Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 1 ฟื้นคืนสติ
ตงป๋อเสวี่ยอิงประหลาดใจเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้มองไม่เห็น อีกทั้งยังไม่สามารถรับสัมผัสได้ หลังจากที่เข้าไปใกล้แล้วป้ายสัญลักษณ์ก็ถึงกับปรากฏชัดขึ้นมา ตนเองก็สามารถส้มผัสถึงมันได้แล้ว
“ป้ายคำสั่งจิตโลกาหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไปหยิบเอาป้ายคำสั่งจิตโลกามา ตอนแรกที่ป้ายคำสั่งจิตโลกาเข้ามาอยู่ในอุ้งมือก็มีความเยียบเย็นอยู่บ้างแล้วก็ค่อยๆ อุ่นร้อนขึ้นมา ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้าสงสัยออกมา ด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ ความเข้าใจในความลึกลับและวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่ก็มากมายเป็นที่สุด ทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ มาก่อนเลย แต่เขาก็สามารถมองออกได้ว่าป้ายคำสั่งจิตโลกานี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นป้ายคำสั่งอันหนึ่งที่มีอักษรสัญลักษณ์ หรือว่าจะเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือผู้ลึกลับสักคนหนึ่งหลอมขึ้นมากันหนอ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านก็มีวัตถุลึกลับที่มีที่มาอันเป็นปริศนาอยู่จำนวนหนึ่งจริงๆ ป้ายคำสั่งจิตโลกานี้ดูคล้ายว่าจะเป็นหนึ่งในนั้น ทันใดนั้นก็เริ่มต้นหยั่งรู้แทรกผ่านตรวจดูป้ายคำสั่งจิตโลกานี้
พรึ่บ
ในขณะที่หยั่งรู้แทรกผ่านป้ายคำสั่งจิตโลกาในมืออยู่นั้นเอง ทันใดนั้น… ‘สวบ’ ป้ายคำสั่งจิตโลกาหลอมแปรในทันใด ระลอกคลื่นพลันเจาะเข้าไปภายในวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงตามการหยั่งรู้
“ท่าไม่ดีแล้วสิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจจนสะดุ้งคราหนึ่ง วิญญาณก็คือแก่นแห่งชีวิตของผู้บำเพ็ญ วัตถุภายนอกนี้เจาะเข้าไปในวิญญาณยังถือเป็นเรื่องดีอยู่อีกหรือ
“ฟิ้ว”
ป้ายคำสั่งจิตโลกาเปลี่ยนเป็นพลังสีแดงเข้มขุมหนึ่งแทรกเข้าไปภายในดวงวิญญาณ พัวพันสอดแทรกอยู่ภายใน ในขณะเดียวกันนั้นข้อมูลจำนวนมหาศาลก็ถ่ายทอดไปให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อยๆ เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ป้ายคำสั่งจิตโลกาเป็นสิ่งที่บุคคลผู้ลึกลับเป็นที่สุดที่เรียกตัวเองว่า ‘หยวน’ หล่อหลอมขึ้นมา และเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยผู้บำเพ็ญรุ่นหลังในการบำเพ็ญ
กระตุ้นพลังของ ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ ภายใต้การคุ้มครองของพลังของป้ายคำสั่งจิตโลกา แต่เมื่อวิญญาณแท้กลับชาติมาเกิด เข้าสู่โลกขนาดมหึมาอีกโลกหนึ่งที่ไม่ด้อยไปกว่า ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’…ดินแดนจิตโลกา! ดินแดนจิตโลกา เป็นระดับเดียวกันกับอากาศอันสับสนอลหม่าน แต่พื้นฐานลึกล้ำกว่า อีกทั้งยังเคยมีประสบการณ์ผ่านโลกกำเนิดกฎเกณฑ์สูงสุดสองแห่งที่แตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง ก็มีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างมากต่อการเป็นเทพจักรวาล
ค้างอยู่ที่ ‘จุดคอขวดขั้นอลวน’ สามารถเลือกกระตุ้นป้ายคำสั่งจิตโลกา กลับชาติมาเกิดในดินแดนจิตโลกาได้! ผ่านการขัดเกลาของโลกกำเนิดสองแห่ง ความหวังในการเป็นเทพจักรวาลก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น บวกกับพื้นฐานของดินแดนจิตโลกาที่ลึกล้ำยิ่งขึ้น…
แต่ทว่า
เมื่อใดที่กลับชาติมาเกิดผ่านพ้นไปแล้วก็จำเป็นต้องเป็นเทพจักรวาล! จึงจะสามารถกระตุ้นป้ายคำสั่งจิตโลกาได้อีกครั้ง ได้กลับชาติมาเกิดยังอากาศอันสับสนอลหม่าน
ไปๆ มาๆ พลังของป้ายคำสั่งจิตโลกาก็แทบจะหมดสิ้นไป
“กลับชาติมาเกิดหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กล้าเชื่อ “คงมิใช่แผนร้ายอันใดหรอกกระมัง”
ภายในจักรวาลก็มีการกลับชาติมาเกิด
ดังเช่นในตอนนั้นอวี๋จิ้งชิวผู้เป็นภรรยาก็กลับชาติมาเกิดในโลกวัตถุ วิญญาณแท้กลับชาติมาเกิด เช่นนี้จึงจะไม่ถูกโลกวัตถุขับไล่! แต่ยามที่เป็นเทพแล้วจึงจะสามารถปลุกความทรงจำให้ฟื้นคืนขึ้นมาได้
และอ้างอิงจากที่ป้ายคำสั่งจิตโลกาได้บอกเอาไว้…เพราะว่ามีป้ายคำสั่งจิตโลกาคุ้มครอง กลับชาติมาเกิดเข้าสู่ดินแดนจิตโลกา ความทรงจำก็สามารถถูกรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มิได้ถูกบิดเบือน
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงจะกล้าเชื่ออย่างนั้นหรือ
“โยนทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง ละทิ้งร่างกายและดวงวิญญาณของข้าในตอนนี้อย่างนั้นหรือ นี่ก็มิใช่การฆ่าตัวตายหรืออย่างไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “นอกจากนี้ข่าวลือที่แพร่สะพัดออกไปเกี่ยวกับป้ายคำสั่งจิตโลกาก็เป็นเรื่องจริง คนที่ชื่อ ‘หยวน’ ผู้นั้นหลอมป้ายคำสั่งนี้ขึ้นมาด้วยเจตนาดีแน่หรือ ไม่แน่ว่าอาจเป็นแผนร้ายก็ได้”
ถึงแม้ว่าอาจเป็นไปได้ว่าผู้แกร่งกล้าผู้ลึกลับที่ชื่อ ‘หยวน’ ผู้นี้อาจมีเจตนาดีให้โอกาสกับเหล่าผู้บำเพ็ญอีกครั้งก็เป็นได้
แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง…
หยวน อาจมีแผนร้ายอยู่! อย่างเช่นให้ตนเองละทิ้งร่างกายและดวงวิญญาณ วิญญาณแท้จำนวนหนึ่งเข้าสู่ป้ายคำสั่งจิตโลกา…ไม่แน่ว่าป้ายคำสั่งจิตโลกาก็อาจจะอาศัยโอกาสชิงร่างก็เป็นได้!
“เกรงว่าผู้บำเพ็ญที่ค้างอยู่ที่ขีดจำกัดขั้นอลวนเป็นระยะเวลาเนิ่นนานจนสิ้นหวังแล้วจึงจะยอมเทหมดหน้าตักเลือกเส้นทางนี้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพลางแอบครุ่นคิด ไม่ว่าอย่างไร เขา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ระยะเวลาในการบำเพ็ญยังแสนสั้นนัก ก็สำเร็จเคล็ดวิชาระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดถึงสองอย่างแล้ว เขามีความมั่นใจอย่างยิ่งในการเหยียบย่างเข้าสู่เทพจักรวาลของตน
ย่อมไม่ไป ‘วางเดิมพัน’ กระตุ้นป้ายคำสั่งจิตโลกาอะไรนั่นอยู่แล้ว
“ออกไป!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงขับไล่พลังสีแดงเข้มที่พัวพันอยู่ภายในดวงวิญญาณของตนขุมนั้นออกไปในทันที ถึงอย่างไรพลังแปลกปลอมเข้าไปพัวพันกับแก่นวิญญาณ เขาก็มิอาจวางใจได้
พรึ่บๆๆ…
ไม่ว่าจะขับไล่อย่างไรพลังแปลกปลอมที่ป้ายคำสั่งจิตโลกาสร้างขึ้นก็ยังพัวพันอยู่ภายในดวงวิญญาณ ทำอย่างไรก็มิอาจไล่ออกไปได้
“สมควรตายนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าแปรเปลี่ยน
พอตนเองตรวจสอบมันก็เจาะเข้ามา ตอนนี้ขับไล่ก็มิอาจขับไล่ได้
“ป้ายคำสั่งอันหนึ่งก็สามารถฝืนบังคับบุกรุกเข้ามาภายในดวงวิญญาณของข้าได้ ข้าขับไล่ก็ไม่ยอมไป วิธีการนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “ที่แท้แล้วผู้ที่ชื่อ ‘หยวน’ ผู้นี้เป็นใครกัน ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ ฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ ข่าวลือที่แพร่ออกไปของป้ายคำสั่งจิตโลกานี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นความจริงเสียแล้ว”
เป็นไปได้ว่าจะเป็นความจริง
แล้วก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นเท็จ
เขา ตงป๋อเสวี่ยอิง มีอนาคตอันสดใส ย่อมมิอาจละทิ้งร่างกายและวิญญาณได้อยู่แล้ว
“ขับไล่ไม่ไป ก็ได้แต่โยนทิ้งไปทางหนึ่งเป็นการชั่วคราวก่อนแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจอยู่บ้าง “แต่ดินแดนจิตโลกาที่พูดถึงในข่าวลือ… ถึงกับเป็นโลกกำเนิดระดับขั้นเดียวกันกับอากาศอันสับสนอลหม่านเชียวหรือ มีกฎเกณฑ์สูงสุดที่แตกต่างกันอย่างนั้นหรือ นอกจากนี้ยังมีพื้นฐานอันลึกล้ำยิ่งกว่าอีกด้วยเช่นนั้นหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงครุ่นคิดขึ้นมา
นับตั้งแต่ที่สามารถทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ เขาก็สามารถสอดแนมสิ่งมีชีวิตที่มีระดับสูงกว่าผ่านโพรงทรงกลมหมอกดำได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เคยคิดว่าอากาศอันสับสนอลหม่านนี้อาจจะมิได้เป็นหนึ่งไม่มีสองเสียแล้ว
ตอนนี้ดูจากป้ายคำสั่งจิตโลกา ‘ดินแดนจิตโลกา’ ก็มีระดับขั้นเดียวกันกับอากาศอันสับสนอลหม่าน อีกทั้งยังมีพื้นฐานลึกล้ำยิ่งกว่ามาก
******
ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจที่มิอาจได้ป้ายคำสั่งจิตโลกามา อีกทั้งยังไม่คิดจะละทิ้งร่างกายและวิญญาณไปกลับชาติมาเกิดใหม่ ดังนั้นจึงปล่อยทิ้งไปทางหนึ่งเป็นการชั่วคราวก่อน
……
กลางอากาศอันสับสนอลหม่าน
มี ‘ทะเลเพลิง’ อันกว้างใหญ่หาใดเปรียบอยู่แห่งหนึ่ง ที่จุดศูนย์กลางของทะเลเพลิง มีดาวเคราะห์เพลิงขนาดมหึมาหาใดเปรียบอยู่ดวงหนึ่ง พลานุภาพของมันเป็นอนันต์ไร้ที่สิ้นสุด ถึงขนาดที่บรรดาเทพจักรวาลเหล่านั้นล้วนต้องหน้าถอดสีเมื่อเผชิญหน้ากับมัน ถ้าหากเข้าใกล้เกินไปร่างกายก็อาจถูกเผาไหม้เป็นจุณได้
ดาวเคราะห์เพลิงดวงนี้ก็คือ ‘ดวงอาทิตย์’ แห่งยุคโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมดวงนั้นนั่นเอง
ในตอนนั้น…
โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมก็มีดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่มหึมาที่สุดอยู่ดวงหนึ่ง และดวงจันทร์ดวงหนึ่งล้อมรอบอยู่ ต่อมาเมื่อโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลาย ดวงอาทิตย์ที่ดั้งเดิมที่สุดดวงนี้ก็ย่อมล่องลอยจากไป… ถึงอย่างไรโลกทิพย์โบราณในตอนนี้ก็เล็กเกินไป ย่อมไม่สามารถรองรับแรงกดดันซึ่งดวงอาทิตย์ดั้งเดิมที่สุดดวงนี้และดวงจันทร์ที่ล้อมรอบอยู่สร้างขึ้นมาได้อยู่แล้ว
มันล่องลอยอยู่ที่นี่ กดดันทั่วทั้งสี่ทิศ
มันก็คือการสำแดงบางส่วนของกฎเกณฑ์สูงสุด แสดงถึงความร้อนและการเผาไหม้ในระดับสูงสุด!
สำหรับเทพจักรวาลแล้วก็ยังเป็นภัยคุกคามถึงชีวิต
“ปุ้ง…”
ภายในดวงอาทิตย์ดั้งเดิมมีการระเบิดอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีเปลวเพลิงที่ม้วนตัวราวกับมังกร และในขณะนี้เอง เงาร่างสีดำขนาดมหึมาหาใดเปรียบสายหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์ดั้งเดิม การปรากฏตัวนี้ของเขาดูเหมือนจะเป็นราวๆ หนึ่งในสามส่วนของทั้งดวงอาทิตย์ดั้งเดิมเลยทีเดียว มันออกมาแล้วทำให้เปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่โดยรอบเงียบสงบลงมาอย่างมากในชั่วขณะหนึ่ง
“หลับใหลนิทราอยู่ดีๆ ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียได้” เงาร่างสีดำขนาดมหึมาหาใดเปรียบนี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
นัยน์ตาสีเหลืองเข้มขนาดมหึมาคู่นั้น ประกายตาราวกับทะลุผ่านกาลมิติ
มันมีกระดองขนาดใหญ่
บริเวณส่วนท้องมีเกล็ดเกราะชิ้นแล้วชิ้นเล่าแน่นขนัดราวกับชุดเกราะเกล็ดหินก็มิปาน คอของมันค่อนข้างมั่นคงแข็งแรง กะโหลกศีรษะก็ดูเหี้ยมโหดเป็นที่สุด
พร้อมกันกับที่เงาร่างเปลี่ยนแปร
เงาร่างมหึมาที่ครองพื้นที่หนึ่งในสามของพื้นผิวดวงอาทิตย์ดั้งเดิมพลันแปลงร่างเป็นชายชราร่างผอมเล็กคนหนึ่ง เขาผอมบางอย่างที่สุด ผอมเสียจนหนังหุ้มกระดูก ต่างก็ว่ากันว่า ‘บรรพชนโลกา’ ตัวผอมเล็กยิ่ง แต่เมื่อเทียบกันแล้วร่างกายของชายชราผู้นี้ยังผ่ายผอมกว่าบรรพชนโลกามากมายนัก จนดูเหมือนว่าลมหอบหนึ่งก็สามารถพัดพากระดูกชรานี้ให้ลอยปลิวไปได้แล้ว
ชายชราร่างผอมเล็กนี้ค้ำยันบนไม้เท้า อีกทั้งยังมีหลังค่อม เขากระแอมสองครั้ง “ผู้ใดกันที่เหนี่ยวนำกลิ่นอายของข้า อีกทั้งยังปลุกข้าขึ้นมาอีกด้วย”
………………………………..