Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 12 ทางเดินโลกาพิศวง
ภายในปราการอากาศมีคูหาขนาดเล็กอยู่หลายแห่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถูกจัดสรรให้แห่งหนึ่ง ซึ่งกินอาณาบริเวณเพียงราวๆ หนึ่งลี้ สำหรับขั้นอลวนแล้วคูหาขนาดเล็กเช่นนี้นับว่าพบได้ยากยิ่งแล้ว แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นด่านหน้าสุดที่ต้านทานฝูงมารผลาญทำลาย อย่างเช่นบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่งเหล่านั้นก็ยิ่งถูกจัดสรรให้เพียงแค่ลานเล็กๆ สำหรับอยู่อาศัยชั่วคราวเท่านั้นเอง
ภายในห้องเงียบในคูหาขนาดเล็ก
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวเนื้อหนานั่งขัดสมาธิแล้วหลับตาลงเริ่มต้นสอดแนมผ่านโพรง ‘ทรงกลมหมอกดำ’ ที่เล็กที่สุดในห้วงอากาศ ในขณะเดียวกันกับที่สอดแนมโลกระดับขั้นที่สูงขึ้นอีกแห่งนั้น ทันใดนั้นก็เห็นโพรงอื่นๆ อีกจำนวนนับไม่ถ้วนที่เชื่อมต่อกับที่นี่ ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นอาณาเขตจำนวนนับไม่ถ้วนผ่านโพรงเหล่านั้น ยิ่งเป็นอาณาเขตที่อยู่ห่างจากตนมาก โพรงก็ยิ่งอยู่ห่างจากตนมาก ก็ยิ่งมองเห็นได้อย่างเลือนรางยิ่งขึ้น
“ทางเดินโลกาพิศวง” ภายใต้การสอดแนมของตงป๋อเสวี่ยอิง มองดู ‘ป้อมปราการอากาศแห่งสุดท้าย’ ด้านหน้าปราการอากาศ ทั้งยังมองเห็นอาณาบริเวณภายใน มองเห็นอาณาบริเวณภายนอก และ ‘ทางเดินโลกาพิศวง’ ที่ฟูมฟักฝูงมารผลาญทำลายจำนวนนับไม่ถ้วน
“แปลกประหลาดนัก”
ในอดีตตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ห่างจากชายขอบของห้วงอากาศมากเกินไป ก็ย่อมมองเห็นทางเดินโลกาพิศวงไม่ชัดเจนอยู่แล้ว
ต้องรู้ไว้ว่ายิ่งระยะทางห่างไกล แม้กระทั่งข้อผิดพลาดในการส่งผ่านก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้น อย่างเช่นบรรพชนทรายส่งตัวพวกตงป๋อเสวี่ยอิงจากโลกทิพย์กิเลนบูรพาไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา ความเบี่ยงเบนไปจาก ‘วังทวีสูญ’ นั้น จอมมารใช้ทางเชื่อมมิติก็ยังต้องเดินทางเป็นระยะเวลาครึ่งวัน จะเห็นได้ถึงความเบี่ยงเบนอันมากเกินจริง! เหตุผลที่มากเกินจริงถึงเพียงนี้ก็เพราะรับสัมผัสได้อย่างรางเลือนเกินไป
“ปราการอากาศห่างจากทางเดินโลกาพิศวง เมื่อเปรียบเทียบกันก็นับว่าใกล้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถเห็นสายใยบางส่วนได้อย่างรางๆ แล้ว
ทั่วทั้งทางเดินโลกาพิศวง
ภายใต้การสำรวจของเขาก็คล้ายกับซึมซับเข้าสู่ ‘รังผึ้ง’ ขนาดใหญ่มหึมาในขอบเขตของทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน ภายในรังผึ้งมีสายใยจำนวนนับไม่ถ้วนแน่นขนัด สายใยเหล่านี้ซับซ้อนยุ่งเหยิงเหลือเกิน ที่ตนเองสามารถสังเกตได้ก็คือสายใยขนาดใหญ่ ทั้งยังมีสายใยขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน… หากไม่ระวังก็อาจหลงทางอยู่ภายในนั้นได้
“ทางเดินโลกาพิศวงคงจะนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดที่สุดในห้วงอากาศแล้ว เทพจักรวาลก็ยังต้องหลงทางเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อนข้างทอดถอนใจอยู่บ้าง
“ออกเดินทาง”
จิตใจวูบไหว ด้านข้างเริ่มรวมตัวกันขึ้นมาเป็นคนชุดดำผู้หนึ่ง ตลอดร่างห่อหุ้มเอาไว้ภายใต้อาภรณ์สีดำ ใบหน้าก็เลือนรางเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่บนหน้าผากก็มีเขาเดี่ยวงอกออกมาอันหนึ่ง! มุ่งหน้าไปสู่ ‘ทางเดินโลกาพิศวง’ เข้าสู่การสำรวจ เขาก็จำเป็นต้องระวัง เรื่องที่ร่างแปรของตนสามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้นั้นต้องเป็นความลับ แน่นอนว่าต่อให้มีใครสังเกตการณ์ดูแล้วเห็นว่าบริเวณรอบกายเขามีห้วงมิติอันบิดเบี้ยวปรากฏอยู่ เขาเข้าไปในนั้นแล้วหายลับไป
เกรงว่าอาจจะคิดว่าเป็นร่างจริงเป็นเส้นทางส่งถ่ายเส้นหนึ่งเชื่อมต่อกับร่างแปร
แต่ว่า…
ตนเองก็ซ่อนเร้นเก่ง สิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นกังวลก็คือฝูงมารผลาญทำลาย! ถ้าหากตนถูกฝูงมารผลาญทำลายค้นพบหลายครั้ง ภายในฝูงมารผลาญทำลายแลกเปลี่ยนกันแล้วพบว่า ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ผู้นี้ ไปปรากฏตัวยังสถานที่สำคัญหลายแห่ง เกรงว่าคงจะมีความวุ่นวายอยู่บ้าง
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่กล้าดูเบาสติปัญญาของฝูงมารผลาญทำลายเลยแม้แต่น้อย จะต้องระวังแล้วระวังอีก เส้นทางการบำเพ็ญควรจะต้องระมัดระวัง ดังนั้นเมื่อเขาเข้าสู่ทางเดินโลกาพิศวง ก็ต้องไม่ใช้รูปลักษณ์ของตนเอง แม้กระทั่งกลิ่นอายก็ยังต้องเปลี่ยนแปลง เป็นถึงผู้ที่มีระดับขั้นวิถีโลกเทียมสูงส่งที่สุด การเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายเพียงเล็กน้อยช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือเกิน สำหรับเขาแล้ว ‘มายาแปรเปลี่ยนเป็นความจริง’ นั้นช่างง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
พรึ่บ
ห้วงอากาศด้านข้างบิดเบี้ยว ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ดำก้าวยาวๆ เข้าไปข้างในแล้วหายลับไปไม่เห็นอีก
……
ทางเดินโลกาพิศวง
สถานที่ที่แปลกประหลาดที่สุดในห้วงอากาศ สถานที่ที่ฟูมฟักฝูงมารผลาญทำลายออกมาในพื้นที่เดียว
“พรึ่บ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ดำเดินออกมาจากตรงกลางห้วงมิติอันบิดเบี้ยว
“หืม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปรอบๆ แล้วก็มีความตะลึงงันอยู่บ้าง “ที่นี่…”
นี่คือห้วงมิติที่มีพื้นที่โดยประมาณหลายพันล้านลี้ ห้วงมิติราวกับผลผลิตอันบิดเบี้ยว มีผนังชั้นแล้วชั้นเล่า แม้กระทั่งสถานที่มากมายในมิติภายในต่างก็มีการม้วนพับและบิดเบี้ยว แปลกประหลาดยากคาดเดาเป็นอย่างยิ่ง ยามที่เดินทาง หากไม่ระวังก็จะข้ามไปหลายหมื่นลี้ แน่นอนว่าก็มีสถานที่ที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตได้โดยตรง
“ถึงกับเป็นห้วงมิติที่ปิดผนึกสนิทโดยสมบูรณ์เลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ หากเป็นผู้อื่น การส่งถ่ายในครั้งนี้ก็คือความล้มเหลวแล้ว! เพราะมิติปิดผนึกนั้นย่อมไม่สามารถออกไปได้ ผู้อื่นโดยทั่วไปต่างก็ให้ร่างจริงไปส่งถ่ายใหม่อีกครั้ง
“มิติปิดผนึกนี้ดูเหมือนว่าจะยังอยู่ระหว่างการเจริญและเปลี่ยนแปลง” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของห้วงมิติอย่างรางๆ “นอกจากนี้การบิดเบี้ยวม้วนพับของที่แห่งนี้ยังเสถียรอย่างแท้จริงอีกด้วย”
เปิดโลกทัศน์กว้าง
ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ท่องอากาศขั้นอลวน ทั้งยังศึกษาศาสตร์ลับสี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆาไปควบคู่กัน แต่ ‘ทางเดินโลกาพิศวง’ ภายใต้การสัญจรของกฎเกณฑ์สูงสุด ก็ยังทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง ลำพังแค่การเป็นห้วงมิติปิดผนึกที่ยังพัฒนาอยู่ก็แปลกประหลาดมากแล้ว ทำให้ความเข้าใจต่อห้วงอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงกว้างไกลขึ้นหลายส่วน นี่ก็คือการ ‘เปิดโลกทัศน์กว้าง’
ไม่เห็นกับตาตนเอง เขาก็ไม่กล้าคิดถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างมากมายของห้วงอากาศเลย
“รีบหาทางเดินสักแห่งหนึ่งให้พบโดยเร็วที่สุดดีกว่า” ร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มต้นสอดแนมผ่านโพรง ‘ทรงกลมหมอกดำ’ ที่เป็นแก่นสำคัญที่สุดของห้วงอากาศในทันที จากนั้นเขาก็ทะลุผ่านโพรงภายในทางเดินโลกาพิศวง สามารถทำได้เพียงดูอาณาบริเวณเล็กๆ โดยรอบได้อย่างแจ่มชัดเท่านั้น ระยะทางยิ่งห่างไกล เขาก็ยิ่ง ‘สอดแนม’ ได้อย่างรางเลือนยิ่งขึ้น
ทางเดินโลกาพิศวง แรงกดดันของกฎเกณฑ์ยังเหนือกว่าโลกทิพย์เสียอีก!
อาณาบริเวณที่สามารถสอดแนมอย่างแจ่มชัดก็เล็กมาก แต่ว่านี่เป็นเพียงห้วงมิติที่มีอาณาบริเวณขนาดไม่กี่พันล้านลี้เท่านั้น เป็นเพียงมุมเล็กๆ มุมหนึ่งที่เขาสามารถสอดแนมได้อย่างแจ่มชัดเท่านั้น
“ตรงนั้นมีทางเดินอยู่แห่งหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นพบสิ่งที่เขาต้องการตามหาอย่างรวดเร็วขึ้น
ห้วงอากาศบิดเบี้ยว
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ดำก้าวยาวๆ เข้าไปในนั้น พร้อมกันกับที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นบริเวณอีกแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างห่างไกล ที่นั่นมีทางเดินมิติหลากสีอันงดงามตระการตาอยู่เส้นหนึ่ง
“ทางเดิน” ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ดำยืนอยู่บนทางเดินมิติแห่งนี้ ความกว้างของทางเดินมิตินั้นไม่เหมือนกัน มีบริเวณที่กว้างหน่อย มีบางบริเวณที่แคบหน่อย โดยทั่วไปก็กว้างหลายร้อยลี้! มันคดเคี้ยวตลอดแนวราวกับทางเดินเส้นหนึ่งตัดผ่านบริเวณจำนวนมากของทางเดินโลกาพิศวง
ผ่านทางเดินโลกาพิศวง จึงสามารถไปข้างหน้าได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น
ร่างแปรสามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ร้ายกาจสักเพียงใด นี่ก็เพราะภายในของ ‘ทางเดินโลกาพิศวง’ สามารถสอดแนมบริเวณโดยรอบได้อย่างง่ายดาย ความยากของการหารังของฝูงมารผลาญทำลายให้พบนั้นง่ายดายกว่าการเสาะหาร่างแปรเหล่าเทพจักรวาลตามทางเดินไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ดังนั้นตอนนั้นเหล่าเทพจักรวาลจึงเต็มใจจ่ายในราคาสูงเพื่อเชื้อเชิญจ้าวภูเขาฉื้อเหมย
สวบ…
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินบนทางเดินมิติ ทุกฝีก้าวต่างก็เคลื่อนที่ในพริบตาเป็นระยะทางสั้นๆ
“ช่างลึกลับเสียจริง โครงสร้างของระเบียงอากาศก็ยิ่งลึกลับเข้าไปอีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยชม เปรียบเทียบกับมิติปิดผนึกที่ยังพัฒนาอยู่แห่งนั้น เป็นทางเดินห้วงมิติที่สำคัญที่สุดของทางเดินโลกาพิศวง โครงสร้างซับซ้อนกว่าเป็นพันเท่าหมื่นเท่า
มันมิใช่ทางเดินที่สร้างขึ้นมาภายในระยะเวลาอันสั้น
หากแต่เป็นทางเดินที่กำหนดเอาไว้แล้วเส้นหนึ่ง
“ทางแยก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นว่าทางเดินเบื้องหน้าแยกออกเป็นทางแยกเก้าเส้น นี่เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง บนถนนก็ต้องมีทางแยกอยู่แล้ว
“อากาศก็คล้ายกับก้อนอิฐที่ถูกควบคุม สร้างเป็นเส้นทางที่แน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงมีแสงทิพย์วิญญาณ์ปรากฏวาบขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าเป็น ‘ทางเดินโลกาพิศวง’ ที่พิเศษที่สุดในห้วงมิติ ก็จะต้องเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่หยั่งรู้อากาศ!
เขาบำเพ็ญมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ เคยเห็นทิวทัศน์ในห้วงอากาศนานาชนิด ก็ไม่เคยมีความพิเศษเท่าทางเดินโลกาพิศวงเลย
“หืม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงดูตามปกติไปพลาง ในขณะเดียวกันก็สอดแนมผ่านโพรงของทรงกลมหมอกดำ นึกอยากจะอาศัยสิ่งนี้สอดแนมห้วงอากาศภายในทางเดินโลกาพิศวงอย่างพิเศษมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าก็ต้องอาศัยสิ่งนี้เสาะหารังของฝูงมารผลาญทำลาย
“รังหรือ นั่น คงจะเป็นรังกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่เดินอย่างระมัดระวังอยู่ภายในทางเดินโลกาพิศวงอยู่ครึ่งชั่วยามกว่าๆ ก็สอดแนมไปถึงบริเวณที่ตนสามารถแยกแยะได้อย่างรางๆ ที่นั่น ในมุมเล็กๆ นั้นมีกลิ่นอายทำลายล้างอันร้ายกาจจางๆ
“ไปดูเสียหน่อยดีกว่า”
เป็นเพียงแค่ร่างแปร เขาก็ย่อมต้องบ้าบิ่นกว่าอยู่แล้ว เขาสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น เข้าสู่ภายในบริเวณมุมเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายทำลายล้างนั้นโดยตรง
…………………………………………….