Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 23 วังเทพแห่งนั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบตกใจ เขาอาศัยอากาศสัมผัสรับรู้ระลอกคลื่นที่กวาดล้างผ่านมานั้น
“บริเวณกว้างใหญ่นัก”
การรับรู้นี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจ
ด้วยขอบเขตของการสัมผัสรับรู้อากาศของตนก็รู้สึกว่าระลอกคลื่นนี้ไร้ที่สิ้นสุด หากสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอย่าง ‘จักรพรรดิเซี่ย’ หรือ ‘บรรพชนฝาน’ ส่งร่างจริงลงมา ภายใต้อานุภาพกดดันก็อาจจะสามารทำให้เขาเกิดความหวั่นเกรงขึ้นมาอย่างควบคุมมิได้ แต่บัดนี้ ลำพังแค่ระลอกคลื่นอันไร้ที่สิ้นสุดนี้กวาดล้างผ่านมา ก็ทำให้เทพจักรวาลผู้องอาจอย่างเขาหวั่นเกรงได้แล้วอย่างนั้นหรือ
“หรือว่าจะเป็น…” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงพอจะคาดเดาได้รางๆ นัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมาอย่างมิอาจควบคุม
ประตูห้องเงียบเปิดออกโดยไม่สนใจอะไรอื่นอีก
ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบออกจากเมืองหิมะเหินมุ่งหน้าไปยังนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา เพื่อไปพบท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณา
……
ณ เมืองจักรพรรดิชางในรัฐโบราณคิมหันตวายุ
บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงซึ่งสะพายกระบี่เทพเอาไว้ผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง พลางทอดสายตามองไปทางบูรพาทิศ “นับตั้งแต่ข้าสำเร็จเป็นมหาเคารพ ในที่สุดมันก็เปิดออกแล้วรึ ข้ารอมานานแสนนานแล้ว”
……
ณ จวนอีกแห่งหนึ่งในเมืองจักรพรรดิชาง สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งซึ่งนอนหมอบหลับใหลอยู่บนหยกแก้วมรกตจำนวนมากพลันลืมตาตื่นขึ้น จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นสตรีอาภรณ์สีเขียวมรกตนางหนึ่ง นางหัวเราะร่าพลางทอดสายตามองออกไปไกล “ในที่สุดโอกาสก็มาถึงเสียที”
……
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งของหกรัฐโบราณจำนวนมากทั้งของรัฐโบราณคิมหันตวายุ รัฐโบราณบรรพชน รัฐโบราณสหโลกา รัฐโบราณเสียดฟ้า รัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งต่างก็สัมผัสได้
ต่อให้เป็นรัฐชั้นรองหรือรัฐชั้นสามทั้งหลายก็มีผู้แกร่งกล้าจำนวนมากสัมผัสรับรู้ได้ถึงระลอกคลื่นนี้
“เอ๊ะ” ภายในตัวเมืองโบราณอันรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง บุรุษอาภรณ์สีขาวทั้งร่างคนหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์พลางเหลือบมองลงไปเบื้องล่าง นิ้วของเขาเคาะที่เท้าแขนเบาๆ เขาตวัดสายตามองออกไปไกลแวบหนึ่งก่อนจะพึมพำเสียงเบาว่า “แค่เปิดเมืองชั้นนอกออกมาอย่างนั้นหรือ ช่างไร้ความหมายจริงๆ ยังคิดว่าจะเปิดฉากสงครามรัฐโบราณขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเสียอีก ครั้งที่แล้วตาเฒ่าของรัฐโบราณบรรพชนสองคนนั้นทำให้ข้าขาดทุนย่อยยับ ข้ายังมิได้มีโอกาส ‘ตอบแทน’ พวกเขาอย่างสาสมเลย!”
บุรุษอาภรณ์ขาวผู้นี้หลับตาลง
เบื้องล่างรอบบัลลังก์ของเขามีสายน้ำอันไร้ที่สิ้นสุดไหลเวียนอยู่ ท่ามกลางสายน้ำอันไร้ที่สิ้นสุด มีตัวเมืองเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่หวาดไม่ไหวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดำรงชีวิตอยู่ภายในนั้น
******
นครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
“จ้าวท่าน”
“จ้าวท่าน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงวังหลวง ทุกบริเวณที่ผ่านไป เหล่าทหารองครักษ์ในวังหลวงต่างก็เคารพเขาเป็นอย่างยิ่ง
บัดนี้ในรัฐเมฆทักษิณามีจ้าวผู้ยิ่งใหญ่อยู่สี่ท่าน ได้แก่จ้าวหิมะเหิน จ้าวฉุนอวี้ จ้าวทานเผิงและจ้าวเทียนยิน! ซึ่งในจำนวนนั้น ‘จ้าวหิมะเหิน’ อิงซานเสวี่ยอิงได้รับการยอมรับจากโลกภายนอกว่าเป็นผู้นำของจ้าวทั้งสี่แห่งรัฐเมฆทักษิณา! ถึงขั้นมีคำเล่าลือว่าพลังของ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ท่านนี้…แข็งแกร่งไม่แพ้ประมุขรัฐวอเฟิงและประมุขรัฐประกายเพลิงเลย
ไม่แพ้ประมุขรัฐชั้นรองคนหนึ่งเลย เช่นนี้ก็พอจะจินตนาการถึงสถานะของเขาในตอนนี้ได้ สถานะของตระกูลอิงซานก็สูงขึ้นตามประหนึ่งน้ำขึ้นเรือลอยสูง
ไม่นานนักตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงสถานที่บำเพ็ญของอาจารย์
ข้างทะเลสาบ
บนผืนหญ้าสีดำ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาในอาภรณ์สีดำอันงดงามหรูหรานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนี้
“ท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก
“เจ้าสัมผัสได้แล้วใช่ไหม” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดพลางยิ้มน้อยๆ
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “เป็นวังเทพในตำนานแห่งนั้นหรือขอรับ”
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าเบาๆ “ถูกต้อง เป็นวังเทพจิตโลกานั่นเอง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหรี่ตาลง
วังเทพจิตโลกา ใช้นามของดินแดนมาตั้งเป็นชื่อ เช่นนี้ก็จะเห็นได้ถึงความพิเศษของมันแล้ว
มันตั้งอยู่ ณ ส่วนลึกอย่างยิ่งใต้พสุธากลาง ‘ทะเลกาฬอเวจี’ ซึ่งเป็นห้วงสมุทรที่โอบล้อมทั้งดินแดนจิตโลกาเอาไว้ ตามตำนาน นับว่ามันอยู่ตรงตำแหน่งกลางสุดของทั้งดินแดนจิตโลกา! มันคือแหล่งกำเนิดของทั้ง ‘ความวุ่นวาย’ และ ‘ความพิสดาร’ ทั้งหมดทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา
“นับตั้งแต่ดินแดนจิตโลกาถือกำเนิดขึ้นมาจนถึงวันนี้ มีการช่วงชิงครั้งใหญ่ยกแล้วยกเล่า รวมทั้งสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งและสงครามรัฐโบราณครั้งที่สองด้วย ก็ล้วนเป็นเพราะมันทั้งสิ้น” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาทอดถอนใจ “มันทำให้ข้าและคนอื่นๆ หลงใหลและบ้าคลั่งไปหมด”
“ขอรับ” ยามนี้เลือดร้อนของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดือดพล่านขึ้นมาแล้ว
เคล็ดวิชาลับต่างๆ ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาล้วนแต่สมบูรณ์มาก แม้จะมีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ แต่สมบูรณ์ถึงขั้นนี้ก็เกินจริงไปแล้ว! อย่างสมบัติลับจำนวนมากที่หลอมขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้นสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญต่อสู้ข้ามขั้นได้! ต่อให้มีคัมภีร์เหนี่ยวนำ แต่เมื่อเหล่าผู้แกร่งกล้าเทพจักรวาลขั้นสุดยอดได้สมบัติลับมา พลังก็เพิ่มทวีขึ้นเป็นอันมาก จนถูกเรียกว่าเป็นขั้นที่ไร้ศัตรู
สมบัติลับพรรค์นี้ เทพจักรวาลไหนเลยจะสามารถหลอมขึ้นมาได้เล่า
ใช่แล้ว
สมบัติลับที่ทำให้เทพจักรวาลชั้นที่สาม (ขั้นสุดยอด) ปรารถนาได้ และถูกเรียกว่าเป็นสมบัติลับอันสูงส่ง ว่ากันว่ามีการใช้งานกฎเกณฑ์อันสูงส่งบางส่วนบรรจุเอาไว้ มีเพียง ‘หยวน’ ซึ่งมีสถานะสูงส่งเหนือธรรมดาที่สุดในดินแดนจิตโลกาเทานั้นจึงจะสามารถหลอมขึ้นมาได้ เคล็ดวิชาหลอมอาวุธและเคล็ดการบำเพ็ญจำนวนมากที่สมบูรณ์จนถึงขั้นนี้ได้ก็เพราะเคล็ดวิชาต่างๆ ที่ ‘หยวน’ ทิ้งเอาไว้
……
สมบัติลับ เคล็ดการบำเพ็ญและวัสดุพิสดารต่างๆ ทั้งหมดล้วนถูกหยวนวางเอาไว้ใน ‘วังเทพจิตโลกา’
“วังเทพจิตโลกาแบ่งเป็นเมืองชั้นนอกและเมืองชั้นใน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณารำพึง “โดยทั่วไปตอนที่เปิดขึ้นมา ก็จะเปิดแค่เมืองชั้นนอกเท่านั้น! เช่นครั้งนี้ ก็เปิดออกมาเพียงเมืองชั้นนอกเท่านั้น แต่หากเปิดเมืองชั้นในขึ้นมา…ฮ่าฮ่า เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทั้งหลาย สิ่งมีชีวิตเทพจักรวาลชั้นที่สามและผู้เฒ่าทั้งหลายที่ซ่อนตัวอยู่ ผู้แกร่งกล้าผู้น่าหวาดหวั่นที่กลับชาติมาจุติแต่ละคนต้องพากันโผล่ออกมาแล้วบุกเข้าไปเป็นแน่ เช่นนั้นจึงจะเรียกได้ว่าน่ากลัว”
“ถ้าเมืองชั้นในเปิดออก สมบัติล้ำค่าเผยออกมา หากสมบัติลับพิเศษบางชิ้นถูกนำออกมาแล้วล่ะก็ อาจก่อให้เกิดสงครามใหญ่ระหว่างเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “สงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งและสงครามรัฐโบราณครั้งที่สอง ก็เพราะสมบัติล้ำค่าที่นำออกมาจากวังเทพจิตโลกามีแรงดึงดูดใหญ่หลวงเกินไปนั่นเอง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
“เจ้าเข้าร่วมสงครามสามตระกูลครั้งที่แล้ว เดิมทีตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมนั่นก็เป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของวังเทพจิตโลกา ระหว่างสงครามรัฐโบราณครั้งที่สอง มันถูกบรรพชนทั้งสามแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุร่วมมือกันแย่งชิงมาไว้ในครอบครอง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “ระหว่างช่วงสงครามรัฐโบราณครั้งที่สอง สมบัติล้ำค่าที่ช่วงชิงห้ำหั่นกันในตอนนั้น ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมยังจัดอยู่ในห้าอันดับแรกมิได้เลย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้ว่าในประวัติศาสตร์ มีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูล้มตายกันไปหลายท่าน
“ในประวัติศาสตร์ จำนวนครั้งที่เมืองชั้นในเปิดออกนั้น เกรงว่าคงไม่เกินสองมือนับได้” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว
“ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเมืองชั้นในหรือเมืองชั้นนอก ผู้ที่สามารถเข้าไปได้ก็มีจำนวนเพียงสามสิบเก้าคนเท่านั้น” ประมุขรัฐเมฆทักษิณารำพึง “หากเป็นเมืองชั้นในเปิดออก แต่ละคนก็จะแย่งชิงกันเพื่อบุกเข้าไป บ้าคลั่งยิ่งนัก! เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูต้องสามารถเข้าไปได้อย่างแน่นอน ส่วนเทพจักรวาลชั้นที่สามและมหาเคารพนั้นล้วนแต่ไม่มีหวัง จวบจนบัดนี้ข้า อาจารย์ของเจ้าก็เคยโชคดีได้เข้าไปยังเมืองชั้นในครั้งหนึ่ง และยังเป็นเพราะอาศัยที่มีร่างแยกมากมายและยังรวดเร็วพอ!”
“จำนวนของเมืองชั้นนอกล่ะขอรับ พอจะมีวิธีเข้าไปได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
เมืองชั้นนอกก็เพียงพอแล้ว
เมืองชั้นในสามารถดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูได้มากกว่า
แม้ผลประโยชน์ต่างๆ ของเมืองชั้นนอกจะห่างกับเมืองชั้นในลิบลับ โดยทั่วไปก็พุ่งเป้าไปที่ขั้นสุดยอดเท่านั้น! เช่นสมบัติลับระดับยอดสุดและอื่นๆ บางครั้งถึงขั้นมีสมบัติล้ำค่าที่ทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูตาเป็นมันขึ้นมา
“เมืองชั้นนอกเปิดออก แม้สมบัติล้ำค่าจะน้อยกว่าอยู่บ้าง แต่เกรงว่าพวกสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูบางคนก็อยากเข้าไปอยู่ดี” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “หกรัฐโบราณร่วมแรงร่วมใจกันก็สามารถตัดโอกาสเข้าไปได้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นเพียงเมืองชั้นนอก พวกผู้เฒ่าที่น่าหวาดหวั่นของดินแดนจิตโลกาดังนั้นก็จะไม่ร่วมมือกันไปต่อสู้ ดังนั้นผู้ใดก็มิอาจต่อต้านการร่วมมือกันของหกรัฐโบราณได้”
“เจ้าจะเข้าไปรึ”
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายศีรษะเบาๆ “ยากนัก สี่รัฐโบราณอื่นๆ ที่อ่อนแอกว่าอยู่บ้าง เดิมทีจำนวนที่ให้ก็น้อยอยู่แล้ว จึงไม่ให้ผู้แกร่งกล้าจากรัฐภายนอกเลย รัฐโบราณสหโลกาและรัฐโบราณคิมหันตวายุนั้นได้จำนวนมากกว่าอยู่บ้าง แต่คาดว่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็คงอยากจะเข้าไปหลายคนแล้ว! ‘จักรพรรดิเซี่ย’ มีร่างแยก เขาแทบจะต้องเข้าไปเสียทุกครั้ง! จำนวนที่ยอมปล่อยออกมาได้นั้นมีน้อยนัก”
“เท่าที่ข้ารู้ นอกจากสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ยังมีตระกูลต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วจักรพรรดิเซี่ยจะนำออกมาประมาณสามสี่อันดับ เพื่อให้ผู้บำเพ็ญภายในรัฐช่วงชิงกัน เจ้าเป็นเค่อชิงระดับบนของสกุลฝาน ก็มีคุณสมบัติเข้าร่วม แต่แค่สามสี่อันดับ…เจ้าก็รู้ว่าผู้ที่ไปช่วงชิงเป็นพวกผู้แกร่งกล้าพรรค์ไหน หนีไม่พ้นมหาเคารพของสามตระกูลใหญ่หรอก! มหาเคารพที่มิอาจแย่งชิงอันดับภายในสามตระกูลใหญ่ได้ก็อาจจะเข้าร่วม นอกจากมหาเคารพแล้ว ยังมียอดฝีมือระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองคนอื่นๆ อีกด้วย”
“เสวี่ยอิง ข้าว่าเจ้าบำเพ็ญต่อไปให้ดีๆ เถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ “ตอนนี้ความหวังที่เจ้าจะแย่งชิงมาได้มีน้อยนัก รอให้เจ้าบรรลุถึงระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองเสียก่อน เมื่อมีสมบัติลับระดับยอดสุดอยู่ในมือ จะหลบซ่อนก็ไม่ยากแล้ว เจ้ายังบำเพ็ญมาเป็นเวลาสั้นมาก ไม่ต้องรีบร้อนๆ”
ไม่ต้องรีบร้อนหรือ
ตนร้อนใจเป็นอย่างมาก! หากพลาดครั้งนี้ไปแล้ว รอให้ถึงวันที่วังเทพจิตโลกาจะเปิดออกมาอีก ก็ไม่แน่ว่าบ้านเกิดอาจถูกทำลายไปแล้วก็เป็นได้
“มหาคุณูปการสามารถแลกเปลี่ยนมาได้หรือไม่ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ไม่ได้ นี่มิได้อยู่ในขอบเขตการแลกเปลี่ยน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายหน้า
…………………………………