Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 9 งานชุมนุมใหญ่ดวงดารา
“งานชุมนุมใหญ่ดวงดาราคราวนี้ กฎกติกาทั้งหมดก็ย่อมเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา” ราชันย์มีดกวาดตามองอีกสี่คนอย่างเฉยชา “ตอนนี้ปัญหาก็คือพวกเราทั้งห้าฝ่าย แต่ละคนต้องเลือกคนขึ้นมาคนหนึ่ง ผู้ได้รับเลือกจำเป็นจะต้องได้รับความเห็นชอบเกินครึ่งหนึ่ง ถึงอย่างไรก็ต้องเลือกผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ที่มีพรสวรรค์เพียงพอไปแทนพวกเรา”
งานชุมนุมใหญ่ดวงดารา
คืองานประมูลงานหนึ่งที่โลกทิพย์ทะเลสัตตดาราและโลกทิพย์กิเลนบูรพาร่วมกันจัดขึ้น ทุกล้านล้านปีจัดขึ้นครั้งหนึ่ง! ทุกคนที่มีระยะเวลาการบำเพ็ญภายในสองล้านล้านปีทั้งยังไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่ง ก็มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมได้
เหตุผลที่จัดขึ้น…
วัตถุประสงค์ก็คือการหาตัวผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์จำนวนหนึ่งจากโลกทิพย์อันกว้างใหญ่ไพศาล ถึงแม้ว่าขุมอำนาจดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะรับศิษย์กันอยู่เป็นประจำ ทว่าหนึ่ง มีขอบกั้นอันสูงยิ่ง สองโลกทิพย์ช่างกว้างใหญ่ไพศาลโดยแท้ ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอจากที่ต่างๆ จำนวนมากมายก็ไม่มีโอกาสข้ามผ่านระยะทางอันไกลโพ้นมาฝากตัวเข้าอยู่ภายใต้สำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในบรรดาพวกเขาก็มีผู้ที่มีพรสวรรค์อันล้ำเลิศร้ายกาจอย่างยิ่งอยู่บ้าง
ดังเช่นจอมกระบี่ ก่อนหน้านั้นก็มิได้รับการบ่มเพาะแต่อย่างใดเลย ก็บรรลุไปถึงขั้นอลวนภายในหนึ่งยุคจักรวาลอยู่ที่จักรวาลภูมิลำเนา! พอเข้าสู่วังทวีสูญ หลังจากที่พลิกอ่านตำราจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วก็เหยียบย่างเข้าสู่เทพจักรวาลในรวดเดียว
ตัวอย่างที่คล้ายคลึงกันนี้ก็ยังมีอยู่อีกมากมายนัก
เหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกละเลยในสถานที่แต่ละแห่งเหล่านี้ ต่อให้เงื่อนไขไม่ดี ไม่ได้รับการบ่มเพาะที่ดี แต่ถ้าหากสามารถบรรลุความทุกข์ยากอันแสนสาหัสจนสามารถบำเพ็ญไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ เมื่อใดที่เข้าสู่การบ่มเพาะของขุมอำนาจดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะมีการยกระดับอันยิ่งใหญ่ได้! สำหรับผู้ที่ ‘มิได้บำเพ็ญไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งในสองล้านล้านปี’ ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมในการบำเพ็ญจะย่ำแย่มาก หากทำไม่สำเร็จก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะนับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ ก็ย่อมไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราอยู่แล้ว!
กระบวนการการคัดกรองของงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราแบ่งออกเป็นสองประเภท
ประเภทแรก…คือการแข่งขันพลังยุทธ์ประเภทต่างๆ เพื่อจัดอันดับ สิ่งนี้ใช้พลังยุทธ์คุยกัน
ส่วนอีกประเภทหนึ่ง…คืองานชุมนุมใหญ่จะจัดยอดฝีมือมาห้าคนเพื่อดูกระบวนการคัดกรองทั้งหมด แล้วเลือกผู้ที่ควรค่าแก่การบ่มเพาะออกมาจากในบรรดาเหล่านั้น
ถึงอย่างไรงานชุมนุมใหญ่เองก็เพื่อเลือกผู้มีพรสวรรค์ร้างกาจ อย่างเช่นการต่อสู้ระหว่างผู้ที่บำเพ็ญมาเป็นเวลาหมื่นล้านปี กับผู้ที่บำเพ็ญมาล้านล้านปี ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์จะอ่อนแออยู่สักหน่อย… ศักยภาพของผู้ที่บำเพ็ญมาเป็นเวลาหมื่นล้านปีก็ต้องสูงกว่า
และการคัดเลือกเช่นนี้เป็นวิจารณญาณภายในของยอดฝีมือเพียงอย่างเดียวล้วนๆ พลานุภาพยิ่งใหญ่เหลือเกิน ดังนั้นผู้ได้รับเลือกที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าจะคัดเลือกออกมานั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากเหล่าเทพจักรวาล
“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กเจียงฝู่ผู้นี้กำลังเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ ข้าเคยถามเขาแล้ว เขาปรารถนาจะรับหน้าที่ปรมาจารย์ของงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราในครั้งนี้” ท่านบรรพชนคีรีมารเป็นผู้ที่มีร่างกายใหญ่โตที่สุดในที่นี้ ตลอดร่างล้วนเป็นเปลือกสีดำขลับ นัยน์ตาสีดำทั้งสองก็เป็นสีแดงโลหิต “ทุกคนไม่มีความเห็นต่างกระมัง”
“ประมุขวังเจียงฝู่หรือ”
“ไม่มีความเห็นต่างอย่างแน่นอน”
“ไม่มีความเห็นต่างขอรับ”
“เขามา ก็เป็นเรื่องยากเย็นนัก”
จักรพรรดิงูเมฆา บรรพชนห้วงอากาศ บรรพชนเทียนอวี๋ แ่ละราชันย์มีดต่างก็แย้มยิ้มพลางพยักหน้า
ผู้ที่ไปถึงชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกนั้นมีอยู่น้อยจนสามารถนับนิ้วได้
อย่างเช่นที่วังทวีสูญก็มีอยู่แค่ประมุขตำหนักอลหม่านเพียงคนเดียว ส่วนเกาะปฐมบรรพชนนั้นก็มีแค่ประมุขวังเจียงฝู่เพียงคนเดียวเท่านั้น! ขั้นอลวนนึกอยากจะไปถึงชั้นที่เก้า ระดับความยากก็ไม่ได้น้อยไปกว่าขั้นรวมเป็นหนึ่งไปถึงชั้นที่เจ็ดเลยแม้แต่น้อย… พวกเขาสามารถอาศัยร่างของขั้นอลวน แสดงพลังยุทธ์เกือบถึงขั้นจักรวาลได้ ชัดเจนว่ามีความทะลุปรุโปร่งในด้านใดด้านหนึ่งยิ่งกว่าการทดลองของเทพจักรวาลเสียอีก
แม้กระทั่งเทพจักรวาลก็ยังค่อนข้างนับถือขั้นอลวนที่สามารถบุกผ่านชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาวได้เหล่านี้
ถึงแม้ว่างานชุมนุมใหญ่ดวงดาราจะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่การที่ระดับประมุขวังเจียงฝู่นี้มารับหน้าที่หนึ่งในปรมาจารย์ห้าท่านก็ยังหาได้ยากยิ่ง
“ศิษย์ชิงชวีของข้าผู้นี้ก็มีความสนใจในการเป็นปรมาจารย์ผู้ได้รับเลือกของงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราคราวนี้ด้วย” จักรพรรดิงูเมฆาเอ่ยปากพูด
“ชิงชวีหรือ นางอ่อนแอไปหน่อยหรือไม่” ราชันย์มีดขมวดคิ้ว “ข้าว่าเปลี่ยนผู้ได้รับเลือกดีกว่า”
“ชื่อเสียงของประมุขเกาะชิงชวีก็ไม่เลวเลย อย่างน้อยก็คงมีความยุติธรรมเป็นอย่างมาก” บรรพชนห้วงอากาศพูด
“เกรงว่าสายตาของนางจะไม่แหลมคมพอ” บรรพชนเทียนอวี๋พูด
“เปลี่ยนคนเถิด” ท่านบรรพชนคีรีมารส่ายศีรษะ
ห้าท่าน ในที่นี้ มีสามท่านคัดค้าน ก็ชัดเจนว่าผู้ได้รับเลือกผู้นี้ถูกยับยั้งแล้ว
ประมุขเกาะชิงชวีก็คือลูกศิษย์ของจักรพรรดิงูเมฆา เป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนที่เชี่ยวชาญทางด้านอารมณ์คนหนึ่ง พลังยุทธ์อยู่ที่ชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาว
จักรพรรดิงูเมฆาสะดุ้งน้อยๆ คราหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างจนใจว่า “เช่นนั้นก็เป็นประมุขเกาะจื่อถูแล้วกัน”
“อืม” บรรพชนเทียนอวี๋พยักหน้า
“ดี” ท่านบรรพชนคีรีมารเออออ
“ประมุขเกาะจื่อถู ไม่เลวเลย”
“ได้”
……
การเลือกคนผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่ง ‘ประมุขวังเจียงฝู่’ ที่เกาะปฐมบรรพชนเสนอมา ‘บรรพชนงูอู่เจ๋อ’ จากตำหนักเทพอากาศ ‘แม่ทัพเทียนกวง’ จากเมืองราชันย์มีด และ ‘ประมุขเกาะจื่อถู’ ที่จักรพรรดิงูเมฆาส่งมา
ในบรรดาคนเหล่านั้น ประมุขวังเจียงฝู่เป็นระดับชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาว บรรพชนงูอู่เจ๋อ แม่ทัพเทียนกวง และประมุขเกาะจื่อถูต่างก็เป็นระดับชั้นที่แปดของเจดีย์ดาว!
ตามปกติแล้วปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ผู้ได้รับเลือก โดยทั่วไปต่างก็เป็นระดับชั้นที่แปดของเจดีย์ดาว! ครั้งนี้ได้ ‘ประมุขวังเจียงฝู่’ มาเข้าร่วม ก็นับว่ายากที่จะเกิดขึ้นแล้ว
“เทียนอวี๋ คราวนี้วังทวีสูญของเจ้ามีใครเป็นผู้ออกหน้าหรือ” แต่ละคนต่างก็หันไปมองบรรพชนเทียนอวี๋
“ข้าได้เลือกคนเอาไว้คนหนึ่งแล้ว” บรรพชนเทียนอวี๋พูด “อาจจะอ่อนแออยู่สักหน่อย แต่ข้ารู้สึกว่าค่อนข้างเหมาะสม”
“ใครกัน”
“พูดมาเร็วเข้าๆ”
“คราวนี้มาทำเป็นมีลับลมคมในเสียแล้ว” คนอื่นๆ อีกหลายคนเอ่ยเร่งรัด
บรรพชนเทียนอวี๋พูด “ข้ามีพลังยุทธ์สูงส่งที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญ…ตงป๋อเสวี่ยอิง ตอนที่เขาบุกชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาว ได้สังหารฝูงมารผลาญทำลายไปถึงแปดตน ห่างจากการบุกผ่านชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวอีกเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น”
“ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือ ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งอย่างนั้นน่ะหรือ” ราชันย์มีดขมวดคิ้วน้อยๆ “มิใช่ว่าจะอ่อนแอไปสักหน่อยหรือ งานชุมนุมใหญ่ดวงดาราเป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ล้วนเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งกันทั้งสิ้น ห้าปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่นัก ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งมารับหน้าที่ปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ ข้ายังรู้สึกว่าออกจะย่ำแย่ไปสักหน่อย”
“ข้ารู้สึกว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง” ร่างกายอันใหญ่มหึมาของท่านบรรพชนคีรีมารนั่งอยู่ที่นั่น นัยน์ตาสีแดงโลหิตมองไปทางราชันย์มีด “ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้มีพลังยุทธ์เช่นนี้ นับได้ว่าเหยียบย่างเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวไปครึ่งก้าวแล้ว ถกกันถึงความเข้าใจในขั้นรวมเป็นหนึ่ง แม้กระทั่งเหล่ายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนระดับชั้นที่แปดของเจดีย์ดาวก็ไม่แน่ว่าจะเทียบกับเขาได้ สายตาของเขาจะต้องเพียงพออย่างแน่นอน นอกจากนี้ ว่ากันว่าเขาบำเพ็ญมาเพียงไม่กี่หมื่นล้านปีเท่านั้น เป็นผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์คนหนึ่งเขาก็น่าจะยิ่งสามารถเลือกสรรผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ออกมาได้ดี”
“เหยียบย่างเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวไปครึ่งก้าวอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นสุดท้ายก็ยังมิได้เหยียบย่างไปถึงเสียหน่อยนี่!” จักรพรรดิงูเมฆาส่ายศีรษะ “ถ้าหากเขาบุกผ่านชั้นที่เจ็ดได้ด้วยพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นหนึ่ง เช่นนั้นผู้ใดก็คงไม่ปฏิเสธหรอก แต่สุดท้ายแล้วก็มิได้บรรลุเสียหน่อย รับหน้าที่ปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ พื้นฐานก็ยังย่ำแย่อยู่สักหน่อย บางทีเหล่าผู้มีพรสวรรค์ขั้นรวมเป็นหนึ่งที่มาเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราเหล่านั้นดูผิวเผินเหมือนจะนบนอบ แต่กลัวว่าในใจก็คงจะมิได้เคารพนับถือตงป๋อเสวี่ยอิงกันสักเท่าใดนัก บรรพชนห้วงอากาศ ท่านว่าอย่างไรเล่า”
ตอนนี้มีผู้คัดค้านอยู่สองท่านแล้ว ก็คือราชันย์มีดและจักรพรรดิงูเมฆา
ผู้ที่เห็นด้วยก็มีอยู่สองท่านเช่นกัน ก็คือบรรพชนเทียนอวี๋และบรรพชนคีรีมาร
ท้ายที่สุดก็ต้องดูบรรพชนห้วงอากาศแล้ว!
“สายตาสูงส่งพอ เขาศึกษาควบคู่กันค่อนข้างมากพอสมควร ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแต่ละระบบก็ลึกซึ้งเพียงพอ ข้าว่าเหมาะสมมากทีเดียว” บรรพชนห้วงอากาศพูด เขายังอยากจะช่วยเหลือลูกศิษย์หลานศิษย์ของตนสักคราหนึ่ง
จักรพรรดิงูเมฆาสะดุ้งคราหนึ่ง
ผ่านแล้วหรือ
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกท่านต่างก็เลือกเขา เช่นนั้นก็ตัดสินตามนี้แหละ” ราชันย์มีดขมวดคิ้วน้อยๆ “แต่กลัวว่าคราวนี้จะมีผู้บำเพ็ญบางส่วนไม่พอใจ”
“เรื่องที่พวกเราตัดสินใจ ไม่พอใจแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า” ท่านบรรพชนคีรีมารส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น
“ดี คราวนี้ผู้ได้รับเลือกทั้งห้าคนก็ตัดสินเรียบร้อยแล้ว” ราชันย์มีดพยักหน้า มิได้พูดอะไรมากอีก ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าจะเหนี่ยวนำให้เกิดการคัดค้านได้ แต่งานชุมนุมใหญ่ดวงดารานั้นล้านล้านปีจะจัดขึ้นครั้งหนึ่ง ตอนนี้ก็จัดขึ้นมามากมายหลายครั้งแล้ว สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ครั้งหนึ่งในนั้นเท่านั้น ในเมื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า มีสามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เห็นชอบแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะหักล้างได้อีกแล้ว
จากนั้น
รายนามของปรมาจารย์ห้าท่านที่รับผิดชอบการคัดเลือกในงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราคราวนี้ได้แก่… ประมุขวังเจียงฝู่ ประมุขเกาะจื่อถู บรรพชนงูอู่เจ๋อ แม่ทัพเทียนกวง และตงป๋อเสวี่ยอิง
บรรพชนเทียนอวี๋เผยรอยยิ้มด้วยเหตุนี้ “การที่ตนเองบำเพ็ญกับการเป็นปรมาจารย์นั้นไม่เหมือนกัน คราวนี้เป็นประสบการณ์อันหาได้ยากยิ่งของเจ้าเด็กตงป๋อผู้นี้เลยทีเดียว” เขาให้ความสำคัญกับตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรตอนนี้ขาข้างหนึ่งก็เหยียบย่างเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวแล้ว เขาก็แสวงหาโอกาสนี้ให้กับตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างสุดกำลัง ประสบการณ์เช่นนี้จะต้องมีส่วนช่วยเหลือในการพัฒนาของตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นอย่างมาก
……
ข่าวคราวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ณ เมืองราชันย์มีด
ที่วังสีทองอร่ามแห่งหนึ่ง ภายในโถงตำหนักอันระยิบระยับจับตาที่สุดในนั้น
บุรุษในอาภรณ์สีเทานั่งขัดสมาธิบนเตียงหินในตำหนักใหญ่ ตลอดร่างแผ่รัศมีสีทองเรืองรอง ทั้งร่างราวกับเทเคลือบด้วยทอง เขามองลงไปยังเบื้องล่างพลางบรรยายประสบการณ์การบำเพ็ญบางส่วน
ด้านล่างมีศิษย์หลายคนกำลังรับฟังอย่างตั้งใจ เขาก็คือแม่ทัพเทียนกวงผู้ที่นับได้ว่ามีสถานะอันสูงส่งเป็นที่สุดในเมืองราชันย์มีด
“หืม”
แม่ทัพเทียนกวงขมวดคิ้ว
เขารับรู้เกี่ยวกับปรมาจารย์ห้าท่านผู้ได้รับเลือกของงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราคราวนี้แล้ว คราวนี้เขาจะรับหน้าที่ ทั้งยังคิดจะอาศัยโอกาสนี้เลือกเฟ้นศิษย์ให้ตนเองสักคนสองคน
“ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งก็จะเทียบเคียงกับข้าและคนอื่นๆ อย่างนั้นหรือ” นัยน์ตาของแม่ทัพเทียนกวงมีแววโมโหจางๆ สายหนึ่ง ในใจของเขา งานชุมนุมใหญ่อันสุดยอดที่โลกทิพย์สองแห่งเลือกเฟ้นผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ สถานะปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่สูงส่งเพียงใด ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งรับหน้าที่เช่นเดียวกับเขาทำให้เขาออกจะไม่พอใจอยู่บ้าง เสียดายที่สิ่งนี้คือการตัดสินใจของเหล่าเทพจักรวาลระดับสูงสุด ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์โต้แย้งได้เลย
…………………………………………..