Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 24 การสืบเสาะ
โลกทิพย์นิจนิรันดร์ ภายใน ‘เมืองซีซาน’ ซึ่งเป็นเมืองโบร่ำโบราณอันหรูหราแห่งหนึ่ง มีผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน ที่นี่คือสถานที่ซึ่งยักษ์ใหญ่ขั้นอลวน ‘บรรพชนซีซาน’ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้น ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนวาดใันที่จะได้คารวะเข้าสู่สำนักของเขา ถึงแม้จะมิอาจเข้าสำนักได้ แต่ที่นี่ก็มีเขาคอยปกป้อง ผู้บำเพ็ญกลุ่มใหญ่จึงอยู่อาศัยด้วยความเต็มใจ
ณ หอสุราแห่งหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ขาวเนื้อหนานั่งอยู่ตรงมุมตามลำพังที่โต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะก็คือสุราอาหารชั้นเลิศอันเลื่องชื่อที่สุดของหอสุรา ถึงแม้ว่าจะกำลังกิน แต่กินไปแล้วหัวคิ้วกลับขมวดมุ่นอยู่ตลอดเวลา นี่ทำให้ผู้ดูแลของหอสุราที่อยู่ด้านข้างอดที่จะเข้ามาถามมิได้ว่า “หรือว่าสุราอาหารไม่ถูกปากท่านขอรับ”
“เจ้าถอยไปเสีย” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่งประโยคหนึ่ง
ผู้ดูแลของหอสุราถอยหลังกรูด ไม่ถามมากความอีก
ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วมุ่นเช่นเดิม “จะสืบเสาะอย่างไรเล่า ที่แท้แล้วควรจะสืบเสาะหาฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวอยู่เช่นไรดี”
โลกทิพย์ทั้งสามล้วนสนับสนุนอย่างสุดกำลัง ตอนนี้ข้อมูลข่าวสารจำนวนมากก็ถูกส่งมาให้ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นี่ แต่การมองดูทะเลข้อมูลก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจว่า…การจะเสาะหาฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้ามานั้นเป็นเรื่องยากเย็นอย่างยิ่ง! ฝีมือของเหล่าเทพจักรวาลก็นับได้ว่าสุดยอดแล้ว ขุมอำนาจภายใต้อิทธิพลก็นับว่าแข็งแกร่งเช่นกัน แผ่ไปทั่วทุกหนแห่ง แต่กลับมิอาจจับกุมฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้ามาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ครั้งเดียวก็ไม่มี!
มองดูข้อมูลในตอนนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจสาเหตุแล้ว
“ระแวดระวังเกินไป อีกทั้งพลังยุทธ์ก็ยังแข็งแกร่งเกินไปอีกด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
ในข้อมูลนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ‘ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวน’ ซึ่งถูกฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวอยู่สังหารมีทั้งสิ้นเก้าคน ตลอดระยะเวลาอันยาวนานจนกระทั่งถึงตอนนี้ โดยเฉลี่ยนแล้วล้านล้านปีจึงจะมียักษ์ใหญ่ขั้นอลวนคนหนึ่ง การเข่นฆ่าของพวกเขาส่วนใหญ่แล้วก็ยังมุ่งเป้าไปยังขุมอำนาจที่ค่อนข้างอ่อนแอกว่าอยู่สักหน่อย อย่างเช่นขุมอำนาจขนาดเล็กที่ ‘ขั้นรวมเป็นหนึ่ง’ ปกครองอยู่
ขุมอำนาจเช่นนี้มีมากมายเหลือคณา ถูก‘มารเหล่ากลืนกิน’ ทำลายทิ้งก็เห็นได้อยู่บ่อยๆ ดังนั้นฝูงมารผลาญทำลายลงมือก็เห็นได้ชัดเจนว่าไม่เป็นที่สะดุดตา
การที่ขุมอำนาจขนาดเล็กถูกกลืนกินล้างผลาญ แล้วสามารถแน่ใจได้ว่าเป็นฝีมือของฝูงมารผลาญทำลายก็มีเกินกว่าร้อยครั้ง! บวกกับที่อากาศอันสับสนอลหม่านกว้างใหญ่ไพศาล ขุมอำนาจขนาดเล็กถูกทำลายล้างก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อย เกรงว่าที่ไม่ถูกค้นพบก็จะมีมากมายยิ่งกว่า หลายพันครั้งก็มีความเป็นไปได้
ในทางกลับกันคาดว่า ‘ขั้นอลวน’ ก็มีเพียงแค่เก้าครั้งนั้นเท่านั้น!
เพราะการดับสูญของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนนั้นเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างยิ่ง การดับสูญของขั้นอลวนทุกคนล้วนสั่นสะเทือนใต้หล้า จะดึงดูดให้เหล่าเทพจักรวาลไปตรวจสอบ เป็นสิ่งที่มิอาจปกปิดได้ แต่ในทางกลับกัน การล่มสลายของขุมอำนาจขนาดเล็กกลับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยมาก
“จัดการยักษ์ใหญ่ขั้นอลวน โดยเฉลี่ยแล้วล้านล้านปีจึงจะมีสักครั้งหนึ่ง ช่างเนิ่นนานเหลือเกิน ข้าตรวจสอบขุมอำนาจขนาดเล็กแต่ละแห่งก็จะเหมาะสมกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงใคร่ครวญ “อีกทั้งสถานที่ที่ขั้นอลวนรักษาการณ์อยู่ เวรยามก็ยิ่งแน่นหนา ฝูงมารผลาญทำลายประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจเปิดเผยแล้ว! ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะอาศัยอยู่ที่สถานที่ห่างไกลบางแห่งก็ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงขึ้น”
“อืม…”
“ดูเหมือนว่าฝูงมารผลาญทำลายจะมีวิธีการล่วงรู้พลังยุทธ์ของผู้บำเพ็ญ แม้กระทั่งเทพจักรวาลซ่อนเร้นกลิ่นอาย พวกเขาก็สามารถล่วงรู้ได้ทั้งสิ้น”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การจะสืบเสาะพวกเขา เช่นนั้นก็ใช้วิธีการที่โง่เง่าที่สุดก็แล้วกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดไปคิดมา อ้างอิงจากสิ่งที่ตนเชี่ยวชาญ ตัดสินใจใช้กลยุทธ์การสืบเสาะของตนเอง
พลังยุทธ์และของวิเศษในการป้องกันของตน รวมถึงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ก็สามารถรับรองได้เพียงว่ายามที่ตนกำลังสืบเสาะฝูงมารผลาญทำลายนั้นมีหลักประกันในการรักษาชีวิตอย่างแน่นอน
สำหรับการสืบเสาะ ก็ยังจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ มิฉะนั้นการจะหาตัวฝูงมารผลาญทำลายที่เชี่ยวชาญการซ่อนเร้นพลังยุทธ์และกลิ่นอายเหล่านั้นท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านอันแสนกว้างใหญ่… ก็เป็นการงมเข็มในมหาสมุทรโดยแท้!
……
เมื่อตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ได้แน่นอนแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็เผยรอยยิ้มออกมา แล้วเริ่มต้นกินอย่างผ่อนคลาย กินอาหารเลิศรสตรงหน้าจนหมดเกลี้ยง พอจ่ายค่าสุราอาหารแล้วก็เดินออกมาจากหอสุรา
เพิ่งออกจากประตูหอสุรา ก้าวเดินบนท้องถนนกว้าง
“พรึ่บ”
มุมปากของตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ โลกลวงขนาดมโหฬารแห่งหนึ่งพลันปกคลุมเมืองขนาดมหึมาที่กินพื้นที่สิบล้านลี้แห่งนี้เอาไว้ สิงสาราสัตว์ภายในคูเมืองและผู้บำเพ็ญนับล้านล้านชีวิต แม้กระทั่ง ‘บรรพชนซีซาน’ ท่านนั้น แต่ละคนต่างก็ติดเข้าไปในเขตลวง ถึงอย่างไรบรรพชนซีซานก็เป็นเพียงแค่ยอดฝีมือระดับชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวคนหนึ่งเท่านั้น ระดับขั้นไม่นับว่าสูงมากนัก จิตใจก็นับว่าปกติธรรมดา แม้ว่าจะสามารถครองสติเอาไว้ได้อย่างทุลักทุเล รู้ว่าตนเป็นใคร! มิได้ถูกทำให้วิญญาณมืดบอดอย่างสิ้นเชิง แต่ก็จ่อมจมลงไปในสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถดิ้นรนออกมาได้
ในขณะนี้คูเมืองขนาดมหึมาจ่อมจมอยู่ภายในโลกลวงอย่างสมบูรณ์แบบ
มีอยู่เพียงคนเดียวที่ตื่น
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ขาวเนื้อหนาเดินไปบนถนนพลางส่ายศีรษะน้อยๆ “ทุกคนในเมืองซีซานต่างก็พากันติดอยู่ในเขตลวง อ้างอิงจากข้อมูล ฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้ามานั้นคงมีพลังยุทธ์แข็งแกร่งกันเป็นที่สุด ไม่ควรจะจ่อมจมลงไปอย่างง่ายดายเช่นนี้สิ! นอกจากนี้ ต่อให้จ่อมจม ‘ทางเดินโลกาพิศวง’ และ ‘ฝูงมารผลาญทำลาย’ ก็ไม่ควรจะไร้ปฏิกริยาใดๆ เช่นนี้”
อ้างอิงจากการตัดสิน ในเมืองซีซาน คงจะไม่มีฝูงมารผลาญทำลาย!
“แห่งต่อไป”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไป ห้วงมิติตรงหน้าก็บิดเบี้ยว เขาก้าวเข้าไปในนั้นแล้วก็หายลับตาไปมิอาจเห็นได้อีก
เขตลวงที่ปกคลุมเมืองซีซานก็เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกัน ทุกคนฟื้นสติกลับคืน หลังจากที่ผู้ที่ถูกทำให้สติรับรู้มืดบอดเหล่านั้นได้สติกลับคืนมาแล้ว ต่างก็ลืมประสบการณ์ทั้งหมดที่เกิดขี้นในเขตลวง มีเพียง ‘บรรพชนซีซาน’ ท่านนั้นที่ยังสามารถรักษาความทรงจำภายในเขตลวงเอาไว้ได้
“เขตลวงหรือ ข้าติดเข้าไปในเขตลวงถึงอึดใจหนึ่งเชียวหรือ” บรรพชนซีซานตัวสั่นเทิ้มอยู่บ้าง แม้กระทั่งเขาสำรวจทั่วทั้งเมืองซีซาน ในใจก็ยังไม่สงบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าสืบเสาะต่อไปอีกแล้ว
ถึงอย่างไรผู้ที่สามารถทำให้เขาจ่อมจมเข้าไปภายในเขตลวง ไม่สามารถหนีพ้นได้ชั่วอึดใจหนึ่งนั้น หากอยากสังหารเขาก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง
……
นี่คือโลกทิพย์กิเลนบูรพา ประเทศอื่นแห่งหนึ่งของดินแดนอันกว้างใหญ่ ภายในคูเมืองของประเทศแห่งนี้ก็มีผู้บำเพ็ญใช้ชีวิตอยู่เป็นจำนวนมาก
ในขณะนี้
เขตลวงปกคลุมไปทั่วทั้งประเทศ
บุรุษชุดขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากกลางเขตลวง “ที่นี่ไม่มีฝูงมารผลาญทำลายเช่นเดิม แต่ว่ามีสมาชิกสำนักทิพย์โบราณอยู่มากพอสมควรทีเดียว”
ไม่นานนัก
ข่าวหนึ่งถูกรายงานขึ้นไปเป็นทอดๆ โลกทิพย์กิเลนบูรพาก็ย่อมต้องส่งยอดฝีมือมาจัดการอยู่แล้ว
……
ใช่แล้ว
นี่ก็คือกลยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิง
วิธีการที่ดูเหมือนจะโง่เง่าอย่างยิ่งวิธีหนึ่ง ตรวจสอบแต่ละแห่งอย่างไร้ซึ่งแบบแผน! อาศัยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถไปมายังสถานที่ใดๆ ในโลกทิพย์ทั้งสามได้ตามอำเภอใจ แม้กระทั่งไปยังดินแดนบางแห่งในอากาศอันสับสนอลหม่านอันกว้างใหญ่ ก็ยังถูกเขตลวงอันใหญ่มหึมาแห่งหนึ่งปกคลุมไว้! สำหรับเขาแล้วฝูงมารผลาญทำลายที่แกร่งกล้าก็ควรจะสามารถกำจัดเขตลวงได้
อีกทั้งภายในเขตลวงที่ตนสร้างและควบคุม ก็เหนี่ยวนำข้อความของฝูงมารผลาญทำลายส่วนหนึ่ง ถ้าหากเป็นฝูงมารผลาญทำลายจ่อมจม ก็ควรจะถูกเปิดเผย!
น่าเสียดายที่ล้มเหลวทุกครั้ง…
ถึงอย่างไรเดิมทีฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้ามาก็มีน้อยนิดอย่างยิ่งอยู่แล้ว โลกทิพย์ทั้งสามและอากาศอันสับสนอลหม่านก็กว้างใหญ่ไพศาลเกินไป แม้กระทั่งเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง ทุกครั้งที่สำรวจก็คือเมืองแห่งหนึ่ง แต่ก็มิได้ค้นพบฝูงมารผลาญทำลายใดๆ เลยแม้แต่คนเดียว
ในทางกลับกัน ‘สำนักทิพย์โบราณ’ และ ‘ลัทธิจอมมารดา’ เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงสำรวจทุกหนแห่งอย่างไม่ย่อท้อต่อความลำบาก สำรวจแม้กระทั่งดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไปจำนวนหนึ่ง ก็ถูกเขาค้นพบสมาชิกไปไม่น้อย ถึงขนาดที่อาศัยเขตลวงค้นพบฐานที่มั่นจำนวนหนึ่งของสำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดา ทำให้สองสำนักใหญ่เกิดความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง
“นี่มันเรื่องอะไรกันนี่”
“เหตุใดจึงถูกเปิดเผยอีกแล้วเล่า”
สองสำนักใหญ่ต่างก็พากันฉงนใจ
ถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำแดงเขตลวงสำรวจทุกหนแห่งอย่างไม่ย่อท้อต่อความลำบาก แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่ล่วงรู้ ถึงอย่างไรขุมอำนาจขนาดเล็กโดยทั่วไป ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือขั้นรวมเป็นหนึ่ง ภายใต้เขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง จะสามารถครองสติรับรู้เอาไว้ได้อย่างไรกัน หลังจากที่เขตลวงผ่านไป ต่างก็จำไม่ได้เสียแล้ว สองสำนักใหญ่ก็ย่อมตรวจหาสาเหตุไม่พบมาโดยตลอด
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน…
ตงป๋อเสวี่ยอิงสืบเสาะหาฝูงมารผลาญทำลาย ประทับรอยเท้าไปทั่วทุกหนแห่ง เพียงพริบตาก็ผ่านไปสองพันล้านปีเศษแล้ว
………………………………………