Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 2 ทารกในครรภ์
“ยุ่งยากเสียแล้วสิ”
“หยวนว่าไว้ไม่ผิดเลย กฎเกณฑ์สูงสุดของดินแดนจิตโลกาแตกต่างกันกับที่ที่ข้าจากมาอย่างสิ้นเชิง! ความเร้นลับของกฎเกณฑ์จำนวนมากภายใต้กฎเกณฑ์สูงสุดก็แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง”
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะรู้สึกได้ถึงความยุ่งยากแต่ก็มิได้กังวลใจเลย เพราะต่างเส้นทางแต่มีจุดหมายเดียวกัน ถึงแม้ว่าความเร้นลับจะแตกต่างกัน แต่โครงสร้างล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น ที่นี่ก็มีกฎเกณฑ์สูงสุด กฎเกณฑ์จักรวาล และกฎเกณฑ์ระดับขั้นอลวนเช่นเดียวกัน…
การสั่งสมของตนยังอยู่ อยากจะบำเพ็ญขึ้นไปนั้นก็ยังมีความมั่นใจ
“นอกจากนี้นี่ยังเป็นการขัดเกลาอย่างหนึ่งอีกด้วย การบำเพ็ญภายใต้กฎเกณฑ์สูงสุดที่แตกต่างกันก็เป็นการขัดเกลาสำหรับตัวข้าเอง เช่นนี้ความหวังในการบรรลุเป็นเทพจักรวาลก็ยิ่งมากขึ้นแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ ในข้อมูลที่ใส่ไว้ใน ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’ หยวนก็ได้บอกเอาไว้แล้วว่ามาถึงดินแดนจิตโลกา พื้นฐานของที่นี่ล้ำลึกยิ่งกว่า อีกทั้งยังบำเพ็ญภายใต้กฎเกณฑ์สูงสุดที่แตกต่างกัน ก็มีส่วนช่วยในการบรรลุเป็นเทพจักรวาลด้วยเช่นกัน
“สิ่งที่ข้าเชี่ยวชาญก็คือวิถีสี่สาย โลกเทียม ค่ายสังหาร และระลอกคลื่น วิถีสามสายนี้มีความเปลี่ยนแปลงในวิถีอย่างมหาศาล มีเพียงแค่ ‘ห้วงอากาศ’ เท่านั้นที่มีความละม้ายคล้ายกันอยู่หลายอย่าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจคราหนึ่ง เชื่อว่าตนจะยกระดับวิถีห้วงอากาศขึ้นมาได้รวดเร็วที่สุด “ไม่ว่าจะเป็นอากาศอันสับสนอลหม่านหรือว่าดินแดนจิตโลกา สำหรับโลกกำเนิดทั้งสองแห่งนี้ ‘ห้วงอากาศ’ ต่างก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของโลกกำเนิด ห้วงอากาศค่อนข้างคล้ายกันก็ดูสมเหตุสมผลอยู่”
รับสัมผัสมาครึ่งเดือนกว่าๆ แล้ว
เขายกระดับทางด้านห้วงอากาศมาได้ถึงระดับเทพเท่านั้น นี่ยังเป็นเพราะวิญญาณอ่อนแอเกินไป การหยั่งรู้ช่างเชื่องช้าเหลือเกิน
“รับสัมผัสโลกภายนอกสักคราหนึ่งแล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กล้าแผ่ระลอกคลื่นวิญญาณออกไปตรวจตรา ถึงอย่างไรดูจากสายโลหิตของร่างกายนี้ แน่นอนว่ามีความเป็นมาไม่ธรรมดาเลย
เขาเพิ่งจะรวบรวมสมาธิรับสัมผัส รับฟังเสียงโลกภายนอกอย่างละเอียด
“ท่านแม่ ท่านใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ”
“สาวใช้ผู้นี้มารับใช้ข้าเสียที่ไหนกัน นางมายั่วโมโหข้าชัดๆ เลย”
ณ โลกภายนอก ภายในเรือน
สตรีที่สวมอาภรณ์เนื้อหนากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่นั่น ก็ยังอดพูดมิได้ว่า “ตอนนั้นข้าก็ปฏิเสธไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ต้องการสาวใช้! จวนโหวก็ยังฝืนจัดแจงสาวใช้ผู้นี้มาอีก”
“นี่เป็นกฎของจวนโหวนะเจ้าคะ ท่านแม่กำลังตั้งครรภ์ ก็ย่อมต้องจัดหาสาวใช้มาให้อยู่แล้ว เดิมทีท่านกับข้ามีสถานะอันต่ำต้อยภายในจวน ขอเพียงแค่สาวใช้ผู้นี้ไม่โง่งมก็ย่อมต้องฟังวาจาของฮูหยินใหญ่มากกว่าอยู่แล้ว พวกเราก็ทนๆ ไปให้มากหน่อย อย่าก่อเรื่องก่อราวยั่วโมโหฮูหยินใหญ่ กลัวว่าจะยิ่งทุกข์ทรมานกันเข้าไปใหญ่ ก็ได้แต่โทษที่ข้าไร้ประโยชน์ จนบัดนี้ก็เพิ่งจะเป็นเทพแท้ได้อย่างทุลักทุเล สถานะก็เพียงแค่ดีกว่าสาวใช้อยู่หน่อยหนึ่งเท่านั้นเอง” สตรีอาภรณ์เขียวที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงต่ำ
“ไม่ตำหนิเจ้าหรอก อยากจะตำหนิก็ตำหนิที่ข้าพลังยุทธ์อ่อนแอ แล้วก็โทษที่ท่านพ่อของพวกเจ้าใจคอโหดร้าย” หญิงสาวทอดถอนใจ
“ท่านพ่อเขา…” สตรีอาภรณ์เขียวก็ส่ายศีรษะเช่นกัน
พวกเขาบุตรชายบุตรสาวเหล่านี้สิ้นหวังกับท่านพ่อมานานแล้ว บางทีอาจมองเห็นได้จากไกลๆ ว่า ไม่แน่ว่าท่านพ่อจะรู้จักพวกเขา ถึงอย่างไรก็มีบุตรชายบุตรสาวบางคนที่หลังจากถือกำเนิดแล้วก็ไม่เคยได้พบหน้าท่านพ่ออีกเลย
“เอี๊ยด”
ประตูลานด้านนอกพลันผลักเปิดออก
นี่ทำให้คู่แม่ลูกภายในเรือนมองออกไปข้างนอก ที่นอกลานบ้านสาวใช้ยกจานไม้เข้ามาแล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ฮูหยิน นี่คือ ‘ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ด’ ที่ภายในจวนส่งมาให้”
แม่ลูกที่อยู่ภายในเรือนถึงกับยืนขึ้นมา เพราะว่าพวกนางทั้งสองมองปราดเดียวก็เห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ยืนอยู่นอกลานบ้าน ผู้เฒ่ามองมาภายในลานบ้านอย่างเย็นชา
หญิงสาวเดินเข้ามาแล้วรับชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดถ้วยนี้มาอย่างว่าง่ายก่อนจะเงยหน้าดื่มลงไปจนหมด ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดถ้วยนี้…เป็นสิ่งที่เกรงว่านางสะสมไปทั้งชีวิตก็ยังไม่มีปัญญาซื้อได้ เป็นสิ่งที่จวนท่านโหวหั่วเลี่ยสืบทอดกันมา เตรียมไว้ให้สำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ทุกคน ช่วยให้ยามที่เป็นตัวอ่อนสามารถเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“อืม” ผู้เฒ่าเห็นหญิงสาวดื่มลงไปจนหมดแล้วจึงค่อยเดินจากไป
คู่แม่ลูกจึงค่อยกลับไปยังเรือนของตน เสียงหัวเราะเยาะของสาวใช้ด้านนอก ทั้งยังเดินออกไปข้างนอกด้วยความคร้านจะรับใช้ เดิมทีนางก็ไม่เห็นฮูหยินผู้นี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว ถึงอย่างไรถ้าหากมิใช่ว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนี้ ฮูหยินผู้นี้ก็จัดว่ามีสถานะอันต่ำต้อยที่สุดภายใต้ชายคาจวนท่านโหวหั่วเลี่ย ไม่ได้ดีไปกว่าสาวใช้สักเท่าใดนัก ย่อมไม่มีสิทธิ์มีข้ารับใช้มาคอยดูแลอยู่แล้ว ถึงอย่างไร ‘ฮูหยิน’ พรรค์นี้ ภายในจวนท่านโหวหั่วเลี่ยอันใหญ่โตก็มีอยู่นับแสน
บุตรทั้งหมดของท่านโหวหั่วเลี่ย ก็มีอยู่หลายสิบ หรือแม้กระทั่งหญิงหลายร้อยคนเลยทีเดียว
ตัวท่านโหวหั่วเลี่ยเองก็มีบุตรชายบุตรสาวสามสิบหกคน ลูกหลานชั้นถัดมาก็ยิ่งมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว… ดังนั้นสถานะผู้สืบทอดสายโลหิตโดยตรงของท่านโหวหั่วเลี่ยจึงมิใคร่จะสูงส่งนัก สามารถเป็นเทพอากาศได้จึงค่อยนับว่าสถานะสำคัญขึ้นมาเล็กน้อย สำหรับเหล่า ‘ฮูหยิน’ จำนวนมากมายมหาศาลนั้นก็ย่อมมีสถานะต่ำต้อยกว่า นอกเสียจากว่าพวกนางจะให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง มารดาจึงจะสูงส่งได้เพราะบุตร!
“เยว่เอ๋อร์ ข้ารู้สึกว่าฤทธิ์ยาของ ‘ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ด’ นั้นอ่อนกว่าที่เล่าขานกันมานัก” ภายในเรือน หญิงสาวถ่ายเสียงพูด “อ้อ น้องชายของเจ้าอยู่ในท้องของข้า อ่อนแอโดยกำเนิดอยู่แล้ว ถ้าหากชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดช่วยเหลือได้ไม่มากพอแล้วล่ะก็ เกรงว่าหลังจากคลอดออกมาแล้วจะเป็นเทพแท้มิได้เลยด้วยซ้ำ! สายโลหิตอ่อนแอ การบำเพ็ญในภายหน้าก็จะยากเย็นยิ่ง”
“ท่านแม่ ฮูหยินใหญ่ไม่กล้าไม่ให้ท่านดื่มชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดหรอกเจ้าค่ะ แต่การลงไม้ลงมือทำอะไรบางอย่างนั้นก็ยังง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง” สตรีอาภรณ์เขียวเอื้อนเอ่ย
วาจานี้พวกนางก็มิกล้าพูดเสียงดัง
“น้องชายเจ้าคงจะนับได้ว่าเป็นลูกคนที่สามร้อยสี่สิบของท่านพ่อเจ้าแล้วกระมัง อ่อนแอโดยกำเนิด ในภายหน้าเกรงว่าคงจะมีอนาคตพร่าเลือน เกรงว่าท่านพ่อเจ้าคงไม่คิดจะมาดูสักแวบหนึ่งเลยกระมัง”
หญิงสาวส่ายศีรษะ ก่อนหน้านี้นางก็เป็นหญิงสาวธรรมดาๆ ในเมืองอัคคีโชติ เพียงเพราะว่าต้องตาต้องใจในรูปโฉมจึงถูกบังคับจับตัวเข้ามาที่จวน เมื่อสามีผู้นั้นของนางนึกขึ้นมาได้จึงค่อยมีคำสั่งลงมาส่งคนให้มาเรียกตัวนางไปครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ลืมเลือนไป
……
อีกทางหนึ่ง
“นางหญิงชั้นต่ำผู้นั้นดื่มชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดลงไปแล้วขอรับ” ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างเคารพ
สตรีอาภรณ์สีแดงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น กลิ่นอายยิ่งใหญ่ แต่กลับเป็นระดับเทพอากาศขั้นรวมเป็นหนึ่ง
“อ้อ หญิงชั้นต่ำผู้นี้ช่างเจริญพันธุ์ดีเหลือเกิน คราวก่อนนางก็ให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเจ้าสวะผู้นั้นจะอุปถัมภ์นางอีกครั้งหนึ่ง เพียงแค่ครั้งเดียวนางก็ตั้งท้องเด็กผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาอีกแล้ว” สตรีอาภรณ์สีแดงยิ้มหยัน “ไร้ประโยชน์ ถึงหญิงชั้นต่ำพวกนี้จะให้กำเนิดมากกว่านี้อีกก็ล้วนไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น”
“ฮูหยิน ฮูหยิน”
ด้านนอกมีเสียงตะโกนดังขึ้น
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าแย้มยิ้มแล้วโค้งกายเอ่ยว่า “ฮูหยิน ตอนนี้ข้าไม่มีแก้วผลึกจักรวาลอีกแม้แต่ก้อนเดียวแล้ว”
“อิงซานเลี่ยฮู่ เจ้ารู้จักแต่ดื่มกินเล่นสนุก ที่ท่านโหวให้เจ้าไปไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกเจ้าถลุงเสียจนเกลี้ยง นี่คือครั้งสุดท้ายของปีนี้แล้วนะ ปีนี้เจ้าไม่ต้องมาหาข้าอีกแล้ว ถึงอยากได้ก็ไม่มีให้แล้วนะ” สตรีอาภรณ์สีแดงโบกมืออย่างเดือดดาลคราหนึ่งแล้วโยนกำไลเก็บวัตถุไป หลังจากที่ชายวัยกลางคนรับมาแล้วก็หลอมรวมตรวจตราดูแล้วค่อยระบายยิ้มเต็มหน้าหมุนกายจากไป “ขอบใจนะ ฮูหยิน”
“เจ้าขยะผู้นี้”
สตรีอาภรณ์สีแดงมองดูสามีตนแล้วก็โมโห
สามีของนางเป็นเพียงแค่ผู้ปกครองเทพแท้คนหนึ่งเท่านั้น! กระทั่งเทพอากาศก็ยังมิใช่ โชคดีที่ตัวเป็นหนึ่งในบุตรชายในไส้ของท่านโหวหั่วเลี่ย อีกทั้งยังจัดเป็นบุตรชายคนที่สอง ตอนที่ท่านโหวหั่วเลี่ยอ่อนแอก็มีบุตรชายเช่นนี้อยู่คนหนึ่งจึงยังมีความรู้สึกให้อยู่บ้าง ดังนั้นจึงได้จัดให้สมบัติพัสถานจำนวนมหาศาลส่วนหนึ่งภายในจวนท่านโหวหั่วเลี่ยอยู่ภายใต้ชื่อของบุตรชายคนรองผู้นี้
ท่านโหวหั่วเลี่ยเขาเป็นถึงเจ้าเมือง ที่ดิน ที่พักอาศัย และร้านรวงจำนวนมากมายในเมืองอัคคีโชติจึงกลับคืนสู่ท่านโหวหั่วเลี่ย
นอกจากนี้ท่านโหวหั่วเลี่ยยังได้สร้างเมืองใหญ่เอาไว้เก้าแห่ง ซึ่งท่านโหวหั่วเลี่ยต่างก็จัดให้ร่างแปรร่างหนึ่งของตนไปนิทรารักษาการณ์อยู่ที่เมืองใหญ่ทุกแห่ง! แน่นอนว่าทรัพยากรมากมายของเมืองใหญ่ต่างก็กลับคืนสู่ท่านโหวหั่วเลี่ย ท่านโหวหั่วเลี่ยก็ได้แบ่งทรัพยากรกองโตนั้นออกเป็นส่วนๆ
“ตระกูลก็ช่างให้ข้าแต่งงานกับเจ้าขยะเช่นนี้คนหนึ่งเสียได้” สตรีอาภรณ์สีแดงก็เดือดดาล นางเองก็มาจากตระกูลอ๋องโหวเช่นกัน สถานะสูงส่ง ทั้งยังเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งอีกด้วย! สายโลหิตก็ย่อมบริสุทธิ์เป็นธรรมดา ท่านโหวหั่วเลี่ยมีความผูกพันกับบุตรชายคนรองของเขาเป็นอย่างมากอย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่ง ร้องขอการแต่งงานนี้ขึ้นมา หวังว่าบรรดาบุตรชายหญิงของบุตรชายคนรองจะมีผู้ที่ร้ายกาจปรากฏขึ้นมา
“แต่ดันไม่ได้เรื่องได้ราวเช่นนี้” สตรีอาภรณ์สีแดงลอบยิ้มเย็นขึ้นมาในทันใด
วันเวลาที่แต่งงานมานี้ ที่ดินร้านรวงมากมายและทรัพย์สมบัติมหาศาลภายใต้ชื่อของสามี ก็ตกมาให้นางเป็นผู้ดูแลโดยธรรมชาติ ถึงแม้ว่ามีจำนวนมากที่นางใช้ชื่ออื่น อย่างเช่นในนามท่านพ่อมอบให้บุตรชาย ส่งต่อให้กับบุตรชายของตน
กลัวก็แต่ความรู้สึกที่ท่านโหวหั่วเลี่ยมีต่อสามี ฉากหน้านางก็ยังตามใจสามีอยู่บ้าง
……
ภายในครรภ์มารดา
ตงป๋อเสวี่ยอิงรวบรวมสมาธิรับฟังเสียงของโลกภายนอก ได้ยินคำพร่ำบ่นบางอย่างของมารดาและพี่สาว ก็นับได้ว่ารู้อะไรมาบ้าง “อะไรนะ ข้าเป็นลูกคนที่สามร้อยสี่สิบของท่านพ่ออย่างนั้นหรือ ผู้บำเพ็ญมีลูกได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่” ทางฝั่งบ้านเกิดของตน ยิ่งเป็นผู้แกร่งกล้า หากคิดจะมีบุตรก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก อย่างเช่นตนเองและจิ้งชิว ก็มีเพียงแค่อวี้เอ๋อร์และชิงเหยาในตอนที่ยังอ่อนแออยู่ในโลกวัตถุเท่านั้น ในภายหลังก็มิได้มีลูกอีก
สามร้อยสี่สิบคนอย่างนั้นหรือ
บ้าบอเกินไปแล้วกระมัง
“ดูเหมือนว่าสถานะของท่านแม่ภายในจวนโหวแห่งนี้จะต้อยต่ำเป็นอย่างยิ่งทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ เขาก็มิได้ใส่ใจอยู่แล้ว ควบคุมร่างกายอย่างสุดกำลังให้ซึมซับสารอาหารนานาชนิดที่ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดนั้นส่งมาให้ ถึงแม้ว่าจะขยับแขนขาได้บ้าง ฤทธิ์ยาอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง สามารถดูดซึมได้ส่วนหนึ่งก็คือส่วนหนึ่ง สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วต่อให้ไม่มีพลังจากภายนอก การยกระดับพลังยุทธ์ก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดเลย
“ค่อยๆ สั่งสมช้าๆ ไปก่อนเถิด ยังไม่รู้เลยว่าข้าจะอยู่ในครรภ์ไปอีกนานเท่าใด” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้รางๆ ว่าตนยังอยู่ห่างไกลจากการถือกำเนิดอีกนานนัก
……………………………………………