Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 11 การบำเพ็ญ
ณ เมืองอัคคีโชติ ภายในตำหนักย่อยแห่งหนึ่งของตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา
ฉุนอวี้เว่ยอีและท่านโหวหั่วเลี่ยนั่งแยกกันสองฟาก ตรงหน้าของแต่ละคนต่างก็มีโต๊ะยาววางอยู่ ในตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น จึงนั่งอยู่ข้างกายท่านโหวหั่วเลี่ย
“คุณชายน้อยเสวี่ยอิง ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นประมุขตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาแห่งเมืองอัคคีโชติแห่งนี้ แต่ข้าต้องพูดเอาไว้ให้กระจ่างชัดก่อนเลยว่าเคล็ดการบำเพ็ญในโลกนี้มีอยู่มากมาย เช่นที่หกรัฐโบราณก็มีเคล็ดวิชาสืบทอดอันร้ายกาจบางอย่างแพร่หลายอยู่ในรัฐเมฆทักษิณาของข้า ถึงแม้ว่าในเมืองอัคคีโชติจะพบเห็นได้ยาก แต่ภายในรัฐกลับสามารถหาพบได้อย่างง่ายดาย” ฉุนอวี้เว่ยอีพูดยิ้มๆ “เช่นเดียวกันกับเส้นทางวิถีอากาศ หกรัฐโบราณก็มีศาสตร์ลับที่เหมือนกันอยู่ ข้าแนะนำว่าทางที่ดีที่สุดให้เจ้าคิดไตร่ตรองให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเลือกบำเพ็ญศาสตร์ใดเป็นหลัก ถึงอย่างไรการบำเพ็ญก็สิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างยิ่ง ตามปกติแล้วก็บำเพ็ญศาสตร์ลับเพียงศาสตร์เดียวเป็นหลัก”
“น้องเว่ยอี สิ่งที่อิงซานเสวี่ยอิงเขากระตุ้นก็คือสายโลหิตห้วงอากาศ” ท่านโหวหั่วเลี่ยพูดยิ้มๆ “ก่อนหน้านี้เขาเคยกระตุ้นสายโลหิตต่อหน้าข้ามาก่อนเล็กน้อย ข้าสามารถสัมผัสรับรู้ได้อย่างรางๆ ว่าสายโลหิตนั้นมีกลิ่นอายอันโบร่ำโบราณยากหยั่งถึง ทั้งยังเป็นสายโลหิตระดับเทพจักรวาลด้วย ฮ่าฮ่า เสวี่ยอิงเป็นสาวกของข้า ตระกูลอิงซาน ในร่างกายของเขามีสายโลหิตห้วงอากาศระดับเทพจักรวาล เช่นนั้นสายโลหิตนี้ก็มาจากประมุขรัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แม้กระทั่งศาสตร์ลับทางด้านห้วงอากาศบางอย่างของหกรัฐโบราณก็ยังไม่เหมาะสมกับเสวี่ยอิงเท่ากับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าหรอก”
“สายโลหิตระดับเทพจักรวาลหรือ” ฉุนอวี้เว่ยอีอุทานอย่างตกตะลึงในทันใด
รัฐเมฆทักษิณามีเทพจักรวาลอยู่ทั้งสิ้นสี่คนเท่านั้น ต่างก็มีเส้นทางที่แตกต่างกัน
สายโลหิตห้วงอากาศ… มีเพียงแค่ประมุขรัฐคนเดียวเท่านั้น
เพราะว่าสี่ตระกูลใหญ่กับตระกูลอ๋องโหวก็มักจะเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงานอยู่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่เกี่ยวดองกับรัฐประเทศรอบๆ แต่สายโลหิตห้วงอากาศเทพจักรวาลก็ยังคงมีเพียงแค่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเพียงคนเดียวเท่านั้น ผ่านการสะสมเพิ่มพูนจากรุ่นสู่รุ่นเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ขอเพียงแค่มิใช่บรรดาผู้เฒ่าที่ค่อนข้างโบราณเหล่านั้น ตอนนี้สมาชิกตระกูลอ๋องโหวรุ่นใหม่โดยทั่วไปต่างก็มีสายโลหิตเทพจักรวาลด้วยกันทั้งสิ้น
เพียงแต่ว่าช่างผิวเผินเหลือเกิน ระดับความยากในการกระตุ้นสูงเสียจนเกินธรรมดา
สายโลหิตเทพจักรวาลภายในกายของตงป๋อเสวี่ยอิง อันที่จริงแล้วก็ผิวเผินเป็นอย่างมากเช่นกัน! แต่ระดับขั้นของเขาสูงส่ง แม้ไม่มีสายโลหิต เขาก็มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะไปถึงระดับขั้นอลวนขั้นสุดยอดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกระตุ้นสายโลหิตที่ง่ายดายกว่าเลย
“ในร่างมีสายโลหิตห้วงอากาศของประมุขรัฐ การบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่านั้นเป็นการลงแรงเพียงครึ่งเดียวแต่ได้ผลทวีคูณโดยแท้” ฉุนอวี้เว่ยอีพยักหน้า พูดแล้วเขาก็พลิกมือคราหนึ่งแล้วหยิบเอาตำราสีดำเล่มหนึ่งออกมา
ตำราสีดำลอยตรงมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วร่อนลงตรงหน้าเขา
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูตำราสีดำตรงหน้า ส่วนประกอบของตำราดำสนิททั้งหมด ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความรู้สึกของการดูแก่นห้วงอากาศ ‘ทรงกลมหมอกดำ’ ในตอนนั้นอย่างรางๆ
“จบทั้งกระบวนหรือ” ท่านโหวหั่วเลี่ยที่อยู่ข้างๆ ประหลาดใจอยู่บ้าง “คงต้องใช้หนึ่งแสนแก้วผลึกจักรวาลเลยกระมัง”
“ไม่ต้องหรอก” ฉุนอวี้เว่ยอีกลับอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ “คุณชายน้อยเสวี่ยอิงพรสวรรค์ล้ำเลิศ ถือกำเนิดออกมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว ที่กระตุ้นยังเป็นสายโลหิตห้วงอากาศของท่านประมุขรัฐอีกด้วย ย่อมมีคุณสมบัติอย่างเต็มที่ในการบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าจนจบกระบวนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังเสร็จเรื่องแล้วข้าต้องการเพียงแค่รายงานขึ้นไปอย่างคร่าวๆ ก็พอแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วกลับกระจ่างแจ้ง
เขาอ่านตำรามาเป็นจำนวนมาก ก็ได้รู้กฎเกณฑ์ของศาสตร์ลับอันแพร่หลายของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์อยู่บ้าง
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น สามารถเป็นหนึ่งในสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกาได้ โดยทั่วไปผู้ที่คารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์แล้วอยากจะศึกษาวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าต่างก็บำเพ็ญครึ่งแรกกันมาก่อนแล้ว มีเพียงแค่การไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติไปบำเพ็ญบทต่อไปได้! นอกจากนี้การบำเพ็ญก็ต้องมี ‘ค่าใช้จ่าย’ เหตุใดสำนักวิชาเหล่านั้นจึงต้องพยายามเผยแพร่ศาสตร์ลับด้วยเล่า
ก็เพื่อสร้างกำไรเป็นแก้วผลึกจักรวาลก้อนโต! การสำเร็จเสร็จสิ้นวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า ต้องใช้มากถึงหนึ่งแสนแก้วผลึกจักรวาล
เป็นถึงสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกา มีผู้บำเพ็ญตั้งมากมายเท่าใดที่มาศึกษา แม้กระทั่งผู้ที่บำเพ็ญศาสตร์ลับอื่นๆ เป็นหลัก ก็ยังบำเพ็ญไปควบคู่กันด้วย สะสมจากผู้บำเพ็ญจำนวนมหาศาล…
ความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นทำให้เทพจักรวาลต่างต้องอิจฉาจนแทบคลั่ง รัฐเมฆทักษิณาอาศัยสิ่งนี้กอบโกยความมั่งคั่งอันน่ากลัวอย่างหาใดเปรียบ ความมั่งคั่งก็คือคุณสมบัติ! หากพูดถึงความมั่งคั่ง ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็จัดอยู่แถวหน้าสุดในบรรดาเทพจักรวาลที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ไม่รู้ว่าเทพจักรวาลจำนวนมากมายเท่าใดที่อิจฉาตาร้อน ทั้งยังพยายามคิดค้นศาสตร์ลับ คิดจะบำเพ็ญอย่างง่ายดายและทรงพลังยิ่งกว่านั้นช่างยากเย็นเหลือแสนอย่างแท้จริง บวกกับความแพร่หลายมาจนถึงระดับนี้ ก็จำเป็นต้องบริหารจัดการเป็นอย่างดี
อย่างเช่นการบำเพ็ญศาสตร์ลับ ก็มิได้หมายความว่าทุกคนจะต้องชำระค่าใช้จ่าย ถ้าหากเป็นผู้มีความสามารถพิเศษล้ำเลิศ ก็สามารถสมัครเข้าศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้! เพราะเมื่อผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศบำเพ็ญศาสตร์ลับของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ในท้ายที่สุดก็จะทำให้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีชื่อเสียงโด่งดังมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่เงื่อนไขของการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายนั้นหยาบเป็นอย่างยิ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นถึงสมาชิกตระกูลอ๋องโหวภายในรัฐเมฆทักษิณา เกิดมาก็มีทักษะล้ำเลิศล้นฟ้าแล้ว อีกทั้งสิ่งที่ตื่นรู้ยังเป็นของประมุขรัฐสายโลหิตอีกด้วย ดังนั้นฉุนอวี้เว่ยอีจึงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
“ฟึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกอ่านตำราสีดำในมือ
เพิ่งจะพลิกเปิด ทันใดนั้นประกายสลัวจำนวนมหาศาลภายในตำราสีดำสาดประกายออกมา แล้วตรงเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของตงป๋อเสวี่ยอิงโดยตรง
“ปัง!”
ในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดคราหนึ่ง
เขาเห็นภาพเหตุการณ์อย่างรางๆ
ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ไม่รู้ซ้ายขวาหน้าหลัง ไม่รู้อดีตและอนาคต เงาร่างผอมเล็กสายหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดความรู้สึกกดดันอันน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด ความรู้สึกกดดันเช่นนี้ยังเกินกว่ายามที่เขาเคยพบกับพวกบรรพชนโลกาและบรรพชนทิพย์เสียอีก คล้ายกับว่ามีเพียงแค่กลิ่นอายอันกว้างขวางไร้ขอบเขตของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะชนะได้อยู่เล็กน้อย
เงาร่างผอมเล็กนี้ สันจมูกตั้งตรง นัยน์ตาทั้งคู่ลึกล้ำ เริ่มต้นสำแดงเคล็ดวิชาในทันใด
ทั้งร่างของเขาราวกับอาวุธ ขา ข้อศอกทิ่มแทง แผ่นหลังปะทะ ศีรษะกระแทก ฝ่ามือ กำปั้น และนิ้วมือ… ทั้งหมดทั้งมวล ทั่วทุกบริเวณตลอดทั้งร่างล้วนเป็นอาวุธอันน่าพรั่นพรึง เคล็ดวิชาก็เจาะลึกจนลึกลับน่าพิศวงมากขึ้นเรื่อยๆ ในภายหลังพลังคุกคามก็ยิ่งน่าหวาดหวั่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ฟิ้ว” เงาร่างผอมเล็กสับฝ่ามือลง เห็นเพียงว่าดวงดาวขนาดใหญ่ดวงแล้วดวงเล่าที่อยู่เบื้องหน้าห่างไกลออกไป ผู้บำเพ็ญจำนวนมาก และเรือบินลำแล้วลำเล่า… ทั้งหมดทั้งมวลก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพวาดภาพหนึ่งในทันที! ดวงดาว ผู้บำเพ็ญ และเรือบินเหล่านั้นล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพวาดจนหมดสิ้น
“ปัง”
พร้อมกันนั้นเงาร่างผอมเล็กก็ชี้นิ้วออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
ปัง…
เขาชี้นิ้วมือออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็ระเบิดแตกสลาย แม้กระทั่งยามที่แตกสลาย ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้เห็นความน่าหวาดหวั่นอยู่รำไร! กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ตนสามารถพบได้เฉพาะตอนที่สอดแนมโลกระดับที่สูงขึ้นผ่านโพรงหมอกดำในอดีตเท่านั้น
ทันใดนั้นทุกสิ่งก็มลายหายไป
เงาร่างผอมเล็กนั้นกลายเป็นข้อมูลจำนวนนับไม่ถ้วนแทรกเข้าไปในวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือเคล็ดการบำเพ็ญโดยละเอียดของวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าทั้งหมด แต่เคล็ดการบำเพ็ญนี้ได้รับข้อจำกัดอันไร้รูปร่างอยู่รางๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจว่าต่อให้ตนเองศึกษาได้สำเร็จโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ยังไม่มีทางบรรลุข้อจำกัดแล้วทำการเผยแพร่ออกไปภายนอกได้อยู่ดี
“ช่างเป็นศาสตร์ลับที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก ซัดฝ่ามือออกไปคราหนึ่ง โลกทั้งใบก็กลายเป็นภาพวาดภาพหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ ชี้นิ้วมือออกไปคราหนึ่งก็ทลายกรงห้วงอากาศได้ มองเห็นโลกระดับที่สูงขึ้นได้แล้วอย่างนั้นน่ะหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพรั่นพรึง นี่ยังเป็นเพียงแค่สิ่งที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเผยแพร่ออกสู่ภายนอกเท่านั้น แล้วพลังยุทธ์ของตัวเขาเองจะสูงส่งไปถึงระดับใดกันนี่
มิน่าเล่า จึงก่อตั้งสำนักวิชาได้ด้วยกำลังของตนเพียงคนเดียว แล้วสามารถขึ้นชื่อว่าเป็นสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกาได้
ลึกล้ำมิอาจคาดเดาได้!
……
ภายในโถงตำหนัก ท่านโหวหั่วเลี่ยนั่งดื่มสุราสนทนาอยู่กับฉุนอวี้เว่ยอี พวกเขาก็มิได้รบกวนตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างๆ เพราะรู้ว่าในตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังจ่อมจมอยู่ระหว่างกระบวนการรับเคล็ดวิชาสืบทอด
“พรึ่บ” ตงป๋อเสวี่ยอิงวางตำราสีดำลง บนใบหน้ามิอาจซ่อนเร้นสีหน้าตื่นตกใจ ตนจะต้องบำเพ็ญศาสตร์ลับศาสตร์นี้ให้ดีๆ เลยทีเดียว
“คุณชายน้อยเสวี่ยอิง เจ้าก็ได้ศึกษาศาสตร์ลับแล้ว” ฉุนอวี้เว่ยอีพูดยิ้มๆ “มีเพียงการรับเคล็ดวิชาสืบทอดในครั้งนี้เท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถมองเห็นท่านประมุขรัฐสำแดงวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอย่างสมบูรณ์ ในภายหลังอาจยากที่จะได้รับโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว รับประสบการณ์เอาไว้ให้มากหน่อยเถิด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อไปว่า “ท่านประมุขตำหนัก ได้ยินว่าวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าที่เผยแพร่ออกสู่ภายนอก มิใช่ฉบับที่สมบูรณ์อย่างนั้นหรือ”
“ถูกต้อง”
ฉุนอวี้เว่ยอีพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ที่เจ้าได้เห็นท่านประมุขรัฐสำแดงนั้นคือฉบับที่สมบูรณ์แบบ สิ่งที่เจ้าเรียนคือฉบับย่อ ถึงอย่างไรสิ่งที่จะแพร่หลายไปทั่วทั้งรัฐประเทศจำนวนมากมายในดินแดนจิตโลกา ก็ย่อมต้องสะดวกง่ายดาย ฉบับย่อนี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ ขั้นรวมเป็นหนึ่งสามารถไปถึงพลังรบชั้นที่เจ็ดได้ ขั้นอลวนก็สามารถไปถึงพลังรบชั้นที่เก้าได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ขั้นรวมเป็นหนึ่งสามารถบำเพ็ญไปถึงชั้นที่เจ็ด ขั้นอลวนสามารถบำเพ็ญไปถึงชั้นที่เก้าได้ จากสถานที่ที่ตนจากมา นั่นคือระดับขั้นสุดยอด แต่ที่นี่เป็นเพียงแค่ฉบับย่อของศาสตร์ลับศาสตร์นี้เท่านั้นเอง
“ถ้าหากเจ้าเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งที่มีพลังยุทธ์ชั้นที่ห้า ข้าก็สามารถช่วยเจ้าให้สมัครเข้าเป็นศิษย์ภายในแห่งภูผาศิลาแดงได้ ถึงเวลานั้นเมื่อเจ้าไปยังเมืองหลวง ตระกูลอิงซานของพวกเจ้าก็ลงแรงอีกเพียงเล็กน้อย การเป็นศิษย์ภายในแห่งภูผาศิลาแดงก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดแล้ว เวลานั้นก็จะได้วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์มาแล้ว” ฉุนอวี้เว่ยอีพูดยิ้มๆ “อันที่จริงผู้บำเพ็ญจำนวนมากก็มีความทะเยอทะยานกันเป็นอย่างยิ่ง ได้รับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์ แต่ว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งที่สำแดงพลังรบชั้นที่แปดออกมาได้เล่า แล้วจะมีสักกี่คนที่สามารถเป็นขั้นอลวนที่ไปถึงพลังรบระดับชั้นที่สิบของวังปฐมเทพ กดดันเทพจักรวาลที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ได้ ถ้าหากไปถึงขั้นนั้นจริงๆ ประมุขรัฐก็จะต้องรับเข้าเป็นศิษย์ถ่ายทอดเอง ได้รับเคล็ดสืบทอดลับอื่นๆ อีกอย่างแน่นอน!”
……
เพียงไม่นาน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาพร้อมกับท่านโหวหั่วเลี่ย กลับไปยังจวนโหว
เมื่อกลับไปยังที่พำนักของตนเองแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เริ่มต้นเจาะลึกวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าศาสตร์นี้ในทันที
………………………………………….