Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 12 บีบบังคับ
พลังสีแดงเข้มที่เกิดจากป้ายคำสั่งจิตโลกาเกี่ยวกระหวัดอยู่ที่ส่วนลึกของดวงวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถกำจัดออกไปได้ ในขณะนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งวิญญาณแท้แทรกเข้าไปภายในพลังสีแดงเข้มนี้ แทรกเข้าไปโดยสมบูรณ์ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมี ‘ความรู้สึกกระตือรือร้นที่จะลอง’ ชนิดหนึ่งอีกด้วย ถึงขนาดที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถสัมผัสได้ถึงโลกภายนอกอากาศอันสับสนอลหม่านได้อย่างรางๆ
ก็เหมือนกับที่ตนสอดแนมโลกระดับขั้นที่สูงขึ้นอีกผ่านโพรงทรงกลมหมอกดำ แต่การสอดแนมเช่นนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
ตอนนี้วิญญาณแท้ดวงหนึ่งแทรกเข้าไปในพลังของป้ายคำสั่งจิตโลกา แต่กลับสามารถสัมผัสได้ถึงความกว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตของด้านนอกอากาศอันสับสนอลหม่าน ถึงขนาดที่มีระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นที่ไม่ด้อยไปกว่าโลก ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ เคลื่อนเข้ามา
“เพียงแค่ความคิดวูบเดียวเท่านั้นก็สามารถกระตุ้นได้แล้วหรือ” ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกเข้ามาก็เข้าใจแล้ว
ป้ายคำสั่งจิตโลกาเป็นสิ่งที่ ‘หยวน’ บุคคลโบราณผู้ลึกลับหลอมขึ้น ช่วยให้ผู้บำเพ็ญกลับชาติมาเกิด มุ่งหน้าไปยังโลกขนาดมหึมาอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ด้อยไปกว่าอากาศอันสับสนอลหม่าน…ดินแดนจิตโลกา!
อยากจะคุ้มครองวิญญาณแท้ อีกทั้งยังเคลื่อนย้ายจากอากาศอันสับสนอลหม่านไปถึงยังดินแดนจิตโลกา ทั้งยังกลับชาติมาจุติ ที่บริโภคก็ล้วนเป็นพลังของป้ายคำสั่งจิตโลกาทั้งสิ้น! แม้กระทั่งพลังของร่างกายตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ไร้ประโยชน์ ระดับขั้นเช่นเขานี้ย่อมทำไม่ได้ถึงขนาดนี้อยู่แล้ว
ภายใต้สถานการณ์ปกติ…
ล้วนเป็นเพราะการบำเพ็ญเข้าสู่จุดคอขวดนานเกินไปจนใกล้จะสิ้นไร้ความหวังแล้วจึงค่อยละทิ้งร่างกายและวิญญาณ เลือกให้วิญญาณแท้กลับชาติมาจุติ
คิดจะกลับมาอย่างนั้นหรือ
ต้องเป็นเทพจักรวาล จึงจะสามารถกระตุ้นพลังของป้ายคำสั่งจิตโลกาได้อีกครั้ง หากมิได้บรรลุ หรือว่าตายอยู่ที่ดินแดนจิตโลกาก็จะมิอาจกลับมาได้ไปตลอดกาล
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าข้า ตงป๋อเสวี่ยอิง จะถูกกดดันจนถึงขนาดนี้ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมขื่นใจ
“โครม”
ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงถูกโยนเข้ามาภายในโถงตำหนักแล้วกระแทกเข้ากับเสาตำหนักที่อยู่ด้านข้าง ร่างกายพิงเสาตำหนักแล้วยืนขึ้นมาช้าๆ เขาถูกผนึกพลังยุทธ์เอาไว้ แม้กระทั่งวิญญาณก็ถูกผนึกด้วยเช่นกัน ก็สามารถใช้ได้เพียงพลังร่างกายที่เป็นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น พลังร่างกายนี้ภายใต้สถานการณ์ปกติก็ทำไม่ได้แม้แต่การฆ่าตัวตาย ถึงอย่างไรระดับชีวิตของเขาก็สูงส่งเกินไป พลังร่างกายนี้ของเขาไม่สามารถทำร้ายวิญญาณได้ แต่อาศัย ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับสามารถกลับชาติมาจุติได้ ก็นับได้ว่าเป็นอีกระดับหนึ่งของการฆ่าตัวตาย
ภายในโถงตำหนักเต็มไปด้วยความเงียบสงบ เหล่าข้ารับใช้ต่างก็มิกล้าส่งเสียงอยู่ที่ด้านหนึ่ง
แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์กลับเดินไปถึงเตียงศิลาดำด้านบนอย่างสบายๆ แล้วนั่งขัดสมาธิลง แล้วมองลงมายังตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่เบื้องล่างพลางเปิดปากพูดว่า “ตงป๋อเสวี่ยอิง ข้ารับรองได้ว่าขอเพียงแค่เจ้าฟังคำแต่โดยดี เจ้าก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นี่คือคำสัญญาของข้า ไม่มีทางบิดพลิ้วเพราะเจ้าเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้าหรอก”
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลงมือจัดการข้าด้วยตัวเอง ช่างเป็นเกียรติแก่ข้าเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างสงบ
“มหาโลกทิพย์ทั้งห้าแห่งอากาศอันสับสนอลหม่าน ผู้ที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้ก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ผู้ที่มีศักยภาพมากที่สุดก็คือจอมกระบี่แห่งวังทวีสูญของพวกเจ้าผู้นั้น ทำให้ข้าสูญเสียไปเล็กน้อย” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่งอยู่ที่นั่น “ได้ยินมาว่าพรสวรรค์ของเจ้าก็ไม่เลวเลยทีเดียว บำเพ็ญได้รวดเร็วเป็นที่สุด ไม่แน่ว่าสักวันก็อาจจะได้เป็นเทพจักรวาลก็ได้ ถ้าหากมาตายไปเช่นนี้ก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยนะ”
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มีสิ่งใดจะขอ ได้โปรดพูดมาตรงๆ เลยเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ได้ยินมาว่าเจ้าสำเร็จเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักย่อยของทางสายประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยนั่นแล้วหรือ” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์พูด “ข้ามีความสนใจเป็นอย่างยิ่งทีเดียว”
“เคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักย่อยหรือ ช่างสมกับที่เป็นพวกเขาจริงๆ เชียว” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ค่อนข้างเดือดดาล
โหดร้ายเกินไปแล้ว
ตนเองย่อมไม่เคยศึกษาเคล็ดการบำเพ็ญใดๆ ทางสายของพวกเขานั้นอยู่แล้ว เพียงแค่ค้นพบว่าการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นของตนเหมือนกันกับของพวกเขา ก็เข้าใจว่าตนลักลอบศึกษา ลอบสังหารตนล้มเหลวก็แล้วไปเถิด ถึงขนาดที่แม้กระทั่งจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังล่วงรู้ จนจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงกับลงมือด้วยตนเอง
“สมควรตาย” ถึงแม้ว่าจะรังเกียจโกรธแค้นทางพวกประมุขหอหมื่นโลกา แต่ก็หมดหนทาง ร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนของประมุขหอหมื่นโลกา อีกทั้งยังไม่ต้องพูดถึงว่า ว่ากันว่าจ้าวภูเขาฉื้อเหมยมีร่างแยกหนึ่งที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างมิอาจหาได้พบ ผู้ใดก็ไม่สามารถสังหารพวกเขาได้! เผชิญหน้ากับศัตรูที่ฆ๋าไม่ตาย ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จนใจที่ทำอะไรมิได้
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นของจักรพรรดิเก้าเมฆานี้จะเป็นมหันตภัยเช่นนี้ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ ก็นับได้ว่าเขาระมัดระวังแล้ว
แต่สำเร็จเคล็ดวิชาสืบทอดนี้ทั้งที จะไม่ใช้ไปตลอดเลยเช่นนั้นได้หรือ
ตนเองอดทนมาจนถึงขั้นอลวนแล้วค่อยเปิดเผย ด้วยพรสวรรค์ทางศาสตร์โบราณ ก่อนหน้านี้ผู้ใดก็ไม่เคยสงสัยกันมาก่อนเลย เทพจักรวาลจำนวนมากต่างก็เคยเห็นตนสำแดงกันมาก่อนแล้ว ผู้บำเพ็ญที่เห็นตนสำแดงที่ป้อมห้วงอากาศก็มีอยู่มากมายเหลือเกิน
ในทางกลับกันประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยมองปราดเดียว…ก็เชื่อมั่นว่าตนเองไม่มีทางเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางศาสตร์โบราณ แต่เป็นเคล็ดวิชาสืบทอดของทางสายพวกเขานั้น
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มีสถานะเช่นไร ถึงกับจะช่วยประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยด้วยหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ
“มิได้ช่วยพวกเขา หากแต่ข้าต้องการเคล็ดวิชาสืบทอดนี้ต่างหากเล่า” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มองลงมายังตงป๋อเสวี่ยอิง “บอกสิ่งที่เจ้ารู้มาให้หมด ข้ารับรองว่าจะปล่อยให้เจ้าจากไปอย่างแน่นอน”
เขาพูดจาเช่นนี้ได้
ก็เพราะอาศัยเขตลวงทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดสาธยายอย่างนั้นหรือ ไม่มีประโยชน์ เขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงร้ายกาจยิ่งกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เสียอีก คือเขตลวงที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้บำเพ็ญ
มุ่งเน้นวิญญาณ สืบค้นความทรงจำโดยตรง นี่เป็นความจองหองอย่างยิ่งยวด ถ้าหากความแตกต่างของพลังยุทธ์ยิ่งใหญ่มาก ก็จะสามารถทำได้ แต่ตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเชี่ยวชาญเขตลวง เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาดยังมุ่งเน้นวิญญาณอีกด้วย เขาไปถึงแปรที่สิบที่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีมาก่อน ระดับความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณห่างชั้นกับขั้นอลวนระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดคนอื่นๆ อยู่มากนัก… ระดับความยากของการสืบค้นภายในวิญญาณของเขานั้นเทียบเคียงได้กับเทพจักรวาลเลยทีเดียว!
จะค้นวิญญาณอย่างนั้นหรือ ในท้ายที่สุดแล้วก็ได้แต่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงวิญญาณกระจัดพลัดพราย อีกทั้งยังเกรงว่าจะตรวจพบเพียงชิ้นส่วนไม่ปะติดปะต่อ ไม่สามารถค้นพบความทรงจำที่สมบูรณ์ได้
ดังนั้น…
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จึงได้ทำการโน้มน้าว อีกทั้งยังสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ นอกเสียจากว่าจะไม่มีวิธีจริงๆ แล้ว เขาจึงค่อยเลือกที่จะ ‘ค้นวิญญาณ’
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงสนทนากับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังจงใจถ่วงเวลาอีกด้วย
เพราะเขาได้ตัดสินใจเอาไว้แล้ว! ว่ามิอาจมอบเคล็ดวิชาสืบทอดของจักรพรรดิเก้าเมฆาให้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์แกร่งกล้าถึงเพียงนี้แล้ว จะให้ฝีมือของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เพิ่มพูนขึ้นอีกอย่างนั้นหรือ ถึงแม้จะไม่มีป้ายคำสั่งจิตโลกาช่วยให้กลับชาติมาจุติ เขาก็ไม่มีทางรับปากอย่างแน่นอน
ตอนนี้จงใจถ่วงเวลา…
ทั้งยังจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีด้วย
“ไม่ทันการแล้วสิ ข้าอยากจะหารังระดับเกราะทองอีกสักหน่อยมาโดยตลอด แต่ไม่มีเวลาแล้ว”
ณ ตำหนักโลกเทียมแห่งวังทวีสูญ ร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่กลางลานบ้าน เพียงแค่เขาเลือกที่จะกลับชาติมาจุติ ร่างแปรก็หายลับไป
“รังระดับเกราะทองสามแห่ง โชคดีที่ข้าได้ทำเครื่องหมายมิติเอาไว้ที่รังระดับเกราะทองทุกแห่งแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ ก่อนหน้านี้เขาก็เพียงแค่ส่งร่างแปรสองร่างไปเสาะหารังระดับเกราะทองที่ทางเดินโลกาพิศวง ไม่สามารถอยู่เฝ้าที่นั่นตลอดเวลาได้ ดังนั้นพอหามิติปิดผนึกธรรมดาที่อยู่ในบริเวณค่อนข้างใกล้กับรังระดับเกราะทองแล้วจึงได้ทิ้งเครื่องหมายมิติเอาไว้
“นับรวมกับรังระดับเกราะทองแห่งนั้นที่ข้าบอกพวกแม่มดเทพในตอนนั้น ข้า ตงป๋อเสวี่ยอิง ก็หารังระดับเกราะทองพบทั้งสิ้นสี่แห่งแล้ว น่าเสียดายที่มิได้ให้เวลาข้ามากพอ ขอเพียงแค่ข้ามีเวลามากพอ ด้วยฝีมือในการสอดแนมของข้า…จะต้องสามารถสืบหาทั่วทั้งทางเดินโลกาพิศวงได้อย่างสมบูรณ์แบบสักครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
ล้านล้านปีเศษ
ตนเองเสาะหาฝูงมารผลาญทำลายอยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่าน ก็เพิ่งจะหาไปได้เพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งจริงๆ
แต่ทางเดินโลกาพิศวงนั้นถึงแม้ว่าจะใหญ่โต แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอากาศอันสับสนอลหม่านก็เล็กไปมากแล้ว ตนเองก็หาไปเป็นบริเวณหกเจ็ดสิบส่วนแล้ว อีกล้านล้านปี เกรงว่าก็จะสามารถตรวจหาได้ทั่วทุกหนแห่งรอบหนึ่งแล้ว ไม่เว้นเลยแม้สักแห่งเดียว!
“เสวี่ยอิง เจ้าไม่บำเพ็ญหรือ” อวี๋จิ้งชิวปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกประตูลานพลางเผยสีหน้ายินดี
เพราะตามปกติแล้วร่างแปรร่างนี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงมักจะบำเพ็ญและชมดูชุดเกราะเกล็ดที่แม่ทัพโม่กู่ทิ้งเอาไว้อยู่ตลอด
“จิ้งชิว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นภรรยาแล้วก็หัวใจสั่นสะท้าน
“จิ้งชิว เจ้าให้ชิงเหยาและอวี้เอ๋อร์รีบกลับมาโดยด่วน เดี๋ยวนี้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เร่งร้อนอะไรเช่นนี้เล่า” อวี๋จิ้งชิวสงสัย “อวี้เอ๋อร์ยังปลีกวิเวกอยู่เลยนะ”
…………………………………………