Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 16 คำขอร้องของจักรพรรดิสิงหั่ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกขมขื่นใจ ทว่ายังคงรีบตรงไปต้อนรับที่หน้าประตูคูหาทันที
“คารวะจักรพรรดิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ทว่าเขาก็เข้าใจดีมากว่า อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นเจ้าสำนักสวรรค์กันแสง พวกเขาเผชิญหน้ากับจักรพรรดิสิงหั่วก็ยังต้องเคารพนบนอบ ต่อให้ตนสามารถเข่นฆ่าขั้นรวมเป็นหนึ่งจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างง่ายดายก็ตามที แม้ความแตกต่างระหว่างขั้นอลวนจะมิได้มากมายจนเกินจริงอย่าง ‘ขั้นรวมเป็นหนึ่ง’ แต่มาถึงระดับอย่างจักรพรรดิสิงหั่วหรือประมุขตำหนักอลหม่านแล้ว ก็สามารถสังหารขั้นอลวนทั่วไปคนหนึ่งได้ในกระบวนท่าเดียว
“ผู้อาวุโสตงป๋อ ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” หากได้ยากนักที่จักรพรรดิสิงหั่วจะเกรงอกเกรงใจมาก เพราะถึงอย่างไรในยามปกติเขาก็ได้ชื่อว่าเหิมเกริมและเยียบเย็น
“จักรพรรดิ เชิญขอรับ”
ทั้งสองมาถึงในลานแล้วแยกกันนั่งลง
จักรพรรดิสิงหั่วขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ครั้งนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องรบกวนผู้อาวุโสตงป๋อจริงๆ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบร่ำร้องในใจ
ท่าน จักรพรรดิสิงหั่วมีสถานะระดับใดกัน
หากอยากทำจริงๆ แล้ว จะยัดเยียดศิษย์เข้าไปในขุมอำนาจสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สักแห่ง ไม่ว่าจะเป็นวังทวีสูญ เกาะปฐมบรรพชน เมืองราชันย์มีดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็ล้วนอยากจะผูกไมตรีอันดีกับจักรพรรดิสิงหั่วทั้งสิ้น ไยจึงต้องเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราแล้วให้ตนช่วยเหลือด้วยเล่า งานชุมนุมใหญ่ดวงดาราเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นโดยเปิดเผย รายนามที่ตนเลือกมาก็ต้องเปิดเผยออกไปเช่นเดียวกัน
สิงหั่วสวินอี,วันคืนในการบำเพ็ญก็เกินห้าแสนล้านปีแล้ว! อยู่ที่อันดับสามพันหกร้อยกว่า นอกจากนี้ยังเป็นศิษย์ของจักรพรรดิสิงหั่ว หากพูดถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ ต้องอยู่เกินกว่าอันดับหนึ่งพันอย่างไม่ต้องสงสัย หากตัดสินอย่างเคร่งครัดแล้วล่ะก็ เกรงว่าคงจะต้องจัดอยู่นอกเหนือ ‘ห้าพันอันดับ’ แรกเสียแล้ว! หากความสามารถที่ซ่อนอยู่สามารถจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกได้ ฝืนเลือกไปก็ใช้ได้แล้ว
แต่อย่างผู้ที่จัดอยู่นอกห้าพันอันดับแรกเช่นนี้ หากเลือกเขา ก็จะต้องถูกหัวเราะเยาะอย่างไร้ข้อกังขา ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่อยากทำเช่นนี้เลย
“เพราะข้าเป็นผู้ที่สามารถเกลี้ยกล่อมได้ง่ายที่สุดในบรรดาปรมาจารย์ทั้งห้าหรือไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจนัก แต่ฉากหน้าก็มิอาจเสียมารยาทได้
“หวังว่าเรื่องนี้ผู้อาวุโสตงป๋อจะช่วยไม่เผยแพร่ออกไปภายนอก เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้านัก” จักรพรรดิสิงหั่วกล่าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
ท่านก็รู้จักคำว่าอับอาย คำว่าเสียหน้าด้วยหรือ แล้วยังบอกให้ตนอย่าเผยแพร่ออกไปภายนอกอีกด้วย เกรงว่าคนจะรู้กันทั่วกระมัง
“และฟังข้าให้ดีด้วย” เสียงของจักรพรรดิสิงหั่วค่อนข้างทุ้มต่ำ “สวินอีบุตรชายข้า นอกจากระบบการบำเพ็ญสายโลหิตแล้ว ก็ยังบำเพ็ญศาสตร์โบราณไปควบคู่กันด้วย! เพราะถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงขั้นอลวนเท่านั้น หากบำเพ็ญระบบการบำเพ็ญสายโลหิตจนถึงขั้นสุดแล้ว อย่างมากก็เป็นได้เพียงขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงตั้งใจกับด้านศาสตร์โบราณเป็นอันมาก เพียงแค่สามร้อยล้านปี ในด้านศาสตร์โบราณก็บรรลุถึงระดับเทพอากาศแล้ว”
“อะไรนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
สามร้อยล้านปีหรือ
ต่อให้มีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมคอยชี้แนะ ความเร็วเช่นนี้ก็ยังน่าหวาดหวั่นเกินไปอยู่ดี! ศิษย์อาภรณ์ทองของวังทวีสูญเหล่านั้นล้วนค้างเติ่งอยู่ที่ระดับผู้ปกครองเทพแท้มานานแสนนานแล้ว! แม้จะกล่าวว่าเมื่อเทียบกันแล้วระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์จะยากกว่าอยู่บ้าง แต่สามร้อยล้านปี ยกระดับศาสตร์โบราณให้ไปถึงระดับเทพอากาศได้ก็ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว
“ตอนนั้นข้าตื่นเต้นหาใดเปรียบ คิดว่าบุตรชายข้ามีหวังจะสำเร็จเป็นขั้นอลวนในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่า สองพ่อลูกล้วนแต่เป็นขั้นอลวน นั่นก็เป็นคำพูดสวยหรูแล้ว” จักรพรรดิสิงหั่วหัวเราะแห้งๆ ครั้งหนึ่ง “ตอนนั้นข้านำสมบัติล้ำค่าไปแลกเอา ‘ศิลาตรึงโลกา’ มาโดยไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น”
“ศิลาตรึงโลกาหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงใจกระตุกขึ้นมา
นี่คือสมบัติล้ำค่าที่ใช้ในการบำเพ็ญเขตลวง เขาเองก็อยากได้ แต่ข้อแรกคือวัตถุพรรค์นี้มีมูลค่าสูงเสียจนเกินจริง ข้อสองก็คือมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง
“ข้าลืมพูดไปว่า ระบบศาสตร์โบราณที่บุตรชายของข้าเชี่ยวชาญก็คือเขตลวง” จักรพรรดิสิงหั่วเริ่มอธิบายโดยละเอียด “เขาอาศัยศิลาตรึงโลกา การบำเพ็ญนั้นพุ่งทะยานพรวดพราดอย่างแท้จริง ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สองพันหกร้อยล้านปี ทางสายศาสตร์โบราณก็ก้าวเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว แต่ทว่า…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตั้งใจฟังโดยละเอียด
ฟังไปฟังมาก็อ้าปากค้าง
นี่เขา…
นี่เขาชอบสตรีนางหนึ่งจากโลกเขตลวงหรือนี่ ทั้งยังดิ่งลึกลงไป ผูกสัมพันธ์เป็นสหายร่วมวิถีอีกด้วย
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของจักรพรรดิสิงหั่วแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถจินตนาการได้ว่า สตรีนางนั้นรู้ว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของโลกเขตลวงและต้องเผชิญหน้ากับความตายด้วยใจหวาดหวั่น ทางด้าน ‘สิงหั่วสวินอี’ ก็ต้องทุกข์ทรมานเพียงใดกัน รอจนโลกเขตลวงถล่มทลายลง ทั้งหมดก็พังทลายลงตาม นางผู้เป็นที่รักก็พังทลายตามไปด้วย สิงหั่วสวินอีจะคลุ้มคลั่งเพียงใดกัน
“ข้าเคยถามเทพจักรวาลมาก่อนแล้ว พวกเขาต่างก็บอกว่าบุตรชายข้าเศร้าโศกจนซึมลึกไปถึงวิญญาณ พลังภายนอกยากที่จะช่วยได้ ต้องอาศัยตัวเขาเองเท่านั้น” จักรพรรดิสิงหั่วกล่าว “ข้ามาตามหาผู้อาวุโสตงป๋อเพราะรู้ว่าท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางด้านเขตลวงที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมจวบจนบัดนี้ ดังนั้นข้าจึงคิดจะถามผู้อาวุโสตงป๋อว่าพอจะมีวิธีช่วยเหลือบุตรชายข้าบ้างหรือไม่”
ผู้มีพรสวรรค์ทางด้านเขตลวงที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมจวบจนบัดนี้
จักรพรรดิสิงหั่วมีสถานะเช่นไร เอ่ยวาจานี้ออกมาย่อมต้องมีเหตุผล
จนถึงบัดนี้ ระดับขั้นรวมเป็นหนึ่งซึ่งมีเขตลวงที่สามารถเทียบเคียงกับตงป๋อเสวี่ยอิงได้นั้นมีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้ แต่อีกหลายคนที่เหลือนั้นล้วนแต่เป็นระบบศาสตร์โบราณซึ่งอาศัยพรสวรรค์มากกว่าทั้งสิ้น! ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงนั้น ก่อนที่จะได้ ‘เคล็ดวิชาสืบทอดของปีศาจชาด’ มากลับเป็นแค่ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์เท่านั้น เขาได้ยกระดับวิถีโลกเทียมขึ้นมาจนถึงขั้นนี้ได้ หลังจากได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดของปีศาจชาดแล้วก็ยังปรับปรุงแก้ไขเคล็ดวิชาสืบทอดของปีศาจชาดอย่างง่ายดายด้วย!
ปรับปรุงแก้ไขนั้นเป็นเรื่องง่ายหรือไร
ไม่ง่ายเลย!
เหตุใดตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสามารถทำได้น่ะหรือ ก็เพราะศาสตร์โบราณที่อาศัยพรสวรรค์บรรลุถึงระดับเจดีย์ดาวชั้นที่หกและวิถีโลกเทียมบรรลุถึงชั้นที่หกนั้นมีความยากที่แตกต่างกัน! ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์นั้นต้องค้นคว้าแก่นแท้ของมันและมองการหมุนเวียนความเร้นลับของกฎเกณฑ์ให้ทะลุปรุโปร่งเสียก่อน เมื่อเข้าถึงได้อย่างเต็มที่แล้ว อาศัยวิถีโลกเทียมที่เข้าถึงก็สามารถคิดค้นศาสตร์ลับต่างๆ แล้วใช้สำแดงออกมาได้
แต่ศาสตร์โบราณนั้นแตกต่างกัน
ศาสตร์โบราณนั้นไม่ต้องรู้ทะลุปรุโปร่งจนหมด ขอเพียงสามารถสำแดงออกมาได้ก็สำเร็จแล้ว! ไม่จำเป็นต้องไปค้นคว้าความเร้นลับทั้งหมดเบื้องหลังแต่อย่างใด
ดังนั้นระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์และการบำเพ็ญระบบทิพย์ จึงขึ้นชื่อว่าเป็นสองระบบที่ยากมาก แต่ก็ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งมากเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปขั้นรวมเป็นหนึ่งของทั้งสองระบบนี้ ระดับเจดีย์ดาวชั้นที่สามก็นับว่าเป็นระดับธรรมดามากแล้ว
ศาสตร์โบราณอาศัยพรสวรรค์และสมบัติสืบทอดมากกว่า! ผู้ที่เยี่ยมยอดก็เยี่ยมยอดมาก ผู้ที่อ่อนแอก็อ่อนแอมาก
ดังนั้น…
ในประวัติศาสตร์ ตงป๋อเสวี่ยอิงคือขั้นรวมเป็นหนึ่งเพียงคนเดียวที่เขตลวงสามารถทำได้ถึงขั้นค้นคว้าความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของเขตลวงจนทะลุปรุโปร่ง นอกจากนี้วันคืนในการบำเพ็ญของเขายังสั้นมาก เพียงแค่ไม่กี่หมื่นล้านปีเท่านั้น! จักรพรรดิสิงหั่วกล่าวว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางด้านเขตลวงที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมเป็นต้นมาก็นับว่าพอมีเหตุผลอยู่บ้าง หากเขารู้ว่าบัดนี้วิถีโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิงจวนจะถึงขั้นอลวนแล้ว เกรงว่าคงจะตื่นเต้นยิ่งกว่านี้ ความสำเร็จของตงป๋อเสวี่ยอิงทางด้านวิถีโลกเทียมสูงกว่าที่จักรพรรดิสิงหั่วล่วงรู้เสียอีก
“ท่านเป็นผู้บำเพ็ญระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ทั้งยังเชี่ยวชาญทางด้านเขตลวงเป็นอย่างยิ่ง” จักรพรรดิสิงหั่วมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “ข้าก็เหมือนคนไข้หนักที่ต้องการแพทย์อย่างเร่งด่วน ไม่มีหนทางอีกต่อไปแล้ว จึงได้ถามผู้อาวุโสตงป๋อดูว่าพอจะมีวิธีหรือไม่”
“ศิลาตรึงโลกา”
ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้าเบาๆ “จะใช้งานมั่วซั่วเช่นนี้ได้อย่างไรกัน แม้จะสามารถค้นคว้าโลกเขตลวงที่แตกต่างกันได้ และตนก็เป็นเจ้าของโลกเขตลวง สามารถตรวจสอบการหมุนเวียนทั้งหมดได้ จึงมีส่วนช่วยในการบำเพ็ญเป็นอย่างมาก แต่ทว่า…! ยิ่งเป็นโลกเขตลวงที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนจริงมากเท่านั้น และการสั่งสมทางด้านเขตลวงของสิงหั่วสวินอีก็ไม่เพียงพอ แม้ในฐานะเจ้าของเขตลวงจะสามารถดิ้นรนออกจากเขตลวงได้อย่างง่ายดาย แต่ผ่านไปหลายครั้งเข้า สักครั้งหนึ่งตกเข้าไปก็แย่แล้ว”
หากเป็นศัตรูตกเข้าไปในเขตลวง เช่นนั้นก็จะดำดิ่งลงไปตลอดกาล จะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมของเขา
แต่ต่อให้เป็นเจ้าของเขตลวง หากตกเข้าไป ก็จะส่งผลกระทบต่อดวงจิตเป็นอย่างมาก พละกำลังของดวงจิต…พิสดารนัก เมื่อถึงระดับผู้แกร่งกล้า หากในใจเชื่อว่าตนตายไปแล้ว เช่นนั้นวิญญาณก็อาจจะแหลกสลายและตายไปจริงๆ ความรู้สึกก็พูดได้ไม่ชัดเจน หากตกเข้าไปจริงๆ แล้วในช่วงแรกมีใครล่วงรู้แล้วบังคับให้เขาออกมาตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจจะยังดีหน่อย
แต่หากไม่มีคนขัดขวาง สิงหั่วสวินอียิ่งดำดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ ถึงขั้นอยู่กับภรรยาเขามาตลอดจนกระทั่งทั้งโลกเขตลวงเข้าสู่การทำลายล้างครั้งใหญ่
“ข้าก็มั่นใจในตัวบุตรชายข้ามากเกินไป” จักรพรรดิสิงหั่วสำนึกเสียใจ
เขาฝึกฝนด้านเขตลวงมาน้อยและรู้น้อยเกินไป อีกด้านหนึ่งก็คือเขาโหดร้ายกับตนเองมากพอตัว เขารู้สึกว่า จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้ บุตรชายของตนก็ต้องโหดร้ายกับตนเองมากพอ!
“พอจะมีวิธีหรือไม่” จักรพรรดิสิงหั่วถาม
“ไม่มีเลย ข้าไม่เคยพบสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า เขาเองก็มีสหายร่วมวิถี จึงพอจะจินตนาการได้ว่า อาการบาดเจ็บทางใจของสิงหั่วสวินอีรุนแรงเพียงใด มิได้วิปลาสไปก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“ลองดูเถิด” จักรพรรดิสิงหั่วกล่าว
เขาเป็นคนไข้หนักที่ต้องการแพทย์อย่างเร่งด่วน เขาได้ลองเชิญสิ่งมีชีวิตที่เยี่ยมยอดอย่างยิ่งมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ในสายตาของเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางด้านเขตลวงที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ หากวิถีโลกเทียมสำเร็จเป็นขั้นอลวน ก็จะเป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนทางด้านวิถีโลกเทียมของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์เพียงคนเดียว เขาเข้าใจเขตลวงได้อย่างลึกซึ้งกว่า
“ลองดูเถิด ไม่ว่าอย่างไร ท่านลองไปพบกับเขาดู แล้วดูสิว่าพอจะมีหนทางบ้างหรือไม่” จักรพรรดิสิงหั่วกล่าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงทำได้เพียงพยักหน้า
จักรพรรดิสิงหั่วผู้องอาจขอร้องเพื่อบุตรชายเช่นนี้ แล้วเขาจะทำเช่นไรได้อีกเล่า
“เอาล่ะ ให้สิงหั่วสวินอีรีบมาเร็วเข้า ข้าจะพูดคุยกับเขาให้ดีๆ ข้าไม่มั่นใจนัก ทว่าข้าจะทำเต็มที่อย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
“ต้องรบกวนแล้ว” จักรพรรดิสิงหั่วเกรงอกเกรงใจนัก
เขาเตรีมการเอาไว้ก่อนแล้ว ต่อให้ครั้งนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงมิอาจช่วยได้ รอภายหน้าเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงประสบความสำเร็จทางด้านวิถีโลกเทียมมากกว่านี้ เขาก็ยังต้องขอให้ช่วยเหลือ จึงต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้เสียก่อน
ส่วนการเข้าร่วมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์น่ะหรือ
จักรพรรดิสิงหั่วไม่สนใจเลยจริงๆ สิ่งที่เขาคาดหวังมากที่สุดก็คือการได้เห็นอาการบาดเจ็บทางใจของบุตรชายฟื้นฟูกลับมาวิวัฒน์แล้วทะยานขึ้นสู่ฟ้า! ต่อให้เขาฝันก็ยังอยากเห็นวันนั้น
…………………………..