อนใจขึ้นไปอีก เพราะสมบัติล้ำค่าทั้งหมดของเขารวมกันแล้วก็ไม่ถึงศิลาปฐมโลการ้อยก้อนนี่นา!
“แคว่ก”
ประกายกระบี่สายหนึ่งวาบเข้ามา แล้วเชื่อมเข้ากับประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ และแทงเข้าที่ร่างของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทำให้ร่างของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีถูกทำลายไปกว่าครึ่ง ครั้งนี้ร่างของเขาฟื้นฟูช้ากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
“ถอน! ถอนกำลังไปให้หมด!” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีไม่ยอมจำนนเป็นอย่างมาก ทว่าก็ยังคงส่งสารให้ลูกน้องใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของตน ส่วนตัวเขาเอง เมื่อถูกประมุขพรรคกระบี่สวรรค์โจมตี ก็พลันถอยร่นไปทันควัน หลังพ้นจากขอบเขตของบริเวณกฎเกณฑ์แล้วก็เคลื่อนที่ในพริบตาคราหนึ่งทันที
สวบ
หลบหนีอย่างรวดเร็ว
“หนีรึ” ตงป๋อเสวี่ยอิงไล่ล่าไปตามร่องรอยของอากาศที่ฝ่ายตรงข้ามทิ้งเอาไว้
หากพูดถึงการทะลุอากาศแล้ว ในฐานะผู้ท่องอากาศ ในบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่งนั้นก็ถือว่าเกรียงไกรไร้ศัตรูโดยแท้ สามารถเทียบได้กับระดับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนแล้ว
“ฟิ้ว ฟิ้ว” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กลับหยุดลงก่อนจะกะพริบวาบคราหนึ่งและร่อนลงบนยอดเขาแห่งหนึ่งแล้วนั่งขัดสมาธิลงไป เขากดดันเอาพิษวิญญาณด้ายเงินโยงภายในกายออกมาอย่างสุดกำลัง เขามิกล้าไล่ตามอีกต่อไปแล้วจริงๆ เพราะเขาฝืนต้านทานมาถึงตอนนี้ อาการบาดเจ็บก็สาหัสเกินไปแล้ว หากฝืนต่อไปเกรงว่าเขาคงต้องหมดสติไประหว่างการต่อสู้เป็นแน่
หากเป็นลมไปแล้วมิอาจกดดันไว้ได้ พิษวิญญาณก็จะแทรกซึมต่อไปแล้วเขาก็คงต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย!
เขาไม่อยากตายนี่นา!
“คุ้มกันข้าที” ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กำชับประมุขยอดเขาทั้งสาม
“ขอรับ” ผู้รักษากฎทั้งสามคุ้มกันอยู่รอบด้านในทันที ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เริ่มกดดันพิษวิญญาณอย่างสุดกำลังโดยไม่สนใจโลกภายนอกเลย
ส่วนบนเขากระบี่สวรรค์ บรรดาศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์ซึ่งเดิมทีตกเป็นรอง ได้แต่อาศัยข้อได้เปรียบด้านพื้นที่ต่างก็ค้นพบด้วยความตกตะลึงว่า บรรดายอดฝีมือทางฝ่ายหุบเขาเปลวอัคคีพากันถอนทัพถอยไปอย่างรวดเร็ว แต่ละกลุ่มล้วนรวมตัวกับยอดฝีมือขั้นรวมเป็นหนึ่ง แล้วเคลื่อนที่ในพริบตาถอยไปอย่างรวดเร็ว
“หนีไปแล้วหรือ”
เดิมทีคิดว่าทั้งพรรคเขากระบี่สวรรค์จวนจะถูกทำลายล้างไปอยู่รอมร่อ ตอนนี้ศัตรูกลับเริ่มถอยหนีไปแล้ว
……
“ข้าเกลียด ข้าเกลียดนัก”
ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีซึ่งกำลังทะลุอากาศหนีอยู่นั้นกลับมีเพลิงโทสะสุมเต็มทรวง เขาไม่ยอมจำนน
เพื่อครั้งนี้แล้ว เขาเตรียมการมาเนิ่นนานเพียงใดกัน!
นับตั้งแต่ท่านอาจารย์ถูกประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ทำให้สิ้นใจไป เขาก็คิดแก้แค้นมาโดยตลอด เมื่อไปบุกฝ่าพเนจรอยู่ภายนอกจนพลังทัดเทียมกับประมุขพรรคกระบี่สวรรค์แล้วเขาจึงกล้ากลับมาเตรียมหุบเขาเปลวอัคคีให้พร้อมสรรพ! แล้วเขาก็ได้ ‘พิษวิญญาณด้ายเงินโยง’ มาด้วยความยากลำบาก แล้วตระเตรียมผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นยอดฝีมือแปลกหน้าที่ตนเก็บมาจากโลกภายนอก แล้วอาศัยสถานะผู้บูชาค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปภายในเขากระบี่สวรรค์
ก้าวแล้วก้าวเล่า จนถึงวันนี้จึงสามารถปะทุออกมาได้อย่างสิ้นเชิง!
เพื่อจะแก้แค้น เพื่อผลาญทำลายทั้งเขากระบี่สวรรค์ เขาทุ่มเทมามากเกินไปแล้ว
นอกจากนี้เพื่อทำภารกิจของลัทธิจอมมารดาให้สำเร็จ เขาก็ต้องกำจัดเขากระบี่สวรรค์ไปให้สิ้นซาก แต่บัดนี้ทุกสิ่งล้มเหลวไปหมดแล้ว เป็นเพราะยอดฝีมือเร้นลับผู้นั้นทั้งสิ้น
“ตู้ม” อากาศสะเทือนเลื่อนลั่น
“ไม่ดีแล้ว” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีสีหน้าเปลี่ยนแปรครั้งใหญ่ เขาถูกบังคับผลักไสออกมา ตรงหน้ามีบุรุษผมขาวอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้หนึ่งปรากฏขึ้น
“การทะลุอากาศของเขาร้ายกาจกว่าข้ามากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีตกใจ หากการเคลื่อนที่ในพริบตาทัดเทียมกันแล้ว ก็ยากนักที่จะสกัดกั้นเอาไว้ได้ นอกเสียจากจะมีข้อได้เปรียบที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจน ทว่าเมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญด้านบริเวณ ทั้งยังเชี่ยวชาญวิถีกาย…ในด้านอากาศจะได้เปรียบกว่าเขาก็เป็นเรื่องธรรมดานัก เขากลับไม่รู้ว่า หากมิใช่เพื่อเก็บซ่อนพลังแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงอาจถึงขั้นทำให้ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้เลยก็เป็นได้!
“รับความตายเสียเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงแผนภาพคลื่นจานออกมากดดันฝ่ายตรงข้าม ทั้งยังห้ำหั่นประชิดตัวอย่างรวดเร็ว
เดิมทีประมุขหุบเขาเปลวอัคคีก็เชื่องช้าอยู่แล้ว ทั้งยังถูกพันธนาการเข้าไปอีก ไม่นานนักก็ถูกอีกกระบี่หนึ่งเข้า
“ที่แม้แล้วพลังของเขายังสูงกว่าข้าอยู่บ้าง พอเริ่มต่อสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันจึงเสียเปรียบอยู่บ้าง” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีกระจ่างแจ้งขึ้นมา เขามิกล้าดึงดันต่อสู้ เมื่อพยายามหนีออกจากขอบเขตบริเวณกฎเกณฑ์ได้ก็เคลื่อนที่ในพริบตาออกไปทันที แต่ไม่นานนักตงป๋อเสวี่ยอิงก็สกัดกั้นเอาไว้จนได้
“ข้าจะมอบสมบัติล้ำค่าทั้งหมดให้แก่ท่าน ท่านไว้ชีวิตข้าสักคราหนึ่งเถิด!” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีที่เริ่มจะสิ้นหวังเริ่มวิงวอน หากอีกฝ่ายละโมบ บางทีเขาอาจรอดชีวิตก็ได้
“เฮอะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่หยุดลงเลยแม้แต่น้อย
“ตู้มมม…” ประกายกระบี่อีกสายหนึ่งทำลายการสกัดกั้นอย่างลุกลี้ลุกลนของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีแล้วทำลายร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมประกายกระบี่ได้พิสดารยิ่งนัก มันเข้าห่อหุ้มวิญญาณของอีกฝ่ายเอาไว้
“ปิดผนึก”
ร่างของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีแตกทำลายไปจนสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงวิญญาณ และยังถูกผนึกเอาไว้อีกด้วย ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่งแล้วเก็บสมบัติล้ำค่าของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีลงไป
“ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วยเถิด” วิญญาณของประมุขหุบเขาเปลวอัคคียังคงวิงวอน
“วิ้ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเขาอย่างเย็นชา แล้วสำแดงเคล็ดลับออกมาตรวจสอบ
วิญญาณของประมุขหุบเขาเปลวอัคคีพลันมีรอยประทับซึ่งเปล่งประกายสีเขียวปรากฏขึ้นมา
“เจ้า นี่เจ้า…” ประมุขหุบเขาเปลวอัคคีตกตะลึง ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่า คนตรงหน้าคือยอดฝีมือทางฝ่ายโลกทิพย์ทั้งสามซึ่งเป็นศัตรูกับลัทธิจอมมารดาและลัทธิทิพย์โบราณ การเสแสร้งก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้วนเป็นการปลอมแปลงทั้งสิ้น ตอนนี้เขาจึงเผยโฉมที่แท้จริงออกมา!
“เป็นศิษย์ผู้นับถือจอมมารดาจริงๆ ด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงเย็นชา
การตรวจสอบต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะอีกฝ่ายอาจรู้ตัวได้ หลังจากรู้ตัวแล้วก็จะรายงานขึ้นไปผ่านวัตถุส่งสารในทันที!
ดังนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงผนึกวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม ทำให้อีกฝ่ายมิอาจรายงานได้ ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุส่งสารของอีกฝ่ายก็ถูกตนเก็บลงไปแล้วด้วย
“ตู้ม” จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็พลิกมือคราหนึ่ง ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างกวาดผ่านวิญญาณของประมุขหุบเขาเปลวอัคคี วิญญาณของอีกฝ่ายสูญสลายไปในทันใด
………………………………………