Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 19 หิมะโปรยปรายริมทะเลสาบ
เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ ‘กานก้านเสวีย’ ชายร่างอ้วนใหญ่ก็เริ่มต้นเตรียมแผนการสังหาร ถึงขนาดที่เตรียมกระทำการต่างๆ โดยไม่เสียดายแก้วผลึกจักรวาล ซื้อหายาพิษและถึงกับเชื้อเชิญมือสังหารใน ‘ทะเลสาบมารทมิฬ’ ให้ช่วยเหลือ… สิ่งที่เขาจัดเตรียมนั้นเต็มที่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งแผนสังหารก็เตรียมไว้มากมายหลายแผนการ แต่ที่ทำให้เขาหูอื้อตาลายก็คือ…
คุณชายน้อยเสวี่ยอิงแห่งจวนท่านโหวหั่วเลี่ยผู้นั้น นับตั้งแต่ซื้ออาวุธลับล้ำค่าหอกยาวอันนั้นมา หลังจากที่กลับมาถึงยังจวนโหวก็มิได้ออกมาอีกเลย!
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย!”
“เด็กน้อยที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานสักเท่าใดเลยอย่างเขาคนหนึ่ง จิตใจยังไม่แน่วแน่เลย เหตุใดจึงสามารถสงบจิตใจฝึกฝนได้เล่า จะต้องออกมาอีกเป็นแน่” กานก้านเสวียตั้งหน้าตั้งตารอคอย
สิบปี ร้อยปี พันปี หมื่นปี แสนปี…
กานก้านเสวียงงงันไปเสียแล้ว
‘เจ้านาย’ ผู้บงการเบื้องหลังเขาก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน เพราะสำหรับพวกเขาแล้วต่อให้เกิดมามีสายโลหิตที่สูงศักดิ์ยิ่งกว่านี้ แต่จิตใจก็ยังจำเป็นต้องผ่านการขัดเกลาอย่างมากมายจึงจะค่อยๆ ทวีความไม่ธรรมดาขึ้นมาได้ จึงจะสามารถสงบจิตใจปลีกวิเวกนานหลายแสนหลายล้านปีได้ จะไปมีเด็กน้อยผู้เยาว์วัยเช่นนี้ที่บำเพ็ญเป็นเวลาเนิ่นนานเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า
“เจ้านาย เขา เขาไม่ออกมา ทำเช่นไรดีเล่าขอรับ” กานก้านเสวียรายงานเจ้านายอย่างตื่นตระหนกไม่เป็นสุข
“รอสิ! หรือว่าความอดทนของเจ้ายังสู้เด็กคนหนึ่งมิได้เลยหรือไร”
“ขอรับ”
กานก้านเสวียก็ทอดถอนใจ
เจ้านายก็นับได้ว่าเฉลียวฉลาด มิได้บีบบังคับให้เขาเข้าไปทำการสังหารภายในจวนโหว ถึงอย่างไรค่ายกลภายในจวนโหวก็มีการคุ้มกันอารักขาอย่างแน่นหนา ต่อให้เป็นเจ้านายของตนอยากจะเข้าไปไล่สังหารก็เกรงว่าอาจจะพ่ายแพ้อยู่ดี
******
ท่านโหวหั่วเลี่ยและหรงซิงหลันผู้เป็นมารดาต่างก็เคยให้คำแนะนำกับตงป๋อเสวี่ยอิงว่าจิตบำเพ็ญนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทกับการบำเพ็ญสุดตัวตลอดเวลา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รับปากไปอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับ ‘บำเพ็ญอย่างบ้าคลั่ง’ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ปลีกวิเวกครั้งหนึ่งก็ยาวนานหลายแสนหลายล้านปี เพิ่งออกมาได้เพียงไม่กี่วันก็กลับเข้าไปปลีกวิเวกบำเพ็ญแล้ว
ไม่มีวิธีอื่น
ถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิใช่เด็กน้อยวัยเยาว์คนหนึ่ง เขาเป็นวิญญาณแท้ที่กลับชาติมาเกิด ระดับจิตใจไปถึงขั้น ‘จิตข้าคือจิตฟ้า’ อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือผู้คิดค้นเคล็ดวิชาระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดสองศาสตร์ในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ที่ยากเข็ญที่สุดอีกด้วย! ด้วยนิสัยของเขา การปลีกวิเวกครั้งหนึ่งหมื่นล้านปีก็เป็นเรื่องที่ทำได้สบายๆ กับการขัดเกลาจิตใจน่ะหรือ
หรือว่าจะต้องผ่านความผูกพันรักใคร่เกลียดชัง ความทุกข์โศกและการแยกจาก มาขัดเกลาจิตใจที่ว่ากันอีกครั้งอย่างนั้นหรือ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้มีอารมณ์ผ่อนคลายเช่นนั้นเลยจริงๆ! ในบรรดาผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน ก็มีบางคนที่บำเพ็ญอย่างบ้าคลั่งอยู่ เขาก็ได้แต่ทำเป็นบำเพ็ญอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น
เพียงพริบตาก็ผ่านไปอีกห้าล้านปีให้หลังแล้ว
ณ จวนท่านโหวหั่วเลี่ย ภายในที่พำนักของคุณชายเสวี่ยอิง
“เอี๊ยด…”
ประตูเจดีย์เทพอากาศเปิดออก
หนุ่มน้อยผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งเดินออกมาจากประตูนั้น หิมะโปรยปรายลงมาจากฟ้าสู่ดิน แต่ยามที่หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้นี้เดินออกมา กระแสหิมะกลับเลี่ยงอยู่ห่างจากผิวกายเขาหนึ่งศอก มิอาจเข้าใกล้ร่างกายเขาได้
“คุณชาย”
“คุณชาย”
ข้ารับใช้และองครักษ์ที่อารักขาอยู่ด้านนอกเหล่านั้นต่างก็เอ่ยเรียกอย่างเคารพ ทั่วทั้งจวนคึกคักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เถียนอี้จือกับสิงห์เมฆาทะมึนสองตนนั้น และองครักษ์ติดตามเก้าคนต่างก็เข้ามา ตอนที่พวกเขาเข้ามา ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไปถึงริมทะเลสาบที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
ที่ริมทะเลสาบมีศาลาอยู่หลังหนึ่ง
ภายในศาลาวางเบาะรองนั่งเอาไว้อันหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะรองนั่งนั้น สาวใช้เหยียนอวี๋ที่อยู่ด้านข้างนำสุรามาวางบนโต๊ะอย่างนอบน้อม ทั้งยังคอยช่วยอุ่นกาสุราให้ เหยียนอวี๋มองดูคุณชายบ้านตนอย่างประหลาดใจ “คุณชายถือกำเนิดมาอย่างไม่ธรรมดา ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเห็นเขาชมชอบอิสตรีนางใดเลย ทั้งยังไม่เคยไปเสพสุขที่หอม่านเมฆเลยด้วย เก็บตัวอย่างสงบ ดูเหมือนว่าจะบำเพ็ญอย่างเดียวมาโดยตลอด”
“มิน่าเล่า มิน่าเล่าจึงได้มีผู้บำเพ็ญบางคนแกร่งกล้าล้ำเลิศ ข้าเกิดมาห่างชั้นกับคุณชายมากมายนัก แต่กลับยังเสพสุขหาความสำราญต่างๆ นานา ทว่าคุณชายกลับขยันขันแข็งเช่นนี้” เหยียนอวี๋ลอบเอ่ยขึ้น
“เฮ้อ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือซ้ายคราหนึ่ง หอกยาวเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในอุ้งมือ เขาวางมันลงบนตัก เป็นถึงอาวุธลับล้ำค่า ลำพังแค่กลิ่นอายอันโหดเหี้ยมที่แฝงอยู่ในหัวหอกก็ทำให้สาวใช้เหยียนอวี๋ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกได้ว่าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว
พรึ่บ!
ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างขุมหนึ่งที่แผ่กระจายออกไปจากหอกเล่มนี้ราวกับทะเลสาบอันสงบนิ่ง พอโยนหินก้อนหนึ่งลงไปแล้วก็ทำให้เกิดระลอกคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมา
ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างที่แผ่ออกไปจากหอกนี้ประณีตละเอียดเป็นอย่างยิ่ง แผ่กระจายออกไปยังห้วงอากาศโดยรอบอย่างง่ายดาย เถียนอี้จือ สิงห์เมฆาทะมึน และเหล่าองครักษ์ติดตามที่อยู่ไกลออกไปต่างก็กำลังเดินทางมา เถียนอี้จือนั้นเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของวังปฐมเทพ ทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้อีกด้วย! ด้วยความเฉียบแหลมในการรับสัมผัสอากาศของเขากลับยังมิอาจค้นพบได้เลยว่าห้วงอากาศที่อยู่รอบๆ กำลังถูกควบคุมอยู่
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ก็คล้ายกับแมงมุมที่กำลังชักใยแมงมุม ห้วงอากาศโดยรอบถูกควบคุมจนหมดสิ้น ถึงขนาดที่ห้วงอากาศแต่ละบริเวณต่างก็เริ่มที่จะบิดเบี้ยวเปลี่ยนแปร
บิดเบี้ยวเปลี่ยนแปร ต่างก็เล็กน้อยเป็นอย่างยิ่ง
แม้จะอยู่ใกล้ๆ ตรงหน้าก็ยังยากที่จะค้นพบได้ นอกเสียจากสัมผัสถูกร่างกายจึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษนี้
“ซ่าๆๆ”
หยาดฝนจำนวนนับไม่ถ้วนโปรยปรายลงมา
ห้วงมิติขนาดเล็กที่บิดเบี้ยวแต่ละแห่งเคลื่อนย้ายหยาดฝนจากตำแหน่งนี้ไปยังบริเวณที่อยู่ไกลออกไปหลายลี้ หยาดฝนจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนย้ายไปเพราะการบิดเบี้ยวของห้วงอากาศ ทว่าแม้หยาดฝนจำนวนนับไม่ถ้วนจะเคลื่อนย้ายไปแต่กลับไร้ซึ่งรอยต่อ ราวกับหยาดฝนที่มีอยู่ทั้งหมดมิได้ถูกเคลื่อนย้ายเลยอย่างไรอย่างนั้น ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา
“คุณชาย” เถียนอี้จือ สิงห์เมฆาทะมึนสองตน และองครักษ์ติดตามเก้าคนมาถึงยังด้านข้างศาลา เพราะว่าการควบคุมอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงหลีกเลี่ยงตัวพวกเขา เห็นอยู่ชัดๆ ว่าการควบคุมอยู่ใกล้ๆ ห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่จั้ง แต่พวกเถียนอี้จือกลับมิอาจสังเกตได้เลยแม้แต่น้อย
การควบคุมอันประณีตเช่นนี้ ถ้าหากขั้นอลวนค้นพบเข้าก็ยังต้องพรั่นพรึงจนปากอ้าตาค้าง
ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบจอกสุราขึ้นดื่มสุราอยู่ที่นั่น
ยังคงควบคุมการบิดเบี้ยวของห้วงอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างประณีตเช่นเดิม ยิ่งควบคุมไปเขาก็ยิ่งพึงพอใจ “หอกยาวที่ข้าซื้อมาเล่มนี้ ช่างซื้อมาได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ เลยเชียว”
ห้าล้านปีนี้…
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทุ่มเทจิตใจให้กับการฝึกฝน เพราะว่าวิถีอากาศของโลกกำเนิดทั้งสองแห่งมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง และหากพูดถึงระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ก่อนหน้านี้ไม่นาน วิถีอากาศของเขาก็ไปถึงขั้นอลวนแล้ว! ส่วนสายโลหิตนั้นได้บรรลุไปถึงขั้นอลวนก่อนนานแล้ว เพียงแต่ว่าการบรรลุเช่นนี้รวดเร็วเกินไปจริงๆ ต่อให้มีพรสวรรค์ยิ่งกว่านี้ก็ต้องจัดอยู่ใน ‘กลุ่มปกติ’ ของบรรดาผู้มีพรสวรรค์
ถึงแม้ว่าภายนอกจะยังคงเอาไว้ที่ขั้นรวมเป็นหนึ่ง แต่กับการสำรวจหยั่งรู้ห้วงอากาศนั้นกลับมิได้หยุดยั้ง ยิ่งยกระดับไปยังระดับขั้นที่สูงขึ้น เขาก็เริ่มจมดิ่งกับหอกยาวเล่มนี้เสียแล้ว
สำรวจส่วนด้ามของหอกยาวก็คล้ายกับบันไดเวียนดำมืดอันบิดเบี้ยว แต่ละชั้นลึกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง บันไดทุกชั้นล้วนเชื่อมโยงกับห้วงอากาศที่แตกต่างกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับทำตรงกันข้าม… ถ้าหากตัวตนมีบันไดเวียนนี้เป็นหลัก ก็จะส่งผลกระทบต่อห้วงมิติอันปั่นป่วนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบๆ
นอกจากนี้ เดิมทีหอกเล่มนี้ก็แฝงไว้ด้วยเคล็ดวิชาลับเช่นนี้อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าหัวหอกจะหายไป ทำให้ความลึกลับที่แฝงอยู่ในอาวุธลับนี้หายไปบ้าง แต่ก็เพียงพอสำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
ด้วยพื้นฐานอันแน่นหนาของเขา เคล็ดวิชาการควบคุมเขตพลังที่ตระหนักรู้จากสิ่งเหล่านั้น เมื่อตระหนักรู้ ก็มีสิทธิ์นับได้ว่าเป็น ‘เคล็ดวิชาระดับชั้นที่เจ็ดของวังปฐมเทพ’ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือถ้าหากอาศัยหอกทำการสำแดง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขายังมิได้ตระหนักรู้อะไรอีกมากมาย การสำแดงขึ้นมาเปล่าๆ ก็ย่อมกินแรงอย่างมากเป็นธรรมดา แต่พลังคุกคามกลับพุ่งสูง เพียงพอที่จะนับได้ว่าเป็น ‘เคล็ดวิชาระดับชั้นที่แปดของวังปฐมเทพ’
เคล็ดวิชาเขตพลังระดับชั้นที่แปด
“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเคล็ดวิชาที่แฝงอยู่ในหอกเล่มนี้เดิมทีก็เป็นระดับเทพจักรวาลอยู่แล้ว ตอนนี้ข้ามองทะลุผ่านได้เพียงแค่เสี้ยวเล็กๆ เท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเคล็ดห้วงอากาศที่แฝงอยู่ในหอกเล่มนี้เป็นทิศทางที่แตกต่างกันกับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า
“เสียดายที่ขาดหัวหอกไป พอข้าหยั่งรู้แล้วช่างกินแรงเป็นอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
ภายในเจดีย์เทพอากาศ เขาสามารถสำแดงด้านที่โหดร้ายของเขตพลังนี้ได้ตามอำเภอใจ
ทว่าในยามนี้ ภายใต้ชายคาของศาลาริมฝั่งทะเลสาบ เขากลับสำแดงด้านที่ประณีตที่สุดของเขตพลังนี้ออกมา ทำให้สามารถแแทรกซึมไปทั่วทุกหนแห่งได้อย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง
“ดินแดนจิตโลกามีพื้นฐานอันแกร่งกล้ากว่าอากาศอันสับสนอลหม่านมากมายเหลือเกินจริงๆ ทางฝั่งนั้น วิถีอากาศของจักรพรรดิเก้าเมฆาและบรรพชนห้วงอากาศกับสายของประมุขหอหมื่นโลกาอันลึกลับก็นับได้ว่าร้ายกาจแล้ว แต่ที่ดินแดนจิตโลกา ข้าอยู่ที่สถานที่เล็กๆ อย่างรัฐเมฆทักษิณานี่ก็ได้สัมผัสถึงเคล็ดวิชาที่ยอดฝีมือผู้น่าหวั่นเกรงทิ้งเอาไว้ถึงสองศาสตร์แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
หนึ่งก็คือศาสตร์ที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดค้นขึ้น ส่วนอีกศาสตร์หนึ่งก็คือยอดฝีมือวิถีอากาศที่คิดค้นต้นฉบับหอกยาวนี้ออกมา
“เก็บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจสั่นไหว
เขตพลังถูกเก็บกลับมาจนหมดสิ้นในทันใด หยาดฝนยังคงโปรยปรายอยู่เช่นเดิม เหมือนกันกับก่อนหน้านี้ทุกประการ เถียนอี้จือ สาวใช้เหยียนอวี๋ และเหล่าองครักษ์แต่ละคนที่อยู่ด้านข้างต่างก็มิได้สังเกตพบเลยแม้แต่น้อย
ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กังวลเลยสักนิดว่าจะถูกค้นพบ ต่อให้เป็นท่านโหวหั่วเลี่ยก็เกรงว่ายังต้องอาศัยเขตพลังกฎเกณฑ์ของตนจึงจะสามารถสังเกตพบได้ มิฉะนั้นการรับสัมผัสจากระยะไกล ด้วยระดับความเฉียบแหลมทางด้านห้วงอากาศของท่านโหวหั่วเลี่ย ต่อให้รับสัมผัสอย่างไรก็ไม่สามารถค้นพบได้ ถึงอย่างไรหากจะวัดกันอย่างจริงจัง ในขณะนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีเป็นยอดฝีมือที่ไม่ด้อยไปกว่าท่านโหวหั่วเลี่ยเลย
คนทั้งสองนี้ใครแข็งแกร่ง ใครอ่อนแอ ต้องประมือกันเท่านั้นจึงจะล่วงรู้ได้
…………………………………….