Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 10 การบำเพ็ญสั่งสม
ภายในตำหนักกาลเวลาของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์วังทวีสูญ
ยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิ สายลมกรรโชกพัดต้องอาภรณ์ของเขา เขามองลงไปยังพื้นดินแห่งนี้แล้วมองไปยังท้องนภาอันกว้างใหญ่ไพศาล
หลายปีมานี้เขาใช้วัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญจำนวนหนึ่ง ทั้งยังบำเพ็ญภายในตำหนักกาลเวลาด้วยหมายจะคิดค้นเคล็ดวิชาที่หลอมรวม ‘วิถีโลกเทียมและวิถีเข่นฆ่า’ น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถคิดค้นออกมาได้เช่นเดิม แต่กลับมีความเข้าใจในขั้นอลวนล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดยิ่งกระจ่างชัดขึ้นในความตระหนักรู้ของเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงกับแน่ใจได้ว่าการยกระดับความรู้ของตนเป็นไปตามกาลเวลา การเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่จำเป็นต้องอาศัยเวลาเท่านั้น!
“อันที่จริงแล้วขั้นอลวนก็เป็นเพียงแค่การก้าวข้ามผ่านจุดหนึ่งเท่านั้นเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
ขั้นอลวน…
ก็คือการทำลายขีดจำกัดของขั้นรวมเป็นหนึ่งแต่เดิมเท่านั้น! ทำให้ทางสายนี้เต็มไปด้วยความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด แล้วก็คือการทำให้จุดที่จำกัดแตกสลายกลายเป็นความอลหม่าน! ความอลหม่านสามารถบ่มเพาะความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดจนในท้ายที่สุดก็จะสามารถบ่มเพาะจักรวาลแห่งหนึ่งออกมาได้สำเร็จ นั่นก็คือระดับขั้นสุดยอด… เทพจักรวาล!
ที่จริงแล้วพื้นฐานของขั้นอลวนก็เหมือนกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง!
เทพจักรวาล ก็เหมือนกับภาพวาดภาพหนึ่ง!
กระดาษขาวสะอาดเอี่ยมอ่อง เต็มไปด้วยความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดจึงจะวาดได้ดี! แน่นอนว่าการจะวาดชิ้นงานอันประณีตที่สุดออกมานั้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง นี่ก็คือด่านที่ใหญ่ที่สุดของระดับขั้นการบำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน มีเพียง ‘การวาดอันสมบูรณ์แบบที่สุด’ เท่านั้น จึงจะสามารถกลายเป็นจักรวาลได้
อย่างไรก็ตาม การจะทำกระดาษขาวแผ่นหนึ่งออกมาได้นั้นก็ยากเย็นยิ่งนัก
เพราะการบำเพ็ญตั้งแต่อ่อนแอมาทีละก้าวๆ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ตัวมันเองก็มีร่องรอยมากมายเหลือเกิน เช่นเทพอากาศ ‘ขั้นกำเนิด’ ก่อนหน้านี้ ก็มีความเร้นลับอื่นๆ ผสมปนเปกันเป็นจำนวนมาก บวกกับไม่สามารถเปลี่ยนเป็นกระดาษขาวได้ มีเพียงการไล่ตามขั้นสูงสุดก่อน ทำให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์แล้วหลอมรวมกลายเป็นจุดสูงที่สุด พอมีพื้นฐานที่หลอมรวมอย่างบริสุทธิ์แล้วจึงจะแตกสลายกลายเป็นกระดาษขาวสะอาดเอี่ยมแผ่นหนึ่ง… ความอลวน
ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับระดับขั้นจิตใจของตนหรือกับการบำเพ็ญต่างก็สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นระบบการบำเพ็ญส่วนใหญ่ต่างก็มีเงื่อนไขของจิตวิญญาณกับการเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวน จิตวิญญาณไม่พอ ก็ไม่สามารถทำกระดาษขาว ‘ความอลวน’ แผ่นนี้ออกมาได้
“ต้องมีการตัดสินใจอันยิ่งใหญ่ มีความเพียรเป็นอย่างมาก และมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีอย่างล้ำลึก จึงจะสามารถกำจัดอิทธิพลของอดีตทิ้งไปได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
กำจัดอิทธิพล ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการพวกมันแล้ว
ถ้าหากไม่ต้องการการตระหนักรู้ เช่นนั้นมนุษย์ธรรมดาที่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยบำเพ็ญมาก่อนเลยคนหนึ่งก็ไม่ถือครองความอลวนได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าอีกหรือ
เห็นได้ชัดเจนว่าผิด!
ในทางกลับกัน ต้องตระหนักรู้ก่อน หลังจากนั้นก็ทำลายอิทธิพลของมัน หลุดพ้นจากมัน จึงจะสามารถค้นพบกระดาษขาวแผ่นนั้นที่มีอยู่ในวิถีทั้งหมด… ความอลวน! ไม่ว่าจะเป็นความเร้นลับของกฎเกณฑ์ชนิดใด ไม่ว่าจะเป็นระบบการบำเพ็ญใดๆ ต่างก็บ่มเพาะถือกำเนิดขึ้นมาจากความอลวนด้วยกันทั้งสิ้น
การจะถือครอง ‘ความอลวน’ นั้นยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
หากมิใช่การตระหนักรู้อย่างฉับพลัน เข้าใจเกี่ยวกับความอลวนเบื้องหลังขั้นรวมเป็นหนึ่ง
เช่นนั้นพลังยุทธ์ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามความกล้าแกร่งอย่างไม่หยุดหย่อน พื้นฐานก็ล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ ก็ย่อมต้องตระหนักรู้อย่างลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็คือเส้นทางที่สอง วิถีเข่นฆ่า วิถีระลอกคลื่น และวิถีโลกเทียมของเขา ต่างก็เอื้อมไปถึงขั้นอลวนหมดแล้ว วิชาลับผู้ท่องก็เอื้อมไปถึงขั้นอลวนแล้วเช่นกัน… วิถีทั้งหมดต่างก็ไปถึงขั้นนี้ ทั้งยังกำลังหลอมรวมวิถีอย่างต่อเนื่อง สั่งสมอย่างลึกซึ้งเหลือเกิน ก็ย่อมหยั่งรู้อย่างลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ
“หืม” ข้อมูลอย่างหนึ่งส่งมา ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งคราหนึ่ง
“งานชุมนุมใหญ่ดวงดาราหรือ ข้าเป็นหนึ่งในห้าปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่อย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตะลึงงันไปเสียแล้ว
การประลองของโลกทิพย์ทั้งสามและสองสำนักใหญ่
การประลองพรรค์นี้ก็เป็นการประลองของเหล่าผู้แกร่งกล้า ดังนั้นโลกทิพย์กิเลนบูรพาและโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราจึงได้ร่วมมือกันจัดงานชุมนุมใหญ่ดวงดารา ค้นหาผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์จำนวนหนึ่งที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ แล้วฉุดดึงเข้าสู่สำนักของตน บ่มเพาะอย่างเข้มข้น! ผู้ที่ไม่ได้รับการบ่มเพาะที่ดีแล้วยังความสำเร็จที่ค่อนข้างสูงภายในสองล้านล้านปี พอได้รับการบ่มเพาะแล้วความสำเร็จก็จะยิ่งสูงขึ้น ถึงขนาดที่มีบางส่วนในบรรดาคนเหล่านั้นสามารถไปถึงขั้นอลวนได้
หากงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราทุกครั้ง มีสักคนหนึ่งที่สามารถกลายเป็นขั้นอลวนได้! เช่นนั้นงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราก็คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งแล้ว
“ปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ ประมุขวังเจียงฝู่ แม่ทัพเทียนกวง บรรพชนงูอู่เจ๋อ และประมุขเกาะจื่อถูต่างก็เป็นขั้นอลวน มีข้าที่เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งเพียงคนเดียวหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจกระจ่างดียิ่ง ปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่มีสถานะสูงส่งก็ช่างเถิด สิ่งที่สำคัญก็คืองานชุมนุมใหญ่ดวงดารามีที่นั่งครึ่งหนึ่งที่ต่างก็อาศัยสายตาของเหล่าปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่เลือกออกมาจากบรรดาชนรุ่นหลังที่พลังยุทธ์ค่อนข้างอ่อนแอเหล่านั้น นี่เพียงพอที่จะกระทบต่อชะตากรรมของผู้มีพรสวรรค์ขั้นรวมเป็นหนึ่งจำนวนมากเลยทีเดียว!
“ตงป๋อเสวี่ยอิง” เสียงของบรรพชนเทียนอวี๋ก้องสะท้อนอยู่รอบๆ
“ขอรับ ท่านบรรพชน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างเคารพ
“เจ้าไปเป็นปรมาจารย์ของงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราก็เป็นการขัดเกลาตัวเจ้าเอง ถึงเวลาเหล่าผู้มีพรสวรรค์ขั้นรวมเป็นหนึ่งก็อาจจะขอคำชี้แนะจากปรมาจารย์อย่างเจ้า ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ที่เจ้าเลือกออกมา… ถ้าหากมีพฤติการณ์อ่อนแอก็เท่ากับว่าเจ้าสายตาย่ำแย่” บรรพชนเทียนอวี๋พูด “ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกหรือจะเป็นการชี้แนะ และในด้านอื่นๆ ต่างก็เป็นประสบการณ์ให้กับตัวเจ้าเองทั้งสิ้น ยากที่จะได้โอกาสมาก็ต้องคว้าเอาไว้ให้ดีล่ะ นอกจากนี้ คราวนี้เจ้าเป็นตัวแทนวังทวีสูญของข้า อย่าได้ทำให้วังทวีสูญของข้าขายหน้าเป็นอันขาด”
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำในทันที
ปรมาจารย์ห้าท่านก็มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ห้าแห่ง
คราวนี้วังทวีสูญก็ให้ตนไป! ทุกการกระทำของตนก็หมายถึงวังทวีสูญ ย่อมต้องทำให้ดีงามอยู่แล้ว
……
ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มเตรียมการ ยังเหลือเวลาอีกล้านปีกว่าจะถึงตอนจัดงานจริง
อันที่จริงก่อนที่จะเลือกปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์มากมายจากโลกทิพย์ทั้งสองก็ได้ตระเตรียม ‘งานชุมนุมใหญ่ดวงดารา’ เอาไว้ก่อนแล้ว เพราะเวลาในการจัดงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราถูกกำหนดเอาไว้แน่นอนอยู่แล้วว่าจัดขึ้นครั้งหนึ่งทุกหนึ่งล้านล้านปี! ผู้ที่ตอนที่พลังยุทธ์อ่อนแอไม่มีโอกาสเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่ง เสียเวลาไปหลายปีก็เข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว ต่างก็คิดอยากอาศัยโอกาสนี้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรับการบ่มเพาะอย่างสุดกำลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
การเข้าร่วมงานประมูลนั้นค่อนข้างง่ายดาย
เพียงแค่มีคุณสมบัติ เช่นนั้นเมืองหลักแห่งใดๆ ที่เข้าสู่โลกทิพย์ทั้งสอง ต่างก็สามารถลงชื่อสมัครกับ ‘หอทะเลสัตตดารา’ หรือ ‘ตำหนักกิเลนบูรพา’ ได้ เมื่อถึงเวลาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้
……
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ขั้นรวมเป็นหนึ่งวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความคาดหวังคนแล้วคนเล่าเริ่มลงชื่อสมัครกับแต่ละสถานที่ หมายจะเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดารา! งานชุมนุมใหญ่ดวงดาราก็คือการรวมตัวกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก เหล่าเทพจักรวาลต่างก็ให้ความสนใจกันทั้งสิ้น
ทว่ามีกฎเกณฑ์ลับอยู่ข้อหนึ่ง…
ศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะถูกห้ามมิให้เข้าร่วม! ถึงอย่างไรการคัดเลือผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ในครั้งนี้ก็คือการเฟ้นหาผู้ที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ แล้วมิได้รับการบ่มเพาะที่ดีเหล่านั้น
มีพวกเขาบางคนที่ย่ำแย่มากในเรื่องการบำเพ็ญ อย่างมากก็ได้รับตำราศาสตร์ลับมาอย่างกระท่อนกระแท่น
มีบางส่วนที่ดีหน่อย สามารถเข้าสู่สำนักของขุมอำนาจขั้นอลวนบางแห่งได้ แต่ขุมอำนาจขั้นอลวนก็ยังห่างชั้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายนัก ก็อย่างเช่น ‘วังจักรพรรดิดำ’ ที่ถึงแม้ว่าตัวจักรพรรดิดำเองจะล้ำเลิศ แต่เขาก็สามารถชี้แนะได้เพียงสิ่งที่ตนเองเชี่ยวชาญเท่านั้น สิ่งอื่นที่ไม่เชี่ยวชาญ อย่างมากก็แค่รวบรวมตำราศาสตร์ลับเอาไว้เล็กน้อยเท่านั้น ตำราที่เขารวบรวมเอาไว้… จะไปเปรียบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างวังทวีสูญและเกาะปฐมบรรพชนได้อย่างไร
อีกทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมีเทพจักรวาล มีขั้นอลวนกลุ่มใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการชี้แนะการบำเพ็ญ ตำราศาสตร์ลับ หรือทรัพยากรสมบัติล้ำค่า ต่างก็ห่างชั้นกับขุมอำนาจขั้นอลวนมากมายนัก
แน่นอนว่าศิษย์ที่ขุมอำนาจขั้นอลวนส่งมาเข้าร่วมการประลองก็ย่อมดีกว่าผู้ที่บำเพ็ญอย่างกระจัดกระจายเหล่านั้นอยู่มากมายนัก น่าเสียดายที่ยามคัดเลือก พลังยุทธ์ระดับเดียวกัน ความยาวนานในการบำเพ็ญระดับเดียวกัน พวกตงป๋อเสวี่ยอิงแต่ละคนกลับโน้มเอียงไปทางผู้ที่บำเพ็ญอย่างกระจัดกระจายมากกว่า!
“ปัง…”
กลางอากาศเบื้องหน้า ภายในโลกลวงขนาดมหึมามีดอกไม้สีดำดอกหนึ่งก่อร่างขึ้นมารางๆ แต่มันก่อร่างขึ้นมาอย่างกระท่อนกระแท่นก็สลายไปเสียแล้ว
“ก็ยังมิได้อยู่ดี”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ยอดเขาส่ายศีรษะเบาๆ “คิดค้นเคล็ดวิชานี้ออกมามิได้ คิดจะบุกผ่านชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาว ก็ต้องทำไม่ได้แน่”
โลกเทียม ค่ายสังหาร และวิถีระลอกคลื่น ศาสตร์ลับวิถีสามสาย ต่างก็เป็นวิชาระดับชั้นที่หกของเจดีย์ดาว เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดทำให้วิญญาณของเขาแกร่งกล้ายิ่งขึ้น สามารถสำแดงใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ได้มากขึ้น พลังรบพุ่งทะยาน!เคล็ดวิชาสืบทอดมังกรปาหลงทำให้ร่างกายของเขายิ่งแกร่งกล้าขึ้น ยิ่งสามารถต้านทานการกัดกร่อนของพลังทำลายล้างอันร้ายกาจได้นานขึ้น…
มนุษย์น้ำแข็งก็สามารถสังหารฝูงมารผลาญทำลายสิบตนในชั้นที่เจ็ดได้เพียงแปดตนเท่านั้น ย่อมไม่มีทางยกระดับได้อีกแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจกระจ่างดีเป็นอย่างยิ่ง
บุกชั้นที่เจ็ด จุดที่ยากจุดแรกก็คือการทำลายการร่วมมือกันของฝูงมารผลาญทำลายทั้งสิบ พวกมันร่วมกันโจมตี ร่วมกันต้านรับ การทำลายนั้นยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง สามารถทำลายได้ก็หมายความว่าเอื้อมไปถึงพลังยุทธ์ชั้นที่เจ็ดแล้ว หลังจากทำลายการร่วมมือกันแล้วก็ต้องสังหารพวกมันไปพร้อมกัน…
ความสามารถในการรักษาชีวิตของพวกมันมีทั้งแกร่งและอ่อนแอ ก็สามารถฆ่าพวกที่รักษาชีวิตได้อ่อนแอได้ง่ายกว่า
ดังนั้น หนึ่งตน สองตน สามตน… จนถึงตอนหลัง ความสามารถในการรักษาชีวิตยิ่งแกร่งก็ยิ่งฆ่าได้ยาก
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะสังหารไปเพียงแปดตนเท่านั้น เหลืออยู่สองตนสุดท้าย แต่ระดับความยากกลับยิ่งสูงขึ้น เกรงว่าพลังยุทธ์จะต้องยกระดับขึ้นอีกเท่าตัวจึงจะสามารถกำจัดอีกสองตนให้หมดได้ การยกระดับเพียงเล็กน้อยมิได้มีประโยชน์แต่อย่างใดเลย
“มิน่าเล่า ขั้นรวมเป็นหนึ่งที่บุกผ่านชั้นที่เจ็ดในประวัติศาสตร์จึงได้รับการนับถือเป็นอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ “ช่างยากเย็นจริงๆ”
ขั้นอลวนบุกผ่านชั้นที่เจ็ด นับว่าเป็นระดับปกติ!
ขั้นรวมเป็นหนึ่งบุกผ่านชั้นที่เจ็ด เช่นนั้นก็แปลกเหลือเกิน! พวกเขาจะต้องเป็นขั้นอลวน และการบรรลุจะต้องไปถึงระดับชั้นที่แปด เมื่อเวลาผ่านไปก็ย่อมเป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดในบรรดาระดับชั้นที่แปด ถึงขนาดที่มีความหวังอันยิ่งใหญ่ที่จะเหยียบย่างเข้าสู่ชั้นที่เก้า หรือแม้กระทั่งไปถึงระดับ ‘เทพจักรวาล’ ขั้นสุดท้าย เช่นนั้นก็ออกจะเกินจริงไปบ้างแล้ว
“ควรออกเดินทางได้แล้วสินะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขายืดกายลุกขึ้น
เพราะผ่านไปอีกไม่กี่เดือน งานชุมนุมใหญ่ดวงดาราก็จะจัดขึ้นแล้ว เขาผู้เป็นหนึ่งในห้าปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ดวงดารา ก็ควรออกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง ‘เมืองราชันย์มีด’ สถานที่จัดงานชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ได้แล้ว
………………………………………….