Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 18 กำจัดเขาทิ้ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังอยู่เป็นเพื่อนหรงซิงหลันผู้มารดาและพี่สาว กินไปพลาง พูดคุยไปพลาง
หรงซิงหลันก็เบิกบานใจเป็นอันมาก เพราะก่อนหน้านี้บุตรชายตนเก็บตัวมาถึงหกพันกว่าปี นางจึงมิได้พบบุตรชายนานแล้ว บัดนี้นางมีสถานะสูงล้ำ เมื่อออกคำสั่งไปคราหนึ่ง บรรดาสาวใช้ก็กุลีกุจอนำเอาหารรสเลิศมาเรียงให้
“แม้การบำเพ็ญจะสำคัญ แต่ลูกแม่ก็อย่าลำบากลำบนเกินไปล่ะ” หรงซิงหลันพูดยิ้มๆ “แม้แม่จะรู้อะไรไม่มากนัก แต่หลายปีมานี้ก็ได้อ่านคัมภีร์มากมาย และรู้ว่าการบำเพ็ญจิตก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน จะมีอนาคตอันกว้างได้ ก็ต้องบำเพ็ญจิตด้วย ถึงอย่างไรลูกแม่ก็ประสบอะไรมาน้อยเกินไปหน่อย”
“ลูกเข้าใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดอย่างเชื่อฟัง
หรงซิงหลันยิ้มเจิดจ้ามากขึ้น นางชอบบุตรชายของตนเอง แต่กลับมิกล้ารบกวนเกินไป ด้วยเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อบุตรชาย ทำได้เพียงมองดูอยู่ข้างๆ เท่านั้น ทว่าบัดนี้นางมีสถานะแตกต่างออกไปแล้ว ของล้ำค่าต่างๆ ก็มีอยู่มากมาย อาศัยระบบการบำเพ็ญสายโลหิตก็สามารถสำเร็จเป็นเทพแท้ได้อย่างง่ายดาย เมื่อไม่มีขีดจำกัดของอายุขัย ก็ย่อมสงบจิตสงบใจได้มากกว่า
“เสวี่ยอิง” เสียงหนึ่งสะท้อนก้องไปรอบด้าน
หรงซิงหลันและอิงซานซีเยว่สะดุ้ง ผู้ใดที่กล้าบุกรุกจวนของอิงซานเสวี่ยอิงกันเล่า
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็หันไปมองเช่นกัน
ทันใดนั้นกลางอากาศก็มีเงาร่างสองสายบินลงมาเคียงข้างกัน คนหนึ่งย่อมเป็นโหวหั่วเลี่ย แต่เขากลับยืนอยู่หลังยายเฒ่าอีกคนหนึ่ง ยายเฒ่าคนนั้นกำลังหัวเราะพลางมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง โหวหั่วเลี่ยกลับแค่นเสียงเฮอะ “ยังไม่รีบมาคารวะท่านบรรพชนอีกรึ”
“เสวี่ยอิงคารวะท่านบรรพชน” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รีบยืดกายขึ้นทำความเคารพ
หรงซิงหลันและอิงซานซีเยว่ที่อยู่ด้านข้างได้ฟังแล้วก็ตกใจใหญ่ ทั้งตระกูลอิงซานมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอจะเรียกได้ว่าเป็นท่านบรรพชน นั่นก็คือแม่เฒ่าอิงซานผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรไปทั่วทั้งรัฐเมฆทักษิณา! พวกนางสองคนรีบลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้และคุกเข่าลงข้างๆ
“ลุกขึ้นเถิด” แม่เฒ่าอิงซานโบกมือคราหนึ่ง หรงซิงหลันและอิงซานซีเยว่พากันลุกขึ้น
แม่เฒ่าอิงซานเดินไปนั่งที่ม้านั่งด้านข้าง โหวหั่วเลี่ยยืนอยู่ข้างกายนาง แม่เฒ่าอิงซานก็มองสำรวจตงป๋อเสวี่ยอิงโดยละเอียด
เจ้าหนุ่มที่ดูท่าจะยังเยาว์วัยคนนี้
ยังอ่อนวัยมาก แต่กลับเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วหรือ
“หั่วเลี่ยดูแลจวนโหวแห่งหนึ่งก็ยังทำได้ไม่ดีเลย ทำให้ตอนนั้นเจ้าต้องคลอดก่อนกำหนด” แม่เฒ่าอิงซานพูดกลั้วหัวเราะ “ยังดีที่แค่แปดพันปีเจ้าก็สำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว แม้การคลอดก่อนกำหนดจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็มิได้ส่งผลกระทบมากมายจนเกินไปนัก”
“เคราะห์ดีที่มีสมบัติล้ำค่าที่ท่านบรรพชนและท่านโหวมอบให้” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะเจ้ามีความสามารถที่ซ่อนอยู่ไม่ธรรมดา” แม่เฒ่าอิงซานโบกมือคราหนึ่ง กำไลวงหนึ่งก็ลอยมา “บำเพ็ญให้ดีๆ เถิด ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า จะสำเร็จเป็นขั้นอลวนก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ข้าหวังว่าจะมีสักวันที่ท่านประมุขรัฐจะแต่งตั้งเจ้าเป็นอ๋องด้วยตนเอง คิดจะเป็นอ๋อง อาศัยแค่สายโลหิตเพียงอย่างเดียวก็ไม่พอหรอก จะต้องบำเพ็ญจิต ต้องเคี่ยวกรำตนเองเป็นอย่างมากเพื่อสั่งสมด้วย”
โหวหั่วเลี่ยฟังแล้วก็ทอดถอนใจ
แต่งตั้งเป็นอ๋องหรือ
จะต้องบุกฝ่าชั้นที่เก้าของวังปฐมเทพให้ได้เสียก่อน จึงมีคุณสมบัติได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง
แม่เฒ่าอิงซานพยักหน้า นางก็แค่ตั้งเงื่อนไขที่สูงเท่านั้นเอง นางรู้สึกว่าคงจะสำเร็จเป็นขั้นอลวนได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างมากที่สุดก็แค่ใช้เวลาบ้างก็เท่านั้น ส่วนจะได้รับ ‘แต่งตั้งเป็นอ๋อง’ ก็ยากมากจริงๆ แล้ว เพราะมีเงื่อนไขของระดับจิตที่สูงอย่างยิ่ง ต่อให้เกิดมาแล้วมีสายโลหิตสูงส่งกว่านี้ ก็ไม่มีความสัมพันธ์กับการบำเพ็ญจิตแต่อย่างใด ยังคงต้องอาศัยตนเองไปเคี่ยวกรำอยู่ดี
ชาติก่อนระดับจิตของตงป๋อเสวี่ยอิงบรรลุถึงขั้นจิตข้าคือจิตฟ้า มิใช่เรื่องง่ายเลย
“เสวี่ยอิงจะพยายามเต็มที่ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าพลางรับกำไลมา ก่อนจะหลอมแปรเพื่อสำรวจดู เมื่อสำรวจแล้วก็อดหัวใจเต้นแรงมิได้!
แก้วผลึกจักรวาลกองเป็นภูเขาเลากา เขาลองใช้จิตส่องดูคร่าวๆ ก็มั่นใจได้ว่ามีแก้วผลึกจักรวาลถึงห้าสิบล้านก้อน! เป็นจำนวนมากมายยิ่งนัก
“บำเพ็ญให้ดีๆ เถิด แก้วผลึกจักรวาลล้ำค่านัก จากนี้ไปจะซื้อสมบัติล้ำค่าก็ต้องรอบคอบให้มาก” โหวหั่วเลี่ยก็โยนกำไลเก็บวัตถุอีกวงหนึ่งมาให้เช่นกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รับไว้ เมื่อสำรวจดูก็พบว่าภายในมีแก้วผลึกจักรวาลถึงแปดล้านก้อน เมื่อนับดูแล้ว โหวหั่วเลี่ยเคยมอบแก้วผลึกจักรวาลให้ตนถึงสิบห้าล้านก้อนแล้ว สำหรับโหวหั่วเลี่ย ก็นับว่าเป็นภาระหนักหน่วงเลยทีเดียว
ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมรับเอาไว้ ชาตินี้เกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลอิงซาน เขาก็ยินดีจะรับผลประโยชน์เหล่านี้เอาไว้ ในภายหน้าก็จะรับภาระต่างๆ ที่ควรทำ และนี่ก็คือสิ่งที่แม่เฒ่าอิงซานและโหวหั่วเลี่ยตั้งตารอคอย
……
“อะไรนะ”
“แม่เฒ่าอิงซานโชคดีถึงขนาดนี้เชียวหรือ ในบรรดาทายาทรุ่นหลังของนาง มีคนที่เกิดมาเพียงแปดพันปีก็สำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ท่านอาจารย์ ได้ยินมาว่าเจ้าคนชื่ออิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นอยู่ในครรภ์เพียงสิบห้าปีก็ถูกบังคับให้คลอดก่อนกำหนดเสียแล้ว ตระกูลอิงซานยังได้มอบสมบัติล้ำค่าที่หล่อเลี้ยงสายโลหิตจำนวนมากให้เจ้าหนุ่มนั่นใช้ เพียงแปดพันปีเขาก็สำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว”
……
“ในภายหน้าตระกูลอิงซานก็จะมีโหวเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”
……
“เกรงว่ายายเฒ่าตระกูลอิงซานผู้นั้นคงจะหัวเราะจนปากแทบเบี้ยวแล้วกระมัง”
……
ขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ทั่วทั้งรัฐเมฆทักษิณาต่างก็ล่วงรู้ข่าวนี้อย่างรวดเร็ว และจดจำชื่อของอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เอาไว้ เนื่องจากชื่อนี้จะต้องได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องหรือโหวอย่างแน่นอน
ส่วนภายในเมืองอัคคีโชติ ‘ฉานอวี้เยี่ยนเจิน’ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในจวนที่บุตรชายจัดเตรียมไว้ให้มาตลอดได้ข่าวแล้วก็มึนงงไปหมด “อะไรกัน ลูกของนางแพศยานั่น แค่แปดพันปีก็สำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วรึ จากนี้ไปก็แทบจะได้รับแต่งตั้งเป็นโหวอย่างแน่นอนแล้วกระมัง ทำอย่างไรดีๆ เขาจะผูกใจเจ็บหรือไม่ หลังจากแต่งตั้งเป็นโหวแล้วจะสังหารข้าทันทีเลยหรือไม่”
******
ท่ามกลางเมฆดำทะมึนขนาดมหึมาที่ม้วนตัวอยู่ มีวังโบราณแห่งหนึ่งตั้งอยู่
ภายในวัง
เงาร่างบึกบึนซึ่งมีเขาโค้งสีดำนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น รออบผิวกายมีกระแสอากาศสีดำอันเยียบเย็นดุจน้ำแข็งปกคลุมเอาไว้ทั้งหมด
“เจ้าหนุ่มอิงซานเสวี่ยอิงที่เจ้าบอก เป็นคนของจวนโหวหั่วเลี่ยแห่งตระกูลอิงซานหรือ”เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำพูดเสียงต่ำ นัยน์ตาสีแดงโลหิตคู่นั้นเหลือบมองลงไปเบื้องล่าง
“ท่านอาจารย์ขอรับ ศิษย์ไม่มีทางทำพลาดเด็ดขาด หากว่ากันอย่างจริงจังแล้ว อิงซานเสวี่ยอิงเป็นบุตรของ ‘อิงซานเลี่ยฮู่’ บุตรชายคนรองของโหวหั่วเลี่ย” บุรุษอาภรณ์แดงที่อยู่เบื้องล่างพูดอย่างเคารพ
“โหวหั่วเลี่ยหรือ”
เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “คิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินมาไกลถึงเพียงนี้!”
บุรุษอาภรณ์แดงมีท่าทีเชื่อฟัง ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา
เขาเข้าใจดีว่าความแค้นระหว่างอาจารย์ของตนและโหวหั่วเลี่ยนั้นเข้มข้นเพียงใด เขายังรับหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของโหวหั่วเลี่ยมาอย่างยาวนานอีกด้วย
……
ภายในเมืองอัคคีโชติ หอม่านเมฆ
หอม่านเมฆทอดยาวต่อเนื่องกัน มีม่านเมฆรายล้อม ราวกับสถานที่ในความฝันก็มิปาน ภายในจวนที่ค่อนข้างลับแห่งหนึ่ง
“คืดไม่ถึงว่าคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้นจะสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ภายในเวลาเพียงแปดพันปี” บุรุษร่างอ้วนท้วนนั่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้บรรดาสาวงามด้านข้างปรนนิบัติป้อนผลไม้ให้เขา แต่ใบหน้าเขากลับคร่ำเคร่ง
เขาไม่เคยปล่อยวางมาตลอด
เขาคิดอยากแย่งสตรีนาม ‘เหยียนอวี๋’ ผู้นั้นมาไว้ในมือมาตลอด นั่นคือตัวยาที่เขาปรารถนา
“เจ้าสวะฉุนอวี้เฟิงนั่น” บุรุษร่างอ้วนท้วนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ก่อนหน้านี้ฉุนอวี้เฟิงยังรับปากว่าจะคิดหาวิธีให้ แต่หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว ฉุนอวี้เฟิงก็ปฏิเสธทันที แสดงให้เห็นว่าไม่อยากมีส่วนร่วม เพราะถึงอย่างไรจะต้องล่วงเกินสิ่งมีชีวิตที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นโหวในภายหน้าอย่างแน่นอน ฉุนอวี้เฟิงมิได้โง่งมถึงเพียงนั้น
“เอ๊ะ” ทันใดนั้นบุรุษร่างอ้วนท้วนก็สะดุ้งเฮือก
“ถอยไปให้หมด” บุรุษร่างอ้วนท้วนยืดกายขึ้น
“เจ้าค่ะ” บรรดาสาวงามรอบกายต่างก็ถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
บุรุษร่างอ้วนท้วนกลับเข้าไปภายในห้องเงียบของจวนหลังนี้อย่างรวดเร็ว ห้องเงียบนั้นปลอดภัยมาก ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ตัวบุรุษร่างอ้วนท้วนเองยังพกสมบัติล้ำค่าที่ส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบเอาไว้อีกด้วย
“วิ้ง”
ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกายบุรุษร่างอ้วนท้วน ซึ่งก็คือเงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำซึ่งมีหมอกสีดำปกคลุมอยู่
“กานก้านเสวียคารวะนายท่านขอรับ” บุรุษร่างอ้วนท้วนรีบคุกเข่าลง อวัยวะทั้งห้าสัมผัสพื้น เคารพนบนอบเหลือประมาณ
“เจ้ารู้จักอิงซานเสวี่ยอิงหรือไม่ คนตระกูลอิงซานที่สำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งหลังจากเกิดมาแปดพันปีผู้นั้น” เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำเอ่ยปากพูด น้ำเสียงเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง
“รู้แล้ว” บุรุษร่างอ้วนท้วนตอบทันที
“ข้าอนุญาตให้เจ้าปรับเปลี่ยนกำลังคนในสิบสองเมืองโดยรอบได้ แก้วผลึกจักรวาลในมือเจ้าก็สามารถใช้ได้ทั้งหมด เพื่อสังหารอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นให้ข้าโดยเร็วที่สุด” เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำพูดเสียงเย็นชา
“สังหารอิงซานเสวี่ยอิงหรือ” บุรุษร่างอ้วนท้วนสะดุ้งน้อยๆ
เงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำเหลือบลงมองเขา
บุรุษร่างอ้วนท้วนกล่าวขึ้นว่า “ขอรับๆ นายท่านวางใจเถิด ข้าจะต้องทำให้ได้สุดกำลังอย่างแน่นอน”
“อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ มิเช่นนั้นแล้ว เจ้าก็รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร” เสียงของเงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำสงบมาก แต่กลับทำเอาบุรุษร่างอ้วนท้วนสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้ นั่นคือความหวาดหวั่น ความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ขอรับๆ ข้าจะต้องสังหารเขาอย่างแน่นอน” บุรุษร่างอ้วนท้วนกล่าว
“โหวหั่วเลี่ย…” นัยน์ตาสีแดงโลหิตของเงาร่างบึกบึนที่มีเขาโค้งสีดำฉายแววอาฆาตอันเข้มข้น “ฆ่าเจ้าไม่ได้ ฆ่าขั้นอลวนในอนาคตของจวนโหวของเจ้าแทน กำจัดทิ้งเสียก่อน เจ้าคงจะโกรธจนแทบคลั่งกระมัง ฮ่าฮ่า…”
เงาร่างนั้นค่อยๆ สลายไป
บุรุษร่างอ้วนท้วนจึงยืดกายขึ้นแล้วกระแอมครั้งแล้วครั้งเล่า ความร้อนรนในใจกดดันเข้ามา เขาไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าไม่มีทางหักหลังเจ้านายได้ เพราะผลของการหักหลัง แค่คิดก็ตัวสั่นงันงกแล้ว
“ยังดีที่อิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นเพิ่งจะสำเร็จขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น คาดว่าตอนนี้คงจะมีพลังเพียงวังปฐมเทพระดับชั้นที่หนึ่งหรือสองเท่านั้น ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย สิ่งที่ยุ่งยากเพียงอย่างเดียวก็คือ จวนโหวหั่วเลี่ยจะต้องปกป้องเขาอย่างสุดกำลังแน่นอน” บุรุษร่างอ้วนท้วนขบกรามกรอด “นายท่านอนุญาตให้ข้าปรับเปลี่ยนกำลังคนในสิบสองเมืองโดยรอบได้ แม้แต่รายได้ทั้งหมดในคราวนี้ก็สามารถใช้ได้อย่างนั้นหรือ อื้ม จะต้องคิดหาวิธีที่ไม่เสียหายเลย ไม่เคลื่อนไหวก็แล้วไปเถิด หากเคลื่อนไหวขึ้นมาจะต้องไม่ให้โอกาสเขาเลย หากคุณชายเสวี่ยอิงผู้นั้นไม่ตาย ข้าก็ต้องตายแทน”
………………………….