Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 71 สมบัติลับล้ำค่าแปดชิ้น
วังนิจรัตติกาลเป็นขุมอำนาจทางการค้าที่จัดอยู่ในห้าลำดับแรกของดินแดนจิตโลกา
และที่วังนิจรัตติกาลแห่ง ‘เมืองนิจรัตติกาล’ หนึ่งในสองเมืองทิพย์แห่งรัฐโบราณบรรพชนอันเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการนั้นก็หรูหราหาใดเทียม
“ใต้เท้าอิงซานเสวี่ยอิง เชิญขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งเดินไปถึงด้านนอกวังนิจรัตติกาล ก็มีผู้ดูแลขั้นอลวนคนหนึ่งมาต้อนรับ ไม่ต้องพูดอะไรก็ล่วงรู้ถึงตัวตนของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
“ข้าต้องการดู ‘ดวงจิตเปี่ยมกิเลส’ โดยไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียง
ผู้ดูแลคนนี้ถ่ายเสียงพูดด้วยสีหน้าสงบเงียบว่า “ใต้เท้าอิงซานเสวี่ยอิงวางใจได้เต็มที่เลยขอรับ ตั้งแต่วังนิจรัตติกาลของข้าก่อตั้งมา แต่ไหนแต่ไรก็มิเคยมีความลับรั่วไหลมาก่อนเลยขอรับ!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
พูดถึงผลกระทบ
วังนิจรัตติกาลนับได้เพียงว่าเป็นขุมอำนาจทางการค้าห้าอันดับแรก แต่หากพูดถึงความน่าเชื่อถือ ที่นี่และร้านค้าสกุลฝานนั้นกลับจัดได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง สมบูรณ์แบบเป็นที่สุด! แต่ไหนแต่ไรก็มิเคยมีความลับรั่วไหลจนส่งผลกระทบต่อลูกค้า
เช่นขุมอำนาจทางการค้าอื่นๆ ล้วนมีประวัติอันด่างพร้อยมาก่อน ถึงอย่างไร แม้ว่ากฎเกณฑ์จะเข้มงวดกว่านี้ ผู้กุมอำนาจทางการค้าที่แท้จริงก็ยังเป็นเทพจักรวาลที่แกร่งกล้าจำนวนหนึ่ง เนื่องด้วยความเห็นแก่ตัว ก็ย่อมใช้ประโยชน์จากความลับบางประการภายในแหล่งการค้า
แต่ร้านค้าสกุลฝานและวังนิจรัตติกาลนั้นไม่เหมือนกัน
ความไว้วางใจของพวกเขานั้นสมบูรณ์แบบเป็นที่สุด! จะเห็นได้จากสิ่งนี้ว่า ‘บรรพชนนิจรัตติกาล’ และ ‘บรรพชนฝาน’ เจ้าของผู้อยู่เบื้องหลังสองขุมอำนาจใหญ่ทางการค้านี้มีความร้ายกาจในด้านการควบคุมลูกน้องมากเพียงใด! เช่นมหาเคารพซือเทียน มหาเคารพลู่เทียนและผู้ร้ายกาจคนอื่นๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชนฝานกลับประพฤติตนดีงามกันเป็นอย่างยิ่ง ส่วนบรรพชนนิจรัตติกาลนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงดูดซับโลหิตธาตุของเขาแล้วก็ย่อมต้องสวามิภักดิ์
“ใต้เท้าอิงซานเสวี่ยอิง โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่” ผู้ดูแลนำตงป๋อเสวี่ยอิงเข้ามาในห้องโถงแห่งหนึ่ง “อีกประเดี๋ยวจะส่งดวงจิตเปี่ยมกิเลสมาให้นะขอรับ”
“ได้สิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งลงขัดสมาธิพลางดื่มสุราชั้นเลิศที่เพิ่งอุ่นร้อนมาใหม่ตรงหน้า
เพียงชั่วครู่
ผู้ดูแลอาภรณ์ดำก็กลับเข้ามาอีกครั้ง เขาพลิกมือคราหนึ่ง ไม้เท้าอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง บนไม้เท้าประดับด้วยก้อนหินสีดำขนาดเท่าฝ่ามือก้อนหนึ่ง
“สามารถหยิบมาดูในมือได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยถาม
“ย่อมได้” ผู้ดูแลอาภรณ์ดำอมยิ้ม สมบัติล้ำค่ามูลค่ากว่าหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาล ขั้นอลวนธรรมดาๆ ย่อมไม่มีสิทธิ์ได้ดูอยู่แล้ว แต่อิงซานเสวี่ยอิงมิได้อยู่ในแถวหน้าอย่างแน่นอน
ตงป๋อเสวี่ยอิงคว้าคทาที่ดูเหมือนไม้เท้าธรรมดาๆ อันหนึ่งนี้เอาไว้ ไม้เท้านี้ธรรมดาก็จริง สายตาของเขาจับอยู่บนก้อนหินสีดำที่ประดับอยู่บนไม้เท้า เพียงแค่สายตาได้เห็นก็รู้สึกว่า ‘ก้อนหินสีดำ’ มีพลังดึงดูดอันแรงกล้า ทำให้เขาจ้องมองดูอย่างมิอาจควบคุมตนเองได้ มีความรู้สึกอยากจะจ่อมจมเข้าไปชนิดหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นยอดฝีมือที่เขตลวงโลกเทียมไปถึงขั้นอลวนชั้นที่เก้า ก็สามารถควบคุมจิตใจเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“วิ้ง”
สติรับรู้แทรกผ่านความรู้สึก
ก้อนหินสีดำ จึงจะเป็น ‘ดวงจิตเปี่ยมกิเลส’ ส่วนไม้เท้าก็เอาไว้เพื่อปกป้องก้อนหินสีดำเท่านั้นเอง
“กึกๆ…”
ขณะที่สติรับรู้แทรกผ่านเข้าสู่ก้อนหินสีดำนั้นเอง ก็รู้สึกได้ว่าก้อนหินสีดำเหมือนจะขยายและหดตัวราวกับหัวใจเต้น ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ไหวติง อย่างช้าๆ …เขาก็ ‘ได้เห็น’ โลกขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้ไอหมอกสีชมพูแล้ว ภายในโลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังทวีคูณและใช้ชีวิตกันอยู่ แต่ความปรารถนาภายในโลกนั้นช่างแรงกล้าเหลือเกิน
เพื่อความรัก ชัง ละโมบ หลงใหล ตื่นเต้น มีความสุข… ความปรารถนาทางอารมณ์ชนิดต่างๆ ก็ก่อให้เกิดความขัดแย้งจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นทั่วทั้งโลก
“โลกา”
“กิเลส”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดี
ยามที่ไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดมุ่งสู่เทพจักรวาล ดังเช่นทางสายห้วงอากาศก็เพียงแค่แบ่งออกเป็นเส้นทางหลายสายเท่านั้น เขาบำเพ็ญเคล็ดผนึกห้าภาพสำเร็จ ก็ได้ครอบครองวิถีทางส่วนใหญ่แล้ว
เหตุผลเดียวกัน
เขตลวงโลกเทียมก็แบ่งออกเป็นเส้นทางหลายสาย สายหลักของเขาก็คือเส้นทาง ‘โลกา’ อีกทั้งยังค่อนข้างเชี่ยวชาญเส้นทาง ‘สังหาร’ อีกด้วย ถึงอย่างไรวิชา ‘บุปผาเก้าใบ’ ของเขาก็คือท่าไม้ตายอันน่าหวั่นเกรงที่โลกเทียมและโลกเขตลวงกลั่นกรองออกมา เพียงแค่หลอมรวมเข้าไปในความเร้นลับของวิถีเข่นฆ่าบางส่วนเท่านั้น
“ดวงจิตเปี่ยมกิเลสนี้ก็คือเส้นทางสองสาย สายหนึ่งคือเส้นทางโลกา ส่วนอีกสายหนึ่งคือเส้นทางกิเลส” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
กิเลส ก็คือเส้นทางสายหนึ่งของเขตลวงโลกเทียมที่พบเห็นได้บ่อยมาก
เมื่อติดเข้าไปในห้วงกิเลส ก็จะจ่อมจมเข้าไปในโลกมายา…
“สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ไม่เลวเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบปิติยินดี “มีเส้นทางโลกา แน่ใจว่าข้าหยั่งรู้เป็นระยะเวลาสักช่วงหนึ่งก็สามารถสำแดงพลังรบชั้นที่สิบออกมาได้แล้ว แม้กระทั่งข้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาล ก็ยังส่งผลดึงดูดอยู่ดี! ส่วน ‘เส้นทางกิเลส’ นั้น… รอให้ข้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้วก็ต้องการที่จะศึกษาเส้นทางอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน”
“ตึง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงวางไม้เท้าในมือลงบนโต๊ะ
“ใต้เท้าอิงซานเสวี่ยอิง เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้างถามยิ้มๆ เพียงแต่ในใจก็แอบประหลาดใจ ถึงขนาดที่มีสติรับสัมผัส แต่ไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อยอย่างนั้นหรือ พวกที่วิญญาณอ่อนแอเหล่านั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถต้านทานได้ ก็คงจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง
“ดวงจิตเปี่ยมกิเลสนี้ ใต้เท้าอิงซานเสวี่ยอิงชมชอบหรือไม่” ผู้ดูแลแย้มยิ้ม
ชมชอบ
แน่นอนว่าย่อมต้องชมชอบอยู่แล้ว! สามารถทำให้ตนเองสำเร็จเคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้ตนเองสอดแนม ‘เส้นทางกิเลส’ ของเขตลวงโลกเทียมได้อีกด้วย
“คิดราคาอย่างไรหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
ผู้ดูแลอาภรณ์ดำยิ้มแยกเขี้ยว “สองหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาล”
“อย่าพูดราคาสูงส่งเดชเช่นนี้เลย ราคาต่ำสุดเท่าใดหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“สิ่งนี้เป็นการรวมกันของเคล็ดวิชาระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบสองชนิด” ผู้ดูแลอาภรณ์ดำพูด “นอกจากนี้ หนึ่งกิเลส หนึ่งโลกา ภายใต้การสำแดงของสองอย่าง… แม้กระทั่งเทพจักรวาลทั่วไปก็ยังยากที่จะต้านทานได้ ต่อให้ต้านทานก็เกรงว่าคงจะสูญเสียพลังยุทธ์ไปอย่างมหาศาล”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยอมรับ
ทั้งสองส่งเสริมสนับสนุนกันอย่างแท้จริง
‘โลกา’ เดิมทีก็ดึงดูดจิตวิญญาณคนอยู่แล้ว ส่งผลฉุดลากศัตรูเข้าไปภายในโลก อย่างเช่นเมื่อโลกเขตลวงของเขาสำแดงออกมา วิญญาณก็อ่อนแอเสียจนจ่อมจมเข้าไปภายในโลกเขตลวงแล้ว
แต่ถ้าหากมีเคล็ดวิชา ‘กิเลส’ อันแข็งแกร่งอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน ภายใต้การเหนี่ยวนำของกิเลส พลังต้านทานของศัตรูก็จะอ่อนแอลงอย่างฉับพลัน อีกทั้งยังติดเข้าสู่โลกเขตลวง นึกอยากจะดิ้นรนออกมานั้น ระดับความยากก็ย่อมสูงขึ้นไปหลายเท่า
“ถึงแม้ว่าจะมีเคล็ดวิชาระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบสองชนิด แต่ก็ต้องสามารถสำแดงออกมาได้จึงจะมีประโยชน์” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “เคล็ดวิชาชนิดหนึ่งก็ยากมากแล้วที่จะสำแดงออกมาได้ เคล็ดวิชาสองชนิดอย่างนั้นหรือ บางทีอาจจะมีผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศสักคนหนึ่งที่สามารถเดินออกมาบนเส้นทางวิถีสองสายทางด้าน ‘เขตลวงโลกเทียม’ ไปจนถึงระดับสุดยอดทั้งคู่ได้ตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวน! ทว่าเส้นทางสองสายนี้ ก็คือความเป็นไปได้ของกิเลสและโลกา แต่กลับต่ำเป็นที่สุดแล้ว”
“แม้กระทั่งเทพจักรวาลทางด้านเขตลวงโลกเทียม ก็ยังสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว สำหรับสมบัติลับล้ำค่าระดับชั้นที่สิบ ก็มิใคร่จะใส่ใจสักเท่าใดแล้ว ถึงอย่างไรสิ่งที่สำแดงก็คือเคล็ดวิชาระดับชั้นที่สิบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างราบเรียบ “ถ้าหากเสนอราคาสูงมาส่งเดช ก็มิอาจเจรจากันได้แล้วล่ะ”
“เจ้าของสมบัติลับล้ำค่าที่ฝากขายบอกมาแล้วว่าราคาต่ำสุดคือหนึ่งหมื่นหกพันล้าน” ผู้ดูแลอาภรณ์ดำพูด
“เช่นนั้นก็ปล่อยมันเอาไว้ที่เดิมนั่นแหละ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืดกายลุกขึ้น
“วางใจเถิด ข้าจะไปลองถามเจ้าของสมบัติลับล้ำค่าดูอีกที” ผู้ดูแลอาภรณ์ดำพูด
“สมบัติลับล้ำค่าไม่เลวเลย แต่ราคาแพงเกินไป ตอนนี้ที่ขายอยู่บนดินแดนจิตโลกาอย่างเปิดเผยมีอยู่แปดชิ้น มีจำนวนหนึ่งที่ถูกกว่านี้มากทีเดียว ข้าจะไปดูชิ้นอื่นๆ ก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินออกไป เขามิได้เจรจากับผู้ดูแลอาภรณ์ดำมากมายเกินไปนัก เพราะว่าผู้ดูแลไม่มีสิทธิ์ตัดสินราคา เขาก็เพียงแค่ถ่ายทอดคำพูดมาเท่านั้น ยังต้องให้เจ้าของสมบัติลับล้ำค่าผู้นั้นตัดสินใจอยู่ดี
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินเล่นในดินแดนจิตโลกา ในขณะที่ไปตรวจดูสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมที่สถานที่แต่ละแห่งนั้นก็ได้เปิดหูเปิดตาไปพร้อมกันด้วย
เขาถึงขนาดเคยไปที่รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งมารอบหนึ่ง ได้เห็นผู้แกร่งกล้าที่ยิ่งใหญ่แห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งหลายคน พูดถึง ‘สำนักหลอมกาย’ นั้นรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งก็แข็งแกร่งที่สุดอย่างไร้ข้อโต้แย้ง! เพราะว่ารัฐโบราณหิมะน้ำแข็งมีบรรพชนที่ไปถึงขั้นไร้เทียมทานอยู่ถึงสามท่าน บรรพชนสามท่านนั้น แต่ละคนต่างก็ไปถึงระดับสุดยอดทางด้านการหลอมกาย ดังนั้นนึกอยากจะหลอมร่างกายที่กล้าแกร่งออกมา สำนักวิชาของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งก็มีความเชี่ยวชาญกว่ามากนัก น่าเสียดายที่รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนั้นปิดกั้นกว่าอยู่พอสมควร ค่อนข้างต่อต้านรัฐประเทศภายนอก
“ยังเหลือชิ้นสุดท้ายอยู่”
สองเดือนกว่าให้หลัง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงรัฐถูฮวา สมบัติลับล้ำค่าที่นครหลวงรัฐถูฮวาชิ้นนี้เป็นสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมชิ้นสุดท้ายที่เขาดู
สมบัติลับล้ำค่าก่อนหน้านี้ที่มีราคาถูกที่สุดก็คือแปดพันห้าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาล ที่แพงที่สุดก็ยังคงเป็นหนึ่งหมื่นหกพันล้าน ที่ต้องใจตงป๋อเสวี่ยอิงที่สุดในตอนนี้ก็คือ ‘ดวงจิตเปี่ยมกิเลส’ ชิ้นนั้น น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องการราคาถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้านอยู่ดี ราคานี้มีแรงกดดันมากเกินไปสำหรับตน ต้องแลกเปลี่ยน ‘หกหมื่นแต้มความดีความชอบ’ ที่ท่านอาจารย์ให้ตนเป็นแก้วผลึกจักรวาลจนหมดสิ้นจึงจะเพียงพอ
เช่นนั้นร่างแยกของตนก็จะไม่มีทางบำเพ็ญร่างเมฆทักษิณาทิพย์ได้แล้ว
“ใต้เท้าเสวี่ยอิง” ร้านค้าสกุลฝานภายในรัฐถูฮวา ภายใต้การขอให้รักษาความลับของตงป๋อเสวี่ยอิง ผู้ดูแลก็นำเขามายังห้องโถงแห่งหนึ่ง
“นี่คือ ‘กระดิ่งจิตมาร’ ขอรับ” ผู้ดูแลวางกระดิ่งสีทองอันหนึ่งลงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงจ้องมองกระดิ่งสีทองตรงหน้า นี่คือชิ้นสุดท้ายแล้ว ตนเองดูหมดแล้วก็ต้องรีบตัดสินใจว่าจะซื้อชิ้นไหนโดยเร็วที่สุดแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปคว้ากระดิ่งจิตมารชิ้นนี้เอาไว้
…………………………………………….