Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 74 มหาเคารพซือเทียน
ภายในสวนดอกไม้ของจวนอ๋องแห่งหนึ่ง ณ เมืองหิมะเหิน อาหารและสุราชั้นเลิศถูกยกมา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สนทนากับฝานเทียนฉ่งอย่างออกรสออกชาติ
“ที่ข้ามาที่นี่ยังมีเรื่องดีอีกเรื่องหนึ่งจะบอกน้อง” ฝานเทียนฉ่งพูดยิ้มๆ ขณะเดียวกันเขาก็ปรายตามองสาวใช้โฉมงามทั้งกลุ่มซึ่งคอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง
“พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด” จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำชับกับคนรอบกาย
“เจ้าค่ะท่านอ๋อง”
สาวใช้โฉมงามกลุ่มนั้นต่างก็รับคำอย่างเชื่อฟัง แล้วก็จากไปจนหมด ภายในสวนดอกไม้เหลือเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงและฝานเทียนฉ่งสองคนเท่านั้น
ร่างอ้วนสูงของฝานเทียนฉ่งนั่งยืดตัวตรงขึ้นมาจากนั้นก็ลดเสียงลงแล้วพูดว่า “น้องเสวี่ยอิง สกุลฝานเรามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้น้องเข้าร่วม วางใจเถิด เจ้าเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้การกระทำนี้ก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ภารกิจนี้ พวกเราสามารถตอบแทนเจ้าด้วยผลประโยชน์พันล้านแก้วผลึกจักรวาล ฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่ใช่แค่ไม่มีอันตราย แต่ยังใช้เวลาไม่มากสักเท่าใดนัก เพียงไม่เกินพันปีเท่านั้น สำหรับน้องแล้ว น่าจะไม่มีปัญหากระมัง”
“อ้อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้ว
หากไม่มีท่านอาจารย์ตักเตือน
เรื่องที่ไม่มีอันตรายต่อชีวิต และใช้เวลาสั้นๆ ทั้งยังให้ผลประโยชน์ถึงพันล้านแก้วผลึกจักรวาล บวกกับที่สกุลฝานให้ตนช่วยเหลือ ตนและฝานเทียนฉ่งจึงมีมิตรภาพมาแต่เดิมแล้ว ตนย่อมมิอาจปฏิเสธได้อย่างแน่นอน
“สามารถบอกข้าให้ละเอียดหน่อยได้หรือไม่ ว่าที่แท้แล้วจะให้ทำวิ่งใดกันแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“หากเจ้าไม่เข้าร่วมด้วย ข้าก็ไม่สะดวกพูดหรอก” ฝานเทียนฉ่งหัวเราะฮิฮิ “สำหรับน้องแล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็นับเป็นการขัดเกลาอย่างหนึ่ง ฮ่าฮ่า อันที่จริงข้าก็อยากเข้าร่วมมาก น่าเสียดายที่ในเผ่าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา เจ้าฝึกเคล็ดผนึกห้าภาพได้สำเร็จจึงถูกตระกูลข้าเลือก และเชิญเจ้าให้เข้าร่วม รอเจ้ารับปากแล้ว หลังจากไปถึงรัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว ก็จะได้รู้สถานการณ์โดยละเอียดอย่างรวดเร็ว เจ้าวางใจให้เต็มที่เถิด ข้าไม่มีทางให้เจ้าลงมือกับรัฐเมฆทักษิณา ไม่มีทางให้เจ้าลำบากใจอย่างแน่นอน”
พูดได้งดงามมาก
น่าเสียดายที่ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงต้องปฏิเสธ
“ข้าจะรับปากก็ได้ แต่ข้าต้องขอตั้งเงื่อนไขเสียหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
“พูดมาเถิด” ฝานเทียนฉ่งหัวเราะฮิฮิ เรื่องนี้เกี่ยวพันใหญ่หลวงนัก เดิมพันที่ทางตระกูลให้เขามาเจรจาก็สูงนัก
“ข้าต้องการกลายเป็น ‘เค่อชิงระดับบน’ ของสกุลฝาน รวมทั้งต้องการหนึ่งหมื่นมหามหาคุณูปการหลังจากเสร็จธุระด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
ฝานเทียนฉ่งตะลึงงันไป แล้วเบิกตากว้างมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง
อ้าปากกว้างราวกับราชสีห์เลยทีเดียว!
ทำเอาฝานเทียนฉ่งตะลึงงันไปแล้ว
“น้องเสวี่ยอิง เจ้ารู้ว่าสิ่งใดคือเค่อชิงระดับบนกระมัง รู้ว่าหนึ่งหมื่นมหามหาคุณูปการหมายความว่าอะไรกระมัง” ฝานเทียนฉ่งพูดขึ้นอย่างอดมิได้ “ประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงก็เป็นเพียงเค่อชิงระดับบนของสกุลฝานเราเท่านั้น! อย่างศิษย์พี่จ้าวทานเผิงของเจ้า ก็เป็นเพียงเค่อชิงเท่านั้น เจ้าพูดว่า ‘เค่อชิงระดับบน’ ใช่หรือไม่ มิได้พูดผิดแน่หรือ”
ระบบเค่อชิงของสกุลฝาน ระดับที่แตกต่างกันก็หมายถึงผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน
เค่อชิงระดับบน มิใช่ว่าใครๆ ก็มีสิทธิ์เป็นได้
“ถูกต้อง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ข้ารู้”
“เป็นไปไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน” ฝานเทียนฉ่งส่ายศีรษะ “ข้าสามารยืนยันกับเจ้าได้เลยว่า ภายในตระกูลของข้าไม่มีทางตกลงข้อเสนอที่เกินเหตุเช่นนี้แน่นอน ข้าเป็นผู้ดูแลเรื่องต่างๆ ของทางรัฐเมฆทักษิณา ในภายหน้าจะต้องมีผู้มาผูกสัมพันธ์มากมาย ข้าจะไม่หลอกเจ้า ข้าสามารถรับปากให้สถานะเค่อชิงและสองพันมหามหาคุณูปการแก่เจ้าได้! นี่คือขีดจำกัดแล้ว”
“เค่อชิงระดับบน หนึ่งหมื่นมหามหาคุณูปการ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
“เฮ้อ เจ้านี่มันช่าง…” ฝานเทียนฉ่งจนใจ
“พี่เทียนฉ่ง ข้าตั้งเงื่อนไขไปแล้ว ท่านก็ติดต่อกับทางตระกูลเถิด พวกเขาอาจจะรับปากก็เป็นได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“ก็ได้ๆๆ” ฝานเทียนฉ่งเห็นเข้าก็ส่ายหน้า “เช่นนั้นข้าก็จะรายงานขึ้นไปแล้วนะ ว่าเจ้าตั้งเงื่อนไขสูงเสียจนเกินเหตุ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเริ่มติดต่อกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาอย่างลับๆ
อาจารย์บอกไว้ว่า
หากฝานเทียนฉ่งพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อใด ก็ต้องแจ้งอาจารย์ทันที อาจารย์ก็จะช่วยสานต่อเรื่องนี้เอง
“ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าพูดกับฝานเทียนฉ่งไปแล้ว เขาบอกว่าภายในตระกูลไม่มีทางตกลงเด็ดขาด” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งสาร
“ดี ในเมื่อยื่นเงื่อนไขนี้แล้ว ต่อไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า เจ้าเข้าถึงสมบัติลับเขตลวงโลกเทียมแล้วสามารถสำแดงอานุภาพระดับชั้นที่สิบออกมาได้หรือยังเล่า” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาไต่ถาม
“เข้าถึงแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
สิ่งที่เขาคิดค้นมาแต่เดิมก็คือโลกเขตลวง
ดังนั้นกระบวนท่าทั้งสองภายในกระดิ่งจิตมาร เขาย่อมผลักดันกระบวนท่าโลกาจนไปถึงระดับชั้นที่สิบแล้ว ส่วนทางสาย ‘หลงใหล’ นั้น แม้เขาจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานทางด้านเขตลวงโลกเทียม ที่ผ่านมาระหว่างบำเพ็ญก็ได้รับรู้อะไรบ้าง บัดนี้ค้นคว้ามาชั่วระยะหนึ่ง ก็ได้รับรู้กระบวนท่าระดับชั้นที่แปด เมื่อสำแดงผ่านกระดิ่งจิตมาร ก็ถึงเพียงแค่ระดับชั้นที่เก้าเท่านั้น
“ดี ข้าถึงก็ดีแล้ว หากเจ้ามิได้เข้าถึง ข้าก็ต้องปรับเอาสมบัติล้ำค่าด้านกาลเวลามาใช้ ให้เจ้าเข้าถึงได้เร็วที่สุดน่ะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณารู้สึกยินดี “เจ้าวางใจเถิด เจ้าเข้าถึงกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบ สกุลฝานของเขาจะต้องรับปากอย่างแน่นอน”
……
ฝานเทียนฉ่งกำลังรายงานขึ้นไปยัง ‘มหาเคารพซือเทียน’ อาจารย์ของเขา
มหาเคารพซือเทียนมีสถานะสูงส่งอย่างยิ่งภายในสกุลฝาน เป็นผู้เคารพไม่กี่ท่านที่เป็นรองเพียงบรรพชนฝานเท่านั้น อย่างในตอนนั้นเขาก็ได้แปลงยอดฝีมือใต้บังคับบัญชาเก้าสิบเก้าคนให้กลายเป็นเทพมารร้อยสงคราม! ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังของตนเอง ด้านการหลอมแปรบ่าวมาร หรือว่าด้านการอบรมผู้ใต้บังคับบัญชาเขาก็ล้วนแต่เชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง เช่นขั้นอลวนธรรมดาสามัญคนหนึ่งจะยกระดับขึ้นไปจนถึงชั้นที่สิบ เทพจักรวาลที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ ทำมิได้ แต่เขาทำได้! เทพมารร้อยสงครามก็เป็นตัวอย่าง!
ดังนั้นภายในสกุลฝาน เขาจึงมีอำนาจและอิทธิพลเป็นอย่างมาก
“มหาเคารพซือเทียน”
“ฮ่าฮ่า พี่เมฆทักษิณา”
ความคิดสองสายปะทะกันอยู่ห่างๆ ผ่านระยะทางไกลลิบอันไร้ที่สิ้นสุด
ต่อให้อยู่ภายใต้แรงกดดันของผู้แกร่งกล้าที่ไร้ศัตรู พวกเขาทั้งสองก็ยังคงเป็นระดับผู้ทรงอิทธิพลที่ไร้เทียมทานของดินแดนจิตโลกาอยู่นั่นเอง เนื่องจากประมุขรัฐเมฆทักษิณาเป็นผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดที่อยู่ทางสายอากาศ พลังแข็งแกร่งก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็คือเขามีร่างแยกมากมายน การรักษาชีวิตเลิศล้ำ ร่างแยกบางร่างของเขายังสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ออกมาเพื่อไปยังโลกกำเนิดแห่งอื่น! ดังนั้นจึงมิอาจสังหารเขาให้ถึงตายได้ และนี่ก็คือสาเหตุที่เขาสามารถนำผลประโยชน์ของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มาอยู่ในมือได้แทบจะทั้งหมด ส่วนประมุขรัฐกระบี่สวรรค์นั้นถูกรัฐโบราณคิมหันตวายุและรัฐโบราณสหโลกากดดัน
“พวกเจ้าสกุลฝานจะทำศึกกับสกุลเซี่ยและสกุลชางสักตั้งหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด “เท่าที่ข้ารู้ พวกเจ้าแพ้มาห้าครั้งรวดแล้วมิใช่หรือไร หากพ่ายแพ้อีกก็จะเป็นครั้งที่หกแล้ว! ในประวัติศาสตร์ของพวกท่านสกุลฝานคงไม่เคยแพ้รวดเดียวมากถึงเพียงนี้”
“ทำไมรึ เพราะเรื่องนี้ เจ้าคิดว่าศิษย์ของเจ้าก็จะสามารถร้องขอผลประโยชน์สูงลิ่วเช่นนี้ได้อย่างนั้นหรืออ” เสียงของมหาเคารพซือเทียนส่งทะลุผ่านห้วงความคิด “ข้าเข้าใจความคิดของเจ้าดีมาก คิดจะพยายามสั่งสมมหามหาคุณูปการให้ได้มากๆ ให้ในภายหน้าศิษย์ของเจ้าสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเคล็ดสืบทอดลับและสมบัติล้ำค่าอันแข็งแกร่งภายในสกุลฝานของเราให้ได้มากๆ ที่ข้าพูดน่ะถูกหรือไม่”
“ถูกต้องๆๆ”
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาหัวเราะฮิฮิ “ข้าเชื่อว่าพวกท่านจะยอมรับปาก”
“ผิดแล้วล่ะ เฮอะ ยอดฝีมือขั้นอลวนระดับชั้นที่สิบภายในสกุลฝานนั้นมีมากมายนัก ในจำนวนนั้นก็มีหลายคนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ดังเช่นบางคนที่เชี่ยวชาญในเส้นทางอื่นๆ ข้าก็สามารช่วยพวกเขาให้สร้าง ‘ร่างมารประหัตศึก’ ขึ้นมา ทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มทวีขึ้นได้ นอกจากนี้ที่รัฐภายนอกทั้งหลาย ก็มีอยู่หลายคนที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก หากอบรมให้เข้มข้นหน่อยก็คงจะมิได้ด้อยกว่ามากสักเท่าใดนัก” มหาเคารพซือเทียนกล่าว
“ฮ่าฮ่า ข้าลืมบอกท่านไปว่า เสวี่ยอิงเขาได้สมบัติลับเขตลวงโลกเทียมมา บัดนี้สามารถสำแดงกระบวนท่าเขตลวงระดับชั้นที่สิบออกมาได้แล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด
มหาเคารพซือเทียนสะดุ้งเฮือก
ความคิดของเขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง
กระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมหรือ ระดับชั้นที่สิบหรือ นั่นเป็นการพุ่งเป้าไปที่วิญญาณ ไม่ต้องสนใจว่าสมบัติลับจะสำแดงพลังออกมาได้แข็งแกร่งสักเท่าใด ถึงอย่างไรผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนก็เป็นแค่ขั้นอลวนอยู่วันยังค่ำ หากไร้ซึ่งสมบัติลับ พวกเขาก็สำแดงพลังออกมาได้เพียงระดับชั้นที่เก้าเท่านั้น เมื่อเผชิญกับสมบัติลับเขตลวงซึ่งมีกระบวนท่าระดับชั้นที่สิบอันพุ่งเป้าไปที่วิญญาณโดยตรง…ก็แทบจะเป็นการกวาดล้างแล้ว! นอกเสียจากบางคนที่ตนเองมีผลสำเร็จทางด้านวิญญาณแข็งแกร่งอย่างยิ่งอยู่แล้ว จึงมีหวังจะต้านทานได้
แต่ทว่า!
หากแค่กระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมชั้นที่สิบเพียงอย่างเดียว ก็พูดได้เพียงว่าตงป๋อเสวี่ยอิงแทบจะไร้ศัตรูในขั้นอลวนแล้ว!
เช่นนั้น เมื่อรวมเข้าด้วยกันกับ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ซึ่งแข็งแกร่งทางด้านการต่อสู้ซึ่งหน้าชนิดหาใดเทียบได้แล้ว ก็จะไร้ศัตรูอย่างแท้จริง!
บางทีในประวัติศาสตร์ อาจจะมีขั้นอลวนที่ร้ายกาจอย่างยิ่งสามารถเทียบกับตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ได้ แต่ผู้ที่เก่งกาจไร้เทียมทานเช่นนี้ ก็สำเร็จเป็นเทพจักรวาลไปนานแล้ว! ต่อให้เป็นตงป๋อเสวี่ยอิง วันคืนที่จะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลก็มิได้ไกลออกไปสักเท่าใดแล้ว…และในตอนนี้ ขั้นอลวนที่มิได้สำเร็จเป็นเทพจักรวาล ในสายตาของมหาเคารพซือเทียน เกรงว่าก็คงยากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้แล้ว
“เพียงคนเดียวก็สามารถเอาชนะได้แน่” มหาเคารพซือเทียนหัวใจหวั่นไหวขึ้นมาแล้วจริงๆ “อิงซานเสวี่ยอิงตัวดี ฝึกฝน ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ซึ่งแทบจะไร้ศัตรูในขั้นอลวนก็แล้วไปเถิด ทั้งยังเข้าถึงกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบซึ่งแทบจะไร้ศัตรูเช่นเดียวกัน พรสวรรค์การรับรู้เช่นนี้ จะต้องสำเร็จเป็นเทพจักรวาลในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอน เมื่อสำเร็จและสั่งสมทรัพยากร พลังก็จะไม่แพ้พวกประมุขรัฐประกายเพลิงเลย อื้ม จะมอบสถานะเค่อชิงระดับบนให้ก่อนล่วงหน้าก็ไม่เป็นไรหรอก! ในเมื่อสามารถเอาชนะได้แน่นอน จะทุ่มเทหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการให้เขา ก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน”
หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการ สำหรับสกุลฝานนั้นก็มิได้ใส่ใจเลยจริงๆ
แม้ตระกูลจะใหญ่ การค้าจะใหญ่โตเพียงใดก็มิอาจสิ้นเปลืองได้ ภายในหมู่พวกเขาก็ต้องผ่านการตัดสินมามากมาย ว่าจะ ‘คุ้มค่าหรือไม่’
เห็นได้ชัดว่าอิงซานเสวี่ยอิงที่เข้าถึงเพียงแค่เคล็ดผนึกห้าภาพนั้นไม่คุ้มค่า แต่ตอนนี้คุ้มแล้ว!
“พี่เมฆทักษิณา ที่แท้แล้วท่านยังเก็บความลับนี้เอาไว้ เอาล่ะ เรื่องนี้ข้าอนุญาตแล้ว” มหาเคารพซือเทียนกล่าว บัดนี้ภายในสกุลฝานมีมหาเคารพซือเทียนเป็นผู้ดูแลจัดการหลักชั่วคราว เพราะพลังแข็งแกร่งก็มิได้แปลว่าการดูแลตระกูลจะทำได้ดีด้วย ในบรรดามหาเคารพ มหาเคารพซือเทียนเชี่ยวชาญในด้านการบัญชาการผู้ใต้บังคับบัญชาและจัดการเรื่องต่างๆ อย่างแท้จริง
……
ในสวนดอกไม้ของจวนอ๋องแห่งเมืองหิมะเหิน
ฝานเทียนฉ่งกินไปพลาง พูดคุยกับตงป๋อเสวี่ยอิงไปพลาง
“น้องเสวี่ยอิง พวกเราก็เป็นพี่น้องกัน ข้าขอเตือนเจ้า ว่าประมาณนี้ก็พอแล้ว ด้วยนิสัยของสกุลฝาน หากเจ้าร้องขอมากเข้า หากโมโหขึ้นมาก็จะพาลทำลายข้อตกลงที่ให้ข้าก่อนหน้านี้ไปด้วย แล้วก็หันไปเชิญยอดฝีมือคนอื่นแทน ยอดฝีมือที่เหมาะสมในดินแดนจิตโลกาแห่งนี้ก็พอจะมีอยู่บ้าง”ฝานเทียนฉ่งเกลี้ยกล่อม ทันใดนั้นสีหน้าก็ตะลึงลานขึ้นมา
เขาได้รับสารที่ส่งมาจากอาจารย์ “ตอบตกลงเขาได้เลย แล้วพาเขาไปยังนครหลวงเถิด”
ฝานเทียนฉ่งมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
“เป็นอะไรไปน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ตอบตกลงแล้วหรือนี่” ฝานเทียนฉ่งมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความตกตะลึงเหลือแสน “ตกลงได้อย่างไรกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมา
“เจ้ากล้าเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ เบื้องหลังคงจะมีประมุขรัฐเมฆทักษิณาช่วยวางแผนใช่หรือไม่” ฝานเทียนฉ่งยืดกายขึ้น “ข้าไม่สนใจหรอกว่าประมุขรัฐเมฆทักษิณากับท่านอาจารย์ของข้าตกลงอะไรกันไว้ ในเมื่อพวกเขารับปากแล้ว ข้าก็จะพาเจ้าไปยังนครหลวงคิมหันตวายุของข้า หากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเลยดีหรือไม่”
“ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ออกเดินทางกันเถิด”
…………………………….