Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 11 ข้ากลับมาแล้ว
ภายในห้องแห่งหนึ่งของเรือนหลังน้อยบนยอดเขาภูตกาฬ
เด็กน้อยเสื้อขาวอ้วนจ้ำม่ำมองไปข้างกาย ทันใดนั้นพลังฟ้าดินจำนวนน้อยนิดก็รวมตัวกันเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง
“ให้ร่างแปรนี้อยู่ที่นี่ไปชั่วคราวก่อน”
สวบ
เด็กน้อยเสื้อขาวหายวับไปกลางอากาศ
……
ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านแห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากโลกดาราระยับเป็นระยะทางนับไม่ถ้วน เด็กน้อยเสื้อขาวปรากฏกายขึ้น จากนั้นรูปลักษณ์ของเด็กน้อยเสื้อขาวก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นตงป๋อเสวี่ยอิง ชายหนุ่มอาภรณ์สีขาวแทน
“รีบยกระดับพลังของกายหยาบเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
เมื่ออยู่ในโลกดาราระยับ เขาก็ไม่สะดวกจะดูดซับพลังฟ้าดินจำนวนมากตามอำเภอใจ ดังนั้นจึงแค่ยกระดับวิญญาณขึ้นไปจนถึงระดับเทพจักรวาลโดยอาศัย‘วิถีโลกเทียม’เป็นโครงสร้างหลัก! สิ่งที่ดูดซับเข้าไปเพื่อยกระดับวิญญาณนั้น คือพละกำลังต้นกำเนิดสุดของโลกกำเนิด พลังฟ้าดินนั้นเงียบเชียบไร้ความเคลื่อนไหว บัดนี้แบ่งร่างแปรออกมาร่างหนึ่งจึงย่อมทำได้อย่างง่ายดาย
“ตู้ม!”
ทันใดนั้นท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านอันเวิ้งว้างและเงียบเหงารอบด้านก็มีพลังฟ้าดินจำนวนมากโหมซัดเข้าสู่ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงตามการเหนี่ยวนำของเขา ก่อให้เกิดเป็นน้ำวนอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบ
พลังของกายหยาบทะยานขึ้นอย่างพรวดพราด
เหนือธรรมดา ทวยเทพ เทพโลกา เทพแท้ เทพอากาศ ขั้นรวมเป็นหนึ่งและขั้นอลวน…เทพจักรวาล!
ความเร็วในการวิวัฒน์เช่นนี้รวดเร็วมาก
ภายในการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่ขาดสายจาก ‘ทะเลเทพ’ เปลี่ยนแปลงฟ้าดิน…เปลี่ยนแปลงไปจนถึงรวมตัวกันเป็นจุดหนึ่งคือ ‘แหล่งโลกเทียม’ แล้วเปลี่ยนแปลงไปอีกเป็นจักรวาลขนาดเล็กจิ๋วอันสับสนอลหม่าน ไปจนถึงขั้นแปรเป็นจักรวาลโลกเทียมในท้ายที่สุด
หากระดับขั้นถึงแล้ว
ต้องการเพียงแค่ดูดซับพลังงานให้มากพอเท่านั้น พลังก็จะฟื้นคืนมาได้อย่างรวดเร็วตามธรรมชาติ
“ในที่สุดก็ฟื้นคืนมาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงพลังของตนก็เผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา “เมื่อเทียบกับดินแดนจิตโลกาแล้ว ก็ไม่มีสมบัติลับเลย แม้แต่กายทิพย์เมฆทักษิณาก็มิอาจฝึกฝนได้แล้ว”
ถึงอย่างไรกายทิพย์เมฆทักษิณาก็ต้องการวัตถุภายนอกมากมายยิ่งนัก ซึมซับของล้ำค่าชนิดต่างๆ พลังที่แฝงอยู่รวมเข้าไปในกายตน
แต่ปัญหาก็คือ วัตถุพิเศษอันล้ำค่าหายากต่างๆที่กำเนิดขึ้นมาในดินแดนจิตโลกา ส่วนใหญ่ล้วนไม่มีอยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่าน เพราะถึงอย่างไรโลกกำเนิดสองแห่งที่แตกต่างกัน ภายใต้กฎเกณฑ์อันสูงส่งที่แตกต่างกัน สรรพสิ่งต่างๆ ที่ให้กำเนิดขึ้นมาก็ล้วนแตกต่างกันเป็นอันมาก แม้แต่การบำเพ็ญก็ต้องบรรลุถึงขั้นเทพจักรวาลเสียก่อนจึงจะสามารถใช้ร่วมกันได้
“ทว่าข้าสามารถฝึกฝนปุจฉวิถีคละถิ่นที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
ที่เขากลับมาในครั้งนี้ ได้นำสองเคล็ดวิชาอันน่าหวาดหวั่นติดตัวมาด้วย ได้แก่เคล็ดวิชาปุจฉวิถีคละถิ่นและโลกจิต
เพียงแต่ปุจฉวิถีคละถิ่นชั้นที่หนึ่งจะให้เข้าที่ได้ก็มีเงื่อนไขสูงยิ่งนัก ก่อนอื่นคือต้องบรรลุถึง ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด’ เสียก่อน จากนั้นก็ต้องสามารถทำลายกรงของโลกกำเนิดที่กักขังเอาไว้ให้ได้ เพื่อจะได้ซึมซับ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ให้ตนเองใช้! สุดท้ายก็คือเงื่อนไขของระดับขั้น จะต้องยกระดับให้วิถีอากาศแปดสายในนั้นไปถึงระดับขั้นเทพจักรวาลให้ได้ เห็นได้ชัดว่าเงื่อนไขนั้นสูงกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพมากนัก
“การเคลื่อนของเวลาในดินแดนจิตโลกาและอากาศอันสับสนอลหม่านแตกต่างกันไม่มากนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ขณะเดียวกับที่วิญญาณกำลังฟื้นฟูไปถึงระดับเทพจักรวาลนั้น สัมผัสรับรู้ที่มีต่อร่างแยกในดินแดนจิตโลกานั้นก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างง่ายดาย ความทรงจำก็เชื่อมต่อกันแล้ว
“ถูกส่งจากดินแดนจิตโลกากลับไปยังอากาศอันสับสนอลหม่าน เวลาเหมือนจะยาวนานมาก แต่อันที่จริงแล้วก็แค่หนึ่งแสนสองหมื่นปีเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
เวลาหนึ่งแสนสองหมื่นปี
ทางดินแดนจิตโลกานั้นได้ยกระดับทางเก้าสายของวิถีอากาศไปจนถึงระดับขั้นเทพจักรวาลหมดแล้ว หลักๆ ก็คือหลังจากคิดค้น ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ ขึ้นมาเองแล้ว เขาก็กระจ่างแจ้งความเร้นลับที่ทั้งเก้าสายหมุนเวียนและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานรวมและกระตุ้นซึ่งกันและกัน จึงย่อมบรรลุอย่างต่อเนื่องเป็นธรรมดาโดยราบรื่นเป็นอันมาก สำเร็จเป็นเทพจักรวาลได้ในเวลาสามหมื่นปีเท่านั้น ทั้งเก้าสายล้วนประสบความสำเร็จทั้งสิ้น
บัดนี้สามารถสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพออกมาได้! แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่ ‘อนุสัมฤทธิ์’ เท่านั้น ถึงอย่างไรก็มิอาจอาศัยลูกแก้วห้าภาพมาช่วยได้!
‘ยุทธวิธี’ ของปุจฉวิถีคละถิ่นก็สามารถสำแดงออกมาได้โดยตรง
แต่การ ‘ฝึกกายคละถิ่น’ กลับต้องใช้เวลาในการฝึก ด้วยเคล็ดผนึกห้าภาพที่ ‘หลุม’ ขนาดเล็กจิ๋วซึ่งตนทำให้โลกกำเนิดแตกออกสามารถดูดซับได้นั้น จะฝึกกายให้สำเร็จในท้ายที่สุดจะต้องใช้เวลายาวนานมาก
“ฝึกร่างแยกให้สำเร็จก่อนก็แล้วกัน”
ใช่แล้ว
ความทรงจำของตงป๋อเสวี่ยอิงเชื่อมต่อกับร่างแยกในดินแดนจิตโลกา และได้พบเรื่องที่ทำให้เขายินดีมากเรื่องหนึ่ง
ขณะที่ตนถูกส่งออกไปจากดินแดนจิตโลกานั้น ร่างแยกแปดร่างที่หลงเหลืออยู่ สามารถฝึกร่างแยกที่เก้าขึ้นมาได้!
“ใช่แล้ว อย่างพวกเทพโลกาและเทพแท้ในจักรวาลก็ล้วนสามารถฝึกร่างแยกขึ้นมาได้ แต่หลังออกจากจักรวาลแล้วกลับมิอาจฝึกได้อีกต่อไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “ส่วนผู้มีพรสวรรค์พิเศษบางคนของระบบศาสตร์โบราณกลับสามารถฝึกร่างแยกออกมาได้! เห็นได้ชัดว่าขอเพียงได้รับการอนุญาตจาก ‘กฎเกณฑ์อันสูงส่ง’ ก็จะสามารถฝึกร่างแยกออกมาได้แล้ว”
ศาสตร์ร่างแยกที่ท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดค้นขึ้นนั้นคือการดูดซับเคล็ดผนึกห้าภาพทำให้วิญญาณวิวัฒน์ไป หลังจากดูดซับเคล็ดผนึกห้าภาพของมิติชั้นสูงขึ้นแล้ว ต่อให้กฎเกณฑ์อันสูงส่งกดดัน ก็สามารถคงร่างแยกเก้าร่างเอาไว้ได้แล้ว
บัดนี้ร่างแยกร่างหนึ่งถูกส่งออกไป
ภายในโลกกำเนิดของดินแดนจิตโลกานั้น ภายในขอบเขตที่กฎเกณฑ์อันสูงส่งปกคลุมได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีร่างแยกอยู่เพียงแปดร่างเท่านั้น! แต่กฎเกณฑ์อันสูงส่งอนุญาตให้มีร่างแยกได้เก้าร่าง แน่นอนว่าเขาย่อมต้องฝึกร่างแยกขึ้นมาอีกร่างหนึ่ง
“ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน ร่างแยกร่างนี้ของข้ากลับไปยังบ้านเกิด ภายใต้กฎเกณฑ์อันสูงส่งของอากาศอันสับสนอลหม่าน ข้ามีร่างกายเพียงร่างเดียวเท่านั้น จึงสามารถฝึกฝนร่างแยกต่อไปได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ต่อยออกไปหมัดหนึ่ง กระบวนท่าของหมัดนี้ละเมียดละไมยิ่งกว่าทลายเวหาเสียอีก มันเป็นหนึ่งในยุทธวิธีของปุจฉวิถีคละถิ่น เมื่อชกออกไปหมัดหนึ่ง มิติแปดสายบริเวณกำปั้นก็พันพาดกัน ตรงศูนย์กลางของบริเวณที่พันพาดกันนั้นระเบิดออกเป็นจุดสีดำขนาดเล็กจิ๋ว มีกลิ่นอายเร้นลับแพร่ออกมาจากหลุมสีดำขนาดราวเมล็ดข้าวนั้น
ณ ปลายอีกด้านหนึ่งของหลุมสีดำนี้…ก็คือมิติชั้นสูงยิ่งขึ้นซึ่งแฝงไว้ด้วยความน่าหวาดหวั่นอันใหญ่หลวง
กลิ่นอายเร้นลับก็คือเคล็ดผนึกห้าภาพ
“มาแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงเคล็ดวิชาศาสตร์ร่างแยกออกมา แล้วดูดซับพลังของเคล็ดผนึกห้าภาพนี้
……
ชั่วขณะให้หลัง
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวและตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองยืนอยู่กลางอากาศอันเวิ้งว้าง
“น่าเสียดายที่มีร่างแยกได้เพียงสองร่างเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า “ข้าทำลายกรงที่กักขังไว้ได้รูเล็กเกินไป กลิ่นอายเร้นลับที่สามารถดูดซับได้จึงยังไม่เข้มข้นพอ ฝึกสำเร็จได้แค่ศาสตร์ร่างแยกชั้นที่หนึ่งเท่านั้น”
ศาสตร์ร่างแยกชั้นที่หนึ่งมีร่างแยกเพียงสองร่าง
ศาสตร์ร่างแยกชั้นที่สองมีร่างแยกเก้าร่าง
ศาสตร์ร่างแยกชั้นสูงสุดขั้นครบสมบูรณ์ มีร่างแยก 10081 ร่าง
เคล็ดวิชาที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดด้นขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ที่วิญญาณสามารถดูดซับได้และระดับการวิวัฒน์ของวิญญาณเป็นหลัก! ขั้นสุดของระดับการวิวัฒน์ ก็จะสามารถคงร่างแยกไว้ได้นับหมื่นร่าง
“เคล็ดวิชาศาสตร์ร่างแยกที่ท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคิดค้นขึ้นยังคงยอดเยี่ยมสู้ทางสายของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยและประมุขหอหมื่นโลกาไม่ได้อยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ
เคล็ดวิชาศาสตร์ร่างแยกของท่านอาจารย์นั้นมีขีดจำกัดที่ต้องข้ามผ่านสูงมากทีเดียว
จะต้องทำลายกรงที่กักขังไว้จึงจะสามารถฝึกให้เข้าที่ได้ แต่การทำลายกรงของโลกกำเนิดที่กักขังไว้นั้นเป็นพลังระดับชั้นที่สิบเลยทีเดียว เป็นพลังระดับเทพจักรวาลแล้ว ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ ผู้นั้นจะต้องไม่มีอย่างแน่นอน! แต่จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกลับมีร่างแยกสองร่างมาตั้งนานแล้ว
ส่วน ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ ตอนนั้นที่ประมุขหอหมื่นโลกาเคยลอบสังหารตนเอง ก็มีพลังเพียงเทพจักรวาลทั่วไปเท่านั้น กลับสามารถคงร่างแยกเอาไว้ได้นับหมื่นร่าง ตามเคล็ดวิชาของประมุขรัฐเมฆทักษิณา จะต้องเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองเท่านั้นจึงจะสามารถมีร่างแยกเกินหมื่นร่างได้
เมื่อดูจากผลของการบำเพ็ญแล้ว
ในด้านศาสตร์ร่างแยก โดยรวมแล้วทางสายของพวกจ้าวภูเขาฉื้อเหมยและประมุขหอหมื่นโลกานั้นอดเยี่ยมกว่าทางด้านของประมุขรัฐเมฆทักษิณา
บัดนี้ตนก็เป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่หนึ่ง นอกจากนี้วิถีอากาศเก้าสายก็ยังสามารถผลักดันไปถึงระดับขั้นเทพจักรวาลได้ หากเป็นทางสายประมุขหอหมื่นโลกานั้น เกรงว่าคงจะมีร่างแยกนับหมื่นร่างไปแล้ว
“ก็ไม่รู้ว่าที่แท้แล้วผู้ใดเป็นคนคิดค้นทางสายของพวกจ้าวภูเขาฉื้อเหมยและประมุขหอหมื่นโลกาขึ้นมา” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ที่แล้วมาเขายังเคยคิดว่าประมุขหอหมื่นโลกาเป็นผู้คิดค้นขึ้น แต่ตอนนี้น่ะหรือ เขาไม่มีทางคิดเช่นนี้แน่นอน เคล็ดวิชาอันล้ำเลิศเช่นนี้ เกรงว่าคงจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งทางด้านวิถีอากาศบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สาม ระดับเดียวกับบรรพชนฝานที่เป็นผู้คิดค้นขึ้น
“จ้าวภูเขาฉื้อเหมย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมีจิตคิดอาฆาต
ทางสายของพวกเขาลอยสังหารตนก็แล้วไปเถิด แต่ยังยืมมือจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มาจัดการตนอีก!
ตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ไม่รู้เลยว่า…จ้าวภูเขาฉื้อเหมยถูกเจ้าศิลาสังหารไปก่อนแล้ว
“ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์หาร่างแยกของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยไม่พบ เกรงว่าคงจะหาร่างแยกของข้าไม่พบเช่นกัน นอกจากนี้เมื่อข้าฝึกกายคละถิ่นแล้ว ร่างกายก็จะมีลักษณะพิเศษของการคละถิ่นอยู่บางส่วน คิดจะตามหาข้าก็ยิ่งต้องฝันไปก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ หลังจากวิญญาณของตนดูดซับเคล็ดผนึกห้าภาพและวิวัฒน์ไปแล้ว วิธีสะกดรอยส่วนใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ผลกับตน ยิ่งไปกว่านั้นตนยังมีปุจฉวิถีคละถิ่นที่ล้ำเลิศยิ่งกว่าด้วย
ฝึกกายคละถิ่น…ใช้เวลายาวนานเกินไป ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่มีความอดทนพอ
“ร่างแยกนี้บำเพ็ญขึ้นมาในโลกดาราระยับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์สีทองด้านข้าง “ต่อให้ร่างจริงสู้จนตัวตาย ร่างแยกก็สามารถฝึกกลับมาได้อย่างรวดเร็วและสามารถทดแทนบุญคุณท่านพ่อท่านแม่ที่กลับชาติมาจุติในครั้งนี้ได้”
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์สีทองหายไปอย่างรวดเร็ว แล้วกลับไปยังโลกดาราระยับ
“ควรกลับไปดูได้แล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่งก่อนจะอันตรธานไป
……
ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านผืนหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏกายขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า นัยน์ตาของเขาฉายแววรอคอย ด้วยระดับจิตของเขาแล้ว ก็ยังยากที่จะข่มความตื่นเต้นเอาไว้ได้
ในที่สุดก็กลับมาเสียที
ตอนนั้นตนถูกบีบบังคับให้กลับชาติไปจุติ มุ่งหน้าไปยังดินแดนจิตโลกา ในที่สุดวันนี้ก็ได้กลับมาแล้ว
“เอ๊ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปด้านหน้าด้วยความตกตะลึง
บัดนี้วิถีอากาศทั้งเก้าสายของเขาล้วนบรรลุถึงขั้นสุดหมดแล้ว เมื่อสำแดงยุทธวิธีคละถิ่นออกมา การเคลื่อนที่ในพริบตาก็เป็นระยะทางไกลกว่ามากทีเดียว เคลื่อนที่ในพริบตาครั้งหนึ่งก็สามารถข้ามไปได้ครึ่งค่อนอากาศอันสับสนอลหม่านแล้ว ไม่มีทางพลาดได้แน่ ‘โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา’ เองก็ยิ่งไม่มีทางวิ่งไปไหนได้ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นโลกทิพย์อันกว้างใหญ่ไพศาล
“โลกทิพย์ทะเลสัตตดาราเล่า ทำไม ทำไมจึงไม่มีเสียแล้วเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอากาศอันสับสนอลหม่านอันเวิ้งว้างว่างเปล่าตรงหน้า ในใจอดรู้สึกเย็นวาบขึ้นมามิได้
อากาศเบื้องหน้าผืนนี้…
เดิมทีเป็นโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราตั้งอยู่ แต่บัดนี้กลับมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
……………………………………..