Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 2 ประมุขเทพเทียนถง
ภายในห้องเงียบ ในที่สุดน้ำวนพลังฟ้าดินซึ่งโหมซัดนั้นก็มลายหายไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา
“มหาเคารพซือเทียน” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงผู้มาเยือนภายนอกในทันที เขายืดกายขึ้น แม้เขาจะต้องการทำให้พลังแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ทว่าทำให้แข็งแกร่งภายใต้ ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ นั้นย่อมมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
ตู้มมมมม…
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกไป ก่อนจะแหงนหน้ามองมหาเคารพซือเทียนกลางฟากฟ้าห่างออกไป
“คารวะท่านมหาเคารพ” ตงป๋อเสวี่ยอิงทำความเคารพ
“เอ๊ะ” นัยน์ตาของมหาเคารพซือเทียนมีแววตกใจสายหนึ่งวาบผ่าน ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เพิ่งจะบรรลุก็มิได้จงใจเก็บงำกลิ่นอายทั้งหมดแต่อย่างใด หากจะเก็บงำกลิ่นอายทั้งหมดก็ต้องสำแดงเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์จึงจะทำได้! เมื่ออยู่ในคีรีมารสกุลฝานก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
“น้องหิมะเหิน…” มหาเคารพซือเทียนสามารถสัมผัสได้ว่าอิงซานเสวี่ยอิงตรงหน้าผู้นี้มีกลิ่นอายเบาบาง คล้ายลวงแต่ก็คล้ายจริง “เจ้าบรรลุเป็นเทพจักรวาลแล้ว มิใช่ทางสายอากาศ หากแต่เป็นเขตลวงโลกเทียมอย่างนั้นหรือ”
“ติดค้างต้นไม้เทพผลาญจิตแล้ว แม้ชาติก่อนและชาตินี้ข้าพอจะมีการสั่งสมมาบ้าง แต่ก็ยังห่างจากคำว่าบรรลุอยู่เล็กน้อย เมื่ออยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตกลับบรรลุก้าวสุดท้ายได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงรำพึง “ต้นไม้เทพผลาญจิตช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน”
มหาเคารพซือเทียนเผยรอยยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “ยินดีด้วยๆ”
ในใจกลับลอบคิดว่า “อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้สามารถสำแดงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดออกมาได้ ชาติก่อนคงจะเชี่ยวชาญทางสายอากาศเป็นที่สุดกระมัง! บัดนี้เขตลวงโลกเทียมก็สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว พลังกลับยากเกินคาดเดาเสียแล้ว”
“ท่านมหาเคารพ ข้าขอตัวไปยังต้นไม้เทพผลาญจิตก่อนนะขอรับ เพราะมีเวลาจำกัดเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ไปเถิดๆ” มหาเคารพซือเทียนหัวเราะ เขายังปากไม่พูดอะไรอีก ให้ตงป๋อเสวี่ยอิงได้บำเพ็ญมากอีกหน่อย
หนึ่งปี
มีแค่หนึ่งปีเท่านั้น
เมื่อครบเวลา มหาเคารพซือเทียนต้องให้ตงป๋อเสวี่ยอิงจากไปอย่างแน่นอน คิดจะมาบำเพ็ญอีกน่ะหรือ ก็ต้องแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรมแล้ว!
……
ในวันที่เวลาครบหนึ่งปีพอดีนั้น
ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต ใบไม้ปลิวร่วง
เมื่อมหาเคารพซือเทียนมาส่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมีท่าทางตัดใจไม่ได้อย่างมากเป็นธรรมดา ก่อนจะจากไปในท้ายที่สุด
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่อยากบำเพ็ญใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตต่อไป” มหาเคารพซือเทียนมองเงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงที่จากไปพลางพึมพำว่า “เพิ่งจะบรรลุ ตอนนี้ยังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม รอให้เจ้าพบกับอุปสรรคเข้าจนมิอาจก้าวต่อไปได้อีกก่อนเถิด จะต้องคิดอยากจะมาใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตอีกแน่นอน”
สิ่งมีชีวิตระดับมหาเคารพ
บางคนก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียงอย่างเดียว ใฝ่หาแต่ความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น นี่คือสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด
ทว่าก็มีอยู่เล็กน้อยที่ให้ความสำคัญกับพละกำลังภายนอก อย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่ตั้งใจเผยแพร่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์อย่างสุดกำลัง และถึงขั้นคิดค้นวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอย่างง่ายขึ้นมาและทำกำไรผ่านสำนักจนได้แก้วผลึกจักรวาลเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้ทรัพยากรมา
มหาเคารพซือเทียน ยังให้ความสำคัญกับผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ช่วย รวมทั้งพละกำลังจากภายนอกต่างๆเป็นอันมาก! ในบรรดามหาเคารพทั้งหกแห่งสกุลฝาน มหาเคารพซือเทียนควบคุมพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากอยู่ฝั่งเดียวกับเขา แม้แต่ ‘บรรพชนฝาน’ ยังถึงขั้นให้เขาควบคุมความเคลื่อนไหวของทั้งสกุลฝานอีกด้วย
******
ณ เรือนหิมะเหิน
สวบ
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวย่องเข้าไปในห้องเงียบแล้วนั่งขัดสมาธิลงข้างตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทอง
“บำเพ็ญให้ดีๆ”
“พยายามทำให้ทางสายอากาศบรรลุด้วย และสามารถผลักดันศาสตร์ร่างแยกไปถึงระดับขั้นที่สูงขึ้นได้ด้วยเช่นกัน” ร่างแยกทั้งสองต่างก็นั่งขัดสมาธิลง พยายามรับรู้ทางด้านอากาศอย่างเต็มกำลัง
ตู้มมม…
ทางสายอากาศสั่งสมเอาไว้แน่นหนายิ่งนัก
วิชาลับเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าถึงสองกระบวน ยุทธวิธีเมฆาแดง เคล็ดผนึกห้าภาพเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์…
ยามนี้รับรู้เพียงเล็กน้อย แสงแห่งความรู้แจ้งก็ปรากฏขึ้นมากมาย
ก่อนหน้านี้ตนไม่กล้าฝึกฝน เพราะเขาสัมผัสได้แล้วว่าหากฝึกฝนขึ้นมาเมื่อไหร่ เกรงว่าก็คงจะเป็นเวลาที่บรรลุเสียแล้ว
“เห็นทีการบรรลุทางสายอากาศของข้าในครั้งนี้คงจะมิได้บรรลุทางสายเดียวเท่านั้น” ในชั่วขณะที่รับรู้นั่นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจในข้อนี้
……
ณ บริเวณทะเลแห่งหนึ่งของดินแดนจิตโลกาซึ่งอยู่ใกล้กับรัฐโบราณสหโลกาที่ถูกขนานนามว่า ‘ทะเลละอองน้ำแข็ง’ ทะเลละอองน้ำแข็งนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ที่นี่มีเกาะอันใหญ่โตอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งกว้างใหญ่พอๆ กับรัฐชั้นรองอย่าง ‘รัฐเมฆาปรก’ เกือบเทียบได้กับรัฐโบราณคิมหันตวายุเลยทีเดียว! ทว่าอาณาเขตเก้าในเก้าส่วนของมันกลับไม่เหมาะจะให้สิ่งมีชีวิตดำรงชีวิตอยู่ มีเพียงรัฐชั้นรองแห่งหนึ่งเท่านั้นที่ครอบครอง
“สวบ”
บุรุษร่างผอมเล็กอาภรณ์สีม่วงทั้งร่างพลันปรากฏกายขึ้นกลางอากาศราวกับจักรพรรดิ เขาเหลือบมองลงไปยังทุ่งร้างอันกว้างใหญ่เบื้องล่าง
“พี่เทียนถง” บุรุษร่างผอมเล็กพูดเสียงดังกังวาน เสียงนั้นดังก้องขึ้นกลางท้องทุ่ง
ทุ่งร้างรอบด้านค่อยๆ ขยับไหว
โครมมม…
ผืนดินอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดรอบด้านพลัน ‘ตั้งตรง’ ขึ้นมา หากห่างกันไกลพอจึงจะสามารถมองเห็นได้ ผืนดินมหึมาที่ตั้งตรงขึ้นมานี้…อันที่จริงแล้วคือร่างของยักษ์ตนหนึ่งที่ลุกขึ้นนั่ง ร่างท่อนบนอันใหญ่มหึมาของเขาพุ่งตรงเข้าไปในชั้นเมฆ
ยักษ์ตนนี้ลืมตาขึ้น นัยน์ตาทั้งคู่มองดูบุรุษร่างผอมเล็กอาภรณ์สีม่วงผู้นั้น
“เมฆทักษิณาหรือ” เสียงของยักษ์ดังก้องขึ้น “มายังรัฐเมฆาปรกของข้าด้วยเรื่องอันใดกัน”
บุรุษร่างผอมเล็กอาภรณ์สีม่วงก็คือร่างแยกร่างหนึ่งของประมุขรัฐเมฆทักษิณานั่นเอง
“พี่เทียนถง ขายสมบัติลับ ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ ให้ข้าเถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว สิ่งมีชีวิตตรงหน้าผู้นี้เร้นลับยิ่งนัก ในดินแดนจิตโลกามีผู้รู้จักไม่มากนัก
ประมุขเทพเทียนถง
มีชื่อเสียงเกรียงไกรในสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่ง ในครั้งนั้น เขาถูก ‘บรรพชนฝาน’ แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุทำเอาบาดเจ็บสาหัส! นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็ซ่อนตัวและซ่อนร่องรอย มีน้อยคนนักที่จะหาร่องรอยของเขาพบ
ต้องรู้ไว้ว่าประมุขเทพเทียนถงนั้นเป็นเทพจักรวาลระดับสาม! แต่จนใจที่เขาขาดแคลนสมบัติลับที่เหมาะสม ถึงระดับอย่างเขาแล้ว คิดจะต่อสู้ข้ามขั้นนั้นก็ต้องใช้สมบัติลับที่แข็งแกร่งกว่าสมบัติลับระดับยอดสุดเสียอีก ทั้งยังหาได้ยากกว่า! แม้สงครามรัฐโบราณครั้งที่สองและเหตุการณ์ใหญ่ที่สำคัญอย่างยิ่งต่างๆ ล้วนแต่มีเงาร่างของประมุขเทพเทียนถงอยู่ แต่จนบัดนี้ประมุขเทพเทียนถงก็ยังมิได้สมบัติลับมา
ระดับอย่างประมุขเทพเทียนถงแล้ว
เรื่องที่สามารถดึงดูดเขาได้ก็มีไม่มากนัก เรื่องหนึ่งก็คือสมบัติลับที่สามารถทำให้พลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก อีกเรื่องหนึ่งก็คือก้าวข้ามขั้นสุดท้าย บรรลุถึงระดับ ‘หยวน’ ในตำนาน!
“อาภรณ์ราชันย์มารหรือ” เสียงของประมุขเทพเทียนถงดังกึกก้อง “ตอนนั้นเจ้างั่งนั่นหาเรื่องข้า ก็ถูกข้ากินลงไปในคำเดียว สมบัติล้ำค่าของเขายังคงอยู่กับข้า แต่ทว่าสมบัติล้ำค่าทั่วไปก็อย่าได้คิดจะแลกเปลี่ยนเอาอาภรณ์ราชันย์มารของข้าไปเลย”
“บอกราคามาเถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว
“สองแสนล้านแก้วผลึกจักรวาลหรือไม่ก็สิ่งที่ทำให้ข้าใจสั่นได้” ร่างกายใหญ่โตของประมุขเทพเทียนถงนั่งอยู่ตรงนั้นพลางเหลือบมองลงไปยังประมุขรัฐเมฆทักษิณา
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาขมวดคิ้ว
สองแสนล้านหรือ
ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองบรรลุเป็นเทพจักรวาล ความเคลื่อนไหวของการดูดวับพลังฟ้าดินยิ่งใหญ่นัก ประมุขรัฐเมฆทักษิณาจึงย่อมล่วงรู้และไปพบตงป๋อเสวี่ยอิงมาครั้งหนึ่ง แล้วทราบว่าเขาบรรลุเป็นเทพจักรวาลด้วย ‘โลกเขตลวง’! แม้บัดนี้ในบรรดาสมบัติลับเขตลวงโลกเทียมที่ซื้อขายกันอย่างเปิดเผย มีระดับเทพจักรวาลชิ้นหนึ่งก็คือ ‘คทาอาญาสิทธิ์จิตมาร’ น่าเสียดายที่เป็นทางสาย ‘ปรารถนา’ ของเขตลวงโลกเทียม
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นเป็นทางสาย ‘โลกเขตลวง’ หากเขาได้คทาอาญาสิทธิ์จิตมารมา ก็มิอาจสำแดงพลังระดับที่สูงขึ้นมาได้
ตอนนั้นประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ได้บอกกับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วว่า “ข้าจะไปตามหาสมบัติลับให้เจ้า”
แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะรู้สึกว่าราคาสูงเกินไป แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณากลับกล่าวว่า “เช่นนั้นภายหน้าเจ้าค่อยช่วยชดเชยให้ข้าก็ใช้ได้แล้ว”
“สูงเกินไปแล้วกระมัง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดพลางขมวดคิ้ว
แม้เขาจะมั่งคั่งอย่างยิ่ง
แต่สองแสนล้านแก้วผลึกจักรวาลก็เพียงพอจะทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าวได้แล้ว
ประมุขรัฐเทียนถงผู้นี้ออกจะละโมบเกินไปแล้ว! แปดหมื่นถึงหนึ่งหนึ่งแสนล้านจึงจะเป็นราคาปกติ
“ข้าจะขาดแคลนแก้วผลึกจักรวาลแค่เท่านี้หรือไร” ประมุขเทพเทียนถงพูดเสียงเรียบ “หากมิใช่สมบัติล้ำค่าที่ทำให้ข้าใจสั่นได้ ก็ต้องเป็นสองแสนล้านแก้วผลึกจักรวาล”
……
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเผยแพร่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ นอกจากเพื่อหาแก้วผลึกจักรวาลแล้ว ก็เพื่อแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายข่าวสารทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา เขาก็รู้ว่าสมบัติลับเทพจักรวาลทางสาย ‘โลกเขตลวง’ ของเขตลวงโลกเทียม ที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็มีเพียงสามชิ้นเท่านั้น เนื่องจากการบำเพ็ญยากเย็นเกินไป สมบัติลับก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่ ในจำนวนนั้น อาภรณ์ราชันย์มารก็มีหวังจะได้มามากที่สุด
อีกสองชิ้นที่เหลือนั้นยากยิ่งกว่า
“จริงๆ เลย” ท้ายที่สุดประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ทำใจเสียแก้วผลึกจักรวาลไปไม่ได้ เขาหยิบเศษเสี้ยวแผนที่อันล้ำค่าชิ้นหนึ่งขึ้นมาเพื่อแลกกับอาภรณ์ราชันย์มารของประมุขรัฐเทียนถง
“เมื่อมีอาภรณ์ราชันย์มารแล้ว เขายังมีลูกแก้วห้าภาพอยู่กับตัวด้วย ข้าก็นับว่ามีผู้ช่วยที่แท้จริงคนหนึ่งแล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณายังคงดีใจเป็นอันมาก
………………………………