Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 78 ฝานซานหยวน
“ขั้นอลวนได้เป็นเค่อชิงระดับบนหรือ” บุรุษชุดดำก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างสนอกสนใจ “ให้ข้าได้ดูพลังของเจ้าเสียหน่อยสิ!”
“ตู้ม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือคราหนึ่ง บนข้อมือพลันมีสร้อยข้อมือลูกแก้วห้าภาพปรากฏขึ้น ผิวของลูกแก้วห้าเม็ดมีแสงรำไรปรากฏขึ้นมา ส่วนฝ่ามือของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับพลันขยายใหญ่ขึ้น แสงรำไรห้าสายพลิกหมุนอยู่เหนือผิวของนิ้วทั้งห้า ก่อให้เกิดเป็นฝ่ามือใหญ่เทียมฟ้า! ตะปบตรงไปทางบุรุษชุดดำผู้อยู่เหนือผิวทะเลสาบ บดบังทั้งฟ้าดิน
ปัง!
ฝ่ามือใหญ่เทียมฟ้า ตะปบร่างของบุรุษชุดดำผู้นั้นจนสลายไป
“นี่ก็คือเคล็ดผนึกห้าภาพหรือ” ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนทั้งห้าของสกุลฝานที่ชมดูอยู่ด้านข้างและอ๋องส้าหลงล้วนมองดูโดยละเอียด เนื่องจากพวกเขาได้พบเห็นเคล็ดผนึกห้าภาพเป็นครั้งแรก! แม้เคล็ดสืบทอดลับนี้จะมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่ง แต่ผู้แกร่งกล้าที่สามารถสำแดงออกมาได้จริงๆ ก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้ บัดนี้ในระดับขั้นอลวนก็ยิ่งมีตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงคนเดียวเท่านั้น
“กระบวนท่าหนึ่งออกไป มิติถูกผนึก เหมือนหลบก็มิอาจหลบได้”
“ถูกต้อง มิอาจหลบได้พ้นเลย! ทั้งมิติถูกผนึกจนหมดแล้ว ต้องฝืนต้านทานเอาไว้ให้ได้”
“ส่วนอานุภาพ ตอนนี้ยังมองไม่ออก”
ทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ขั้นอลวนในที่นั้นล้วนเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง สายตาของแต่ละคนแรงกล้า พวกเขาพบความยอดเยี่ยมของเคล็ดผนึกห้าภาพเป็นอย่างแรก…มิอาจหลบได้พ้น! อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้เป็นเทพจักรวาลส่วนใหญ่ก็หลบไม่พ้น จำเป็นต้องรับกระบวนท่า นอกเสียจากจะเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตจำนวนน้อยนิดอย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณา จึงจะสามารถหลบเลี่ยงกระบวนท่านี้ไปได้ แต่หากมีพลังระดับนั้น ก็คงรังเกียจที่จะหลบแล้ว
“น่าสนใจดีนี่” บุรุษชุดดำรวมร่างกันเหนือผิวทะเลสาบอีกครั้งพลางเอ่ยชม “สามารถปิดผนึกและตัดขาดมิติได้อย่างสิ้นเชิง จุดอ่อนเพียงข้อเดียวก็คือการผนึกของเจ้ายังค่อยข้างอ่อนแอ”
“สำหรับท่านมหาเคารพแล้ว กระบวนท่านี้ของข้าย่อมไม่นับว่าเป็นอะไรได้อยู่แล้ว” ปากของตงป๋อเสวี่ยอิงพูดไป ฝ่ามือก็กวัดแกว่งแล้วตะปบออกไปอีกครั้ง
ฝ่ามือมหึมาขนาดหลายร้อยจ้างปกคลุมลงมา แล้วตะปบร่างแปรของบุรุษชุดดำผู้นั้นจนตายอีกครั้ง
ครั้งแล้วครั้งเล่า
ทุกครั้งตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น! เมื่อร่างแปรถูกตงป๋อเสวี่ยอิงตะปบจนตายด้วยฝ่ามือเดียวเป็นครั้งที่หก อ๋องส้าหลง ฝานเลี่ยหั่ว ฝานเทียนอวิ๋นและคนอื่นๆ ก็สีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
“ข้าอาศัยการเข่นฆ่าประชิดตัว ใช้กระบวนท่าตั้งหลายชนิดจึงสามารถสังหารร่างแปรที่หกได้” อ๋องส้าหลงลอบพึมพำ “แต่เขาใช้เพียงฝ่ามือเดียวก็ทำลายได้แล้ว เคล็ดผนึกห้าภาพนี้ช่างเหมือนกับ ‘เหิมเกริมถึงขีดสุด’ จริงๆ”
“เหิมเกริมพอตัวทีเดียว” หัวใจของฝานเทียนอวิ๋นสั่นสะท้าน เขาพยายามสุดชีวิตจึงสามารถทำลายร่างแปรที่หกได้ แต่อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้กลับทำลายได้ในฝ่ามือเดียว สามารถเห็นถึงความแตกต่างได้โดยง่าย
แม้แต่ฝานเลี่ยหั่ว บุรุษชุดคลุมกันลมสีดำก็มองดูอิงซานเสวี่ยอิงโดยละเอียด “กว่าข้าจะทำลายร่างแปรที่หกได้ ก็ต้องใช้ถึงสองดาบ! ทำลายร่างแปรที่เจ็ดยิ่งต้องใช้ถึงสิบสามดาบ…หากพูดถึงความเหิมเกริมแล้ว เขายังเหนือกว่าข้าเสียอีก”
ฟิ้ว
บุรุษชุดดำรวมร่างแปรขึ้นอีกเป็นครั้งที่เจ็ด ทุกคนในที่นั้นพากันจับตามอง
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ฝ่ามืออันใหญ่โตซึ่งปกคลุมพื้นที่หลายร้อยจ้างตะปบลงไปอีกครั้ง โครมมม…แม้บุรุษชุดดำจะกำลังขัดขวาง แต่ก็ยังคงกลายเป็นเถ้าธุลีไปอยู่ดี
“ยังทำลายได้ในกระบวนท่าเดียวอีกหรือ”
“นี่มัน…”
“เหิมเกริมเกินไปแล้ว”
ฝานเลี่ยหั่วและฝานเทียนอวิ๋นซึ่งถูกบีบออกไป รวมทั้งศิษย์หัวแก้วหัวแหวนอีกสามคนที่ยอดเยี่ยมกว่าซึ่งถูกเลือกต่างก็หรี่ตาลง สำหรับพวกเขาสามคนที่ถูกเลือกนั้น การทำลายร่างแปรเจ็ดครั้งมิอาจนับเป็นอะไรได้! แต่เพียงกระบวนท่าเดียวน่ะหรือ นี่ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
บุรุษชุดดำรวมร่างแปรขึ้นอีกเป็นครั้งที่แปด
“ตู้ม”
ฝ่ามือใหญ่โตของตงป๋อเสวี่ยอิงตะปบลงไป บุรุษชุดดำสกัดกั้นเอาไว้อีกครั้ง มือทั้งสองของเขาสำแดงกระบวนท่าออกไป เมฆดำม้วนตัวขึ้นมา ที่ผ่านมาล้วนถูกทำลาย ครั้งนี้ร่างของบุรุษชุดดำสั่นสะท้านคราหนึ่ง แต่กลับสามารถสกัดเอาไว้ได้
“เอ๊ะ”
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ฝ่ามืออันรวดเร็วอย่างยิ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงโจมตีออกไปถึงห้าครั้ง ตะปบจนบุรุษชุดดำสลายไป
จากนั้นจึงทำความเคารพเล็กน้อยแล้วถอยไปถึงข้างกายอ๋องส้าหลง
“พวกเจ้าทั้งสองมองเห็นแล้วกระมัง” จ้าวขุยเฉินมองไปทางฝานเทียนอวิ๋นและฝานเลี่ยหั่ว “พวกเขาสองคนโจมตีร่างแปรให้สลายไปได้แปดครั้ง พวกเจ้าไปม่มีอะไรจะพูดแล้วกระมัง”
ฝานเทียนอวิ๋นและฝานเลี่ยหั่วเงียบงันไป
ใช่สิ
แพ้แล้ว! นี่คือสิ่งที่มหาเคารพกลืนสวรรค์ลงมือตรวจสอบด้วยตนเอง มหาเคารพกลืนสวรรค์ย่อมไม่มีทางจงใจหลอกลวงเอนเอียงไปทางคนนอกเป็ฯแน่
“กลับไปบำเพ็ญให้ดีๆ เถิด อย่าคิดว่าคนสกุลฝานไร้ศัตรูแล้วจริงๆ ต่อให้เป็นรัฐเล็กๆ ภายนอกเหล่านั้น แม้จะไม่มีอาจารย์ที่ดี ไม่มีเคล็ดวิชาที่ดี ก็มีขั้นอลวนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเจ้าเช่นกัน!” จ้าวขุยเฉินแค่นเสียงเฮอะ
“ขอรับ” ฝานเลี่ยหั่วและฝานเทียนอวิ๋นยิ่งรู้สึกยากจะทานทน
“ไปเถิด!”
จ้าวขุยเฉินโบกมือคราหนึ่ง วิ้ง มิติรอบกายฝานเลี่ยหั่วและฝานเทียนอวิ๋นถูกเคลื่อนย้ายไป ทั้งสองอันตรธานไปในทันที
“เค่อชิงระดับบนหิมะเหิน เจ้ากล้าสู้กับข้าหรือไม่” ในบรรดาศิษย์หัวแก้วหัวแหวนสามคนที่ถูกเลือก มีคนหนึ่งซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างผอมซูบสวมเกราะสีเขียว นัยน์ตาทั้งคู่ของเขาราวกับสายฟ้า เขาแค่นเสียงคำรามออกมา ยามนี้เขาเป็นฝ่ายปปะทุอานุภาพออกไปเอง ทันใดนั้นเหนือผิวกายของเขาก็พลันมีงูสายฟ้าอันน่าหวาดหวั่นเลื้อยไปมาอยู่ หากพูดถึงอำนาจเพียงอย่างเดียว ก็เหมือนจะสามารถบีบจ้าวขุยเฉินได้
ต่อให้ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพ ก็ไม่มีกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้
“ไม่จำเป็นแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “กำหนดตัวผู้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวแล้ว ก็ไม่จำเป็ฯต้องไปแย่งชิงอีก”
“แม้แต่ความกล้าเพียงเท่านี้ก็ไม่มีรึ” ชายหนุ่มอาภรณ์เขียวร่างผอมซูบตะคอกด้วยความโมโห
“เอาล่ะ”
จ้าวขุยเฉินขมวดคิ้ว “นี่คือสถานที่ของมหาเคารพ อย่าได้โอหังนัก”
“ขอรับ” ชายหนุ่มอาภรณ์เขียวร่างผอมซูบพูดด้วยความเชื่อฟัง
“มหาเคารพ” จ้าวขุยเฉินทำความเคารพทันที “ข้าและคนอื่นๆ ต้องขอตัวไปก่อนแล้ว” จากนั้นพวกตงป๋อเสวี่ยอิงขั้นอลวนทั้งห้าคนก็พากันคารวะ
“ขั้นอลวนรุ่นพวกเจ้าอย่าทำให้สกุลฝานเราเสียหน้าล่ะ” ร่างแปรชุดดำพูดจบก็สลายไป ดวงตามหึมาที่สามารถมองเห็นได้จากก้นทะเลสาบก็จมหายตามไปด้วย
“ไป”
จ้าวขุยเฉินพาพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งห้าคนแปรเป็นอากาศจากไปอย่างรวดเร็ว
“ให้พวกเขาสองคนโอ้อวดกดดันพวกเราชาวสกุลฝานหรือ” ชายหนุ่มร่างผอมซูบผู้สวมเกราะสีเขียวพูดกับสหายอีกสองคน บนใบหน้าของเขายังมีความโหดเหี้ยมสายหนึ่งแฝงเอาไว้ “พวกฝานเทียนอวิ๋นทั้งสองคนก็เป็นเศษสวะ ยังคิดว่าพวกเขาสองคนก็เพียงพอจะทำให้ผู้มาจากภายนอกสองคนนั้นเสียหน้าแล้ว! หากพวกเขาสามคนไม่ลงมือ ยังคิดจริงๆ ว่าขั้นอลวนของสกุลฝานเราจะสู้พวกเขาไม่ได้แล้ว”
สาวน้อยด้านข้างถ่ายเสียงพูดว่า “อีเชียน อ๋องส้าหลงผู้นั้นก็แล้วไปเถิด จะเอาชนะเขาก็มิใช่เรื่องยาก นอกจากนี้เท่าที่ข้ารู้ นิสัยของอ๋องส้าหลงผู้นั้นก็มุทะลุ ขอเพียงท้าทายสักหน่อยก็สามารถท้ารบได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่อิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้น…ก็ออกจะยุ่งยากอยู่บ้าง! ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาประมือกับร่างแปรของมหาเคารพนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบก็ยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่ก้าวเดียว เคล็ดผนึกห้าภาพของเขาสำแดงออกไปกระบวนท่าหนึ่ง ก็มิอาจหลบหลีก ทำได้เพียงฝืนสกัดกั้นเท่านั้น หากสามารถฝ่าไปได้ก็เอาชนะได้ หากฝ่าไปไม่ได้ก็แพ้! ข้าไม่มั่นใจเอาเสียเลย แม้พี่ใหญ่จะฝึกฝนเคล็ดวิเศษไร้ภาพ โอกาสที่จะเอาชนะอิงซานเสวี่ยอิงได้ก็มีเพียงห้าส่วน! มีเพียงแต่ท่านซึ่งมีชื่อเสียงด้านพลังเท่านั้น! ที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือใช้พลังทำลายกฎ! เหมาะที่จะรับมืออิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นเป็นที่สุด ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือเขาเอาแต่หลบหลีกการต่อสู้มาโดยตลอด”
“ข้ารู้ เคล็ดผนึกห้าภาพของเขาต้องสำแดงออกมาหกครั้งต่อเนื่องกันจึงสามารถทำให้ร่างแปรที่แปดของมหาเคารพแตกสลายไปได้ แม้วิถีพลองของข้าจะมิอาจทำได้ถึงขั้น ‘มิอาจหลบเลี่ยงได้’ แต่ตอนนั้น เพียงพลองเดียวของข้าก็ทำลายร่างแปรที่แปดได้แล้ว ร่างแปรที่เก้าหลบหลีกเก่งยิ่งนัก พลองของข้าจึงปะทะไม่ถูกก็เท่านั้นเอง” ชายหนุ่มอาภรณ์เขียวร่างผอมซูบถ่ายเสียงพูด “ขอเพียงประมือซึ่งหน้า ข้าต้องทำลายเคล็ดผนึกห้าภาพของเขา! เรื่องเอาชนะเขา พี่ใหญ่ ท่านว่าอย่างไรบ้าง”
นั่นคือบุรุษในอาภรณ์สีเทาอันเรียบง่ายผู้หนึ่ง
ในสกุลฝาน บรรดาผู้แกร่งกล้าส่วนใหญ่มีความโหดเหี้ยมไปจนถึงอำมหิตเป็นอย่างยิ่งกันทั้งนั้น!
แต่บุรุษในอาภรณ์สีเทาอันเรียบง่ายผู้นี้กลับมีกลิ่นอายนุ่มนวล ขั้นอลวนผู้แกร่งกล้าภายในสกุลฝานล้วนเคารพนับถือเขาเป็นอันมาก เขายังได้รับความสนใจจากบรรพชนฝานและได้รับมอบเคล็ดวิเศษไร้ภาพมา ต้องรู้ไว้ว่าในรายการแลกเปลี่ยนของเค่อชิง นี่เป็นสิ่งที่ต้องมีสถานะผู้อาวุโสเค่อชิง และยังต้องใช้ถึงสามแสนมหาคุณูปการจึงสามารถแลกมาได้! เขาก็คือ ‘ฝานซานหยวน’ ผู้ได้รับการอบรมบ่มเพาะอย่างดีที่สุดจากสกุลฝานในยุคนี้
ฝานซานหยวน ฝานโม่จู๋และฝานอีเชียน
บัดนี้พวกเขาเป็นสามคนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาขั้นอลวนสกุลฝานอย่างไร้ข้อกังขา
‘ฝานอีเชียน’ ซึ่งก็คือบุรุษเกราะเขียวร่างผอมซูบก็ทะเยอทะยาน แต่กลับภักดีต่อฝานซานหยวน
“อีเชียน” บุรุษในอาภรณ์สีเทาอันเรียบง่ายถ่ายเสียงพูด “เจ้าโจมตีอ๋องส้าหลงก่อน แล้วค่อยเข้าไปในเรือนของอิงซานเสวี่ยอิงเพื่อเชิญให้ต่อสู้ หากเขาไม่ยินยอม เจ้าก็คอยอยู่ในเรือนอย่าไปไหน!”
“วิธีดีนี่!” บุรุษเกราะเขียวร่างผอมซูบพลันนัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมา
บุรุษในอาภรณ์สีเทาอันเรียบง่ายเผยรอยยิ้มออกมา
ด้วยนิสัยของเขา ก็ทำเรื่องไร้มารยาทที่บังอาจขนาดนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ทว่าเรื่องบังอาจเหิมเกริมกลับเป็นสิ่งที่ฝานอีเชียนชมชอบเป็นที่สุด
“เฮอะๆ” ฝานอีเชียนมองไปทางชายหนุ่มอาภรณ์ขาวด้านข้างพลางพึมพำว่า “ยังมาพูดว่าเค่อชิงระดับบนอีกรึ เฮอะๆ อีกประเดี๋ยวจะโจมตีให้เจ้าหน้าคะมำเลย!”
…………………………..