Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 16 วันคืนอันสุขสราญ
หากพูดถึงวิธีการสะกดรอยของลัทธิทิพย์โบราณแล้ว ประมุขนรกภูมินั้นเป็นรองเพียงจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น! ที่ว่ากันว่าแต่ละคนมีเคล็ดวิชาที่ตนถนัด ในด้านการสะกดรอย เกรงว่าเทพจักรวาลกว่าครึ่งคงจะสู้ยอดฝีมือระดับเจดีย์ดาวชั้นที่เก้าอย่าง ‘ประมุขนรกภูมิ’ มิได้! แต่บัดนี้บุคคลระดับผู้นำของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์อย่าง ‘บรรพชนเทียนอวี๋’ กลับไม่อยู่ในจำนวนนั้น
ผู้นำของการบำเพ็ญระบบทิพย์อย่าง ‘บรรพชนทิพย์’ มีวิธีการที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมากมาย ทั้งค่ายกล การหลอมอาวุธ การใช้พิษ…มีหลายด้านที่เป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเทพจักรวาล
แม้บรรพชนเทียนอวี๋จะสู้บรรพชนทิพย์มิได้ แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ผลสำเร็จในด้านการหลอมอาวุธ ค่ายกลและด้านอื่นๆ ก็สูงเสียยิ่งกว่าสูง ดังเช่นกลเม็ดในการสะกดรอย บรรพชนเทียนอวี๋ก็สามารถปิดบังได้อย่างง่ายดาย
“ประมุขนรกภูมิหรือ” ผู้วิเศษหวั่งหมิงด้านข้างอดถามเสียงเบามิได้ เมื่อครู่เทพจักรวาลปรากฏกายขึ้น ก็ยังคงทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน เขาจัดเป็นระดับฐานของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนเลยทีเดียว
“เฮอะ ตาเฒ่าเทียนอวี๋ผู้นี้ เป็นเพียงระดับขั้นที่สามของเทพจักรวาลเท่านั้น บรรลุมิได้เลย แต่กลับค้นคว้าวิธีการมากมายหลากหลาย” ร่างแปรสายน้ำของประมุขนรกภูมิเปล่งเสียงเย็นชาออกมา “เขาเตรียมการไว้ก่อนแล้ว คงจะมอบสมบัติล้ำค่าที่ไว้สำหรับปกปิดการตรวจสอบของข้าให้แก่ตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ต้องพกติดตัวไว้เหมือนกันแน่นอน! การสำแดงเคล็ดลับของข้านี้ก็ถูกบรรพชนเทียนอวี๋พบเข้าแล้ว”
“ครั้งนี้ทำอย่างไรดีเล่า” ผู้วิเศษหวั่งหมิงกล่าว “ทำอย่างไรจึงหาพิกัดของตงป๋อเสวี่ยอิงพบได้เล่า”
“คิดจะหาให้พบว่าเขาอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรือ หากเจ้าแน่จริงล่ะก็ ไปขอให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลงมือโดยตรงเสียสิ” ประมุขนรกภูมิเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
ผู้วิเศษหวั่งหมิงเผยสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมาทันที
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์หรือ
แม้จะเกิดความภักดีจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ก็หวาดกลัวเป็นอันมาก
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งเหนือใครนั้นไม่ชอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปรบกวนเขาเป็นที่สุด! กะอีแค่เจ้าหนุ่มขั้นรวมเป็นหนึ่งคนเดียว…ก็จะไปขอร้องจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ ผู้วิเศษหวั่งหมิงคิดดูแล้วก็รู้สึกหวาดหวั่นจนจิตใจไม่สงบ เขามิกล้าจินตนาการถึงปฏิกิริยาโต้ตอบของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เลย
“เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ ข้าจะกล้าไปรบกวนจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เสียที่ไหนกัน” ผู้วิเศษหวั่งหมิงกล่าว
“เช่นนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว” ประมุขนรกภูมิพูดเสียงเรียบ
ลัทธิทิพย์โบราณมีศัตรูตัวฉกาจจำนวนนับไม่ถ้วน ขุมอำนาจอื่นไม่มีทางช่วยลัทธิทิพย์โบราณสะกดรอยตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่แล้ว!
ต่อให้เป็นอีกลัทธิหนึ่งในสองลัทธิใหญ่อย่าง ‘ลัทธิจอมมารดา’ อย่ามองว่าโลกทิพย์ทั้งสามเต็มไปด้วยความอาฆาตต่อสองลัทธิใหญ่เลย อันที่จริงแล้ว ระหว่างลัทธิจอมมารดากับลัทธิทิพย์โบราณก็มิได้ปรองดองกันแต่อย่างใด จอมมารดาก็หวังมาตลอดว่าจะมีสักวันที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ตายตกไป!
ต่อให้ซ่อนเร้นตัวตน ทุ่มเทศิลาปฐมโลกามูลค่ามหาศาลเพื่อเชิญสิ่งมีชีวิตอย่าง ‘บรรพชนทิพย์’ หรือ ‘ประมุขเหยากวง’ มาช่วยสะกดรอย แต่เมื่อพวกเขาตรวจสอบดูก็จะพบว่าบรรพชนเทียนอวี๋กำลังปิดบังอยู่…ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็ย่อมต้องเห็นแก่หน้าบรรพชนเทียนอวี๋อยู่แล้ว
“อันที่จริงตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ก็แค่ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนเดียวเท่านั้น ไยจึงต้องใส่ใจด้วยเล่า” ประมุขนรกภูมิพูดดเสียงเรียบ “ขั้นรวมเป็นหนึ่งมิได้ก้าวเข้าสู่ขั้นอลวนได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น ต่อให้เขาบรรลุแล้ว คาดว่าในภายหน้าก็คงจะมีพลังแค่ระดับเจดีย์ดาวชั้นที่แปดเท่านั้นเอง”
ในฐานะที่ประมุขนรกภูมิเป็นยอดฝีมือระดับเจดีย์ดาวชั้นที่เก้า
จึงย่อมมีคุณสมบัติที่จะเหยียดหยาม
“เขารวดเร็วนัก มิอาจดูถูกได้ หากสำเร็จเป็นขั้นอลวน อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับเจดีย์ดาวชั้นที่แปด หรืออาจถึงขั้นสูงกว่านั้น และจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของผู้วิเศษแห่งลัทธิทิพย์โบราณทั้งหลาย! เพราะถึงอย่างไรในบรรดาผู้วิเศษทั้งหลาย…ผู้ที่สามารถสู้ประมุขนรกภูมิได้ก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้” ผู้วิเศษหวั่งหมิงกล่าว
“อื้ม”
ประมุขนรกภูมิพูดเสียงเรียบว่า “เอาล่ะ ข้าขอเตือนพวกเจ้า ในเมื่อตาเฒ่าเทียนอวี๋ผู้นั้นเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะครั้งนี้ข้าสำแดงเคล็ดลับออกมาก็ถูกเขาพบเข้าจนได้…ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นจะต้องระแวดระวังขึ้นเป็นอันมากอย่างแน่นอน! เกรงว่าแผนการของพวกเจ้าคงจะต้องเปลี่ยนแปลงเสียแล้ว”
“ข้าและคนอื่นๆ เข้าใจแล้ว” ผู้วิเศษหวั่งหมิงพยักหน้า
“ไปเถิด” ประมุขนรกภูมิกำชับเสียงเรียบ
จากนั้นเงาร่างซึ่งเกิดจากการรวมตัวของสายน้ำก็สลายหายไปในพริบตา สายน้ำร่วงกลับลงไปในสระอีกครั้ง
ผู้วิเศษหวั่งหมิงคำนับอย่างนบนอบ จากนั้นก็ถอยออกไป เพียงแต่ในใจของเขาไม่ยอมจำนนเป็นอย่างมาก เพราะถึงอย่างไรการทุ่มเทศิลาปฐมโลกาเพื่อเชิญประมุขนรกภูมิ…ท้ายที่สุดก็ยังล้มเหลวอยู่ดี แม้เคล็ดลับจะล้มเหลว ศิลาปฐมโลกานี้ ประมุขนรกภูมิก็ไม่มีทางคืนให้!
******
ณ จวนจ้าวเหนือทะเลหมอกดำแห่งจักรวาลบ้านเกิด
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ ณ จุดสูงสุด พลางมองดูศิษย์ตรงหน้าทั้งลองประลองยุทธ์กัน ทันใดนั้นคำสั่งส่งสารก็ได้รับสารหนึ่ง คือสารที่บรรพชนเทียนอวี๋ส่งมานั่นเอง
เมื่อตรวจสอบดู
“ลัทธิทิพย์โบราณหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบร่ำร้อง “กำลังสะกดรอยข้าหรือนี่ เคราะห์ดีที่วันนั้นขณะต่อกรกับหัวหน้าใหญ่ของผาจอมมาร ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ได้มอบวัตถุคุ้มกันชีพให้ข้าด้วยตนเอง”
วัตถุรักษาชีวิตเหล่านี้ล้วนมอบให้แค่ชั่วคราว ในภายหน้าหากสำเร็จเป็นขั้นอลวนแล้วก็ต้องคืนกลับไป
เนื่องจากเมื่อรวมกันแล้วมูลค่าก็เกินกว่าห้าพันศิลาปฐมโลกาไปแล้ว เมื่อฝึกขึ้นมาก็ไม่ง่ายเลย สำหรับตนในตอนนี้แล้วก็มีประโยชน์มหาศาล แต่เมื่อสำเร็จเป็นขั้นอลวนแล้วก็จะไม่มีประโยชน์ต่อตนเลย! กฎของวังทวีสูญ…สมบัติล้ำค่าต้องหามาด้วยตนเอง ดังนั้นตอนนี้จึงให้ตน ‘ใช้ชั่วคราว’ เท่านั้น
“ขอบคุณท่านบรรพชน ข้าจะระวังอย่างแน่นอนขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตอบรับผ่านคำสั่งส่งสาร
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ใส่ใจสักเท่าใดนัก
เขามีความมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยม
นอกจากวัตถุคุ้มกันชีพอันล้ำค่าที่บรรพชนเทียนอวี๋มอบให้แล้ว การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นของเขาก็ทำให้หลบหนีได้ในชั่วพริบตา! วิธีการหลบหนีเช่นนี้ เทพจักรวาลทั่วไปล้วนมิอาจขัดขวางได้
“ท่านบรรพชนมอบสมบัติล้ำค่าให้ไว้ติดตัว ทั้งยังมีการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นอีกด้วย! นอกจากเทพจักรวาลจะมาเยือนด้วยตนเอง มิเช่นนั้นแล้วก็จะทำอะไรข้ามิได้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงมั่นใจในตนเองมาก “ทว่าข้าก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยจะดีกว่า การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ยังไม่เหมาะที่จะเปิดเผยออกมา”
ขั้นรวมเป็นหนึ่งก็สามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้แล้วหรือ
อย่างน้อยในรายงานที่เปิดเผยกันทั่วไปก็ไม่เคยมีบันทึกเอาไว้! ทันทีที่ข่าวเรื่องตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ เกรงว่าคงจะดึงดูดความสนใจของเหล่าเทพจักรวาลทั้งหลายซึ่งอาจถึงขั้นช่วงชิงวิญญาณมาและตรวจสอบความทรงจำของวิญญาณ!
……
ผ่านไปปีแล้วปีเล่า
วันคืนช่างสุขสราญหาใดเปรียบ เหมือนตอนนั้น เพื่อที่จะทำให้ภรรยาหลุดพ้น เขาก็มีความรู้สึกเร่งร้อน แม้แต่การบำเพ็ญก็ยังต้องไปที่ ‘ตำหนักกาลเวลา’ เพื่อใช้เวลาเสี้ยวหนึ่งให้เหมือนกับร้อยเสี้ยว! ตอนนี้ภรรยาหลุดพ้นแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เนิบช้าลงแล้ว ระดับจิตใจก็แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เขาชี้แนะบุตรขายบุตรสาวและศิษย์ทั้งหลาย ค้นคว้าวิถีโลกเทียม วิชาลับผู้ท่อง และเคล็ดวิชาสืบทอดของปีศาจชาด…
เมื่อไม่มีความรู้สึกเร่งร้อน วันคืนเหล่านี้ก็นับเป็นการดื่มด่ำ
นับตั้งแต่ลัทธิทิพย์โบราณล้มเหลวในการสะกดรอยตนในครั้งก่อน ก็มิได้ทำอะไรหลังจากนั้นอีก
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปห้าล้านกว่าปีแล้ว
“โอ้ ในที่สุดก็รู้แจ้งร่างแปรที่หกของปีศาจชาดแปดแปรแล้ว” ณ จวนจ้าวเหนือทะเลหมอกดำ ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้แจ้งอย่างกะทันหันจึงเผยสีหน้ายินดีออกมา จากนั้นเขาสาวเท้าออกไปก็ส่งถ่ายเป็นระยะทางอันไกลโพ้น แล้วส่งตรงเข้าไปภายในห้องเงียบของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักปักษาเขียวในโลกทิพย์นิจนิรันดร์
เขาไปมาอย่างไร้สุ้มเสียง บรรดาศิษย์ของสำนักปักษาเขียวจึงไม่รู้เลย
“ฟิ้วววว…”
ภายในห้องเงียบ
รอบกายตงป๋อเสวี่ยอิงมีก้อนผลึกสีแดงจำนวนมากและไม้สีดำจำนวนหนึ่งวางเรียงรายอยู่ พลังงานสายแล้วสายเล่าถูกร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงดูดซับเข้าไป ด้านหลังของตงป๋อเสวี่ยอิงมี ‘ปีศาจชาด’ วิหคเทพสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นมา มันกำลังสยายปีกขนาดมหึมา กลิ่นอายก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ก้อนผลึกสีแดงและไม้สีดำทั้งหมดก็กลายเป็นผุยผงไปจนสิ้น ผงเหล่านี้ก็กลายเป็นเศษขยะไปเท่านั้นเอง
ไม่นานนัก
‘ปีศาจชาด’ วิหคเทพสีแดงเพลิงด้านหลังของตงป๋อเสวี่ยอิงเปล่งเสียงคำรามดังก้อง ปีกของมันพัดกระพือ ลำแสงสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง
“เก็บ” ร่างจำแลงปีศาจชาดนี้หลอมรวมเข้าไปในกายของตงป๋อเสวี่ยอิง
ตรงหว่างคิ้วของตงป๋อเสวี่ยอิงรวมตัวกันเป็นรอยประทับสีแดงเพลิงของปีศาจชาด รอจนตงป๋อเสวี่ยอิงลืมตาขึ้นมา รอยประทับนี้จึงค่อยๆ เร้นเข้าไปในส่วนลึกของผิวหนัง
“ในที่สุดก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดจนถึงขั้นสุดของขั้นรวมเป็นหนึ่งได้แล้ว สามารถขุดค้นความสามารถที่ซ่อนอยู่ของปีศาจชาดได้ทั้งหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา “ต่อไปก็สามารถแก้ไขใจกลางของปีศาจชาดให้มันวิวัฒน์ไปได้แล้ว”
……………………………..