Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 10 สำนักนภาทมิฬ
เขาค้นพบได้โดยอาศัยเหตุปัจจัย เป็นถึงดินแดนแห่งหนึ่งในอากาศอันสับสนอลหม่าน ‘โลกดาราระยับ’ ก็โคจรโดยอาศัยกฎเกณฑ์สูงสุด ยากที่จะตรวจสอบเหตุปัจจัยได้ แต่ไปถึงระดับขั้นเทพจักรวาล กฎเกณฑ์สูงสุดก็ต้องร่นถอย เหตุปัจจัยก็ย่อมไม่มีที่ให้หลบซ่อน ตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะกลับชาติมาเกิด เป็นดวงวิญญาณที่ใหม่เอี่ยมอ่องอย่างยิ่ง เป็นเด็กทารกคนหนึ่ง… ผู้ที่มีเหตุปัจจัยต่อเขาก็มีอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น คนหนึ่งก็คือบิดา อีกคนหนึ่งก็คือมารดา
มารดาก็ย่อมต้องเป็นหญิงสาวอาภรณ์ขาวที่ยังตั้งครรภ์ตนอยู่ผู้นี้นี่เอง
ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือบุรุษอาภรณ์ดำที่กำลังห้ำหั่นกับศัตรูอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“ลูกเอ๋ย ถึงแม้ว่าเจ้าจะอยู่ในท้องข้า แต่กลับเป็นชีวิตเหนือธรรมดาแล้ว คงจะสามารถรับรู้โลกภายนอกได้” หญิงสาวอาภรณ์ขาวที่อยู่ข้างนอกกำลังลูบไล้ครรภ์พลางเอ่ยเสียงต่ำด้วยน้ำตานองหน้าว่า “จำไว้นะ ท่านพ่อของเจ้าชื่อเซี่ยอีอวี่ เขาตายเพราะช่วยชีวิตเจ้ากับข้า”
หญิงสาวอาภรณ์ขาวหันหน้ามองไปยังที่ไกลๆ
นางหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์
แต่นางเข้าใจว่าความเป็นไปได้ที่จะมีปาฏิหาริย์นั้นต่ำอย่างยิ่ง! สามีของนางเมื่ออยู่ต่อหน้ามารเฒ่าเขาทองก็ต้านทานได้ไม่นานสักเท่าใดนัก ความเร็วในการหนีเอาชีวิตรอดก็สู้คู่ต่อสู้มิได้ ก็มีแต่ตกต่ำไปเท่านั้น
……
“เซี่ยอีอวี่หรือ”
ภายในครรภ์
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ยินเสียงพูดต่ำๆ ของมารดาดังมาจากด้านนอก
เป็นถึงเทพจักรวาลที่บำเพ็ญมาเป็นเวลานับล้านล้านปีคนหนึ่ง การกลับชาติมาเกิดก็เป็นเพียงแค่ประสบการณ์อย่างหนึ่งสำหรับเขาเท่านั้น เขาไม่สามารถเกิดความรู้สึกอันลึกซึ้งอย่างแท้จริงเหมือนที่มีต่อบิดามารดาที่ปราการเมืองศิลาหิมะในตอนนั้นได้ แต่ถึงอย่างไรก็มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมมีความรู้สึกไม่เหมือนกันกับสองท่านนี้
“บิดามารดาผู้ให้กำเนิด ทั้งยังมีเหตุปัจจัยอยู่กับตัว ข้าก็ย่อมต้องตอบแทนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ อันที่จริงเป็นเทพจักรวาลแล้วก็มิได้สนใจความเกี่ยวโยงของเหตุปัจจัย แต่แม้กระทั่งผู้อ่อนแอเขาก็ยังไม่อยากรังแก เหตุปัจจัยของบิดามารดาผู้ให้กำเนิด… เขาก็ยิ่งไม่สามารถมองข้ามได้ ถึงอย่างไรถ้าหากเขาไม่กลับชาติมาเกิด ตัวอ่อนในครรภ์ของสามีภรรยาคู่นี้ก็ย่อมต้องให้กำเนิดวิญญาณใหม่อีกดวงหนึ่งออกมาอยู่แล้ว
ตนเองมาแทนที่แล้วก็ย่อมต้องตอบแทนบุญคุณ
“ท่านพ่อเป็นผู้เคารพเทพแท้ ส่วนท่านแม่เป็นเทพแท้ธรรมดา” ตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจสอบพลังยุทธ์อย่างง่ายดาย “มารเฒ่าเขาทองผู้นั้นเป็นผู้ปกครองเทพแท้หรือ มารเฒ่าผู้นี้ เหตุปัจจัยจำนวนนับไม่ถ้วนในตัวมีบาปมหันต์พัวพัน…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถรู้สึกได้ถึงความขุ่นเคืองและคับแค้นล้นฟ้าที่แฝงอยู่ในเหตุปัจจัยเหล่านั้น
“พรึ่บ”
ความนึกคิดวูบไหว
ด้วยพลังยุทธ์เขตลวงโลกเทียมเทพจักรวาลของเขา ก็สามารถตรวจสอบความทรงจำของมารเฒ่าเขาทองผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย อาศัยสิ่งนี้ก็ได้ล่วงรู้ตัวตนของท่านพ่อท่านแม่แล้ว
******
“เคร้ง”
ประกายกระบี่วาบผ่าน
นัยน์ตาของเซี่ยอีอวี่มีความปรารถนาอันแรงกล้าระเบิดออกมา สงครามกำลังปะทุ!
ครั้งแรกที่ตรวจสอบทารกน้อยในครรภ์ของภรรยา เซี่ยอีอวี่ก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะใช้ชีวิตปกป้องครอบครัวนี้ ปกป้องภรรยาและบุตรชาย
เขาและภรรยาอยู่อย่างสันโดษ วันวารช่างแสนสงบและเป็นสุข
และแล้วมารเฒ่าเขาทองก็ยังตามล่ามาจนได้!
ทุ่มเทสมบัติล้ำค่าทั้งหมดและความคิดทุกวิถีทาง จนถึงตอนนี้เขาก็มีแต่ต้องใช้ชีวิตไปขัดขวางแล้ว
“อยากจะคอยดูเขา โอบอุ้มเขาเหลือเกิน”
“เติบโตไปดีๆ นะ”
“ลูกของข้า ลูกของข้าเซี่ยอีอวี่”
ในขณะนี้เซี่ยอีอวี่ราวกับกำลังถูกแผดเผาวิญญาณ เขาเต็มใจจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องภรรยาให้ดี ความปรารถนาอันแรงกล้าเช่นนี้ทำให้วิญญาณของเขาเปล่งประกายสว่างไสวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงขนาดที่เขาสอดแนมไปถึง ‘ระดับผู้ปกครอง’ ได้อย่างรางๆ แต่ถึงอย่างไรการเหยียบย่างเข้าสู่ระดับผู้ปกครองก็มิได้ง่ายดายเช่นนั้น ในขณะนี้มารเฒ่าเขาทองก็กระวนกระวายเช่นกัน เขาไม่อยากเห็นสมบัติล้ำค่าหนีหายไป
“ตายให้ข้าเสียเถิด” มารเฒ่าเขาทองกระวนกระวายผิดปกติ
“ท่านอาจารย์ ศิษย์รู้ตัวดีว่าก่อความผิดมหันต์ แต่ลูกของข้ากับฉินเอ๋อร์นั้นเป็นผู้บริสุทธิ์นะขอรับ! ศิษย์สู้มารเฒ่าเขาทองมิได้ เกรงว่าคงจะต้องตายด้วยน้ำมือของมารเฒ่าเขาทอง ศิษย์ได้แต่ขอให้ท่านอาจารย์เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ให้พวกเขาได้มีชีวิตรอดต่อไป ท่านอาจารย์ขอรับ ข้าขอร้องท่านล่ะ” ในขณะที่เซี่ยอีอวี่ห้ำหั่นอยู่นั้นก็ได้ส่งสารของความช่วยเหลือไปหาท่านอาจารย์ด้วย
พรึ่บ
มารเฒ่าเขาทองหันหน้าเสียงดังพรึ่บแล้วหนีไปในทันใด
เซี่ยอีอวี่ที่เดิมทีต้องการจะยื้อตัวมารเฒ่าเขาทองเอาไว้ ยังคงตามไปยื้อยุดพัวพันตลอดทาง แต่เขากลับค้นพบอย่างตกตะลึงว่าทิศทางของเส้นทางหลบหนีของมารเฒ่าเขาทองกับทิศทางที่ภรรยาขับเรือบินหนีไปนั้นเป็นทิศทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“หนีหรือ เหตุใดเขาจึงจะหนีไปเล่า” เซี่ยอีอวี่งุนงงอยู่บ้าง
มารเฒ่าเขาทองหลบหนีไปด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด
“ท่านอาจารย์ของข้ามาแล้วหรือ ไม่ถูกสิ ถ้าหากท่านอาจารย์มาจริงๆ ก็จะต้องเคลื่อนที่ในพริบตามาปรากฏตัวโดยตรงเลยจึงจะถูกต้อง! มารเฒ่าเขาทองจะค้นพบก่อนล่วงหน้าได้อย่างไรกันเล่า” เซี่ยอีอวี่ยิ่งทวีความสงสัย
ระยะเวลาชั่วอึดใจหลังจากนั้น
เซี่ยอีอวี่หยุดลงแล้วยืนตะลึงค้างอยู่กลางอากาศ ตามองดูมารเฒ่าเขาทองหายลับไปอย่างรวดเร็วที่ริมขอบฟ้า
เวลาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ภรรยาจะต้องหนีพ้นไปเรียบร้อยแล้ว
“ข้ารอดชีวิตแล้วหรือนี่” เซี่ยอีอวี่รู้สึกงงงวย เซี่ยอีอวี่ที่เดิมมีความคิดว่าจะต้องตายอย่างแน่นอนคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรเช่นนี้ได้ “เหตุใดมารเฒ่าเขาทองจึงรีบหนีไปอย่างตื่นตระหนกเช่นนั้นเล่า เป็นเพราะมียอดฝีมือแอบช่วยเหลือข้าอย่างลับๆ หรือว่ามีเหตุผลอื่นใดกัน เอาเถอะ อย่างน้อยข้าก็ยังรักษาชีวิตรอดได้”
พรึ่บ
เบื้องหน้ามีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ซึ่งก็คือชายชราอาภรณ์เหลืองผู้หนึ่ง
ชายชราอาภรณ์เหลืองมองเซี่ยอีอวี่อย่างเย็นชา
“ท่านอาจารย์” เซี่ยอีอวี่มองเห็นชายชราตรงหน้าแล้วก็คุกเข่าลงในทันใด คุกเข่าอยู่กลางอากาศ
……
ส่วนอีกด้านหนึ่ง
มารเฒ่าเขาทองที่หนีอย่างตื่นตระหนกพลันร่างกายสั่นสะท้านในทันใด พรึ่บ! สูญสลายอย่างไร้สุ้มเสียงไปในทันที เหลือเอาไว้เพียงแค่สิ่งของของเขาจำนวนหนึ่งที่ร่วงหล่นลงมายังส่วนลึกของทะเลสาบเบื้องล่าง บางทีในภายหน้าอาจมีผู้ที่ชะตาลิขิตให้สามารถค้นพบพวกมันได้
อย่างน้อย ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ที่สังหารมารเฒ่าเขาทองก็มิได้เห็นสมบัติของผู้ปกครองเทพแท้คนหนึ่งอยู่ในสายตาเลย เขาแปลงวัตถุภายใน ‘จักรวาลโลกเทียม’ ของตนให้กลายเป็นความจริง วัตถุที่สร้างสรรค์ขึ้นได้ตามใจล้วนล้ำค่ากว่าสมบัติของผู้ปกครองเทพแท้ตั้งไม่รู้มากมายเพียงใด
ภายในครรภ์ของหญิงสาวอาภรณ์ขาวชุยฉิน
“หึ” ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมมิได้ใส่ใจอยู่แล้ว บดขยี้มารเฒ่าเขาทองคนหนึ่งให้ตายไปก็ใช้แค่ความนึกคิดคราหนึ่งเท่านั้นเอง
“ท่านอาจารย์ของท่านพ่อในชาตินี้มาแล้วหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ใส่ใจนัก เขาเริ่มต้นดูดซับพลังฟ้าดินเปลี่ยนแปลงร่างกายมารดาอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง ทั้งยังหล่อเลี้ยงร่างกายของตนด้วย และเพิ่มความเร็วในการถือกำเนิดไปพร้อมกัน
******
“ท่านอาจารย์”
บุรุษอาภรณ์ดำเซี่ยอีอวี่และหญิงสาวอาภรณ์ขาวชุยฉินยืนเคียงบ่ากันอยู่กลางอากาศมองดูชายชราอาภรณ์เหลือง
‘ผู้อาวุโสฝูอวิ๋น’ ชายชราอาภรณ์เหลืองมองดูคู่สามีภรรยาตรงหน้าอย่างเย็นชาพลางเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าจะไปตายอยู่ข้างนอกเช่นนี้ก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว แต่เจ้าพูดได้ถูกต้อง ลูกของพวกเจ้าสองคนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าจึงได้มาช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างไรเล่า”
ปากพูดอย่างเย็นชา
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศิษย์รักละเมิดกฎของสำนักวิชา ผู้อาวุโสฝูอวิ๋นก็เดือดดาล ทั้งอยากช่วบเหลือ ทั้งหักห้ามใจ การขอความช่วยเหลือของเซี่ยอีอวี่เมื่อครู่ทำให้ผู้อาวุโสฝูอวิ๋นรู้ว่าลูกศิษย์ของตนอยู่บนเส้นแห่งความเป็นความตายจริงๆ เสียแล้ว คำขอร้องก่อนตายของลูกศิษย์ก็คือให้ช่วยเหลือบุตร ทำให้ในใจของผู้อาวุโสฝูอวิ๋นเกิดข้ออ้างอยู่บ้าง ตนเองมิได้ช่วยลูกศิษย์ แต่เป็นการช่วยเหลือบุตรของศิษย์ต่างหาก ในความเป็นจริงแล้วความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์อันยาวนาน ผู้อาวุโสฝูอวิ๋นจะลืมเลือนไปจนหมดสิ้นได้อย่างไรกัน
“ผู้อาวุโส” หญิงสาวอาภรณ์ขาวชุยฉินก็เอ่ยขึ้น “ความผิดทั้งหมด ล้วนเป็นความผิดของพวกเราสามีภรรยา ยังขอให้ผู้อาวุโสโปรดอย่าเอาลูกเรามาเกี่ยวข้องด้วยเลย”
“เฮอะ ศิษย์หอกระจกสวรรค์” ผู้อาวุโสฝูอวิ๋นส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นคราหนึ่ง
หอกระจกสวรรค์และสำนักนภาทมิฬ สองสำนักวิชาใหญ่นี้มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้งเหลือเกิน บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน เป็นอริห้ำหั่นกันมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ความแค้นยิ่งใหญ่ราวภูเขาราวมหาสมุทร อย่างเช่นสหายร่วมวิถีของผู้อาวุโสฝูอวิ๋นก็ตายด้วยน้ำมือของยอดฝีมือหอกระจกสวรรค์ นี่เป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเล็กๆ แห่งความแค้นของสองสำนักวิชาใหญ่เท่านั้นเองเซี่ยอีอวี่และชุยฉินถึงกับแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน…
ที่สองสำนักวิชาใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักใด ก็ล้วนเป็นความผิดมหันต์ทั้งสิ้น!
ดังนั้นก่อนหน้านี้สองสามีภรรยาจึงได้หลบซ่อนตัวอย่างสันโดษอยู่ข้างนอก แต่ยามที่เผชิญกับการคุกคามของมารเฒ่าเขาทอง ในที่สุดก็ยังต้องอาศัยสำนักวิชาจึงจะสามารถคุ้มภัยให้ได้
“ไปเถิด กลับไปเสีย” ผู้อาวุโสฝูอวิ๋นนำทางพวกเขาสองคนแล้วเคลื่อนที่ในพริบตามุ่งตรงไปยังสำนักนภาทมิฬ
……
ณ สำนักนภาทมิฬ
บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักก็คือยอดฝีมือขั้นรวมเป็นหนึ่ง ‘บรรพชนนภาทมิฬ’ ที่จัดได้ว่าเป็นยอดฝีมือยี่สิบลำดับแรกของโลกดาราระยับแล้ว กฎเกณฑ์ของสำนักก็เคร่งครัด
แน่นอนว่าเพียงแค่เพียงแค่แต่งงานเป็นสามีภรรยากับศิษย์สำนักคู่อริ ถึงแม้ว่าจะเป็นความผิดมหันต์ แต่ก็มิอาจนับได้ว่าเป็น ‘โทษถึงตาย’ มีเพียงแค่ไม่กี่อย่าง อย่างเช่นการทรยศเท่านั้นจึงจะต้องตายในทันที
“เซี่ยอีอวี่และชุยฉิน อยู่ที่ยอดเขาภูตกาฬชั่วนิรันดร์”
ในที่สุดการลงโทษของสำนักนภาทมิฬก็ถูกกำหนดลงมา
เซี่ยอีอวี่และชุยฉินสองสามีภรรยาถูกส่งไปยังยอดเขาภูตกาฬ อยู่ที่ยอดเขาภูตกาฬร่วมกับคนในสำนักที่ได้รับโทษคนอื่นๆ ช่วยสำนักหลอมอาวุธล้ำค่า ‘อยู่ที่ยอดเขาภูตกาฬชั่วนิรันดร์’ ก็หมายความว่ามิอาจหนีไปได้ตลอดกาล มีเพียงแค่สถานการณ์เดียวเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นก็คือพลังยุทธ์บรรลุ สำเร็จเป็นเทพอากาศ ก็จะได้เป็นผู้อาวุโสในทันที แน่นอนว่าสถานะก็ไม่เหมือนกันเสียแล้ว ไม่จำเป็นต้องถูกกักขังเอาไว้ที่นี่ตลอดไป
“พวกเราสองคนอยู่ที่ยอดเขาภูตกาฬชั่วนิรันดร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกของพวกเราจะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลด้วย พวกเราสอนลูกให้ดีๆ รอให้เขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้วก็ให้ลูกของพวกเราคารวะเข้าสู่สำนักนภาทมิฬ” เซี่ยอีอวี่และชุยฉินสองสามีภรรยากลับมีความสุขล้นหัวใจ พวกเขามีลานเล็กอยู่แห่งหนึ่งที่ยอดเขาภูตกาฬ ถึงแม้ว่าภารกิจจะหนักหน่วง แต่เซี่ยอีอวี่เสี่ยงชีวิตไปทำก็ใช้ได้แล้ว
พวกเขาสองสามีภรรยาตั้งหน้าตั้งตารอคอย
เมื่อถึงเดือนที่สามที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่ยอดเขาภูตกาฬ…
‘ชุยฉิน’ ผู้เป็นภรรยาก็ให้กำเนิดเด็กผู้ชายคนหนึ่งออกมา เมื่อถือกำเนิดออกมาก็เป็นชีวิตเหนือธรรมดาแล้ว
ในขณะนี้ทั่วทั้งสำนักนภาทมิฬย่อมไม่เข้าใจอยู่แล้วว่าเด็กชายผู้ถือกำเนิดออกมาที่ ‘ยอดเขาภูตกาฬ’ อันห่างไกลจากสำนักนภาทมิฬผู้นี้มีความหมายเช่นไรต่อสำนักนภาทมิฬ!
……………………………………………………