Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 22 ขุดรากถอนโคน
พื้นที่รังระดับเกราะทองมีความสำคัญเป็นที่สุดสำหรับฝูงมารผลาญทำลาย บริเวณโดยรอบมีการรักษาการณ์อย่างแน่นหนา ทางเข้าพื้นที่ก็มีการอำพราง แต่ในทางกลับกัน ภายในพื้นที่กลับมีเพียงฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองตนหนึ่งยืนอยู่บนแผ่นดินอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ รักษาการณ์อยู่ตามลำพัง
ทางด้านฝูงมารเองก็เข้าใจกระจ่างดี…
เมื่อใดที่ทางฝั่งผู้บำเพ็ญเข้ามาภายในพื้นที่รัง เช่นนั้นแล้วถึงจะจัดฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองมามากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์
มิติบิดเบี้ยว ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ดำปรากฏตัวภายในพื้นที่รังแห่งนี้ เมื่อได้เห็นทิวทัศน์ภายในพื้นที่รังแล้วก็เผยสีหน้ายินดีในทันใด
“ผู้ใดกัน” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่รักษาการณ์อยู่พลันหันหน้าไป มองปราดหนึ่งก็เห็นผู้บำเพ็ญชุดดำที่อยู่ไกลออกไป เขาตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี! ถูกค้นพบเสียแล้วหรือ
“ท่านอ๋อง! รังเกราะทองที่สามถูกค้นพบแล้ว มีร่างแปรของผู้บำเพ็ญปรากฏกายขึ้นขอรับ” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองเร่งร้อนส่งสารไปในทันที
“ฆ่าเขาเสียสิ!”
เหล่า ‘อ๋อง’ ที่ได้รับข่าวแต่ละคนต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี พวกเขาล้วนไม่มีเคล็ดวิชาส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น กว่าจะมาได้นั้นก็ต้องการเวลาพอสมควร
“ไปตายให้ข้าเสีย!” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่เป็นยามรักษาการณ์ผู้นี้ส่งข่าวให้กับเหล่าอ๋อง ไม่รอคำสั่งของอ๋องก็เริ่มต้นลงมือเสียแล้ว เห็นเพียงเมฆดำอันหนาทึบเป็นระลอกโจมตีเข้าหาตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไป ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับทำการเคลื่อนที่ในพริบตา เห็นได้ชัดว่ามีสำเร็จอย่างสูงในด้านห้วงอากาศ ทิ้งระยะห่างอย่างรวดเร็ว ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองมิอาจไล่ตามได้ในทันที
เป็นถึงผู้ท่องอากาศ ทั้งยังฝึกสี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆาไปควบคู่กัน อีกทั้งการบำเพ็ญในทางเดินโลกาพิศวงตลอดสองหมื่นล้านปีนี้ ความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยิ่งสูงส่งจนเกินจริง เทพจักรวาลจำนวนมากยังมิอาจเทียบกับเขาในด้านห้วงอากาศได้เลย แม้กระทั่งเพียงแค่ร่างแปรร่างหนึ่ง…ในทางด้านห้วงอากาศก็สามารถมองเหยียดขั้นอลวนจำนวนมากได้เลยทีเดียว
ในเวลาไล่เลี่ยกัน
มิติภายในพื้นที่รังเกราะทองแห่งนี้ก็บิดเบี้ยวอีกครั้ง มีเงาร่างสองสายเดินออกมาจากตรงกลาง
คนหนึ่งก็คือสตรีสูงศักดิ์รูปโฉมงดงาม ซึ่งก็คือประมุขเหยากวง นัยน์ตางดงามของประมุขเหยากวงกวาดมองคราหนึ่ง สายตาก็จับอยู่บนต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศที่อยู่ไกลออกไปต้นนั้น เมื่อเห็นว่าบนต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศฟูมฟักไข่สีทองออกมาฟองแล้วฟองเล่า นัยน์ตาของประมุขเหยากวงก็เปล่งประกายระยับออกมา นางยื่นมือออกไป ในมือมีพิณตัวหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วนางก็ดีดฉินด้วยมือเปล่า…
ท่วงทำนองดนตรีดังขึ้น ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดเป็นระลอกคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปกคลุมไปทุกทิศทุกทาง
ข้างกายประมุขเหยากวงก็คือบรรพชนห้วงอากาศผู้มีเส้นผมสีเขียวทั้งศีรษะ บรรพชนห้วงอากาศมองไปทั่วบริเวณรอบๆ อย่างเย็นชา แต่พอได้เห็นต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศแล้วก็ยังยากที่จะซ่อนเร้นความตื่นเต้นเอาไว้ได้เช่นกัน
“หมดกัน!” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองผู้เป็นยามรักษาการณ์ที่เดิมทีกำลังไล่ล่าสังหารร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ผู้นั้น หลังจากที่ได้เห็นประมุขเหยากวงและบรรพชนห้วงอากาศมาถึงแล้วก็สิ้นหวังขึ้นมาในทันใด
เมื่อใดที่เทพจักรวาลในบรรดาผู้บำเพ็ญมาถึง เช่นนั้นก็สิ้นไร้ความหวังแล้ว!
“ปัง…”
เป็นต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศระดับเกราะทองซึ่งเป็นระดับสูงสุด ถึงแม้ว่าจะทนทานและมั่นคงเป็นที่สุด แต่ประมุขเหยากวงลงมือด้วยตนเอง ภายใต้ท่วงทำนองระลอกคลื่น ไข่สีทองเหล่านั้นก็กลายเป็นผุยผงไปในทันใด ส่วนต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศก็เริ่มบิดเบี้ยว ต้านรับอยู่ได้เพียงแค่สองอึดใจเท่านั้น ทั้งต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศก็เริ่มพังทลาย มิติแห่งนี้ก็เริ่มพังทลายด้วยเช่นกัน
สำหรับฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่เป็นยามรักษาการณ์ผู้นั้น ก็สูญสลายไปภายใต้ท่วงทำนองระลอกคลื่นเสียแล้ว
“ไปกันเถิด”
กลางมิติที่พังทลาย ประมุขเหยากวงและบรรพชนห้วงอากาศกลับเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศจากไปอย่างอารมณ์ดีเป็นที่สุด สำหรับร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนั้น หลังจากที่ซ่อนเร้นรูปลักษณ์อำพรางตัวแล้วก็เลือนหายไป
……
ทางเดินโลกาพิศวง
‘อ๋อง’ ทั้งห้าของทางฝั่งฝูงมารผลาญทำลายมารวมตัวกัน
“สมควรตายนัก”
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“พวกเราเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด มียามรักษาการณ์มากมาย แม้กระทั่งพื้นที่ก็มีการอำพราง เหตุใดจึงยังถูกค้นพบได้อีกเล่า”
อ๋องทั้งห้าต่างก็เดือดดาลกันเป็นอย่างยิ่ง
สูญเสียรังระดับล่างไปสักสิบแห่งร้อยแห่งพวกเขาล้วนไม่สนใจ แม้กระทั่งสูญเสีย ‘รังระดับเกราะโลหิต’ ไปครึ่งหนึ่ง พวกเขาก็ยังสามารถเผชิญหน้าได้อย่างสงบเงียบ แต่ ‘รังระดับเกราะทอง’ ทุกแห่งนั้นพวกเขาล้วนให้ความสำคัญกันเป็นอย่างยิ่ง! เพราะว่านี่จึงจะเป็นแก่นสำคัญของพวกเขาฝูงมารผลาญทำลายอย่างแท้จริง จนกระทั่งตอนนี้ ‘ท่านอ๋อง’ ทั้งหมดสิบห้าคนที่ถือกำเนิดขึ้นมา ต่างก็บรรลุมาจากในฝูงมารผลาญทำลายระดับเกราะทองด้วยกันทั้งสิ้น ต่างก็ถือกำเนิดมาจากรังระดับเกราะทอง
รังระดับเกราะทองฟูมฟักฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของ ‘อ๋อง’ อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ที่สูญเสียรังระดับเกราะทองไปสองแห่ง พวกเขาก็เจ็บปวดใจมากเหลือเกินแล้ว แต่ในเวลานั้นพลังยุทธ์ของพวกเขาก็ยังอ่อนแอเกินไป สิ้นไร้หนทาง ตามพลังยุทธ์ทั้งร่างที่แข็งแกร่งขึ้น ยามรักษาการณ์และการเฝ้าระวังที่แข็งแกร่งขึ้น ก็ทำให้ไม่มีรังระดับเกราะทองถูกค้นพบมาเนิ่นนานมากเหลือเกินแล้ว
“ตอนนี้ก็มีรังระดับเกราะทองทั้งหมดเหลืออยู่เพียงหกแห่งเท่านั้น ทั้งยังถูกค้นพบอีกแห่งหนึ่งด้วย”
จักรพรรดิจวินนั่งอยู่ที่นั่น หางแต่ละส่วนรายล้อมอยู่รอบๆ นัยน์ตาทั้งคู่บนใบหน้าซูบผอมทอประกายโลหิต
หากเป็นแค่การที่ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองตายไปร้อยตน ขอเพียงแค่มีเวลามากพอก็สามารถฟูมฟักออกมาได้อีก
รังถูกทำลาย จึงจะเป็นการตัดรากถอนโคนอย่างแท้จริง!
“จากข่าวสารที่ได้รับ ศัตรูมิได้บุกเข้าไปจากทางเข้า หากแต่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ”
“คงจะเป็นการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น”
“ทางฝั่งผู้บำเพ็ญอาศัยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ร่างแปรร่างหนึ่งเพิ่งถูกส่งมายังรังระดับเกราะทองพอดี”
เหล่าอ๋องคนอื่นๆ ได้แต่ทอดถอนใจ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ แต่ก็ได้ทำการแทรกซึมทางฝั่งผู้บำเพ็ญแล้วได้รับรู้ข้อมูลมามากมาย รู้ว่า ‘การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น’ นั้นยิ่งระยะทางไกล ความคลาดเคลื่อนก็จะยิ่งมาก! ภายในพื้นที่รังระดับเกราะทองนั้นย่อมไม่มี ‘เครื่องหมายมิติ’ อยู่อย่างแน่นอน เช่นนั้นถึงจะทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ก็คงจะคลาดเคลื่อนไปเป็นอย่างมาก
ความคลาดเคลื่อนนี้ เบนเข้ามายังรังระดับเกราะทองพอดี
ถึงอย่างไรตลอดระยะเวลาอันเนิ่นนานมานี้ ทางฝั่งผู้บำเพ็ญก็ไปๆ มาๆ ผู้บำเพ็ญจำนวนมากเข้ามาทำการสำรวจอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เกิดเคราะห์ดีถูกส่งเข้าไปในรังระดับเกราะทองพอดีก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้
“พวกเขาโชคดีเกินไปเสียแล้ว”
“ถูกส่งเข้าไปในรังระดับเกราะทองพอดีอย่างนั้นน่ะหรือ”
พวกเขาแต่ละคนต่างก็รู้สึกโศกศัลย์
นัยน์ตาของจักรพรรดิจวินเยียบเย็นเช่นเคย เขาเงียบงันอยู่ชั่วครู่แล้วจึงพูดว่า “ตรวจสอบ คิดหาวิธีไปสืบหาข่าวคราว ดูว่าคราวนี้เป็นใครกันที่ค้นพบรังระดับเกราะทอง! จะต้องแน่ใจให้ได้ว่า…เขาบังเอิญค้นพบ หรือว่ามีเคล็ดวิชาพิเศษอันใดกันแน่”
ถ้าหากเป็นเพียงเพราะโชคดีก็แล้วไป ภัยคุกคามก็ยังไม่ใหญ่หลวงนัก
แต่ถ้าหากมีเคล็ดวิชาสำรวจจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นความยุ่งยากอันยิ่งใหญ่ของทางฝูงมารผลาญทำลายเสียแล้ว!
******
ภายในป้อมห้วงอากาศกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า การทำลายรังระดับเกราะทองแห่งหนึ่งในคราวนี้ทำให้การยกระดับพลังยุทธ์ของฝูงมารผลาญทำลายนี้เนิ่นช้าไปมากโขเลยทีเดียว มิได้มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่เช่นนี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว” บรรพชนเทียนอวี๋เอ่ยพร้อมรอยยิ้มตาหยี เหล่าเทพจักรวาลคนอื่นๆ ในที่นั้น รวมถึงพวกบรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกา บนใบหน้าของทุกคนล้วนปรากฏรอยยิ้มอันเห็นได้ยากยิ่ง มิได้มิได้มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่เช่นนี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้วจริงๆ
ในตอนแรก
พวกเขาเผชิญหน้ากับฝูงมารผลาญทำลายนั้นเป็นการบดขยี้ สังหาร ‘ผู้เป็นอ๋อง’ ไปสี่คน และทำลายรังระดับเกราะทองไปสองแห่งอย่างต่อเนื่อง
แต่ในตอนนี้บรรดา ‘อ๋อง’ เหล่านั้นร่วมมือกัน ก็อาจหาญเข่นฆ่าไปถึงนอกชายขอบมิติ และหลังจากนั้นก็ยังร่นถอยไปได้อย่างปลอดภัย! ถึงแม้ว่าทางฝั่งผู้บำเพ็ญจะยังคงครองความได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง แต่กลับมิอาจสังหารพวกเขาได้เลย แม้กระทั่งรังระดับเกราะทองก็มิได้ค้นพบมาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว ถึงขนาดเคยเชื้อเชิญ ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ เสียค่าใช้จ่ายเป็นศิลาปฐมโลกาจำนวนมหาศาล ก็ยังมิอาจค้นพบรังระดับเกราะทองสักแห่งหนึ่งได้เลย
“รังต่างหากที่เป็นรากอันแท้จริง ทำลายรากของพวกเขา พวกเราก็จะมีเวลาเพียงพอมากยิ่งขึ้น” บรรพชนทิพย์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
“หากอ้างอิงจากสิ่งที่พวกเราคาดการณ์นั้น ‘อ๋อง’ ก็บรรลุมาจากมารระดับเกราะทอง เช่นนั้นรังระดับเกราะทองก็ยิ่งมีความสำคัญเสียแล้ว เกรงว่าทางด้านฝูงมารผลาญทำลายก็คงจะโมโหจนแทบคลั่ง ตอนนี้พวกเขาก็คงมีผู้แกร่งกล้าจำนวนไม่น้อยแฝงตัวเข้ามาในมหาโลกทิพย์ทั้งห้าแล้วล่ะ” บรรพชนห้วงอากาศมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เมื่อข่าวที่ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นพบรังเกราะทองแพร่ออกไปแล้วฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวแทรกซึมอยู่รู้ข่าวนี้เข้า เกรงว่าคงจะโมโหตงป๋อเป็นแน่”
“อืม” เหล่าเทพจักรวาลคนอื่นๆ ก็พยักหน้า
“เรื่องนี้จะต้องเป็นความลับ” บรรพชนเทียนอวี๋พูด “มิอาจแพร่ออกไปข้างนอกได้”
“มิอาจแพร่ออกไปข้างนอก!” บรรพชนทิพย์ก็พยักหน้า สายตาของเขาก็จับอยู่บนร่างตงป๋อเสวี่ยอิง แล้วพูดยิ้มๆ อย่างหาได้ยาก “ประมุขตำหนักตงป๋อ เจ้าค้นพบรังระดับเกราะทองแห่งนี้ เป็นเพราะโชคดี หรือว่าเป็นเพราะมีเคล็ดวิชาพิเศษจริงๆ กันเล่า”
………………………………………………..