Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 35 ความตระหนกของตงป๋อเสวี่ยอิง
ณ เมืองอัคคีโชติ วันนี้จวนของท่านโหวหั่วเลี่ยคึกคักเป็นอันมาก เพราะพวกเขาได้ข่าวมาก่อนแล้วว่าวันนี้คุณชายเสวี่ยอิงจะกลับมา!
“คุณชายเสวี่ยอิงออกมาจากค่ายกลส่งถ่ายแล้ว อีกไม่นานก็จะมาถึงจวนโหวแล้ว”
ช่าวแพร่ออกไปได้รวดเร็วมาก
ณ ประตูของจวนโหว ผู้อาวุโสทั้งหมดของจวนโหวเร่งมาถึงก่อนแล้ว รวมทั้งอิงซานเลี่ยฮู่และหรงซิงหลันด้วย พวกเขาต่างก็ชะเง้อชะแง้แลมอง แม้แต่ท่านโหวหั่วเลี่ยก็ยังปรากฏกายด้วยตนเอง แล้วรอคอยอยู่ที่ประตูหน้าของจวนโหว ส่วนคนอื่นๆ ภายในจวนโหวทั้งหลายก็เร่งมาต้อนรับแต่เนิ่นๆ เช่นกัน รวมทั้ง ‘อิงซานจงฝู’ บุตรชายของฉานอวี้เยี่ยนเจินด้วย
“เลี่ยฮู่เอ๋ย บุตรชายคนนี้ของเจ้าเก่งกาจอย่างไม่ธรรมดาทีเดียว ได้ยินมาว่าเพิ่งบุกฝ่าพลังยุทธ์ระดับชั้นที่หกของวังปฐมเทพได้ เขาเพิ่งจะเข้าร่วมสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ได้นานสักเท่าไหร่กันเชียว”
“ความสามารถในการรับรู้นี้ พรสวรรค์นี้…เก่งกาจ เก่งกาจ ในภายหน้าอาจจะได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องด้วยก็ได้ ถึงตอนนั้นตระกูลอิงซานเราก็จะมีอ๋องที่ได้รับการแต่งตั้งถึงสองคนแล้ว”
ผู้อาวุโสซึ่งเคยหยิ่งผยองมาแต่เดิม ต่างพากันพูดคุยกับอิงซานเลี่ยฮู่ด้วยความกระตือรือร้น
อิงซานเลี่ยฮู่หัวเราะคิกคักพลางยิ้มกว้าง
เบิกบานใจ สุขสราญ!
ความรู้สึกว่าได้รับการเคารพเช่นนี้ ทำให้อิงซานเลี่ยฮู่เปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีจนล้นใจ
“มาแล้ว”
รอบด้านพลันสงบลงทันที ทุกคนล้วนมิกล้า พูดคุยเสียงดังอึกทึกตามอำเภอใจ พวกเขาต่างก็มองเห็นชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้งามสง่าคนหนึ่งและบุรุษชุดดำที่สะบัดพัดจีบคนหนึ่งบินเข้ามาพร้อมกัน ด้านหลังยังมีเถียนอี้จือ สาวใช้เหยียนอวี๋และสิงห์เมฆาทะมึนสองตนรวมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากอีกด้วย
พวกเขาได้ยินมาก่อนแล้วว่า บุรุษชุดดำที่สะบัดพัดจีบผู้นั้น…ก็คือ ‘ผู้อาวุโสจื่อไป๋’ แห่งเรือนประจำตระกูลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังนั่นเอง ว่ากันว่าเป็นมารรับใช้ที่แข็งแกร่งถึงขั้นอลวน สถานะสูงส่งกว่าผู้อาวุโสประจำตระกูลทั่วไปเสียอีก
“ให้มารรับใช้ขั้นอลวนตนหนึ่งมาเป็นองครักษ์ ไม่เสียทีที่เป็นคุณชายเสวี่ยอิงจริงๆ”
“เมื่อไหร่ข้าถึงจะมีมารรับใช้ขั้นอลวนมาเป็นองครักษ์บ้างหนอ ชั่วชีวิตหนึ่งสามารถรุ่งโรจน์ได้ถึงเพียงนี้ ต่อให้ตายก็คุ้มค่าแล้ว”
แต่ละคนเห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนเป็นอันมาก
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูฝูงชนที่มารอต้อนรับที่ประตูของจวนโหวแล้วก็เร่งเข้าไปทันที เขาร้องเรียกว่า “ท่านโหว ท่านแม่ ท่านพ่อ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เสวี่ยอิง เจ้าทำให้ตระกูลอิงซานเราได้หน้ามากทีเดียว ข้าอยู่ในเมืองอัคคีโชติก็มีสหายตั้งหลายคนส่งสารมาถึงข้า ว่าเจ้ามีพลังบรรลุระดับชั้นที่หกของวังปฐมเทพแล้ว!” ท่านโหวหั่วเลี่ยหัวเราะเสียงดังกังวานด้วยความปีติยินดีเป็นอันมาก “สหายพวกนั้นของข้าล้วนบอกว่า ด้วยความสามารถในการรับรู้ของเจ้าแล้ว ในภายหน้าก็มีหวังที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องเลยทีเดียว ทว่าอย่าได้หยิ่งผยองเป็นอันขาด เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าก็ยังมิได้เป็นแม้แต่ขั้นอลวนเสียด้วยซ้ำ”
“เสวี่ยอิงเข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“อื้ม” ท่านโหวหั่วเลี่ยพยักหน้าพลางพูดยิ้มๆ ว่า “ไปๆๆ ภายในจวนโหวจัดเตรียมงานเลี้ยงเอาไว้แล้ว เพื่อฉลองที่เจ้าได้เป็นศิษย์ภายใต้สำนัก ทั้งยังบุกฝ่าชั้นที่หกของวังปฐมเทพได้ จะว่าไปแล้ว ข้ายังมิใช่ศิษย์ของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เสียด้วยซ้ำไป”
ศิษย์อย่างเป็นทางการของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ เดิมทีก็มีน้อยเสียจนน่าสงสารอยู่แล้ว
คนในรัฐของตนเองก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่
โดยทั่วไปแล้วหากมิใช่ผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทาน ก็จะต้องเป็นขั้นอลวนทางสายอากาศ แน่นอนว่าผู้ที่มีพลังแกร่งกล้าอย่าง ‘แม่เฒ่าอิงซาน’ นั้น ก็ถูกเชื้อเชิญให้เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ด้วยเช่นกัน! แต่พลังอย่างท่านโหวหั่วเลี่ยยังไม่มีคุณสมบัติพอจะได้รับการเชื้อเชิญให้ไปเป็นผู้อาวุโสเลย
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์…อันที่จริงแล้วก็เป็นสำนักประจำรัฐเมฆทักษิณา คนในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นั้นรวมถึงเทพจักรวาลสามท่านและอ๋องที่ได้รับการแต่งตั้งจำนวนมาก
******
ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองของจวนโหวนั้น ในเรือนประจำตระกูลของตระกูลอิงซาน
“ฟิ้ว ฟิ้ว…”
ลมพายุพัดคลั่ง
ณ ยอดภูเขาหิมะ
แม่เฒ่าอิงซานนั่งขัดสมาธิอยู่บนศิลาก้อนใหญ่ จิตวิญญาณของนางหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเมืองอิงซานอันกว้างใหญ่ไพศาล และหายใจไปพร้อมกับเมืองอิงซาน ยามนี้ทุกแห่งหนของเมืองอิงซานล้วนแต่อยู่ภายใต้การสัมผัสรับรู้ของนางทั้งสิ้น
“แม่เฒ่า คุณชายกลับมายังจวนโหวแล้ว เมื่อคืนนี้เขาไปร่วมงานเลี้ยง ซึ่งจัดเตรียมขึ้นโดย ‘ฝานเทียนฉ่ง’ แห่งสกุลฝานด้วยขอรับ” มารรับใช้จื่อไป๋เริ่มรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ให้ทราบ
“รีบเล่าให้ข้าฟังโดยละเอียดเร็วเข้า”
“ขอรับ ในงานเลี้ยงมีองครักษ์คนหนึ่งท้าทายคุณชาย…”
แม่เฒ่าอิงซานตั้งใจฟังเรื่องที่มารรับใช้จื่อไป๋เล่า เมื่อได้ยินว่าตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงพลังออกมาระหว่างการต่อสู้ รอยยิ้มก็อดผุดขึ้นมามิได้ ประเสริฐ! มิได้อาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์ฝืนสำแดงออกมา แต่แค่ระดับขั้นเองก็เพียงพออยู่แล้ว ทั้งยังเปลี่ยนกระบวนท่าวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าให้กลายเป็นวิถีกายอีกด้วย การรับรู้ระดับนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง ทว่ายิ่งน่ากลัวเท่าไหร่ แม่เฒ่าอิงซานก็ยิ่งเบิกบานใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะเป็นคนของตระกูลอิงซาน
“ตระกูลอิงซานเราก็มีผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานระดับนี้ถือกำเนิดขึ้นมาด้วย” แม่เฒ่าอิงซานเบิกบานใจนัก
นางกลับไม่รู้ว่า
ตามแผนการของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ก็คือต้องการจะหล่อหลอมให้ตนกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้งรัฐเมฆทักษิณา ช่วยไม่ได้ เขาไม่อยากจะปิดบังเอาไว้โดยไม่แสดงออกมาอยู่เรื่อยนี่นา ทว่าก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปหน่อย…เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว เขาก็ยังอ่อนแอกว่าบรรดาผู้มีพรสวรรค์ที่เยี่ยมยอดที่สุดในหกรัฐโบราณอยู่บ้าง
ในประวัติศาสตร์ของหกรัฐโบราณแห่งดินแดนจิตโลกานั้นมีผู้มีพรสวรรค์ถือกำเนิดขึ้นมาอยู่บ้าง บางคนก็เกินจริงไปกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมาก ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงสงสัยว่าผู้ไร้เทียมทานเหล่านั้น คงจะมีบางคนที่กลับชาติไปจุติ ดังนั้นตนจึงต้องควบคุมบ้าง แค่เป็นผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของรัฐเมฆทักษิณาก็เพียงพอแล้ว
“หลังจบงานเลี้ยง เขาขอให้ฝานเทียนฉ่งช่วยเหลือ เพราะอยากไปดูสมบัติลับหัวหอกที่บกพร่องอันหนึ่งในร้านค้าสกุลฝาน” มารรับใช้จื่อไป๋พูดต่อไป
“สมบัติลับหัวหอกที่บกพร่องรึ” แม่เฒ่าอิงซานออกจะงุนงงอยุ่บ้าง
“ขอรับ คุณชายชอบสมบัติลับหัวหอกนั้นมาก ตอนแรกที่ไปยังนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาก็ชอบสมบัติลับที่บกพร่องชิ้นนั้นมากแล้ว! ได้ยินมาว่าเป็นสมบัติลับที่บกพร่องซึ่ง ‘นายท่านฉื้ออวิ๋น’ ผู้แกร่งกล้าที่ไร้เทียมทานทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งแล้ว ตอนนั้นผู้ดูแลร้านค้าสกุลฝานกลับไม่อนุญาตให้คุณชายตรวจดูหัวหอกนั้นโดยละเอียดเลย”
“ครั้งนี้คุณชายหยิบหัวหอกขึ้นมาแล้วกูอยู่ถึงสองชั่วยามเต็มๆ ท้ายที่สุดจึงจากมา วันต่อมาก็กลับมายังเมืองอัคคีโชติแล้ว”
แม่เฒ่าอิงซานงุนงง “เขาชอบสมบัติลับที่บกพร่องชิ้นนั้นมากอย่างนั้นหรือ”
“ขอรับ ในชุมชนของล้ำค่าแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณ มีเพียงหัวหอกเล่มนั้นที่เป็นสิ่งที่คุณชายชมดูอยู่นานที่สุด! คุณชายเข้าร่วมงานเลี้ยงของสกุลฝาน ถึงขั้นเอาชนะองครักษ์ผู้นั้นและเปิดเผยพลังระดับนั้นออกมา ในสายตาข้า ก็เพื่อทำให้ฝานเทียนฉ่งให้ความสำคัญมากขึ้นก็เท่านั้น ท้ายที่สุดฝานเทียนฉ่งก็เอ่ยปากพูดเองว่า หากมีเรื่องยุ่งยากให้ไปหาเขาได้ คุณชายก็รีบขอความช่วยเหลือทันที เขาต้องการดูหัวหอกอันนั้น” เนื่องจากมารรับใช้จื่อไป๋ติดตามตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงสำรวจโดยละเอียดยิบ เขาสามารถสัมผัสรับรู้ได้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงชอบสมบัติลับหัวหอกที่บกพร่องเล่มนั้นจากใจจริง
“อย่างนั้นหรือ” แม่เฒ่าอิงซานราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
……
หน้าร้านค้าสกุลฝานในชุมชนของล้ำค่าแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
หญิงชรานางหนึ่งมาถึงหน้าร้านค้า
“แม่เฒ่ามาถึงร้านเรา ช่างหาได้ยากจริงๆ” ชายชราร่างอ้วนท้วนผู้นั้นรีบออกมาต้อนรับด้วยตนเองทันที ต่อให้เป็นอ๋องที่ได้รับการแต่งตั้ง ก็ยังมีการแบ่งระดับแข็งแกร่งและอ่อนแอ เห็นได้ชัดว่าแม่เฒ่าอิงซานเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
“อื้ม” แม่เฒ่าอิงซานพยักหน้าแล้วสาวเท้าตรงเข้าไปข้างในทันที
ไม่นานนักก็มาถึงชั้นสาม
แม่เฒ่าอิงซานก็มาถึงตรงหน้าหัวหอก สมบัติลับที่บกพร่องชิ้นนั้น นัยน์ตาทั้งสองของนางมีภาพที่เคยเกิดขึ้นฉากแล้วฉากเล่าปรากฏขึ้นมา ก็เห็นภาพที่เมื่อคืนชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นั้นถือหัวหอกเอาไว้นานแสนนาน มุมปากของแม่เฒ่าอิงซานก็มีรอยยิ้มสายหนึ่งผุดขึ้นมา
“นี่คือสมบัติลับที่บกพร่องซึ่งนายท่านฉื้ออวิ๋นทิ้งเอาไว้หรือ” แม่เฒ่าอิงซานเอ่ยถาม
“ขอรับ คุณชายเสวี่ยอิงแห่งตระกูลอิงซานของแม่เฒ่าก็เคยมาดูเช่นกัน” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดยิ้มๆ
“ราคาเล่า” แม่เฒ่าอิงซานเอ่ยถาม
“ห้าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนเหยียดนิ้วทั้งห้าออกไป มุมปากยกเป็นรอยยิ้ม
“ราคาต่ำสุดเล่า” แม่เฒ่าอิงซานพูดต่อ
“แม่เฒ่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของสกุลฝานเรา นายท่านของข้าเคยกำชับเอาไว้ ข้าย่อมมิกล้าหลอกลวงแม่เฒ่าอยู่แล้ว ภายในตระกูลให้ราคาต่ำสุดที่สามร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาล จะต่ำกว่านี้สักเล็กน้อยก็มิได้เด็ดขาด” ชายชราร่างอ้วนท้วนกล่าว
แม่เฒ่าอิงซานพยักหน้าเบาๆ
นางเองก็เข้าใจดี
สมบัติลับของร้านค้าสกุลฝาน โดยทั่วไปแล้วราคาต่ำสุดและราคาที่แจ้ง บ้างก็ลดเหลือสักเก้าส่วน สิบส่วน จะลดลงจนเหลือหกส่วนได้ก็มีน้อยยิ่งนัก นี่คือสมบัติลับที่บกพร่องชิ้นหนึ่ง ดังนั้นราคาต่ำสุดของสกุลฝานจึงเหลือหกส่วนได้
“เอาล่ะ ข้าจะเอา” แม่เฒ่าอิงซานพยักหน้า
“ได้ขอรับๆๆ” ชายชราร่างอ้วนท้วนกล่าว “ไม่ทราบว่าจะให้เป็นแก้วผลึกจักรวาลหรือสมบัติล้ำค่าดีขอรับ”
“สมบัติล้ำค่าก็แล้วกัน” แม่เฒ่าอิงซานเอ่ย
ในฐานะผู้แกร่งกล้า ต่อให้พเนจรและเข่นฆ่าช่วงชิงอยู่ภายนอก ของที่มาถึงมือก็ล้วนแต่เป็นวัสดุหรือสมบัติล้ำค่าทั้งหลาย ไปจนถึงขั้นมีหลาชิ้นที่แปรเป็นสมบัติล้ำค่าที่แข็งแกร่งมาใช้กับตนเอง ผู้ใดจะทิ้งแก้วผลึกจักรวาลหลายร้อยล้านก้อนไว้กับตัวกันเล่า เทพจักรวาลที่แข็งแกร่งบางท่านอาจจะทำเช่นนี้ แต่แม่เฒ่าอิงซานไม่มีทางฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้
“ฟิ้ว” แม่เฒ่าอิงซานโบกมือคราหนึ่ง ก็มีอาวุธทรงกระสวยสีดำปรากฏขึ้น
ชายชราร่างอ้วนท้วนรับไปแล้วตรวจดูโดยละเอียดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา “อย่างมากที่สุดก็นับได้สองร้อยสิบล้านแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้นขอรับ”
แม่เฒ่าอิงซานขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะโบกมืออีกครา ก็มีเศษวัสดุล้ำค่ายิบย่อยต่างๆ มากมายถึงหลายสิบชิ้น
ชายชราร่างอ้วนท้วนตรวจดูโดยละเอียดแล้วคำนวณออกมา ก่อนจะเงยหน้าพูดขึ้นว่า “ยังขาดแก้วผลึกจักรวาลอีกยี่สิบล้านก้อนขอรับ”
“ยังขาดอีกรึ”
แม่เฒ่าอิงซานพูดพลางขมวดคิ้ว
“หลังจากพวกเรารับซื้อแล้วยังต้องขายออกไปอีก! อยู่ในมืออีกตั้งไม่รู้นานเท่าใดจึงจะสามารถขายออกไปได้ แน่นอนว่าราคาที่รับซื้อก็ต้องต่ำกว่าราคาที่ขายออกไปอยู่บ้างน่ะขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนหัวเราะฮิฮิ
แม่เฒ่าอิงซานจึงโบกมืออีกครา แก้วผลึกจักรวาลถึงยี่สิบล้านก้อนลอยออกไป สมบัติล้ำค่าที่ไร้ประโยชน์ในมือนางนั้นมีไม่มากนัก ที่สูงค่าที่สุดนางก็ใช้ไปกับตนเองตั้งนานแล้ว ครั้งนี้พยายามเก็บรวบรวมก็สามารถรวมได้ครบในที่สุด
“ประเสริฐๆๆ” ชายชราร่างอ้วนท้วนรับมาแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “สมบัติลับหัวหอกชิ้นนี้ นับแต่นี้ไปก็เป็นของแม่เฒ่าแล้วขอรับ”
ฟิ้ว
ชายชราร่างอ้วนท้วนเก็บสมบัติล้ำค่าทั้งหมดขึ้นมา ขณะเดียวกันก็คลายค่ายกลที่สกัดกั้นเอาไว้ สมบัติลับหัวหอกชิ้นนั้นก็ลอยมาทางแม่เฒ่าอิงซาน แม่เฒ่าอิงซานยื่นมือออกไปรับเอาไว้ ใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมาได้ แม้แม่เฒ่าอิงซานจะทุ่มเทไปมากมายถึงเพียงนี้ ถึงขั้นต้องนำ ‘กระสวยเมฆาเหิน’ อาวุธของตนในอดีตออกมาขายด้วย แต่ในใจของแม่เฒ่าอิงซานกลับเบิกบานเป็นอย่างมาก
เพราะยากนักที่ตระกูลอิงซานจะมีลูกหลานที่ไร้เทียมทานหาใดเปรียบปรากฏขึ้นมาสักคน ผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานระดับตงป๋อเสวี่ยอิงนี้ หากปรากฏกายขึ้นในตระกูลที่น่าหวาดหวั่นอย่างสกุลฝาน ก็คงได้รับทรัพยากรต่างๆ ทุ่มเทมาให้ตั้งนานแล้ว
“ยายเฒ่าอย่างข้ามิอาจเทียบกับตระกูลใหญ่พรรค์นั้นได้ แต่ก็ต้องพยายามทำหน่อย ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าหนุ่มเสวี่ยอิงแล้ว คงจะได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องได้ไม่ยากเลย” แม่เฒ่าอิงซานตั้งตารอคอยเป็นอันมาก
……
ณ จวนโหวเมืองอัคคีโชติ
บัดนี้ภายในจวนโหวกำลังจัดงานเลี้ยงอันคึกคักเป็นอย่างมาก
ท่านโหวหั่วเลี่ยนั่งในตำแหน่งประธาน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็นั่งอยู่ตรงที่นั่งแรกทางด้านซ้าย ส่วนฝั่งตรงข้ามคือที่นั่งแรกด้านขวานั้นก็คือฉุนอวี้เว่ยอีที่รีบเข้ามาเอง
“ฟิ้ว”
เงาร่างของหญิงชรานางหนึ่งรวมตัวกันขึ้นมาเป็นจริงจากความว่างเปล่า แล้วปรากฏขึ้นภายในโถงตำหนัก เหล่าผู้อาวุโสภายในโถงตำหนักรวมทั้งลูกหลานทั้งหลายของตระกูลต่างก็ยืนขึ้นทันที ท่านโหวหั่วเลี่ยซึ่งนั่งในตำแหน่งประธานยืนขึ้นก่อนใครก่อนจะเดินลงมาต้อนรับ“ ท่านบรรพชน”
“แม่เฒ่า” ฉุนอวี้เว่ยอีก็รีบคารวะทันที
“ท่านบรรพชน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงเรียก “ท่านบรรพชน” ด้วยความเคารพ ผู้อาวุโสทั้งหลายและคนของตระกูล อิงซานเลี่ยฮู่ หรงซิงหลันและคนอื่นๆ ต่างก็เคารพนบนอบเหลือแสน
แม่เฒ่าอิงซานก็คือผู้ที่เป็นรากฐานให้ตระกูลอิงซานมีสถานะเช่นทุกวันนี้ได้
แม่เฒ่าอิงซานเดินยิ้มแย้มเข้ามาหาตงป๋อเสวี่ยอิง “เจ้าหนูเสวี่ยอิง สามารถบุกฝ่าชั้นที่หกของวังปฐมเทพได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ไม่เลวเลย ทว่าก็ยังต้องตั้งใจบำเพ็ญให้ดีๆ เจ้าเคยไปยังนครหลวงแล้วก็น่าจะรู้ว่า…พลังน้อยนิดเช่นเจ้ายังห่างไกลอีกมากโข”
“เสวี่ยอิงเจ้าใจขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำ
“อื้ม” แม่เฒ่าอิงซานโยนกำไลวงหนึ่งออกไป “บำเพ็ญให้ดีๆ เถิด ข้ารอวันที่เจ้าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องอยู่นะ” แม่เฒ่าอิงซานพูดจบก็หันหน้าจากไปทันที
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับกำไลเก็บวัตถุมา
เมื่อตรวจสอบดู…
หัวหอกอันธรรมดาสามัญล่องลอยอยู่ภายใน ตรงปลายหอกทำให้พื้นที่เก็บวัตถุเกิดระลอกมิติสายแล้วสายเล่าขึ้นมา
“นี่มัน…” ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก แต่ก็เห็นเพียงเงาร่างของแม่เฒ่าอิงซานที่ค่อยๆ สลายหายไปเท่านั้น
………………………………….