Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 18 ร่างจริงของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
พื้นที่ขนาดใหญ่ชิ้นส่วนหนึ่งหายไป มิใช่สิ่งที่จะปิดบังได้โดยง่าย ในขณะเดียวกันกับที่มันหายสาบสูญไปนั้นเอง พื้นที่อื่นๆ ก็ย่อมต้องประสานเข้าด้วยกัน คล้ายกับว่าแต่ไหนแต่ไรมันก็ไม่เคยมีอยู่มาก่อนเลย จะหาก็ไม่รู้จะไปหาที่ใด เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ส่วนนั้นได้แยกจากห้วงมิติปกติธรรมดาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆาก็เป็นเช่นนี้
ซ่อนเร้นความเป็นมา…
ก็หาไม่พบอีกแล้ว!
“เป็นเสวี่ยอิง ต้องเป็นเสวี่ยอิงอย่างแน่นอน” บรรพชนห้วงอากาศเอ่ยต่อไปอย่างตื่นเต้น “ก่อนหน้านี้เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย สามารถแทรกซึมเข้าสู่ส่วนลึกของคุกเพลิงได้ แม้กระทั่งค่ายกลอันแน่นหนาแต่ละแห่งที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์วางเอาไว้ก็หาตัวเขาไม่พบ! เกรงว่าคงจะเป็นการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด เคล็ดฝ่ามือที่สำแดงเมื่อครู่ ทั้งยังมีการตัดแยกห้วงอากาศอีก… ความสำเร็จทาวด้านวิถีอากาศของเขายังเหนือกว่าข้าเสียอีก! เกรงว่าคงจะเทียบเคียงได้กับจักรพรรดิเก้าเมฆาแล้ว นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญทางด้านเขตลวงเป็นที่สุด ประมุขตำหนักวารีสวรรค์ก็จะจ่อมจมลงไปได้อย่างง่ายดาย มิอาจต้านทานได้เลย”
“เชี่ยวชาญทางด้านห้วงอากาศ อีกทั้งยังเชี่ยวชาญเขตลวงโลกเทียม อีกทั้งยังไปถึงความสำเร็จขั้นสูงสุดอีกด้วย…ยอดฝีมือเช่นนี้ อยากจะถือกำเนิดขึ้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องประสบกับความยากลำบากมากมายเพียงใด อยู่ๆ จะปรากฏตัวขึ้นมาเฉยๆ ได้อย่างไรกัน! จะต้องเป็นเสวี่ยอิงอย่างแน่นอน เสวี่ยอิงก็เชี่ยวชาญด้านเขตลวงและห้วงอากาศ อีกทั้งยังเคยได้รับเคล็ดสืบทอดของจักรพรรดิเก้าเมฆาอีกด้วย!”
“ยังมีอีก รู้จักป้ายคำสั่งจิตโลกาด้วย!”
“เสี่ยงอันตรายบุกเข้าไปในโลกทิพย์โบราณเพื่อช่วยเหลืออวี๋จิ้งชิว…นอกจากเขาแล้ว ข้าก็คิดถึงใครไม่ได้อีกเลย! สำหรับแผนลวงนั้นข้าไม่เชื่อว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะสามารถหายอดฝีมือเช่นนี้พบได้” ร่างกายอันตื่นเต้นของบรรพชนห้วงอากาศสั่นสะท้านไปหมด
ความตายของกู่ฉีผู้เป็นศิษย์นั้น เขาเสียใจอย่างที่สุด
‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของกู่ฉี อีกทั้งยังเป็นศิษย์ที่ล้ำเลิศที่สุดตายไป ก็ยิ่งทำให้บรรพชนห้วงอากาศรู้สึกผิด ตอนนี้ยอดฝีมือหน้ากากสีเงินผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น บรรพชนห้วงอากาศเชื่อว่า…นี่ก็คือหลานศิษย์ของตน ตงป๋อเสวี่ยอิง!
“อืม มีความเป็นไปได้เกินเก้าส่วนว่าจะเป็นเสวี่ยอิง” บรรพชนเทียนอวี๋สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดีแล้วเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพวกเราก็ต้องช่วยเหลือเขา รอหลังจากพบหน้ากันแล้วค่อยพิสูจน์กันสักรอบหนึ่งก็จะมั่นใจได้อย่างเต็มที่แล้ว”
“เขาเพิ่งจะหายสาบสูญไปนานเท่าใดเอง ก็ไปถึงเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองแล้วหรือ” บรรพชนทิพย์ความรู้สึกอ่อนไหว “ป้ายคำสั่งจิตโลกามหัศจรรย์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“ดูกันไปก่อนเถิด”
บรรพชนโลกาอมยิ้มเอ่ยว่า “พลังยุทธ์ของเขาสูงส่ง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากจะสังหารเขาก็มิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นหรอก หากเห็นท่าไม่ดีจริงๆ พวกเราค่อยเข้าไปก็ยังทัน อีกทั้งตอนนี้เขาก็หายตัวไปแล้วด้วย จะหาก็คงหาไม่เจอหรอก”
“อืม”
“ช้าก่อน”
แต่ละคนต่างก็มิได้เร่งรีบแล้ว
สำหรับพวกเขาแล้วยอดฝีมือเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองที่สำเร็จ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ คนหนึ่ง ความสามารถในการเอาชีวิตรอดก็ต้องล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่ง จักรพรรดิเก้าเมฆาในตอนนั้นก็ยังไปถึงตอนที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลายในคราวนั้นจึงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วตกต่ำไป
“เสวี่ยอิงหรือ” ถึงแม้ว่าบรรพชนห้วงอากาศจะมีความเชื่อมั่นอยู๋ในใจ แต่หากมิได้เห็นกันซึ่งๆ หน้าจริงๆ ก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี
******
ภายในมิติปิดผนึก
คุกเพลิงราวๆ หนึ่งพันเก้าร้อยชั้นอยู่ข้างใน เหล่ายามรักษาการณ์จำนวนมากในคุกเพลิงต่างก็มีความตื่นตระหนกตกใจกันอยู่บ้าง บรรดานักโทษก็งุนงงสงสัย ในใจถึงกับมีความคาดหวังอยู่บ้าง! พวกเขาอยู่ภายในคุกเพลิงอันมืดมิดไร้ซึ่งแสงตะวัน เมื่อเผชิญกับ ‘อุบัติเหตุ’ พวกเขากลับเบิกบานใจ เพราะไม่แน่ว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะหลบหนีไปได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศ
“เคล็ดผนึกห้าภาพ เกรงว่าก็ยังหนีไม่พ้น ถ้าหากอาศัยเคล็ดวิชานี้แล้วสามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย ตอนนั้นจักรพรรดิเก้าเมฆาก็คงไม่ตายหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้
“เก็บเข้าไป”
ความนึกคิดวูบไหว
ควบคุมห้วงอากาศทำให้คุกเพลิงราวๆ หนึ่งพันเก้าร้อยชั้นนี้ถูกเขาเคลื่อนย้ายเข้าไปไว้ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์จนหมด แม้กระทั่งเหล่ายามรักษาการณ์ก็ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปหมดด้วยเช่นกัน รอหลังจากเสร็จเรื่องแล้วค่อยจัดการ! บรรดานักโทษแต่ละคนก็หลุดพ้นจากความทรมานชั่วคราว
“ปัง~~~”
ทั่วทั้งมิติปิดผนึกพลันสั่นสะท้าน
ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นในทีันใด มองดูห้วงมิติที่สั่นสะท้าน “ไม่ได้การแล้ว ห้วงมิตินี้เป็นเอกเทศ ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็ไม่มีทางเข้าไปได้ แม้กระทั่งตัวข้าเองก็ไม่ได้เช่นกัน”
ห้วงมิตินี้เป็นเอกเทศจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
จะต้องเป็น ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ จึงจะสามารถเข้าออกได้ มิฉะนั้นก็มีแต่ทำลายห้วงมิตินี้เท่านั้น
ถ้าหากอยู่ภายในมิติปิดผนึก เช่นนั้นก็ง่ายดายแล้ว อาศัยกำลังทำลายโดยตรง เมื่ออานุภาพของการโจมตีเหนือกว่าขีดจำกัดที่มิติปิดผนึกนี้จะทานทนได้ ก็ย่อมสามารถทำให้มิติปิดผนึกพังทลายได้
แต่ที่โลกภายนอกน่ะหรือ
มิติปิดผนึกนี้ตัดขาดอย่างสิ้นเชิง เล็กจ้อยจนยากที่จะหาระดับสุดยอดพบด้วยตาเปล่าได้ โดยทั่วไปต่างก็หาไม่พบ
“ปัง ปัง ปัง~~~” มิติปิดผนึกพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันใด
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะสามารถสำแดงการตัดแยกห้วงมิติได้ เจ้าเป็นใครกัน อากาศอันสับสนอลหม่านมียอดฝีมือเช่นเจ้าโผล่มาตั้งแต่เมื่อใดกัน” น้ำเสียงของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แฝงเอาไว้ด้วยความพึงใจขณะบุกเข้ามา การสำแดงเคล็ดการตัดแยกห้วงมิตินี้ภายในเขตพลังของเขา เขาก็ย่อมสามารถค้นพบ ‘จุดเล็กๆ’ ที่หายไปจากห้วงมิตินั้นได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว ด้วยประสบการณ์ที่เขาประมือกับจักรพรรดิเก้าเมฆา ก็รู้กระจ่างดียิ่งว่าหลังจากการตัดแยกห้วงมิติ ห้วงมิตินี้จะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
เพียงแค่ระดมโจมตี ‘จุดเล็กๆ’ นั้นก็ใช้ได้แล้ว!
การสำแดงการตัดแยกห้วงมิติที่เขตพลังของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งภายในโลกทิพย์โบราณล้วนเป็นเรื่องน่าขันทั้งสิ้น! เพราะว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถควบคุมได้ทั่วทั้งโลกทิพย์โบราณ
แต่ถ้าหากอยู่ข้างนอกเล่า
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากจะหาก็เป็นเรื่องยากเสียแล้ว!
อย่างเช่นจักรพรรดิเก้าเมฆาหนีไปยังที่ห่างไกล สำแดงการตัดแยกห้วงมิติ หดเล็กลงจนถึงขีดสุด ถ้ำขุมทรัพย์ก็ซ่อนเร้นอยู่ภายในนั้น
ดินแดนเก้าเมฆากว้างใหญ่ไพศาลไร้ซึ่งขอบเขต จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะไปหาที่ไหนกันเล่า ยังยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก!
……
พรึ่บ
ในขณะที่มิติปิดผนึกแตกสลายนั้นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าในทันทีด้วยความเร็วสูงสุด แต่ภายใต้เขตพลังอันน่าหวาดหวั่นของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงปรากฏตัวอยู่เช่นเดิม
“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สวมอาภรณ์ด้ายถักสีดำ ถือหอกยาวโบราณกระดำกระด่างเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ
ในขณะนี้เจดีย์ทิพย์โบราณที่แผ่รัศมีสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมทั่วทั้งโลกทิพย์โบราณ พลังคุกคามอันปั่นป่วนมารวมตัวกันอยู่บนหอกยาวจนหมดสิ้น ทำให้พลานุภาพของหอกยาวพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน จนทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้อยู่ไกลออกไปที่พุ่งออกจากพื้นดินไปแล้วหน้าถอดสี “ท่าไม่ดีแล้วสิ”
เหตุใดบรรดาผู้แข็งแกร่งของแต่ละที่จึงไม่อยากจะบุกเข้ามาที่โลกทิพย์โบราณ
ก็เพราะพวกเขารู้ว่าทุ่มเทสุดกำลังไปก็เปลืองแรงเปล่า
‘ร่างแปรทิพย์โบราณ’ ของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์กับโลกทิพย์โบราณดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายในโลกทิพย์โบราณ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถทำให้พลังทั่วทั้งโลกทิพย์โบราณมาคุ้มครองตัวเองได้ พลังยุทธ์ก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก! ที่โลกภายนอก จอมเทพศักดิ์สิทธิ์น้้นไร้เทียมทาน ที่โลกทิพย์โบราณ พวกราชันย์มีดและบรรพชนโลกาหลายคนร่วมมือกันก็กล้าพูดได้เพียงว่าร่นถอยได้อย่างครบสมบูรณ์ทั้งตัวเท่านั้น อย่างเช่นเจ้าศิลาที่กล้าบุกเข้ามาอย่างอุกอาจ ในท้ายที่สุดก็แค่สู้กันจนบาดเจ็บยับเยินทั้งสองฝ่าย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องกลับไปเข้าสู่ห้วงนิทรา
“ฟิ้ว” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ขว้างหอกยาวโบราณกระดำกระด่างในมือออกไปในทันใด เมื่อขว้างออกไปแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย รวดเร็วจนถึงขีดสุด
“นี่มัน…”
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว
แต่ก็ยังรวดเร็วเกินไปอยู่ดี
หอกยาวทิ่มแทงตรงไปบนทรวงอก บริเวณปลายหอกยาวถึงกับมีรอยแยกสีดำปรากฏขึ้น นั่นก็คือรอยแยกที่ทลายเปิดกรงขังโลกกำเนิด! ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด แต่ในขณะนี้ก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี
“ฉึก…” หอกยาวทิ่มแทงอยู่บนทรวงอก ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกหอกยาวลากตรงไปด้านหลังลอยพุ่งกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง ลอยไปไกลหลายแสนลี้ในทันใด
“อะไรกัน!” ลอยออกจากพื้นดินแล้ว ในที่สุดจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่นิ่งเฉยมั่นใจในตนเองมาโดยตลอดก็สีหน้าแปรเปลี่ยนเสียแล้ว
เขามองเห็นอย่างชัดเจน
หอกยาวเล่มนั้นทิ่มแทงอยู่บนทรวงอกของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวสวมหน้ากากสีเงินผู้นั้น แทงเข้าไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ผิวหนังปริออกเท่านั้นเอง แม้กระทั่งโลหิตหยดเดียวก็ยังไม่ไหลออกมาเลย! ภายใต้การควบคุมของตงป๋อเสวี่ยอิง โลหิตย่อมไม่ไหลออกมาอยู่แล้ว
“ถูกเขาทำร้ายเข้าจนได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงก้มหน้าลงมองดูทรวงอก ทรวงอกถูกหอกยาวโบราณกระดำกระด่างทิ่มแทงเสียจนผิวหนังเปิดแยกออก แต่ก็มิอาจเข้าไปลึกกว่านั้นได้อีก ถูกผิวหนังบีบขัดขวางเอาไว้อย่างสิ้นเชิง!
“ร่างคละถิ่นของข้าก็คือเคล็ดวิชาฝึกกายระดับเดียวกันกับที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนจิตโลกา อีกทั้งยังดูดซับพลังคละถิ่นเอาไว้แล้ว สามารถเทียบเคียงได้กับเทพจักรวาลระดับขั้นที่สองที่บำเพ็ญร่างกายโดยทั่วไป! บวกกับมีการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดคุ้มครองร่างกาย… เดิมทีข้าคิดว่าความสามารถในการรักษาชีวิตของข้าคงจะเทียบเคียงได้กับบรรพชนโลกาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะยังอ่อนแอกว่าอยู่สักหน่อยกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบครุ่นคิด
คราวก่อนเขาเคยสอดแนมดูการต่อสู้มาก่อน
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้กับบรรพชนโลกาก็มิอาจทำร้ายบรรพชนโลกาได้เลยแม้แต่ปลายขน!
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงประเมินบรรพชนโลกาสูงเกินไปเสียแล้ว ยามที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้ปกติ ก็ไม่สามารถทลายเปิดโลกกำเนิดได้ เขาอยู่ที่โลกทิพย์โบราณ มีพลังโลกทิพย์โบราณคุ้มครองกายตน พลังคุกคามยิ่งแกร่งขึ้น ฝีหอกนั้นจึงสามารถทลายเปิดโลกกำเนิดได้… เช่นตงป๋อเสวี่ยอิงก็อาศัยความเร้นลับของวิถีอากาศจึงสามารถทลายเปิดได้ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาศัยพลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุดเพียงอย่างเดียว ทลายเปิดส่วนเล็กๆ ของโลกกำเนิด
ต่อให้เป็นบรรพชนโลกาเผชิญกับเคล็ดวิชานี้ เกรงว่าก็คงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นเดียวกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านี้ก็น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งแล้ว
“ช่างเป็นร่างกายที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก”
“ร่างกายนี้น่ะหรือ”
“เกรงว่าในบรรดาพวกเราคงมีเพียงแค่บรรพชนโลกาและบรรพชนคีรีมารเท่านั้นที่สามารถร้ายกาจกว่าเขาได้อยู่เล็กน้อยกระมัง” บรรพชนทิพย์ บรรพชนโลกา ราชันย์มีด จอมกระบี่ บรรพชนเทียนอวี๋ และบรรพชนห้วงอากาศที่สอดแนมดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ ทั้งยังเตรียมตัวช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ ต่างก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว
ร่างกายนี้ช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน
บรรพชนคีรีมารและบรรพชนโลกาล้วนเป็นสายฝึกกาย แน่นอนว่าบรรพชนโลกาประสบความสำเร็จสูงกว่า มีเจ้าศิลาชี้แนะ เคล็ดวิชาจึงได้ร้ายกาจ ไปถึงขั้นสุดยอดของเทพจักรวาลระดับขั้นที่สอง
บรรพชนโลกาก็ยังอดพูดมิได้ว่า “ร่างกายของเขามิอาจนับได้ว่าแข็งแกร่งสักเท่าใดนัก คาดว่าคงจะใกล้เคียงกันกับบรรพชนคีรีมาร แต่เขามีการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดคุ้มกาย คาดว่าความสามารถในการรักษาชีวิตนี้คงจะใกล้เคียงกับข้าแล้วล่ะ‘ เดิมทีการรักษาชีวิตของยอดฝีมือด้านวิถีอากาศ’ ก็ร้ายกาจอยู่แล้ว ร่างกายก็น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ด้วยตั้งแต่เมื่อใดกัน หรือว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็ประสบความสำเร็จทางด้านการฝึกกายด้วยเช่นกัน”
เจ้าศิลา อาจารย์ของเขา ให้ความสำคัญกับตงป๋อเสวี่ยอิงก็เพราะว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมีความร้ายกาจทางด้าน ‘เคล็ดวิชาสืบทอดปีศาจชาด’ แต่นั่นก็เป็นทางด้านวิญญาณ มิใช่ร่างกาย
บรรพชนโลกาจะล่วงรู้เสียที่ไหนกันว่า…
นี่คือเคล็ดวิชาฝึกกายอันน่าหวาดหวั่นทางด้านวิถีอากาศที่ ‘จักรพรรดิเซี่ย’ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาอาศัยพลังคละถิ่นคิดค้นออกมา ซึ่งตงป๋อเสวี่ยอิงจ่ายไปหนึ่งแสนมหาคุณูปการเพื่อแลกมา
พรึ่บ!
“บอกข้ามา เผยตัวตนของเจ้าเสีย” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์โบกมือคราหนึ่ง หอกยาวที่อยู่ไกลออกไปก็หายวับไปแล้วมาปรากฏอยู่ในอุ้งมือเขา เขาไล่ล่าไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความเร็วสูงสุด
ทั้งสองคนล้วนมิอาจเคลื่อนย้ายที่ได้ ทำได้เพียงแค่เหาะเหินเท่านั้น ภายในอาณาเขตของโลกทิพย์โบราณ ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมไม่สามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้ เกรงว่าอสนีบาตเพียงสายเดียวก็สามารถทำลายทางเชื่อมทลายโลกาของเขาได้แล้ว
หากพูดถึงความเร็วในการเหาะเหิน…ต่อให้เป็นยอดฝีมือวิถีอากาศ เมื่อเทียบกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วความเร็วก็ยังห่างชั้นกับเขาอยู่มากโขทีเดียว
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายหดสั้นลงอย่างรวดเร็ว
“เคล็ดวิชาวิถีอากาศอันร้ายกาจเช่นนี้ ร่างกายอันร้ายกาจเช่นนี้ แล้วข้ายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมิติระดับที่สูงกว่าบนร่างเจ้าอีกด้วย เจ้าไม่สามารถหนีพ้นได้หรอก” แววตาของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ร้อนระอุ กลิ่นอายทั่วทั้งร่างเขาเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น กลิ่นอายที่เดิมทีอ่อนโยนจนทำให้คนยอมสวามิภักดิ์
ในขณะนี้กลิ่นอายกลับเริ่มเปลี่ยนเป็นอำมหิต อำมหิตจนทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปตื่นตระหนก
ปัง~~~~
คลื่นความร้อนสีดำหมุนวนอยู่บนผิวกายของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ผิวหนังของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ มีเกล็ดปรากฏขึ้น บนใบหน้าก็มีเกล็ดปรากฏขึ้นเช่นกัน
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปที่ถูกไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อนนั้นเผยสีหน้าตื่นตระหนก “ฝูงมารผลาญทำลาย!”
อยู่ที่ทางเดินโลกาพิศวงนับล้านล้านปี เขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของอากาศอันสับสนอลหม่าน…ที่แท้แล้วคือฝูงมารผลาญทำลายตนหนึ่ง!
………………………………….