Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 90 ปิดฉาก (2)
“สวบ”
ความรู้สึกของการเข้าสู่แก่นห้วงอากาศนั้นมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวย่างอย่างเชื่องช้า บริเวณโดยรอบร่างกายบิดหมุน อนุภาคทรงกลมหมอกดำจำนวนนับไม่ถ้วนโอบล้อมตนเองเสียจนตัวเองราวกับส่วนหนึ่งของพวกมัน เพียงไม่นานก็ก้าวย่างมาจนถึงบริเวณที่ดูน่าสงสัยอยู่บ้างนั้น มองดูพลทหารเกราะทองที่อยู่ด้านข้างโดยรอบอย่างระมัดระวัง
“ปัง”
ไร้ซึ่งการตักเตือน
ฝ่ามือใหญ่ที่ก่อรูปขึ้นจากกระแสอากาศอันเลือนรางห้าสายปรากฏขึ้นที่เหนือศีรษะของพลทหารเกราะทองอย่างฉับพลัน! ฝ่ามือหนึ่งฟาดลงมาโดยไม่ให้โอกาสพลทหารเกราะทองได้ต้านทานเลยแม้แต่น้อย!
ดูเหมือนฟาดลงมา แต่ในความเป็นจริงแล้วคือมิติปิดผนึกห้าภาพหดตัวบีบอัด ภายใต้การรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์แบบของเคล็ดวิชาระดับชั้นที่สิบห้าชนิด ความกดดันของทั้งห้วงอากาศ! ก็บดขยี้ศัตรูทั้งเป็น นี่คือเคล็ดวิชากดดันซึ่งหน้าที่โอหังเป็นอย่างยิ่ง เช่นร่างกระบี่สวรรค์ไร้ทลายชั้นที่สิบของอ๋องอสนีบาตโม่เฉาก็มิอาจต้านทานเอาไว้ได้ เคล็ดวิชาโจมตีอันแกร่งกล้าที่จักรพรรดิเซี่ยให้กับพลทหารเกราะทอง การป้องกันร่างกายตามธรรมชาติก็คงมิได้ล้ำเลิศสักเท่าใดนัก
ถ้าหากล้ำเลิศอย่างยิ่ง ก็คงจะยากเย็นเกินไป
ถึงอย่างไรระลอกที่สามระลอกที่สี่ แต่ละระลอกตามกันมา ระดับความยากล้วนค่อยๆ ยกระดับขึ้น
ถึงอย่างไรการทดสอบก็มีเป้าหมายคือขั้นอลวน! จะต้องเหลือสิ่งที่สามารถคาดหวังได้โดยสมบูรณ์เอาไว้อยู่แล้ว
“หืม”
ตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองมีความประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย ภายใต้การระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบของเคล็ดผนึกห้าภาพ ภายใต้สถานการณ์ที่ศัตรูตั้งตัวไม่ทัน มิอาจต้านทานได้ทันก็ถูกสังหารไปในกระบวนท่าเดียว “ความสามารถในการรักษาชีวิตของร่างกายนั้นมิได้ล้ำเลิศเกินไปเลย”
เมื่อพลทหารเกราะทองตายไป
ความหนาวเหน็บดุจน้ำแข็งโดยรอบก็มลายหายไปจนสิ้น
เงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า
……
มองดูหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าภายในโลกคูหาสวรรค์
พวกเขาสี่คนทั้งฝานอีเชียน ฝานซานหยวน ฝานโม่จู๋ และอ๋องส้าหลง รวมถึงเหล่าขั้นอลวนของสกุลเซี่ยและสกุลชางต่างก็ปากอ้าตาค้าง
หายไปอย่างไร้ร่องรอยหรือ สังหารภายในกระบวนท่าเดียวอย่างนั้นหรือ
“ก่อนหน้านี้เอาชนะระลอกที่สาม ที่แท้แล้วเขายังซ่อนเร้นพลังยุทธ์เอาไว้อยู่อีกหรือนี่” แม่ทัพเซวียนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เขานั้นคารวะอยู่ภายใต้สำนักของ ‘ท่านอาจารย์หยวน’ โดยบังเอิญ ถึงแม้ว่าจะถ่อมเนื้อถ่อมตัว แต่ที่จริงแล้วภายในใจหยิ่งทระนง แต่ตอนนี้กลับพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง!
“นี่จึงจะเป็นพลังยุทธ์ของเขาอย่างนั้นหรือ มิน่าเล่าจึงสามารถเป็นเค่อชิงระดับบนได้” ฝานซานหยวนถึงกับรู้สึกว่าการที่สกุลฝานสามารถเชิญขั้นอลวนที่ล้ำเลิศถึงเพียงนี้มาเป็นเค่อชิงระดับบนได้นับว่าโชคดีเหลือเกิน
ต้องรู้ไว้ว่า…
นับตั้งแต่หลังจากสงครามประเทศโบราณครั้งที่สอง ‘สงครามสามตระกูล’ ที่สามตระกูลใหญ่จัดขึ้น ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เพียงแค่เอาชนะระลอกที่สี่เท่านั้น อีกทั้งยังทุลักทุเลเป็นอย่างยิ่ง ไหนเลยจะผ่อนคลายเหมือนกับอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
มหาเคารพซือเทียนผุดลุกขึ้นยืนในทันใดแล้วพูดยิ้มๆ ด้วยเสียงอันดัง “ทำได้ดี! ทำได้อย่างงดงามทีเดียว สมแล้วที่เป็นเค่อชิงระดับบนของสกุลฝานเรา”
เสียงหัวเราะของเขาสะท้อนก้องอยู่ภายในโถงตำหนัก ทั้งยังจงใจกวาดหางตาไปยังเหล่ามหาเคารพของสกุลเซี่ยและสกุลชางปราดหนึ่ง! คำพูดเสียดสีทั้งหลายของบรรดามหาเคารพเหล่านั้นก่อนหน้านี้ยังคงระคายหูอยู่เลย เป็นถึงผู้จัดการของทั้งสกุลฝานในตอนนี้ ขณะนี้มหาเคารพซือเทียนจึงหัวเราะเสียงดังอย่างแท้จริง จงใจหักหน้า! มาถึงระดับขั้นนี้อย่างพวกเขา เพราะเป็นรัฐโบราณเดียวกันย่อมไม่มีทางสังหารซึ่งกันและกัน แต่สงครามทางอารมณ์และการต่อสู้ซึ่งๆ หน้านั้นยิ่งเห็นได้บ่อยกว่า
“งดงาม”
“ร้ายกาจ”
“นี่คือการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดหรือ ขั้นอลวนสำเร็จการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ช่างเหนือความคาดหมาย ล้ำเลิศโดยแท้”
“เขาไปเรียนเคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดมาจากที่ไหนกัน ขั้นอลวนก็สำเร็จได้ รัฐเมฆทักษิณามีเคล็ดวิชาเช่นนี้ด้วยหรือ”
“เจ้าว่าเขาไปร่ำเรียนมาจากไหนกัน สามารถสำแดงได้ก็เป็นเรื่องดี”
เหล่าเทพจักรวาลแต่ละคนของสกุลฝานยิ้มร่าอย่างมีความสุข มหาเคารพซือเทียนและเจ้าลัทธิดอกบัวแดงแต่ละคนต่างก็อารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าพวกเขาต่างก็มองออกว่าเอาชนะระลอกที่สี่ได้อย่างผ่อนคลายยิ่ง! อิงซานเสวี่ยอิงผู้ล้ำเลิศที่สำเร็จเคล็ดวิชาเขตลวงชั้นที่สิบ เคล็ดผนึกห้าภาพ และการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด เป็นขั้นอลวนคนหนึ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดเท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์ของสงครามสามตระกูล เกรงว่าระลอกที่ห้าก็ต้านเขาเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน!
เพียงแค่เอาชนะระลอกที่ห้าได้ เช่นนั้นสกุลฝานก็เอาชนะได้อย่างแท้จริงแล้ว
ถึงเวลานั้นโอกาสในการเข้าสู่ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมก็จะกลับมาสู่สกุลฝานของพวกเขาแล้ว!
พวกมหาเคารพซือเทียนแต่ละคนต่างก็กำลังคิดถึงการต่อรองกับห้าท่านอื่นๆ ในภายภาคหน้าแล้ว
“การเลือกเขามานี้ เป็นการเลือกที่ถูกต้องแล้วจริงๆ” มหาเคารพซือเทียนสุขใจเป็นอย่างยิ่ง
หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการก็ทำให้สกุลฝานเอาชนะโอกาสในการเข้าสู่ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมได้ครั้งหนึ่งแล้ว คุ้มค่าเหลือเกิน! ต่อให้เป็นสามหมื่นหรือห้าหมื่นมหาคุณูปการก็ยังคุ้มค่า!
แต่เขากลับไม่รู้ว่า…บรรพชนฝานได้ให้สัญญากับตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ก่อนแล้ว!
……
และที่ตำแหน่งสูงสุด
จักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชาง และบรรพชนฝานต่างก็ประหลาดใจอยู่บ้าง การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดหรือ
“เขาถึงกับสามารถสำเร็จการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้เชียวหรือ ขั้นอลวนก็สามารถสำเร็จได้แล้วหรือ เกรงว่าเขาจะเป็นเทพจักรวาลผู้แกร่งกล้าอะไรสักอย่างที่กลับชาติมาเกิดอย่างแท้จริง”
พวกจักรพรรดิเซี่ยแต่ละคนต่างก็อดที่จะคิดเช่นนี้มิได้ เพราะการที่ขั้นอลวนจะสำเร็จได้นั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน อย่างเช่นกู่ฉีผู้เป็นเทพจักรวาลที่สำเร็จทางวิถีห้วงอากาศ ก็ยังมีเคล็ดวิชาที่ชัดเจนอย่างวิชาลับผู้ท่องอยู่ในมือ เพียงแค่บำเพ็ญไปถึงชั้นที่หกสิบอันสมบูรณ์ก็สามารถกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้แล้ว แต่เขาก็ยังมิอาจสำเร็จได้อยู่ดี
ก็สามารถเห็นระดับความยากของการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้แล้ว
ระดับความยากลำบากยังเหนือกว่าโลกราตรีนิรันดร์ เคล็ดวิชาสามชาติภพ และเพลิงเจ็ดสีเสียอีก เป็นเคล็ดวิชาขั้นอลวนที่ยากเย็นที่สุดเท่าที่รู้จักแล้ว! เป็นสิ่งที่เทพจักรวาลจำนวนมากต่างก็ใฝ่ฝันหา ถึงอย่างไรการรักษาชีวิตนี้ก็ล้ำเลิศเหลือเกิน การจะทลายเปิดกรงขังโลกกำเนิดก็ยากเย็นเกินไปเสียแล้ว แม้ว่าจะเป็นผู้แกร่งกล้าที่เชี่ยวชาญทางวิถีห้วงอากาศ การจะทลายเปิดก็ยังยากเย็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่เชี่ยวชาญทางวิถีอื่นๆ เลย
“ขั้นอลวนทำสำเร็จได้ ช่างยากเย็นยิ่งนัก แต่เขาน่าจะกลับชาติมาเกิดเป็นแน่ บางทีความสำเร็จในชาติก่อนของเขาอาจจะสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง” พวกจักรพรรดิเซี่ยแน่วแน่เช่นนี้ ถ้าหากชาติก่อนอิงซานเสวี่ยอิงเป็นผู้แกร่งกล้าระดับอย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณา มีพื้นฐานอยู่ แล้วปลอมตัวเป็นขั้นอลวน ใช้เพียงแค่ความเร้นลับของขั้นอลวนแล้วสำเร็จการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดก็ยังมีความหวังอยู่
“เขาไปเอาเคล็ดวิชาขั้นอลวนกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดมาจากไหนกัน”
ทั้งสามคนนี้ต่างก็พากันประหลาดใจ
เพราะตอนนี้ก็มีเพียงรัฐโบราณสหโลกาและรัฐโบราณคิมหันตวายุที่มีขั้นอลวนสำเร็จวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด! ว่ากันตามเหตุผลแล้วอิงซานเสวี่ยอิงต้องมิอาจศึกษาได้จึงจะถูกต้อง หรือจะบอกว่าเป็นเพราะชาติก่อนเขาศึกษาได้สำเร็จตอนอยู่ที่โลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่ง
บรรพชนฝานแย้มยิ้ม นี่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจจนเกินไปนัก โลกกำเนิดภายนอกมีผู้แกร่งกล้าก็เป็นเรื่องปกติ อย่างเช่นห้าบรรพชนของรัฐโบราณสหโลกาต่างก็เป็นผู้ที่กลับชาติมาเกิดด้วยกันทั้งสิ้น
ไม่ว่าอย่างไรคราวนี้อิงซานเสวี่ยอิงก็ช่วยเหลือสกุลฝานของเขาเอาไว้
“จัดการระลอกที่สี่เรียบร้อยแล้ว” บรรพชนฝานอมยิ้มมองไปทางจักรพรรดิเซี่ยที่อยู่ด้านข้าง
“เริ่มต้นระลอกที่ห้าเลยดีกว่า”
จักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางประสานสายตากันคราหนึ่งแล้วพี่น้องคู่นี้ต่างก็พากันหัวเราะขึ้นมา
“ยังคิดว่าคราวนี้สามารถทำให้พี่ฝานเขียนบันทึกหน้าใหม่ได้ว่าสกุลฝานพ่ายแพ้หกครั้งรวด น่าเสียดายนัก ที่ถูกเจ้าเด็กคนหนึ่งทำลายเสียแล้ว” จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยหยอกล้อ พูดแล้วเขาก็จัดแจงศัตรูยกที่ห้า แน่นอนว่าเขาไม่มีทางจงใจยกระดับความยากให้สูงจนเกินไป เขามีสถานะเช่นไร สามารถทำให้บรรพชนฝานและจักรพรรดิชางช่วยเหลือเขาอย่างเต็มใจได้ นอกจากพลังยุทธ์แล้ว ความยุติธรรมอันเป็นพื้นฐานนี้ จักรพรรดิเซี่ยย่อมสามารถทำได้อย่างแน่นอน! ถึงขนาดที่เขายังจงใจเอื้อประโยชน์ให้กับสกุลฝานและสกุลชางในหลายๆ ครั้งอีกด้วย
……
ปัง! ปัง! ปัง!
ระลอกที่ห้าคือพลทหารเกราะทองสองคน แต่คราวนี้อิงซานเสวี่ยอิงก็กวัดแกว่งหอกเทพเมฆาแดง อันที่จริงแล้ว เดิมที ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ก็เป็นห้าภาพโคจรรวมตัวกัน แต่ติดอยู่บนฝ่ามือ ติดอยู่บนอาวุธอื่นๆ หรือแม้กระทั่งในความว่างเปล่าก็ล้วนสามารถสำแดงออกมาได้ทั้งสิ้น วิธีการที่สำแดงสามารถผนึกศัตรูเอาไว้ในห้วงมิติแล้วทำการกดดันได้โดยตรง ทั้งยังสามารถอาศัยพลังคุกคามของห้วงมิติแห่งหนึ่งโจมตีซึ่งหน้าได้ด้วย!
คราวนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงอาวุธ ทำให้เคล็ดผนึกห้าภาพแนบติดอยู่บนหอกยาว ทำให้หอกยาวแน่นหนักหาใดเปรียบ ปะทะอย่างดุดัน
พลทหารเกราะทองคนหนึ่งถูกปะทะโดยตรงคราหนึ่งก็สูญสลายกระจัดกระจาย! ส่วนอีกคนถูกปะทะสองครั้งจึงจะแหลกสลาย
“พรึ่บ”
หลังจากเอาชนะระลอกที่ห้าแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดินมุ่งหน้าตรงออกไปยังทางเข้าของโลกคูหาสวรรค์ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรั้งอยู่อีกต่อไปแล้ว เอาชนะได้แล้วเป็นใช้ได้ ตนเองเป็นผู้มาจากรัฐประเทศภายนอกคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมากมายเกินไปในรัฐโบราณคิมหันตวายุ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ย ทำได้งดงามนัก” มหาเคารพซือเทียนเดินลงมาด้วยตนเอง สองสามก้าวก็มาถึงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง เขาส่งสุราจอกหนึ่งให้กับตงป๋อเสวี่ยอิงพลางเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “มา ข้าขอคารวะเจ้าจอกหนึ่ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงประหลาดใจเพราะได้รับความชมชอบอยู่บ้าง
ในโอกาสเช่นนี้ มหาเคารพซือเทียนถึงกับมาคารวะสุราเลยหรือ ต้องรู้ไว้ว่าสถานะของมหาเคารพซือเทียนนั้นสูงส่งเป็นที่สุดในบรรดามหาเคารพหกท่านของสกุลฝาน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้จัดการธุระ
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมาในทันที “ขอบคุณท่านมหาเคารพ”
ทั้งสองคนดื่มลงไปในทันใด
“เอาล่ะ”
ด้านข้างนอกจากเหล่าเทพจักรวาลของสกุลฝานที่ปรบมือยินดีแล้ว ยังมีบรรดาแขกเหรื่อที่มิใช่สามตระกูลใหญ่ต่างก็พากันชื่นชมเช่นกัน สกุลเซี่ยและสกุลชางต่างก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างประหลาดใจ
พูดคุยกันอย่างเงียบเชียบ ในเมื่อสกุลฝานชนะแล้ว พวกเขาก็ได้แต่ยอมรับโดยดุษณี! ถึงอย่างไรในประวัติศาสตร์สงครามสามตระกูล แต่ไหนแต่ไรสามตระกูลใหญ่ก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่แล้ว
“มหาเคารพซือเทียน อิงซานเสวี่ยอิงสร้างมหาคุณูปการเช่นนี้เพื่อสกุลฝานของท่าน ก็มิอาจปฏิบัติไม่ดีต่อเขาได้แล้ว” บุรุษที่สะพายกระบี่เทพคนหนึ่งของสกุลเซี่ยเอ่ยเสียงดัง
มหาเคารพซือเทียนหัวเราะฮ่าฮ่าแล้วมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงในทันที พลางถ่ายเสียงพูดว่า “เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ย คิดไม่ถึงว่าเจ้าถึงกับยังมีเคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดนี้อยู่ด้วย ไม่รู้ว่าเคล็ดวิชานี้ของเจ้า เป็นสิ่งที่เจ้าคิดค้นขึ้นมาเองหรือ หรือเป็นสิ่งที่ผู้แกร่งกล้าของโลกกำเนิดในชาติก่อนของเจ้าคิดค้นขึ้นมากันเล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งคราหนึ่ง แต่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายแน่ใจแล้วว่าตนเองกลับชาติมาเกิด
ก็ถูกค้อง
ระยะเวลาในการบำเพ็ญของตนแสนสั้นถึงเพียงนี้ก็ตระหนักรู้เคล็ดผนึกห้าภาพได้อย่างล้ำเลิศ ทั้งยังตระหนักรู้เคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมชั้นที่สิบ ตอนนี้ยังสามารถกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้ด้วยอย่างนั้นหรือ
นี่ล้วนมิใช่การกลับชาติมาเกิด หากแต่เป็นสิ่งที่ตนบำเพ็ญมาโดยเริ่มจากศูนย์ในชาตินี้ เกรงว่าพวกจักรพรรดิเซี่ยและบรรพชนฝานแต่ละคนล้วนไม่มีทางเชื่อเป็นแน่
มหาเคารพซือเทียนเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ ถึงขนาดที่มาทำการคารวะสุรา…เกรงว่าคงจะแน่ใจแล้วว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นคนที่กลับชาติมาเกิด นอกจากนี้ชาติก่อนยังเป็นเทพจักรวาลที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดคนหนึ่งอีกด้วย จึงได้รักษามารยาทถึงเพียงนี้ ถ้าหากเป็นเพียงแค่ขั้นอลวนคนหนึ่งจริงๆ มหาเคารพซือเทียนผู้มีสถานะเช่นนี้รักษามารยาท ก็คงเป็นไปไม่ได้สักเท่าใดจริงๆ ที่จะยอมลดตัวลงมาเช่นนี้
“ได้รับมาโดยบังเอิญน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยสู่สาธารณะเป็นการชั่วคราว
“โลกกำเนิดในชาติก่อนของเจ้า ท่าทางจะแข็งแกร่งน่าดูเลยทีเดียว” มหาเคารพซือเทียนก็มิได้สงสัย ถึงอย่างไรการคิดค้นเคล็ดวิชาเช่นนี้ออกมาได้ก็ยากเย็นเหลือเกินแล้ว
ถ้าหากให้โลกภายนอกล่วงรู้
ขั้นอลวนคนหนึ่งสามารถคิดค้นเคล็ดวิชาออกมาได้ ย่อมต้องตกใจกันอย่างแน่นอน! เพราะเดิมทีการศึกษาให้สำเร็จได้นั้นก็ยากเย็นเป็นที่สุดอยู่แล้ว การคิดค้นออกมานั้นก็ยิ่งยากเย็นยิ่งกว่าเสียอีก! ในดินแดนจิตโลกา มีเพียงสองรัฐโบราณเท่านั้นจึงจะมี พวกประมุขรัฐเมฆทักษิณาแต่ละคนล้วนมิอาจคิดค้นออกมาได้ ถึงแม้ว่าจะมีตงป๋อเสวี่ยอิงพินิจดูชุดเกราะของแม่ทัพโม่กู่ มีแหล่งอ้างอิงโดยตรงเป็นเหตุผล แต่ผู้อื่นมีเคล็ดวิชาก็ศึกษาไม่สำเร็จ เขาสามารถคิดค้นออกมาได้ ก็เพียงพอที่จะมองออกได้อยู่ดีว่าการตระหนักรู้นั้นร้ายกาจสักเพียงใด
……………………………………….