Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 3 หัวใจหลิวเมฆาแดง
ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีเวลาให้ลังเล เขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันใด ห้วงอากาศเบื้องบนพลันบิดเบี้ยว ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปในนั้นแล้วก็หายลับตาไป
เพียงพริบตา
ณ โลกทิพย์กิเลนบูรพาอันไกลโพ้นในมหาโลกทิพย์ทั้งห้า ห้วงมิติกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยความเวิ้งว้างบิดเบี้ยวในทันใด ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกมาจากตรงกลาง เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์เพื่อระบุตำแหน่งของตนเอง “คลาดเคลื่อนไปไม่น้อยเลย” ระยะทางห่างไกลเหลือเกิน การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นโดยทั่วไปต่างก็มีโอกาสคลาดเคลื่อนทั้งนั้น นอกจากเครื่องหมายมิติอันแน่นอนอย่างยิ่งที่ตนทิ้งเอาไว้
แต่สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว การรีบเร่งเดินทางด้วยตนเองก็ไม่จำเป็นต้องลำบากลำบน
เพราะต่อให้ไกลยิ่งกว่านี้ การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นสองครั้งก็เพียงพอแล้ว ครั้งแรกมายังบริเวณใกล้ๆ ก่อน! ครั้งที่สองเพราะระยะทางใกล้มากแล้ว ก็สามารถไปถึงยังบริเวณเป้าหมายโดยตรงได้เลย
“พรึ่บ”
ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงด้านนอกประตูเมืองของเมืองชวีหมู่แล้ว พอย่างเท้าเข้าสู่ประตูเมือง อีกก้าวหนึ่งก็ไปถึงตำหนักกิเลนบูรพาแล้ว
******
ตำหนักกิเลนบูรพาก็เหมือนกับหอทะเลสัตตดาราที่ต่างก็เปิดประตูใหญ่ต้อนรับผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนให้ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยน
ภายในห้องโถงแห่งหนึ่งของตำหนักกิเลนบูรพาแห่งเมืองชวีหมู่ในขณะนี้
ชายวัยกลางคนท่าทางมอซอผู้มีเขาเดี่ยวสีแดงเข้มผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิจิบสุราอย่างช้าๆ อยู่ที่นั่นตามลำพัง เพียงแต่หัวคิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องรบกวนจิตใจ
“ในเมื่อผู้แกร่งกล้าของวังทวีสูญตามหาซื้อหัวใจหลิวเมฆาแดง เขาก็ต้องอยากได้มันมากอย่างแน่นอน แต่ของล้ำค่าอย่างหัวใจหลิวเมฆาแดงนี้ ตามปกติแล้วผู้ที่หมายจะซื้อล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนกันทั้งสิ้น” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวสีแดงเข้มเอ่ยพึมพำ “ด้วยพลังยุทธ์ของเขา เชื่อว่าเขาคงจะรับปากตามคำร้องขอของข้าได้แน่”
“ถ้าหากเขาไม่รับปากเล่า…”
“ข้าก็ได้แต่สิ้นเปลืองศิลาปฐมโลกา เชิญผู้แกร่งกล้าท่านอื่นมาช่วยเหลือแล้วล่ะ” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวสีแดงเข้มคิดใคร่ครวญ
ด้านนอกห้องโถงมีผู้ดูแลคนหนึ่งเดินมา
เมื่อชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวเห็นแล้วก็เอ่ยถามขึ้นทันที “แขกมาถึงแล้วหรือ”
“แขกของวังทวีสูญมาถึงแล้วขอรับ” ผู้ดูแลตอบอย่างเคารพ
“รวดเร็วอะไรเช่นนี้” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวดวงตาเป็นประกาย “เกรงว่าคงจะขอให้ผู้แกร่งกล้าช่วยเหลือ ทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นมาโดยตรง”
เพื่อความปลอดภัย เขาจึงยอมสิ้นเปลืองสิบก้อนศิลาปฐมโลกาจากโลกทิพย์นิจนิรันดร์ ขอให้ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนที่เชี่ยวชาญการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นท่านหนึ่งให้ส่งเขามายังโลกทิพย์กิเลนบูรพา
ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวยืดกายลุกขึ้นแล้วออกคำสั่ง “นำทางไปทีสิ”
“ขอรับ” ผู้ดูแลนำทางอยู่ด้านหน้าอย่างเชื่อฟัง
เพียงไม่นาน
ภายในโถงตำหนักแห่งหนึ่ง ประมุขตำหนักย่อยของตำหนักกิเลนบูรพาแห่งนี้อยู่ต้อนรับด้วยตนเอง ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวมองปราดหนึ่งก็เห็นชายหนุ่มอาภรณ์ขาวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงโต๊ะยาวไกลออกไป ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเก็บงำกลิ่นอายและเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เล็กน้อย ผู้อื่นก็ไม่สามารถรู้ถึงตัวตนของเขาได้ ถึงอย่างไรคราวนี้สมบัติล้ำค่าก็ช่างสูงค่าเหลือเกิน ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็ยังต้องอิจฉาตาร้อน
“เขาน่ะหรือ ดูท่าทางไม่เหมือนขั้นอลวนเอาเสียเลย” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวหัวใจขมวดแน่น
“เชิญนั่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปเอ่ยปาก
ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวก็นั่งลง ไม่ว่าอย่างไรผู้ที่สามารถซื้อหัวใจหลิวเมฆาแดงได้ก็ต้องมิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“ได้ยินว่าท่านมีหัวใจหลิวเมฆาแดงอยู่อันหนึ่งหรือ ข้าเสาะหามันมาโดยตลอดเลยทีเดียว ราคาเท่าไหร่ก็บอกมาเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากอย่างไม่อ้อมค้อม การที่เขาเร่งรัดอยากได้หัวใจหลิวเมฆาแดงก็มิใช่ความลับอยู่แล้ว
“ราคาไม่สูงหรอก ห้าพันศิลาปฐมโลกาเท่านั้น” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งคราหนึ่ง
ราคาปกติของหัวใจหลิวเมฆาแดงอยู่ที่หกพันศิลาปฐมโลกา ตนเองเป็นผู้เสนอซื้อ คนอื่นทั่วไปก็ต้องโก่งราคากันทั้งนั้น ทว่าคนตรงหน้ากลับลดราคาให้อีกอย่างนั้นหรือ
“ทว่าข้ามีเรื่องหนึ่ง” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“พูดมาเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงนิ่งสงบ นี่อยู่ในความคาดหมายของเขาอยู่แล้ว
“นอกจากห้าพันศิลาปฐมโลกา ข้ายังหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าทำเรื่องสามเรื่องให้สำเร็จ” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวพูด “เรื่องแรก เจ้าจะต้องไปพาเด็กคนหนึ่งมาจากโลกทิพย์นิจนิรันดร์ เขาเพิ่งจะเป็นขั้นเทพแท้! ข้าหวังว่าเจ้าจะรับเขาเป็นศิษย์ ปกป้องรักษาความปลอดภัยให้เขาบำเพ็ญเป็นเวลาล้านล้านปี นอกจากนี้ยังต้องจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นในการบำเพ็ญให้กับเขาด้วย แน่นอนว่าอย่างมากที่สุดก็ต้องการเพียงแค่ทรัพยากรที่ทำให้ไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น! ถ้าหากล้านล้านปีแล้วเขายังมิได้เป็นเทพอากาศ ทรัพยากรที่เจ้าจำเป็นต้องจ่ายก็ลดน้อยลงแล้ว หลังครบหนึ่งล้านล้านปีข้าก็จะพาเขาจากไป”
“แต่เจ้าต้องรับรองความปลอดภัยของเขาตลอดล้านล้านปี”
“เรื่องที่สอง เจ้าต้องไปที่โลกทิพย์นิจนิรันดร์ กวาดล้างขุมอำนาจหนึ่งที่ชื่อ ‘ผาจอมมาร’ หัวหน้าทั้งสองของผาจอมมารจะต้องตาย พวกเขาสองคนอาจจะเชี่ยวชาญด้านการรักษาชีวิตรอด ดังนั้นหวังว่าเจ้าจะสามารถจัดการพวกเขาสองคนได้ภายในเวลาแสนล้านปี มีเวลาเหลือเฟือเลยทีเดียว”
“เรื่องที่สาม ที่โลกทิพย์นิจนิรันดร์มีสำนักหนึ่งชื่อว่า ‘สำนักปักษาเขียว’ เด็กที่ข้าต้องการให้เจ้าสอนก็เป็นศิษย์ของสำนักปักษาเขียวนี้เช่นกัน หวังว่าเจ้าจะสามารถปกป้องสำนักปักษาเขียวนี้ไปตลอดล้านล้านปี! ภายในระยะเวลาล้านล้านปี สำนักปักษาเขียวห้ามถูกทำลายการมีอยู่ของสำนัก ทั้งยังห้ามถูกทำลายล้างอีกด้วย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มต้นค้นหาข้อมูลผ่านป้ายคำสั่งส่งสารในทันที
โลกทิพย์นิจนิรันดร์
อยู่ใต้ปกครองของบรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกา และพวกเขาสองคนดูเหมือนจะแบ่งทั้งโลกทิพย์นิจนิรันดร์จากหนึ่งออกเป็นสอง แต่ละคนปกครองอาณาเขตครึ่งหนึ่ง
ทว่าอาณาเขตใต้ปกครองของบรรพชนโลกานั้นขึ้นชื่อเรื่องความโกลาหล การบำเพ็ญระบบเหล่ากลืนกินที่นี่เปิดกว้างอย่างสมบูรณ์ ผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วนต่อสู้และกลืนกินอย่างลำพองใจ ที่นี่จึงย่อมโกลาหลเสียยิ่งกว่า ‘หุบเหวลึกดำมืด’ ของจักรวาลภูมิลำเนาเสียอีก
หนึ่งในนั้น ‘ผาจอมมาร’ ก็คือขุมอำนาจที่โหดเหี้ยมอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง สำนักปักษาเขียวอ่อนแอกว่าเล็กน้อย สองขุมอำนาจนี้ต่างก็อยู่ภายใต้อาณาเขตปกครองของบรรพชนโลกา
หัวหน้าทั้งสองของผาจอมมารต่างก็เป็นพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาว กลืนกินไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ชื่อเสียงฉาวโฉ่…
สำนักปักษาเขียวเป็นสำนักของระบบศาสตร์โบราณ มี ‘เคล็ดวิชาสืบทอดปักษาเขียว’ ที่ร้ายกาจเป็นที่สุด มีผู้บำเพ็ญระบบศาสตร์โบราณจำนวนไม่น้อยที่เข้าสู่สำนักนี้
ต้องรู้ไว้ว่าสำหรับระบบศาสตร์โบราณ เคล็ดวิชาสืบทอดมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง! ทรัพยากรก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นเดียวกัน ถ้าหากไม่มีเคล็ดวิชาสืบทอด คลำทางด้วยตัวเอง บางทีก็อาจสามารถยกระดับพลังยุทธ์ได้ แต่กลับไม่มีทางขุดค้นพบศักยภาพที่เพียงพอได้เลย
จุดเริ่มต้นเดียวกัน… เคล็ดวิชาสืบทอดแตกต่างกัน พลังยุทธ์ในอนาคตก็อาจจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดของศาสตร์โบราณมาเป็นจำนวนมากในขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆา น่าเสียดายที่สิ่งที่เขาบันทึกเอาไว้นั้นมีจำนวนมากที่ซับซ้อนเกินไป มิได้ตระหนักรู้อย่างแท้จริง เขาจึงมิอาจถ่ายทอดต่อได้
“ธุระของข้าก็คือสิ่งเหล่านี้แหละ” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ถ้าหากเจ้ารับปากแล้ว เช่นนั้นข้อตกลงซื้อขายนี้ก็เสร็จสิ้นแล้วล่ะ แน่นอนว่าถ้าหากทำมิได้เรื่องใดเรื่องหนึ่งในสามเรื่องนี้ เจ้าก็ต้องจ่ายมาหนึ่งพันศิลาปฐมโลกาเพื่อชดเชย ถ้าหากทั้งสามเรื่องล้วนทำไม่สำเร็จทั้งหมด ก็ต้องชดเชยสามพันศิลาปฐมโลกา! ตำหนักกิเลนบูรพาเป็นพยาน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยว “เด็กที่ท่านต้องการให้ข้าไปพาตัวมาเป็นใครกันหรือ”
“เจ้ารับปากข้าแล้วข้าก็จะบอกเจ้าเองนั่นแหละ” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวพูด
“ข้าจะรีบเดินทางไปยังโลกทิพย์นิจนิรันดร์ แต่การจะไปถึงสำนักปักษาเขียวก็จำเป็นต้องใช้เวลา ถ้าหากระหว่างที่กำลังเร่งเดินทาง เด็กที่ข้าต้องพาตัวมาเกิดตายไปเสียแล้ว หรือถ้าสำนักปักษาเขียวถูกทำลายล้างไปแล้ว นี่ก็ต้องโทษข้าอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ตั้งแต่ข้อตกลงซื้อขายเสร็จสิ้น! เจ้าต้องไปให้ถึงสำนักปักษาเขียวภายในเวลาพันปี ถ้าหากเด็กคนนั้นตาย หรือสำนักปักษาเขียวถูกทำลายล้างไปภายในพันปีนี้ นี่ก็ย่อมไม่โทษเจ้าอยู่แล้ว” ชายวัยกลางคนผู้โดดเดี่ยวยิ้มเย็น “แต่ว่าเจ้าห้ามลอบส่งยอดฝีมือไปทำลายล้างสำนักปักษาเขียวภายในพันปีนี้ ถ้าหากเจ้าทำเช่นนี้ ข้าก็จะตามจองล้างจองผลาญเจ้าจนตายอย่างแน่นอน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะ
เขาไม่เห็นพลังยุทธ์ของบุคคลตรงหน้านี้อยู่ในสายตาเลย แต่ว่าภายในตำหนักกิเลนบูรพา ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็มิอาจยุ่มย่ามได้! ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังสามารถทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่การสังหารแขกภายในตำหนักกิเลนบูรพานั้นก็เท่ากับล่วงเกินดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายในโลกทิพย์กิเลนบูรพา! ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็ยังมิอาจต้านรับผลกระทบนี้ได้เลย
“วางใจเถิด ข้าไม่รังเกียจที่จะทำเช่นนั้นหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ข้าจะไปให้ถึงสำนักปักษาเขียวภายในหนึ่งปี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ที่ท่านพูดมาทั้งหมด ข้าจะพยายามทำอย่างสุดกำลัง สำหรับสำนักปักษาเขียว ขอเพียงแค่มิใช่ร่างจริงของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนมาโจมตี ข้าก็สามารถรักษาความปลอดภัยให้ที่นั่นได้”
“ดี” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวดวงตาเปล่งประกาย
หนึ่งปีก็ไปถึงแล้วหรือ
ระยะทางระหว่างโลกทิพย์สองแห่งห่างไกลกันเพียงใด ภายในหนึ่งปีก็ไปถึงสำนักปักษาเขียวได้ ราคาที่ต้องจ่ายย่อมไม่น้อยแน่นอน
“เจ้ารับปากแล้วหรือ” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวพูด
“รับปากแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
สิ่งเหล่านี้มิใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย
ปกป้องความปลอดภัยของเด็กอย่างนั้นน่ะหรือ
เด็กที่เพิ่งเป็นขั้นเทพแท้คนหนึ่ง ตนพาเขาไปยังจักรวาลภูมิลำเนาได้อยู่แล้ว!
สังหารหัวหน้าสองคนของผาจอมมารอย่างนั้นหรือ ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่สนใจพลังยุทธ์ของอีกฝ่ายเลยแล้วก็ไม่แยแสอารมณ์ของอีกฝ่ายมากยิ่งกว่า ในเมื่อเป็นมารสองตนที่กลืนกินไปมากมายนับไม่ถ้วน ฆ่าไปเขาก็ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย!
ปกป้องสำนักหนึ่งหรือ ในใจเขาคิดแวบเดียวก็มีวิธีแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า มีตำหนักกิเลนบูรพาเป็นพยาน เชื่อว่าเจ้าต้องสามารถทำได้แน่” ชายวัยกลางคนผู้มีเขาเดี่ยวพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีหีบหยกใบหนึ่งปรากฏขึ้น “ภายในนั้นก็คือหัวใจหลิวเมฆาแดง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา ในที่สุดก็ได้มาไว้ในมือแล้ว
………………………………………..