Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 21 รายชื่อ
เดินออกจากเรือนพัก ประมุขวังปาอวิ่นก็หันกลับไปมองด้วยสีหน้าอึมครึมปราดหนึ่ง นี่ทำให้ยามรักษาการณ์สองคนตรงประตูเรือนพักไม่กล้าแม้แต่จะสูดลมหายใจ
“ขั้นรวมเป็นหนึ่งตัวเล็กๆ ช่างจองหองโง่เขลานัก!” ประมุขวังปาอวิ่นพูดเสียงเยียบเย็นประโยคหนึ่งแล้วจากไปในทันที
นี่ทำให้ยามรักษาการณ์สองคนตรงประตูมองหน้ากันไปมา
“เขากำลังพูดว่าผู้อาวุโสตงป๋อจองหองโง่เขลาอย่างนั้นหรือ”
“ดูท่าทางเขากับผู้อาวุโสตงป๋อคงจะแตกคอกันเสียแล้ว ผู้อาวุโสตงป๋อนี่ก็จริงๆ เลย ต่อให้ปฏิเสธขั้นอลวน ก็ไม่ควรจะทำเสียไม่น่าดูเช่นนี้เลย” ยามรักษาการณ์สองคนนี้ถ่ายเสียงพูดคุยกัน ถึงขนาดที่พวกเขาถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ไปให้สหายจำนวนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรวดเร็ว
พวกเขายามรักษาการณ์และผู้ดูแลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่เมืองราชันย์มีดจัดหามา เป็นชนชั้นล่างของเมืองราชันย์มีด มารับใช้ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นการชั่วคราวในช่วงที่จัดงานชุมนุมใหญ่ดวงดารา พองานชุมนุมใหญ่ดวงดาราสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาก็คร้านจะสนใจผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญอะไรนั่นแล้ว ดังนั้นความลับของ ‘บุคคลผู้ยิ่งใหญ่’ เหล่านี้ พวกเขาก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก
เพียงไม่นาน
ข่าวลือสะพัดออกไป คนจำนวนไม่น้อยต่างก็รู้ว่าประมุขวังปาอวิ่นพูดว่าตงป๋อเสวี่ยอิง ‘จองหองโง่เขลา’ และผู้ที่ล่วงรู้เรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็ยังยืนอยู่ฝั่งประมุขวังปาอวิ่น
เพราะอากาศอันสับสนอลหม่านและมหาโลกทิพย์ทั้งห้านั้นคุ้นชินกับสถานะอันสูงส่งของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนเสียแล้ว ขั้นรวมเป็นหนึ่งเผชิญกับขั้นอลวนก็ควรจะเคารพนบนอบ!
……
ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับคร้านจะไปสนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากโลกภายนอก มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นจึงจะสนใจทุกความเคลื่อนไหวของเหล่าผู้แกร่งกล้า ผู้แกร่งกล้าที่แท้จริงมีหรือที่จะไปสนใจเรื่องหยุมหยิมของ ‘ผู้อ่อนแอ’ ก่อนที่จะมีขั้นอลวนเป็นหลักประกัน เขาก็ย่อมมิอาจล่วงเกินขั้นอลวน ได้แต่อดทนเอาสักหน่อยเท่านั้น แต่ภายใต้หลักฐานอันแน่นอนให้มั่นใจว่าจะบรรลุได้แน่ ถึงแม้ว่าจะเกรงอกเกรงใจรักษามารยาท แต่ก็มิอาจทนยอมให้อีกฝ่ายมาดึงจมูกกลางหน้าได้ ฉีกหน้าแล้วอย่างไรเล่า อีกไม่นานสักเท่าใดตนก็จะสามารถเหนือกว่าเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว
“หืม”
วันนี้ ในขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญอยู่อย่างเงียบๆ ภายในเรือนพักริมทะเลสาบ
ทันใดนั้นก็ได้รับข้อความส่งสารชิ้นหนึ่ง
เป็นข้อความที่ ‘เจ้าลัทธิภาพจิต’ ผู้ดูแลงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราในครั้งนี้ส่งมา
“ยังเหลืออีกตั้งครึ่งปีกว่าจะครบพันปี ประมุขวังเจียงฝู่ก็ส่งรายชื่อให้เจ้าลัทธิภาพจิตแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง ข้อความที่เจ้าลัทธิภาพจิตส่งมาก็คือรายชื่อของทั้งยี่สิบคนที่ประมุขวังเจียงฝู่เลือกมาเรียบร้อยแล้ว
“อืม เลือกได้ไม่เลวเลยทีเดียว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงดูรายชื่อที่เจ้าลัทธิภาพจิตส่งมารอบหนึ่ง ในการประเมินของตนต่างก็มีศักยภาพจัดอยู่ในสามร้อยคนแรก
“เฉินฉง” ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้ม เขาก็ค้นพบชื่อนี้เช่นกัน “จ้าวหลงฉางก็คงจะเคยไปพบประมุขวังเจียงฝู่มาเช่นกัน เดิมทีข้าก็คิดเอาไว้ว่าจะเลือกเขาเหมือนกัน”
เจ้าเด็กที่ชื่อเฉินฉง ระยะเวลาในการบำเพ็ญสั้นนัก หนึ่งพันปีมานี้ก็เคยมาขอให้ตนสอนอยู่สามครั้ง ความก้าวหน้าก็ค่อนข้างเห็นได้ชัด พูดถึงศักยภาพนั้นเกรงว่าจะสามารถจัดอยู่ในยี่สิบอันดับแรกได้เลยทีเดียว
……
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
ทั้งงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราเริ่มคุกรุ่น ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปจนเริ่มรู้กันทั่วว่ารายชื่อของปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ค่อยๆ ทยอยส่งกันแล้ว
ประมุขวังเจียงฝู่มมีสถานะสูงส่งที่สุดส่งรายชื่อเป็นคนแรก
ครึ่งเดือนให้หลัง ประมุขเกาะจื่อถูผู้เป็นอิสตรีเพียงคนเดียว นางส่งรายชื่อเป็นคนที่สอง
ผ่านไปหนึ่งเดือน บรรพชนงูอู่เจ๋อก็ส่งรายชื่อแล้วเช่นกัน
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เมืองราชันย์มีดที่รับผิดชอบจัดงานชุมนุมใหญ่คราวนี้ ‘แม่ทัพเทียนกวง’ สิ่งมีชีวิตขั้นอลวนที่พวกเขาส่งมาก็ส่งรายชื่อแล้วเช่นกัน
ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง เขาย่อมรู้การควรมิควรเป็นอย่างดี เลือกส่งรายชื่อเป็นคนสุดท้าย
“โปรดถ่ายทอดวาจา ตงป๋อเสวี่ยอิงมาคารวะเจ้าลัทธิภาพจิต” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่หน้าคฤหาสน์อันใหญ่โตมโหฬารแห่งหนึ่ง สถานที่พำนักของเจ้าลัทธิภาพจิตก็ย่อมเป็นที่พำนักของตนในเมืองราชันย์มีด
“เป็นตงป๋อเสวี่ยอิง”
“ตงป๋อเสวี่ยอิง หนึ่งในห้าปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่”
“เขาก็มาส่งรายชื่อแล้วเช่นกัน”
ด้านนอกประตูคฤหาสน์อันใหญ่โตมโหฬารของเจ้าลัทธิภาพจิตก็มีผู้คนกำลังจับตาดูอยู่ไม่น้อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะเหล่าผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ที่ให้ความสนใจกับรายชื่ออย่างตื่นเต้นเป็นที่สุดจำนวนหนึ่ง พวกเขาได้คิดหาวิธีล่วงรู้รายชื่อที่ปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่สี่ท่านส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น รายชื่อมิได้เป็นความลับระดับสูงสักเท่าใดนัก เจ้าลัทธิภาพจิตและปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ห้าท่าน ยังมีขั้นอลวนอีกมากมายที่มาดูงาน ต่างก็ได้รับมาส่วนหนึ่ง
ถึงอย่างไรเดิมทีก็ต้องเปิดเผยอยู่แล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องเป็นความลับแต่อย่างใดเลย
“ส่วนสุดท้ายแล้ว”
“ส่วนนี้มีอยู่ยี่สิบรายชื่อ หวังว่าหนึ่งในนั้นจะมีข้าอยู่ด้วย”
“โอกาสสุดท้ายแล้ว”
เหล่าผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์จำนวนหนึ่งที่เฝ้าอยู่รอบๆ ด้านนอกประตูคฤหาสน์ของเจ้าลัทธิภาพจิตต่างก็กระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง แอบคาดหวังอย่างเงียบๆ พันปีก่อนหน้านี้พวกเขาจำนวนมากต่างก็เคยไปเยี่ยมคารวะตงป๋อเสวี่ยอิงมาก่อน เพียงแต่ว่าแต่ไหนแต่ไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่เคยมีวาจาที่แน่ชัดกับพวกเขามาก่อนเลย
ภายในเรือนพัก
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินมุ่งหน้าเข้าไปด้านในด้วยการนำทางของเด็กรับใช้ ผ่านทางเดินอันคดเคี้ยว เดินขึ้นไปยังจัตุรัสอันกว้างใหญ่ ในที่สุดก็เดินไปทางตำหนักใหญ่สีดำอันสูงตระหง่านแห่งนั้น ตำหนักใหญ่แห่งนี้องอาจอย่างหาใดเปรียบ คิดเป็นพื้นที่ราวๆ หนึ่งในสิบส่วนของทั้งคฤหาสน์ มีอาณาบริดวณถึงหมื่นลี้ มันก็คืออาคารที่ตระการตาที่สุดในเมืองราชันย์มีด
นี่ก็คือ ‘ตำหนักภาพจิต’ อันเลื่องชื่อ
“ตำหนักภาพจิต” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ เขารู้ว่าปกติแล้วเจ้าลัทธิภาพจิตจะบำเพ็ญอยู่ภายในตำหนักภาพจิตโดยตลอด นี่ก็คือวังอันแสนพิเศษที่สร้างขึ้นมาเพื่อการบำเพ็ญโดยเฉพาะ
“ผู้อาวุโสตงป๋อ เจ้าลัทธิอยู่ที่นี่ขอรับ” ผู้ดูแลหยุดลงที่หน้าตำหนัก
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วย่างเท้าเข้าไป
ตำหนักภาพจิตอันมโหฬารสูงใหญ่เปิดกว้าง ภายในโถงตำหนักอันใหญ่โตคิดเป็นพื้นที่ราวหมื่นลี้นั้นว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของใดๆ มีเพียงเงาร่างสายหนึ่งนั่งขัดสมาธิตามลำพังอยู่บนพื้นภายในโถงตำหนักอันใหญ่มหึมาแห่งนี้ เจ้าลัทธิภาพจิตสวมอาภรณ์ตัวหลวม อาภรณ์ก็ลาดอยู่บนพื้น แผ่นหลังของเขามีความค่อมคดอยู่บ้าง เขามองดูตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้มสายหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะมิได้ส่งกลิ่นอายใดเลยแม้แต่น้อย ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับรู้สึกว่าตำหนักภาพจิตในความรู้สึกของตนดูคล้ายจะขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น อย่างไม่หยุดหย่อน…
ไร้ซึ่งขอบเขต ความมืดมนไร้ที่สิ้นสุด ทั่วทั้งตำหนักภาพจิตราวกับจักรวาลอันไพศาลไร้ขอบเขต
ส่วนเจ้าลัทธิภาพจิตก็คือแก่นของจักรวาลแห่งนี้ เขานั่งอยู่ที่นั่นคล้ายกับเป็นเจ้าของจักรวาล
“ต่างก็พูดกันว่ายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนผู้เป็นชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาว ประสบความสำเร็จในสักด้านหนึ่ง ไม่ด้อยไปกว่าระดับเทพจักรวาล มิได้ผิดไปจากความจริงเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นฉากนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าลัทธิภาพจิตจะมิได้ส่งกลิ่นอายใดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังมิได้สำแดงเคล็ดวิชาใดๆ เพียงแค่เขานั่งอยู่ภายในตำหนักภาพจิต ก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจความน่ากลัวของอีกฝ่ายได้แล้ว
อย่างน้อยตอนนี้
หากอีกฝ่ายต้องการสังหารตนก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
ต่อให้มีสมบัติล้ำค่าคุ้มร่างที่บรรพชนเทียนอวี๋มอบให้ก็เกรงว่าคงจะต้านทานเอาไว้ได้เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น
“ผู้อาวุโสตงป๋อ” ใบหน้าอัปลักษณ์ของเจ้าลัทธิภาพจิตมีพลังทำให้คนอบอุ่นใจ น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนเช่นกัน “รายชื่อของปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่สี่ท่านก่อนหน้าได้ส่งมาเรียบร้อยแล้ว เจ้าส่งรายชื่อมา เช่นนั้นรายชื่อของทั้งหนึ่งร้อยคนที่พวกเจ้าเลือกมาก็สามารถประกาศออกไปได้แล้ว”
“ข้าเลือกได้เรียบร้อยแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าพลางโบกมือคราหนึ่ง เบื้องหน้าก็มีม้วนสาสน์ผ้าไหมสีทองปรากฏขึ้นแล้วลอยไปทางเจ้าลัทธิภาพจิตผู้นั้น
หลังจากที่เจ้าลัทธิภาพจิตรับมาแล้วก็ถือวิสาสะดูรอบหนึ่ง ทันใดนั้นหัวคิ้วก็ขมวดน้อยๆ สายตาจับอยู่บนรายชื่อหนึ่งในยี่สิบรายชื่อ…สิงหั่วสวินอี!
เจ้าลัทธิภาพจิตเงยหน้าขึ้นมองตงป๋อเสวี่ยอิง
สิงหั่วสวินอีหรือ
เป็นถึงผู้จัดงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราในครั้งนี้ เจ้าลัทธิภาพจิตก็ย่อมต้องรู้ข้อมูลของผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ทั้งหมดเช่นกัน สำหรับสิงหั่วสวินอีนั้นเขาก็ย่อมให้ความสนใจอยู่แล้ว เพราะนั่นคือบุตรชายคนเล็กของ ‘จักรพรรดิสิงหั่ว’ ผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดในระดับเดียวกันกับเขา มีเบื้องหลังเช่นนี้ ทั้งยังบำเพ็ญมาเกินกว่าห้าแสนล้านปี แต่จัดอยู่เพียงในอันดับที่สามพันหกร้อยกว่าเท่านั้น น่ากลัวว่าศักยภาพคงจะจัดอยู่เกินกว่าอันดับที่ห้าพันของผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ในครั้งนี้แล้วกระมัง
พูดจากใจจริง เจ้าลัทธิภาพจิตยังค่อนข้างมีความรู้สึกอันดีต่อตงป๋อเสวี่ยอิง ถึงอย่างไรก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกทิพย์ทั้งสองที่เกิดขึ้นมาในยุคนี้ สามารถเทียบได้กับเหลยเหยียนแห่งโลกทิพย์นิจนิรันดร์
“เจ้าแน่ใจนะว่ารายชื่อจะไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว” เจ้าลัทธิภาพจิตมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ตอนนี้ข้ายังมิได้ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ เจ้ายังสามารถแก้ไขได้อยู่นะ”
“ไม่จำเป็นต้องแก้ไขหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า
เจ้าลัทธิภาพจิตลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสตงป๋อ ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนเทียนอวี๋เสนอชื่อเจ้ามาเป็นปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราในคราวนี้ ในบรรดาเทพจักรวาลห้าคน มีสองคนที่คัดค้าน เจ้าผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล การเลือกของเจ้าไม่เพียงแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้น แต่หมายถึงวังทวีสูญของเจ้าด้วยนะ”
รายชื่อล้วนเปิดเผยเป็นสาธารณะ
ถึงแม้ว่าจะมีผู้แกร่งกล้าบางคนที่อาจจะเห็นแก่ตัวไม่รักษาหน้า แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่อยากเสียหน้า ถูกผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนลอบหัวเราะเยาะให้อับอายขายหน้าวังทวีสูญ
“ขอบคุณเจ้าลัทธิภาพจิตที่มีเจตนาดี ข้าเลือกมาเรียบร้อยแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
เจ้าลัทธิภาพจิตลอบส่ายศีรษะ เขาสามารถแนะนำได้สองประโยคก็หาได้ยากยิ่งแล้ว จากนั้นก็พยักหน้าในทันใด “เอาล่ะ เช่นนั้นรายชื่อก็ตกลงตามนี้แหละ”
รายชื่อเป็นที่แน่นอนแล้ว
พร้อมกันนั้นเจ้าลัทธิภาพจิตก็ประกาศรายชื่อออกไปทุกหนแห่ง ในเวลาเดียวกันก็เริ่มจัดอันดับ เริ่มเปิดเผยรายชื่ออย่างสมบูรณ์!
……………………………………….