Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 28 แค่เจ้าหนุ่มเท่านั้น
“ขอดูหรือ” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดยิ้มๆ “ท่านมิได้กำลังดูอยู่หรือขอรับ”
“ขอหยิบมาถือดูในมือได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงไล่ถาม “มีค่ายกลขวางกั้นเอาไว้ มองเห็นไม่ชัดเอาเสียเลย ทำได้เพียงมองดูลักษณะภายนอกเท่านั้น ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าหัวหอกนี้ร้ายกาจสักเพียงใดกัน และเหมาะสมกับตนเองหรือไม่”
ในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ วิถีอากาศของตนสำเร็จเป็นขั้นอลวนแล้ว ขณะรับรู้ด้ามหอกก็มีข้อกังขามากมาย ขอเพียงสำรวจดูความพิสดารภายในหัวหอก ก็นับได้ว่าเป็นหารยลโฉมหอกยาวทั้งเล่มอย่างแท้จริงแล้ว เกรงว่าความกังขาที่แล้วมาคงจะกระจ่างแจ้งขึ้นมากทีเดียว
“ต้องสัมผัสรับรู้โดยละเอียดจึงจะรู้ได้ว่าเหมาะสมหรือเปล่าใช่ไหมเล่า” มารรับใช้จื่อไป๋สะบัดพัดจีบไปมาอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยขึ้น
“นำออกมาดูหรือ” ชายชราร่างอ้วนท้วนยิ้มน้อยๆ พลางชี้ไปทางหัวหอกที่ถูกห่อหุ้มสกัดกั้นเอาไว้หลายชั้นซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ “ค่ายกลทั้งหลายคุ้มกันเอาไว้ หากผู้ใดก็ชมดูได้ ไยต้องมีค่ายกลตั้งหลายชั้นสกัดกั้นเพื่อคอยคุ้มกันด้วยเล่า”
เขาพูดกับตงป๋อเสวี่ยอิงไปพลาง
ชายชราร่างอ้วนท้วนกลับลอบออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อมูลของแขกไปด้วย
“พ่อบ้านใหญ่ คุณชายหนุ่มน้อยนามอิงซานเสวี่ยอิง ผู้มีพรสวรรค์แห่งตระกูลอิงซาน ถือกำเนิดมาก็เป็นเทพอากาศ แปดพันปีสำเร็จเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง มารรับใช้ด้านข้างคือมารรับใช้พิรุณโลหิตที่แม่เฒ่าอิงซานซื้อไปในตอนนั้น เนื่องจากหลายวันก่อนหน้านี้คุณชายน้อยเสวี่ยอิงผู้นี้เพิ่งประสบกับการลอบสังหาร” เดิมทีข่าวสารของสกุลฝานก็ร้ายกาจมากอยู่แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็นับว่ามีชื่อเสียงในรัฐเมฆทักษิณาเป็นอย่างมาก
“อ้อ ตระกูลอิงซาน ตระกูลเล็กๆ เช่นนั้นน่ะหรือ” ชายชราร่างอ้วนท้วนกระจ่างแจ้งในทันที
ทั้งตระกูลอิงซาน ในใจเขาก็เป็นแค่ตระกูลเล็กๆ เท่านั้นจริงๆ
ก็มีเพียงแม่เฒ่าอิงซานคนเดียวเท่านั้นที่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญบ้าง! ส่วนคนอื่นๆ ล้วนสามารถมองข้ามไปได้
อันที่จริงสำหรับ ‘ครอบครัวสกุลฝาน’ แล้ว ทั้งรัฐเมฆทักษิณาก็มีเพียงตระกูลกษัตริย์เท่านั้นที่พวกเขาจะเห็นความสำคัญ ถึงอย่างไรตระกูลกษัตริย์เมฆทักษิณาก็มีประมุขรัฐที่เยี่ยมยอดอย่างยิ่งท่านหนึ่ง ด้วยความหยิ่งผยองของหกรัฐโบราณ ก็ล้วนเทิดทูนประมุขรัฐท่านนี้มาก นอกนั้น ต่อให้เป็นสามตระกูลระดับกษัตริย์ สำหรับพวกเขาแล้วก็ล้วนแต่เป็นตระกูลเล็กๆ เท่านั้น!
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงตั้งตารอคอยอยู่ในใจ เขามองไปยังชายชราร่างอ้วนท้วนตรงหน้า โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเห็นตนเป็นเพียงคนของตระกูลเล็กๆ เท่านั้น
“มีแต่ต้องตรวจดูโดยละเอียดเท่านั้นจึงจะรู้ว่าเหมาะสมกับตนหรือไม่จริงๆ นั่นแหละ” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดยิ้มๆ “ทว่ามีค่ายกลหลายชั้นคุ้มกันอยู่ มิใช่ว่าผู้ใดก็สามารถดูได้”
“ถูกต้อง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“ครอบครัวสกุลฝานเราทั้งหมดล้วนมีกฎเกณฑ์อยู่” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดต่อไป “หากจะดู พลังและสถานะก็ต้องได้รับการยอมรับจากพวกเราเสียก่อน หรือไม่ก็ต้องนำสมบัติล้ำค่าออกมาให้เห็นมากพอเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่ามีกำลังซื้อเพียงพอ”
“พลังและสถานะหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงงุนงง
กำลังซื้อ ย่อมไม่มีอยู่แล้ว
“พลัง อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้แกร่งกล้าระดับที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องของรัฐเมฆทักษิณา” ชายชราร่างอ้วนท้วนกล่าว “ขั้นอลวนทั่วไปไม่มีคุณสมบัติพอจะขอดูได้ สถานะ ต้องเป็นองค์หญิงองค์ชายของรัฐเมฆทักษิณา หรืออย่างเช่นผู้ที่มีสถานะสูงส่งยิ่งในตระกูลใหญ่ของหกรัฐโบราณ หรือเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วดินแดนจิตโลกาเป็นต้น”
“กำลังซื้อก็ง่ายกว่ามาก แค่นำสมบัติล้ำค่าที่มีมูลค่าห้าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลออกมาพิสูจน์ว่าซื้อไหวก็ใช้ได้แล้ว” ชายชราร่างอ้วนท้วนมองตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งเล็กน้อย
สมบัติล้ำค่า ไม่มี!
พลัง หากเขาปะทุออกมาสุดกำลัง บัดนี้ก็คือชั้นที่แปดระดับยอด แน่นอนว่าตนที่เพิ่งจะบำเพ็ญมาได้ห้าร้อยล้านปี ย่อมมิกล้าปะทุพลังเช่นนั้นออกมา
สถานะหรือ ไม่ได้ยินหรือไร ต่อให้เป็นตระกูลกษัตริย์ ก็มีเพียงองค์หญิงองค์ชายไม่กี่ท่านเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอ!
“รบกวนแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “พวกเราไปกันเถิด”
“ค่อยๆ เดินนะขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนยังคงยิ้มแย้ม แม้เขาจะดูแคลนตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลอิงซาน แต่มารยาทพื้นฐานก็คือกฎของผู้ทำการค้า!
******
เมื่อออกจากร้าน
“จะดูก็ยังไม่ให้ดูเสียด้วยซ้ำ” เถียนอี้จือส่ายศีรษะ
“ผู้อื่นมิได้บอกแล้วหรือว่า ต้องมีสถานะเพียงพอ หรือไม่ก็ต้องซื้อไหวน่ะ” มารรับใช้จื่อไป๋สะบัดพัดจีบพลางเบ้ปาก “เห็นได้ชัดว่าในสายตาของผู้อื่น ตระกูลอิงซานนั้นไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย”
“กลับไป”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงเรียบ
เขากลับไม่โกรธแต่อย่างใด เพราะในหมู่ผู้บำเพ็ญ ผู้ที่อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว กฎเกณฑ์ก็ย่อมเคร่งครัดเป็นธรรมดา ไม่มีทั้งพลัง ไม่มีทั้งสถานะ ซื้อก็ซื้อไม่ไหว ผู้อื่นไม่ให้ดูก็เป็นเรื่องธรรมดานัก
“รอก่อนเถิด รอให้ข้าพลังแข็งแกร่งและหาแก้วผลึกจักรวาลมาได้มากพอแล้วค่อยมาซื้อ สมบัติลับระดับนี้ คิดจะขายก็คงมิใช่เรื่องง่าย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ อย่าง ‘ค้อนเมฆเวหา’ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าประจำร้าน คงวางอยู่ที่นี่มานานไม่รู้เท่าไหร่แล้ว หัวหอกนั่นถึงอย่างไรก็บกพร่อง จะขายก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
“นับว่าครั้งนี้มีโชคไม่เลวแล้วที่สามารถพบหัวหอกได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
จะพบ ก็เป็นเรื่องปกตินัก
เพราะนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาจึงจะเป็นตัวเมืองที่ใหญ่ที่สุดในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา และเป็นตัวเมืองที่ปลอดภัยที่สุดด้วย อย่างครอบครัวสกุลฝานหรือขุมอำนาจใหญ่ระดับยอดสุดอื่นๆ ในดินแดนจิตโลกา ในทั้งรัฐเมฆทักษิณาก็มีแต่นครหลวงเท่านั้นจึงจะมีส่วนย่อยของพวกเขาอยู่! ต่อให้เป็นขุมอำนาจย่อยๆ ภายในรัฐเมฆทักษิณา สมบัติล้ำค่าที่สำคัญบางอย่างก็คงจะต้องนำมาซื้อขายในนครหลวงเช่นกัน
เนื่องจากในนครหลวงมีผู้แกร่งกล้าจากภายนอกมากกว่า! ที่นี่มี ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ ประทับอยู่ จึงย่อมปลอดภัยกว่า
สมบัติล้ำค่าที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง หากวางไว้ในสถานที่เล็กๆ…หากถูกเทพจักรวาลแย่งชิงเอาไปเสียเล่า
ดังนั้นสมบัติล้ำค่ากว่าเก้าส่วนในรัฐเมฆทักษิณาจึงรวมกันอยู่ในนครหลวง ส่วนสมบัติลับระดับยอดสุด เก้าจุดเก้าส่วนล้วนอยู่ในนครหลวง ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงนครหลวง และอาศัยการสัมผัสรับรู้จนพบหัวหอก…อันที่จริงก็เป็นเรื่องธรรมดามากเรื่องหนึ่ง
……
วันคืนต่อจากนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ท่องไปตามที่ต่างๆ ในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา เวลากว่าครึ่งล้วนถูกใช้ไปกับชุมชนของล้ำค่า ส่วนเวลาอื่นๆ ก็คือการชมดูสถานที่ต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์และ ‘อาหารรสเลิศ’ ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งชมชอบอาหารรสเลิศ เมื่ออยู่ในนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาก็ได้พบอาหารรสเลิศและสุราชั้นยอดสุดมากมาย
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งค่อนเดือนแล้ว
“เสวี่ยอิง ทางบรรพชนดั้งเดิมได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เจ้ากับมารรับใช้จื่อไป๋มุ่งหน้าไปยังสถานที่ตั้งศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ได้แล้ว” ท่านโหวหั่วเลี่ยส่งสารแจ้งตงป๋อเสวี่ยอิง
“ขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงดีใจใหญ่
ศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์…ตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นตั้งตารอคอยเป็นอันมาก เพราะในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ของดินแดนจิตโลกา คาดว่าคงจะมีศาสตร์ลับและคัมภีร์ต่างๆ เก็บเอาไว้มากมาย
ต้องรู้ไว้ว่า ตามแผนแล้ว ชาตินี้ตนจะบำเพ็ญทางสองสายเป็นหลัก ทางสายหนึ่งก็คือวิถีอากาศ ส่วนอีกสายหนึ่งก็คือเขตลวงโลกเทียม! เขตลวงโลกเทียมนั้น…ตนอยากจะได้คัมภีร์ศาสตร์ลับระดับยอดสุดมา ซึ่งสถานที่ที่ง่ายดายและเหมาะสมที่สุดก็คือสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นั่นเอง!
หากพูดถึงคัมภีร์ศาสตร์ลับแล้ว…
ตระกูลอื่นๆ ในรัฐเมฆทักษิณารวมกันทั้งหมดแล้วก็ยังสู้เศษเสี้ยวหนึ่งของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มิได้เลย สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สั่งสมสิ่งต่างๆ เอาไว้มากเสียจนน่าหวาดหวั่นเลยทีเดียว
“คุณชาย ศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มีกฎเกณฑ์มากมายนัก ไม่มีทางยอมให้ท่านนำผู้ใต้บังคับบัญชาโขยงหนึ่งเข้าไปด้วยเป็นแน่ วันนี้ข้ากับท่านเข้าไปกันเพียงสองคนเถิดขอรับ” มารรับใช้จื่อไป๋กล่าว “รอท่านสำเร็จเป็นศิษย์แรกเข้าแล้ว ทางสำนักคงจะจัดที่พักให้ท่าน ถึงตอนนั้นท่านก็สามารถนำผู้ใต้บังคับบัญชาและบ่าวรับใช้ทั้งหมดเข้าไปได้แล้ว”
“ไปเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
พวกเขาทั้งสองก้าวไปในอากาศและทะลุผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ทั้งนครหลวงใหญ่โตหาได้เปรียบแม้จะเคลื่อนที่ในพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม ตงป๋อเสวี่ยอิงและมารรับใช้จื่อไป๋จึงมาถึงสถานที่ตั้งของศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์
“สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองออกไปไกล
ไกลออกไปมีเทือกเขาทอดยาวต่อเนื่องกัน กลางเทือกเขาสามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างต่างๆได้อย่างเลือนราง ทั้งเทือกเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันล้วนแต่มีค่ายกลปกคลุมเอาไว้ ที่นี่ก็คือสถานที่ตั้งของศูนย์ใหญ่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นั่นเอง มีผู้บำเพ็ญจำนวนมากบินมุ่งหน้าไปทางประตูภูเขาแล้วเข้าไป
จากประตูภูเขา หลังจากเดินเลียบตามเส้นทางที่บุกเบิกขึ้นมาในหุบเขาใหญ่หลายหมื่นลี้จึงไปถึง แผ่นผาข้างประตูภูเขาเขียนไว้ว่า…เมฆทักษิณา
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นคำนั้น จะมองอย่างไรก็ธรรมดาสามัญ เพียงแต่ดูเหิมเกริมกว่าอยู่บ้าง
หากสัมผัสรับรู้โดยละเอียด ก็จะพบว่ามีกลิ่นอายอากาศอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่ออกมาจากคำนั้น กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าจินตภาพของวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าเสียอีก ราวกับมองเห็นอากาศอันสูงตระหง่านไร้ที่สิ้นสุด ได้แต่เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาเท่านั้น
“อิงซานเสวี่ยอิงหรือ” ณ ประตูภูเขา มีบุรุษอาภรณ์สีทองอยู่ผู้หนึ่ง เขามองเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดินเข้ามาทันทีพลางยิ้มกว้าง
“คุณชาย ท่านนี้คือท่านโหวเฉิงหมิง” มารรับใช้จื่อไป๋แนะนำ
“คารวะท่านโหวเฉิงหมิง” ตงป๋อเสวี่ยอิงคำนับทันที “ครั้งนี้ต้องรบกวนท่านโหวเฉิงหมิงแล้ว”
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ภายในมีกลไกมากมาย แม่เฒ่าจัดการเอาไว้หมดแล้ว วันนี้เพียงแค่เดิมตามขั้นตอนง่ายๆ เท่านั้น หลังทำตามขั้นตอนหมดแล้ว เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์ภายใต้สำนักแล้วล่ะ” ท่านโหวเฉิงหมิงพูดยิ้มๆ “ไปๆๆ ตามข้าเข้าไปเถิด”
………………………………….