Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 38 ปีศาจชาดสิบแปร
ภายในอากาศอันสับสนอลหม่าน สายน้ำสีดำแห่งหนึ่งมีแผ่นดินเล็กๆ รายล้อม บนแผ่นดินนั้นมีคูหาสำหรับบำเพ็ญ และมีสิ่งมีชีวิตหลายสิบล้านชีวิต นี่นับว่าเป็นสถานที่ที่เล็กมากแล้ว
สวบ
ชายหนุ่มอาภรณ์สีขาวหนาเตอะผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นกลางท้องฟ้าเหนือสายน้ำสีดำแห่งนี้พลางเหลือบมองลงไปยังแผ่นดินเล็กๆ ไกลออกไป เขตลวงแห่งหนึ่งก็ร่อนลงไปด้วย เนื่องจากไม่มีโลกทิพย์กดดัน ขอบเขตของเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงกว้างใหญ่ยิ่งนัก…แผ่นดินและสายน้ำนี้รวมกันยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยล้านส่วนของขีดจำกัดเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงเลย
แน่นอนว่านอกจากตงป๋อเสวี่ยอิงที่มีพลังสูงส่งแล้ว สาเหตุหลักก็เพราะพื้นที่ริมสายน้ำแห่งนี้มีขนาดเล็กมากอย่างแท้จริง
ผู้บำเพ็ญขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งซึ่งอยู่ที่นี่อย่างสันโดษมานานและชาวบ้านหลายสิบล้านคนล้วนตกเข้าสู่เขตลวง
“เอ๊ะ นี่ก็ไม่ใช่หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะเบาๆ
“เมื่อคาดการณ์จากรายงานครั้งแล้วครั้งเล่าที่เก็บรวบรวมมา ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะซ่อนตัวอยู่บริเวณนี้นั้นสูงกว่าจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ
ฝูงมารผลาญทำลายไม่มีการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น
พวกเขาเดินทางไปในโลกทิพย์และอากาศอันสับสนอลหม่านได้ยากลำบากมาก อย่างการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ที่พุ่งเป้ามายัง ‘ขั้นอลวน’ นั้น อาจจะตั้งใจเร่งเดินทางมานานแสนนานจนมาถึงสถานที่สักแห่งหนึ่ง ส่วนการเข่นฆ่าขนาดขนาดเล็กต่างๆ…เชื่อว่าฝูงมารผลาญทำลายก็ไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการเดินทางนานเกินไปนัก ดังนั้นจากจุดนี้ จึงสามารถร่างออกมาจากบริเวณโดยรอบซึ่งการ ‘กลืนกินเข่นฆ่า’ ค่อนข้างแน่นหนาได้!
บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเน้นไปที่การตรวจสอบบริเวณเหล่านี้เป็นหลัก น่าเสียดายที่มิได้สำเร็จมาตลอด อากาศอันสับสนอลหม่านนั้นใหญ่โตเกินไปแล้วจริงๆ
“อื้ม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสอดส่องทั่วทุกสารทิศผ่านรูทรงกลมหมอกดำ…เสาะหาสถานที่โดยรอบซึ่งมีสิ่งมีชีวิตต่อไป
เขาตรวจสอบดู อย่างน้อยก็ต้องตรวจสอบพวกที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ดู
หากฝูงมารผลาญทำลายซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ก็ต้องระมัดระวังตัวมากอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อสอดส่องผ่านรูทรงกลมหมอกดำจึงมิอาจตามรอยได้เลย
ภายใต้การสอดส่อง ภาพของสถานที่แห่งแล้วแห่งเล่าถูกตรวจตราได้อย่างง่ายดาย…
…ภูเขาแห่งหนึ่งระเบิดออก “ยังคงล้มเหลวอยู่ดี การทดสอบก็ล้มเหลว!” ผู้บำเพ็ญระบบทิพย์คนหนึ่งที่อยู่อย่างสันโดษร้องคำรามด้วยความโมโหอยู่บ้าง…
…มีชาวบ้านของแผ่นดินอลหม่านดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข…
…ภายในจักรวาลแห่งหนึ่งซึ่งนับถือลัทธิจอมมารดา…
……
นอกตำหนักเทพอันเก่าแก่ผุพังของแผ่นดินอลหม่านอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่งซึ่งมีสิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิต
มีผู้คนคุกเข้ากันอย่างแน่นขนัดนับล้านคน
“ใต้เท้าวายุเวหา วิงวอนท่านโปรดช่วยโลกของพวกเราด้วยเถิด”
“ใต้เท้าวายุเวหา วิงวอนท่านร่อนลงมาด้วยเถิด”
“ใต้เท้าวายุเวหา”
ผู้คนนับล้านกำลังร้องขอ พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้บำเพ็ญทั้งสิ้น ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นระดับเทพ
“จอมมารดาผู้ยิ่งใหญ่ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ทั้งปวง ขอเพียงสามารถช่วยเหลือโลกของพวกเราได้ พวกเราก็ยินดีจะนับถือพวกท่าน”
“จอมมารดา จอมเทพศักดิ์สิทธิ์”
“ช่วยเหลือโลกของเราด้วยเถิด”
ในจำนวนนั้นมีผู้คนมากมายที่ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ในสายตาของพวกเขามีเพียงความสิ้นหวัง เมื่อเทียบกันแล้วจักรวาลนั้นปิดทึบกว่าอยู่บ้าง แผ่นดินอลหม่านและโลกภายนอกมี่ข่าวสารเชื่อมโยงถึงกัน พวกเขาต่างก็รู้จักระดับขั้นการบำเพ็ญสูงสุด…ระดับเทพจักรวาล! และพวกเขาก็รู้ด้วยว่า ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘จอมมารดา’ ในตำนานยินดีที่จะรับความเชื่อ
แต่ว่าการเอ่ยนามในจักรวาลแห่งหนึ่งนั้นสามารถรับรู้ได้ แต่อากาศอันสับสนอลหม่านนั้นกว้างใหญ่กว่าตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ กฎเกณฑ์อันสูงส่งก็พิสดารยากเกินคาดเดากว่ากฎเกณฑ์ของจักรวาลมาก เพียงแค่เอ่ยนาม จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และจอมมารดาก็มิอาจรับรู้ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” หมอกลวงค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เงาร่างมหึมาสายหนึ่งคล้ายมีคล้ายไม่มี
“มันมาแล้ว”
“มันมาแล้ว”
“ไม่…”
ผู้คนที่กำลังคุกเข่าอ้อนวอนเหล่านี้พากันเผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมา
“พวกเจ้ากำลังร้องขอเจ้าปีศาจเฒ่าวายุเวหาอย่างนั้นหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า ปีศาจเฒ่าวายุเวหาเองก็ยังหนีไปแล้ว ไม่กล้ากลับมาอีก พวกเจ้ายังจะร้องขอเขาอีกรึ” เงาร่างอันใหญ่โตกลางหมอกลวงเปล่งเสียงออกมาดังก้องทั่วทั้งฟ้าดิน “ข้าเมตตามากแล้ว ทุกครั้งล้วนแต่กลืนกินไปเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น มิอาจทำร้ายรากฐานของทั้งโลกได้”
“เจ้ามารนี่”
“เจ้าเห็นคนทั้งหมดในโลกเราเป็นสัตว์ กินชุดหนึ่ง เลี้ยงอีกชุดหนึ่ง”
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ จอมมารดาเอ๋ย พวกเราวิงวอนท่าน สังหารมารร้ายตนนี้เสียเถิด”
ผู้คนเหล่านี้ต่างก็ตะโกนร้องขอ พลังแตกต่างกันมากเกินไป พวกเขาจึงแทบจะไม่มีโอกาสได้โจมตีกลับเลย เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย…พวกเขาก็ทำได้เพียงขอร้องอย่างลมๆ แล้งๆ เท่านั้น
“ขอร้องหรือ ฮ่าฮ่า พวกเจ้าขอร้องใครก็ไร้ประโยชน์” เงาร่างใหญ่โตกลางหมอกลวงหัวเราะเสียงดัง
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงสอดส่องผ่านทรงกลมหมอกดำก็เห็นภาพของบริเวณหนึ่งเข้า
ฟิ้ว
เขาส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นเข้าไปใกล้ๆ ก่อน เพื่อป้องกันมิให้แหวกหญ้าให้งูตื่น จากนั้นค่อยเคลื่อนที่ในพริบตาร่อนลงไปในแผ่นดินอลหม่านแห่งนี้
“ขอร้องไปเถิดๆ ขอร้องให้เสียงดังอีกหน่อย ฮ่าฮ่า” เงาร่างอันใหญ่โตก้มหน้าลง หมายจะเริ่มกลืนกินแล้ว
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ
ตู้ม
เขตลวงอันมหึมาหาใดเปรียบแห่งหนึ่งร่อนลงไป ไม่เพียงแต่ปกคลุมผืนดินแห่งนี้เอาไว้เท่านั้น แต่ยังปกคลุมบริเวณร้อยเท่ารอบผืนดินนี้เอาไว้อีกด้วย
สิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิต ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศที่กบดานอยู่นอกพรมแดนของแผ่นดินอลหม่านล้วนตกเข้าสู่เขตลวงจนสิ้น พวกเขาแต่ละคนเมื่ออยู่ในเขตลวงก็มีประสบการณ์และชีวิตของตนเอง จึงสามารถรู้ถึงประสบการณ์ผ่านมาและสิ่งที่ใฝ่ฝันของสิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิตผ่านเขตลวงได้ เมื่ออยู่ในเขตลวง ตงป๋อเสวี่ยอิงยังถึงขั้นให้โอกาสกับพวกเขาอีกด้วย
บางคนพบโอกาสในเขตลวง ถึงขั้นได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดสำหรับบำเพ็ญ
บางคนเมื่ออยู่ในเขตลวงก็มีเวลามากพอให้เคี่ยวกรำศาสตร์กระบี่ที่ร้ายกาจออกมาได้
……
รอจนตื่นขึ้นมา
ส่วนใหญ่ทั่วทั้งแผ่นดินอลหม่านก็ลืมเลือนไปหมดแล้ว ถึงขั้นไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้ตกเข้าสู่เขตลวง ส่วนบางคนที่ผ่านการทดสอบของตงป๋อเสวี่ยอิงและได้รับโอกาสหรือการเคี่ยวกรำ กลับจำทุกสิ่งที่ประสบในเขตลวงได้อย่างชัดเจน พลังก็เพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก เคล็ดวิชาสืบทอดที่ได้รับยังแข็งแกร่งกว่าเคล็ดวิชาสืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดบนผืนดินแห่งนี้มากนัก
ส่วนมารร้ายน่ะหรือ
มารร้ายที่ตกอยู่ในเขตลวง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถือโอกาสสังหารเสียเลย
“หาไม่พบอยู่ดี ทว่าก็มีพวกคนที่พอใช้ได้อยู่บ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มก่อนจะจากแผ่นดินอลหม่านแห่งนี้ไป
สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนภายในแผ่นดินอลหม่านที่ตื่นขึ้นมามีจำนวนน้อยนิดที่ยังคงจำอาจารย์ ผู้อาวุโสและบุคคลระดับสูงที่พบในเขตลวงได้
“ท่านบรรพชนเสวี่ยอิงหรือ”
“ท่านประมุขเกาะตงป๋อหรือ”
“แขกตงป๋อหรือ”
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงท่องไปตามที่ต่างๆ ต่อไป เพื่อเสาะหาร่องรอยของฝูงมารผลาญทำลาย
ระหว่างที่สำแดงเขตลวงนั้น เขาก็ท้าทายขีดจำกัดของตนเองไม่หยุด บัดนี้เขาสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตหลายล้านล้านชีวิตพบโอกาสของแต่ละคนได้ ถึงขั้นมีกฎของตนเอง ไม่ยุ่งเหยิงปะปนกันแม้แต่น้อย เมื่อใช้ชีวิตใน ‘โลกเขตลวง’ แต่ละคนล้วนมีชีวิตที่เหมือนจริง กฎเกณฑ์ภายในหมุนเวียนแทบไม่แตกต่างกับการหมุนเวียนของจักรวาลในความเป็นจริงเลย
สิ่งที่ศึกษาสำเร็จในโลกเขตลวงแล้วฝึกฝนจนพลังยกระดับขึ้น ก็เป็นการยกระดับอย่างแท้จริง!
ภายในเขตลวง เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็อาจจะผ่านไปกว่าร้อยปีแล้ว และการบำเพ็ญร้อยปีนี้เป็นการยกระดับขึ้นอย่างแท้จริง และนี่ก็คือ ‘ศาสตร์การเร่งเวลา’ ที่ยอดเยี่ยมมาก
“เอ๊ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่านอันเวิ้งว้างเพียงลำพัง เขาวาดมือไปคราหนึ่ง โลกเขตลวงแห่งหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น แล้วปกคลุมไปทางสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งผู้บำเพ็ญเก็บตัวอย่างสันโดษอยู่ไกลออกไป
แต่ระหว่างที่สำแดงออกมานั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเกิดความรู้สึกงดงามออย่างแปลกประหลาดชนิดหนึ่งขึ้นมา
งดงามเกินไปแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยมีประสบการณ์คิดค้น ‘บุปผาผลาญทำลาย’ มาแล้ว เขาเผยสีหน้ายินดีออกมา สถานที่อันสันโดษไกลออกไปก็ไม่มีฝูงมารผลาญทำลายอยู่เช่นกัน แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย กลับยินดีจนแทบคลั่งเสียด้วยซ้ำไป
“โลกเขตลวงแห่งนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นหาใดเปรียบ “ในที่สุด ในที่สุดก็สำเร็จแล้วหรือนี่”
เขาใฝ่ฝันมาตลอด
ใฝ่ฝันว่าจะยกระดับ ‘วิถีโลกเทียม’ ล้วนๆ ขึ้นไปถึงระดับชั้นที่เก้าให้จงได้ ต้องรู้เอาไว้ว่าต่อให้เป็นขั้นสุดของเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดก็เป็นเพียงแค่ปีศาจชาดเก้าแปรเท่านั้น…และนั่นก็เป็นเพียงพลังระดับชั้นที่แปด บนวิถีสายหนึ่ง จะบรรลุถึงระดับชั้นที่เก้าได้นั้นก็ยากเสียยิ่งกว่ายาก ตงป๋อเสวี่ยอิงจากปราการอากาศไปเพียงหลายหมื่นล้านปีก็คิดค้นบุปผาผลาญทำลายกระบวนท่าที่สามขึ้นมาได้แล้ว
แต่บัดนี้เมื่อจากปราการอากาศไป ก็นานถึงกว่าล้านล้านปีไปแล้ว การสั่งสมของเขาเพียงพอมาตั้งนานแล้ว และได้รับรู้เกี่ยวกับเทพจักรวาลด้วยตนเอง
ทว่าจะก้าวเข้าสู่ก้าวนี้ได้นั้นก็ยากเสียยิ่งกว่ายาก
“โลกเขตลวงระดับชั้นที่เก้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก โลกเขตลวงนี้มีระดับขั้นของเทพจักรวาลอยู่บางส่วนแล้ว อย่างน้อยบางจุดก็ยังคงมีการขาดตกบกพร่องอยู่บ้าง จึงยังเป็นเพียงระดับชั้นที่เก้าเท่านั้น
“เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดของข้า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำหนดจิตคราหนึ่ง แล้วเริ่มปรับปรุงโครงสร้างของโลกเขตลวงภายในเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดของตนทันที
ตู้ม…
ที่ผ่านมาเขาก็เคยแก้ไขโลกเขตลวงของเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดอยู่หลายครั้ง แต่กลับมิได้เปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปแล้ว
“โครมมม…” วิญญาณกำลังดังอื้ออึง
การเปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้ของเคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้น
เสียงร้องแหลมดังกังวานกึกก้องทั่วอากาศอันไร้ที่สิ้นสุด ‘ปีศาจชาด’ ขนาดใหญ่โตอันงดงามตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นด้านหลังตงป๋อเสวี่ยอิง มันใหญ่โตหาใดเปรียบ ปีกสีแดงเพลิงแผ่คลุมไปทั่วทุกทิศทุกทาง ความแข็งแกร่งของอานุภาพทำให้ภายในบริเวณล้านล้านลี้โดยรอบมีโลกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ภายในโลกเขตลวงมีสรรพชีวิตค่อยๆ ถือกำเนิดขึ้นมา สำหรับสรรพชีวิตเหล่านั้นแล้ว โลกเขตลวงนี้ก็คือความเป็นจริง…
เห็นได้ชัดว่าโลกเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง เมื่อเทียบกับจักรวาลจริงๆ แล้วก็แทบจะไม่แตกต่างกันเลย
“นี่ก็คือปีศาจชาดสิบแปร” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำเบาๆ เขาสัมผัสได้ว่าวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น
………………………………..