Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 91 การแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม
ในท้องพระโรงของพระราชวังหลวงแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ สงครามสามตระกูลสิ้นสุดลงแล้ว บรรยากาศภายในท้องพระโรงก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก
“สกุลฝานของพวกเจ้าเกือบไปแล้วนะ อีกเพียงนิดเดียวก็จะพ่ายแพ้ครั้งที่หกแล้ว คิดไม่ถึงว่าในเวลานี้จะมีอิงซานเสวี่ยอิงโผล่ออกมาคนหนึ่งได้”
“นี่เป็นโชคชะตาที่ลิขิตเอาไว้แล้วว่าพวกเราสกุลฝานไม่สมควรพ่ายแพ้!”
ระดับสูงของสามตระกูลใหญ่พูดคุยกัน
ในขณะเดียวกันก็มีบรรดาแขกเหรื่อจำนวนไม่น้อยที่จงใจสนทนากับตงป๋อเสวี่ยอิง สามารถถูกเชิญมาเป็นแขกได้ อย่างน้อยก็ต้องมีพลังยุทธ์ระดับเดียวกันกับประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิง
ส่วนใหญ่ก็มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สายตาก็ไม่ธรรมดา ต่างก็คาดการณ์กันได้ลางๆ ว่า “อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ล้ำเลิศถึงเพียงนี้ ความเป็นไปได้ในการกลับชาติมาเกิดก็สูงเป็นที่สุด นอกจากนี้เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นรัฐโบราณสหโลกาหรือว่ารัฐโบราณคิมหันตวายุต่างก็มิอาจเผยแพร่ออกสู่ภายนอกได้ทั้งสิ้น! เขาไปร่ำเรียนมาจากไหนกัน ไม่มีที่ให้เรียน! ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือกลับชาติมาเกิด เขาเรียนมาจากโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว”
ผู้แกร่งกล้าของโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งสามารถอยู่ที่ขั้นอลวน ใช้เพียงแค่ความเร้นลับของขั้นอลวนก็สำแดงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดออกมาได้
แสดงให้เห็นว่าพลังยุทธ์ที่แท้จริงของอิงซานเสวี่ยอิงก็แข็งแกร่งเป็นที่สุด
“นั่นก็คือโลกกำเนิดที่สามารถคิดค้น ‘เคล็ดวิชาขั้นอลวนกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ ออกมาได้ เชื่อว่าพื้นฐานของโลกกำเนิดแห่งนั้นก็คงจะมิได้ย่ำแย่เกินไปนัก จะต้องสร้างไมตรีให้ดีๆ” สายตาที่แต่ละคนมองตงป๋อเสวี่ยอิง มิใช่สายตาที่มองเด็กน้อยคนหนึ่งจากรัฐเมฆทักษิณาอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นสายตาที่มองผู้แกร่งกล้าที่กลับชาติมาเกิดซึ่งมีโลกกำเนิดที่แกร่งกล้าแห่งหนึ่งอยู่เบื้องหลัง
“เค่อชิงเฟยเสวี่ย ข้าก็ศึกษาวิถีห้วงอากาศเช่นกัน ถ้าหากเจ้าติดขัดประการใด ก็สามารถไปเยือนจวนจิ้งจอกเพลิงของข้าได้ เราสองคนก็สามารถพูดคุยกันได้” ผู้เฒ่าศีรษะล้านอ้วนพีคนหนึ่งพูดพลางหัวเราะหึๆ
“ผู้เคารพอุตส่าห์เชิญ ก็เป็นโชคดีของเสวี่ยอิง รอให้เรื่องราวยุ่งยากคราวนี้ผ่านพ้นไปก่อน ข้าจะต้องไปที่จวนของผู้เคารพสักครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยขึ้นในทันที บุคคลท่านนี้ก็คือ ‘ผู้เคารพจิ้งจอกเพลิง’ แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ถึงแม้ว่าจะมิใช่สามตระกูลใหญ่ แต่ก็เป็นระดับมหาเคารพ พื้นฐานน่าจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาของตนเลย แต่พลังยุทธ์ซึ่งหน้านั้นเกรงว่าคงจะมิได้ย่ำแย่สักเท่าใดนัก เขาจะกล้าเพิกเฉยต่อบุคคลเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
แต่ละคนสนทนากันไม่กี่ประโยคก็สร้างสัมพันธไมตรีกันได้พอสมควร
หรือไม่ก็เชื้อเชิญกันตรงๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับความสำคัญจากบรรดาแขกเหรื่อเหล่านี้เป็นอย่างมากอย่างเห็นได้ชัด
“ช่องว่างนี้…”
เหล่าขั้นอลวนคนอื่นๆ แต่ละคนที่มาเข้าร่วมสงครามสามตระกูลเช่นเดียวกันที่ดูอยู่ที่นั่นทั้งริษยาทั้งจนใจ
ผู้ที่สามารถมาเป็นแขกของที่นี่ได้ ต่างก็มิใช่เทพจักรวาลธรรมดาทั่วไป! ก่อนหน้านี้ก็สนทนากับพวกเขาขั้นอลวนเหล่านี้เพียงน้อยนิด ถึงอย่างไรช่องว่างของพลังยุทธ์ก็อยู่ที่นี่!
“บรรดาแขกเหรื่อเหล่านี้ต่างก็พากันไปสนทนากับอิงซานเสวี่ยอิงเสียแล้ว ก็ยังคงไม่แยแสข้าอยู่ดี”
“อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ ถึงอย่างไรพลังยุทธ์ก็ร้ายกาจเหลือเกิน เขาได้รับความสนใจก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”
แต่ละคนล้วนได้แต่อิจฉาริษยา
พวกเขาส่วนใหญ่ยังคิดว่าอิงซานเสวี่ยอิงร้ายกาจ จึงได้รับการปฏิบัติด้วยความสุภาพ แต่กลับไม่รู้เลยว่าบรรดาแขกเหรื่อเหล่านั้นทำกับตงป๋อเสวี่ยอิงเหมือนเป็นยอดฝีมือระดับเดียวกันไปแล้ว
……
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง
ทางด้านบรรดาระดับสูงของสกุลฝานจากไปทีละคนๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สร้างไมตรีกับสหายเทพจักรวาลของรัฐโบราณคิมหันตวายุกลุ่มหนึ่ง ได้รับคำเชื้อเชิญมากมาย! เขาสุขใจเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรสำหรับเขาแล้วทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาก็คือดินแดนแห่งโชคสำหรับการยกระดับพลังยุทธ์ เขาก็ย่อมสร้างมิตรไมตรีอย่างสุดกำลังอยู่แล้ว เพื่อสั่งสมทรัพยากรทั้งหมดที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
“เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ย พวกเราสองคนไปพร้อมกันเถิด” มหาเคารพซือเทียนทำการเชื้อเชิญ ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งรถม้าคันเดียวกับเขากลับไปยังคีรีมารสกุลฝาน
“ไม่ต้องดูแล้ว ถ้าหากพวกเจ้ามีพลังยุทธ์เช่นอิงซานเสวี่ยอิงนี้ ก็อาจได้รับความเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ได้” จ้าวขุยเฉินเหลือบมองฝานซานหยวน ฝานโม่จู๋ ฝานอีเชียน และอ๋องส้าหลงสี่คนที่อยู่ด้านข้างปราดหนึ่ง “ไปกันเถิด”
“ก็ได้”
พวกฝานซานหยวนมองดูรถม้าของมหาเคารพซือเทียนและตงป๋อเสวี่ยอิงที่จากไปอยู่ห่างๆ ทันใดนั้นก็พากันก้าวขึ้นรถม้าของตัวเองด้วยความรู้สึกซับซ้อนภายในใจอยู่บ้าง กลับไปภายใต้การนำทางของจ้าวขุยเฉิน…
ณ คีรีมารสกุลฝาน
ภายใต้ต้นไม้ใหญ่สีม่วงเข้มต้นเตี้ยแข็งแกร่งต้นหนึ่ง ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้มีลำต้นหนาหลายจั้ง แต่ความสูงกลับเพียงแค่สิบกว่าจั้งเท่านั้น กิ่งก้านสาขาแผ่กว้างเป็นอย่างยิ่ง กินพื้นที่เป็นบริเวณเกือบหนึ่งลี้
มหาเคารพซือเทียนและตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ สองคนนั่งตรงข้ามกัน เบื้องหน้าเต็มไปด้วยสุราชั้นเลิศและอาหารอันโอชะ ด้านข้างก็มีหญิงรับใช้รูปโฉมงดงามคอยรับใช้อยู่
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงอดที่จะมองดูต้นไม้ใหญ่ต้นเตี้ยแข็งแกร่งที่อยู่ข้างๆ ต้นนี้มิได้ ลำต้น กิ่งก้าน และใบไม้ ล้วนมีสีม่วงเข้ม ตลอดทั้งต้นดูราวกับหินหยกสีม่วงเข้มสลักเสลาประกอบกันขึ้นมา
“รู้สึกถึงความพิเศษของต้นไม้เทพต้นนี้แล้วหรือไม่” มหาเคารพซือเทียนพูดยิ้มๆ
“ขอรับ ช่างมหัศจรรย์โดยแท้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้มีกลิ่นอายอันไร้รูปร่างถูกตัวมันดูดซับเอาไว้ กลิ่นอายอันไร้รูปร่างนี้หล่อเลี้ยงวิญญาณโดยตรง วิญญาณก็เกิดความรู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งวิญญาณก็ทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นด้วยความเร็วอันเชื่องช้าอย่างที่สุด“นี่เป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์ไปฉกชิงมาได้ตั้งแต่ก่อนสงครามประเทศโบราณครั้งที่หนึ่งเสียอีก” มหาเคารพซือเทียนพูดยิ้มๆ “ถูกท่านอาจารย์ให้ชื่อว่าเป็น ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ ต้องอยู่ภายใต้ต้นไม้เทพต้นนี้เท่านั้น เคล็ดวิเศษไร้ภาพของท่านอาจารย์จึงจะสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
ยังมีความเป็นมาเช่นนี้ด้วยหรือ
สถานะของตนที่รัฐเมฆทักษิณา ก็ล่วงรู้ข้อมูลลับเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ มาก่อนเลย
บรรพชนฝานอยู่ภายใต้ต้นไม้เทพต้นนี้ ทำให้เคล็ดวิเศษไร้ภาพสมบูรณ์แบบ เกรงว่าต้นไม้เทพต้นนี้จะมีความพิเศษอย่างที่สุดจริงๆ
“ต้นไม้เทพผลาญจิตมีผลหล่อเลี้ยงวิญญาณ นี่ก็แล้วไปเถิด ถึงอย่างไรหล่อเลี้ยงไปสักปีครึ่งก็สิ้นสุดแล้ว วิญญาณก็มิอาจยกระดับได้อีกแล้ว” มหาเคารพซือเทียนยกจอกสุราขึ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยกจอกสุราขึ้นในทันใด หลังจากที่คนทั้งสองยกจอกขึ้นจิบสุราชั้นเลิศแล้ว มหาเคารพซือเทียนจึงได้เอ่ยต่อไปว่า “แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดของต้นไม้เทพผลาญจิตก็คือการ ‘ผลาญจิต’ ยิ่งเจ้าบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้นี้เป็นเวลานาน การรับสัมผัสก็จะยิ่งแข็งแกร่ง มีส่วนช่วยส่งเสริมอย่างมหาศาลสำหรับการบำเพ็ญทางด้านวิญญาณ! ในตอนนั้นท่านอาจารย์ของข้ามีระดับขั้นเช่นไร ก็ทำให้เคล็ดวิเศษไร้ภาพสมบูรณ์ภายใต้ต้นไม้เทพต้นนี้!”
“ผลาญจิตหรือ มีส่วนช่วยส่งเสริมทางด้านวิญญาณอย่างมหาศาลหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอดหัวใจสั่นไหวมิได้
เขตลวงโลกเทียมของเขาก็คือทางด้านวิญญาณ
วิญญาณ…
ช่างลึกลับและพิเศษเป็นอย่างยิ่ง
เช่นการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ร่างกายสอดแทรกเข้าสู่แก่นห้วงอากาศโดยสมบูรณ์ หากไม่ทลายเปิดกรงขังโลกกำเนิดก็มิอาจทำร้ายได้
แต่ว่ามีข้อยกเว้นอยู่อย่างหนึ่งก็คือ…เคล็ดวิชาวิญญาณ!
เคล็ดวิชาวิญญาณ ไร้รูปร่างไร้ภาพ ทั้งยังไร้สุ้มเสียง ออกกระบวนท่าแล้วก็ตรงมาถึงในทันที! ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะสอดแทรกเข้าสู่ห้วงอากาศ แต่วิญญาณของเขาก็ยังคงอยู่ สามารถจัดการเขาผ่านเคล็ดวิชาวิญญาณได้เช่นเดิม! แน่นอนว่า ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ หายลับไปอย่างสมบูรณ์ สังเกตไม่พบเลยแม้แต่น้อย คิดจะโจมตีวิญญาณก็ไม่มีเป้าหมาย
ต่อให้โจมตี ด้วยวิญญาณและความสำเร็จทางด้านเขตลวงโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ การทดสอบรอบแรกของสงครามสามตระกูลในครั้งนี้ ลำพังแค่ยอดฝีมือเทพจักรวาลที่เชี่ยวชาญทางด้านวิญญาณคนหนึ่งอาศัยสมบัติลับล้ำค่าก็อับจนหนทางแล้ว สามคนร่วมมือกันจึงสามารถทำให้เขาคุกเข่าลงได้!
รอให้ภายหน้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาล วิญญาณมีการวิวัฒน์ยิ่งกว่านี้! คิดจะใช้ทางด้านวิญญาณจัดการเขา ระดับความยากก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นแล้ว
“สมบัติลับล้ำค่านี้ของเจ้าคือกระดิ่งจิตมาร เจ้าเชี่ยวชาญเขตลวงโลกเทียมหรือ” มหาเคารพซือเทียนเอ่ยต่อ
“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“วิถีทางด้านวิญญาณล้วนลำบากยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง” มหาเคารพซือเทียนพูดกลั้วหัวเราะ “ถ้าหากบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต ก็จะมีส่วนช่วยส่งเสริมเจ้าอย่างมหาศาล แต่ต้นไม้เทพก็มีเพียงแค่ต้นนี้เท่านั้น! ปกติแล้วกลิ่นอายที่มันแผ่ออกไปก็เพียงพอสำหรับให้ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งดูดซับเท่านั้น ถ้าหากมีผู้บำเพ็ญสองคนดูดซับพร้อมๆ กัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะย่ำแย่”
“ต้นไม้เทพผลาญจิตล้ำค่าหาใดเปรียบ โดยทั่วไปก็จะเป็นระดับข้ามหาเคารพหกคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาใช้ประโยชน์ ศิษย์สกุลฝานของข้าหรือว่าเค่อชิง ขอเพียงแค่เป็นผู้ที่มีความดีความชอบยิ่งใหญ่ จึงจะมีโอกาสมาที่นี่ได้” มหาเคารพซือเทียนพูด “คราวนี้เจ้าสร้างมหาคุณูปการ ข้าสามารถจัดให้เจ้าบำเพ็ญที่นี่ได้เป็นเวลาปีครึ่ง ถึงแม้ว่าจะมิได้มีส่วนช่วยในการบำเพ็ญมากมายสักเท่าใดนัก แต่ก็สามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณของเจ้าไปจนถึงขีดสุดได้”
“ขอบคุณท่านมหาเคารพ บรรพชนฝานเขามอบสามหมื่นมหาคุณูปการให้กับข้าแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยในทันที
“ข้ารู้” มหาเคารพซือเทียนแย้มยิ้มน้อยๆ “ระยะเวลาในการบำเพ็ญยาวนาน เวลาปีครึ่งเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กเท่านั้น แต่เจ้าอยากจะมีความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ทางด้านวิถีวิญญาณก็จำเป็นต้องบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตเป็นล้านล้านปี! ความช่วยเหลือเช่นนี้จึงจะยิ่งใหญ่ขึ้น! แต่ระยะเวลายาวนานเกินไป ข้าก็ไม่มีสิทธิ์จะรับปากเจ้าได้หรอกนะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจสั่นไหว
เขาเข้าใจดี
อยากจะได้มาครอง ก็ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง!
“โลกกำเนิดที่เจ้าอยู่เมื่อชาติก่อน ถึงกับมีเคล็ดวิชาที่ระดับขั้นอลวนสามารถกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้ เกรงว่าพื้นฐานคงจะลึกล้ำทีเดียว” มหาเคารพซือเทียนมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “สกุลฝานของข้า สำหรับบรรดาเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งลึกลับร้ายกาจ แน่นอนว่ายิ่งมากก็ยิ่งดีอยู่แล้ว! หากมอบเคล็ดวิชาหนึ่งให้แก่สกุลฝานของข้า สกุลฝานของข้าก็สามารถมอบผลประโยชน์ที่สอดคล้องกันให้ได้”
“สมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดหรือ บำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตอย่างนั้นหรือ บนม้วนสาส์นก่อนหน้านี้ของเจ้าต่างก็มิได้บันทึกผลประโยชน์เอาไว้เลย ทั้งหมดล้วนสามารถเจรจาได้ทั้งสิ้น” มหาเคารพซือเทียนอมยิ้ม “การแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมอย่างไรเล่า!”
วิถี จึงจะเป็นพื้นฐาน
เคล็ดสืบทอดลับที่แกร่งกล้าพอ เพียงพอที่จะทำให้ขุมอำนาจใหญ่ระดับยอดสุดมุ่งมาดปรารถนาได้
อย่างเช่นสมบัติลับล้ำค่าระดับสุดยอดตามปกติแล้วย่อมไม่สามารถมอบให้ได้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าบนม้วนสาส์นจะบันทึกเอาไว้ว่าสามารถมอบ ‘สองแสนมหาคุณูปการ’ ให้ได้! แต่ในความเป็นจริงแล้วจนถึงบัดนี้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ยังสะสมได้ไม่ถึงสองแสนมหาคุณูปการเลย
แต่ถ้าหากมีเคล็ดสืบทอดลับให้ การแลกเปลี่ยนของทั้งสองฝ่าย เช่นนั้นก็สามารถเจรจากันได้มากมายแล้ว!
“มีเคล็ดการบำเพ็ญบางอย่างที่มีข้อจำกัด มิอาจเผยแพร่สู่ภายนอกได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ข้าเข้าใจ” มหาเคารพซือเทียนยิ้มตาหยี
“สำหรับส่วนที่ข้าสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้ ข้าขอลองไปคิดดูก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ เป็นสิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นเอง สามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!
“ฮ่าฮ่า… ทั้งหมดนี้เรียกได้ง่ายๆ ว่าการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมกระมัง” มหาเคารพซือเทียนพยักหน้า
…………………………………………