Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 27 สถานการณ์
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่เคยสนใจบรรดาขั้นอลวนเหล่านี้มาก่อนเลย ต่อให้ไม่มีสมบัติลับล้ำค่า เขาก็สามารถผลาญทำลายขั้นอลวนชั้นที่สิบได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามี ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ ‘ลูกแก้วห้าภาพ’ และ ‘หอกเทพเมฆาแดง’ สามสมบัติลับล้ำค่าอยู่กับตัวด้วย พลังรบของเขาก็แข็งแกร่งกว่าตอนอยู่ที่โลกกำเนิดเป็นอย่างมากแล้ว นี่ก็คือหลักประกันที่ทำให้เขากล้ามาล่าสังหารมารที่รัฐเหินประจิม
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน เพียงพริบตาก็เป็นห้าหมื่นปีเศษหลังมาถึงยังรัฐเหินประจิมแล้ว
ภารกิจสังหารล่าค่าหัวก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
จ้าวมารจันทราวายุคือเป้าหมายที่เขามีความมั่นใจมากที่สุด น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหลบซ่อนตัวอย่างระมัดระวังยิ่งนัก
“ข้าไม่เชี่ยวชาญการสะกดรอย แต่ผู้แกร่งกล้าแห่งรัฐโบราณคนอื่นๆ ก็มีผู้ที่เชี่ยวชาญอยู่ ก็ผ่านมาห้าหมื่นกว่าปีแล้ว เหตุใดตลอดมาจึงได้ไม่ลงมือเสียทีเล่า หรือว่าไม่มีใครที่มีรัฐเหินประจิมเป็นเป้าหมายเลย ข้าไม่เชื่อหรอก!” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ในภารกิจล่าค่าหัว รัฐเหินประจิมก็นับได้ว่าเป็นลูกพลับนิ่มแล้ว! เช่น ‘ทะเลสาบมารทมิฬ’ นั้นถึงแม้ว่ายอดฝีมือจะเทียบเคียงได้กับรัฐเหินประจิม แต่สภาพแวดล้อมของทะเลสาบมารทมิฬนั้นเลวร้าย คาดว่ายอดฝีมือที่อยากจะไปนั้นคงมีอยู่เพียงน้อยนิด
ยังมีมารที่อยู่ที่รัฐโบราณจันทร์โรจน์ด้วย!
ใช่แล้ว
รัฐโบราณจันทร์โรจน์และรัฐโบราณเสียดฟ้า สองรัฐโบราณระดับล่างสุดในหกรัฐโบราณ ภายในก็มีมารแฝงตัวอยู่ทั้งสิ้น! ไปไล่ล่าสังหารมารในรัฐโบราณก็ยิ่งยากเย็นมากขึ้นไปอีก ถึงอย่างไรมารจำนวนหนึ่ง…ต่างก็มีบุคคลผู้ไร้เทียมทานคอยคุ้มครองอยู่แล้ว! เพียงแต่มิได้เปิดเผยเพื่อรักษาหน้าตาเท่านั้นเอง
“รัฐเหินประจิมก็นับได้ว่าจัดการได้ง่ายทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรอคอย
“ปัง!”
ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นขุมหนึ่งระเบิดอยู่ไกลๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับสัมผัสอยู่ห่างๆ ผ่านแก่นห้วงอากาศ เขาหันหน้ามองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือในทันที เขารู้สึกได้ว่าที่นั่นมีระลอกคลื่นระเบิดอยู่
“อยู่ที่นั่นเอง!”
ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาสอดแนมในทันที!
สอดแนมอยู่ห่างๆ…
ภายใต้รัตติกาลอันมืดมิด นั่นคือคูหาอันเรียบง่ายสามัญอย่างยิ่งที่อยู่นอกปราการเมืองแห่งหนึ่ง การที่ผู้แกร่งกล้าจำนวนหนึ่งสร้างคูหาที่พำนักยังสถานที่อันรกร้างนอกเมืองนั้นเป็นสิ่งที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ ภายในส่วนลึกของคูหาแห่งนี้ เงาร่างสองสายก่อให้เกิดการห้ำหั่นอันน่าหวาดหวั่น
“จ้าวมารจันทราวายุ ตายให้ข้าเสียเถิด!”
นั่นคือบุรุษร่างกำยำที่มีผิวขาวราวน้ำแข็งคนหนึ่ง ในมือของเขาถิอค้อนใหญ่อันหนึ่งเอาไว้ ค้อนใหญ่ทำให้อากาศสั่นสะเทือนไปหมด นั่นคือสมบัติลับล้ำค่าที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า ‘ค้อนเมฆเวหา’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยเห็นในตอนนั้นเสียอีก บนร่างของบุรุษร่างกำยำผู้นี้แผ่กลิ่นอายหนาวเหน็บออกมา เขาโบกมือคราหนึ่ง พลังล้นฟ้าก็ไหลรวมเข้าสู่ค้อนใหญ่ในมือ แล้วทุบลงไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการคราหนึ่ง
“ฟึ่บๆๆ” ตรงข้ามเขาก็คือบุรุษผมม่วงทรงเสน่ห์คนหนึ่ง ส่วนด้านหลังก็แบกมีดเอาไว้สิบสามเล่ม แผ่ออกมาเป็นรูปพัด
เห็นเพียงว่ามีดสิบสามเล่มนี้ลอยออกมาเล่มแล้วเล่มเล่าจนหมด
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…
ประกายมีดชั้นแล้วชั้นเล่าโอบล้อมบุรุษร่างกำยำเอาไว้อย่างต่อเนื่อง
“ปัง!”
ค้อนทุบลงมาคราหนึ่ง
ประกายมีดจำนวนนับไม่ถ้วนสาดกระจาย
ปัง! ปัง! ปัง!
พลังคุกคามของค้อนใหญ่ไล่บดขยี้เข้ามา แผ่กวาดบดขยี้ เพียงพริบตาก็ปกคลุมมาจนถึงเบื้องหน้าจ้าวมารจันทราวายุ
‘จ้าวมารจันทราวายุ’ บุรุษผมม่วงทรงเสน่ห์หน้าถอดสีแล้วร่นถอยหลังไปในทันที
พรึ่บ
อัตราเร็วในการหลบหนีของเขารวดเร็วเป็นที่สุด ประกายมีดสายแล้วสายเล่านั้นกลับมาอยู่ในปลอกด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว
……
“จ้าวมารจันทราวายุ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกดความยินดีแทบคลั่งในใจเอาไว้
บากบั่นค้นหาแทบตายก็ไม่พบ ตอนนี้กลับโผล่ออกมาเสียอย่างนั้น
“พี่ซวงกู่ ต้องขอบคุณท่านจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบยินดี
จักรพรรดิซวงกู่
เป็นยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองแห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง อย่างเช่นที่รัฐโบราณคิมหันตวายุ โดยเฉพาะศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของสกุลเซี่ย สกุลชาง และสกุลฝาน ขอเพียงแค่เป็นเทพจักรวาลขั้นที่สองและสั่งสมพื้นฐานมาแน่นพอ เช่นนั้นพวกจักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน และจักรพรรดิชางก็สามารถคิดหาวิธีช่วยเสาะหาสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าสักชิ้นหนึ่งมามอบให้! หากหาไม่พบก็สามารถช่วยหลอมขึ้นมาให้ได้ ดังนั้นรัฐโบราณคิมหันตวายุจึงได้มีบุคคลระดับจอมเคารพมากมายถึงเพียงนั้น
แต่รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนั้นช่างน่าอนาถนัก
ถึงแม้ว่ารัฐโบราณหิมะน้ำแข็งจะมีบุคคลผู้ไร้เทียมทานอยู่สามท่านเช่นเดียวกัน ทว่าแต่ละคนต่างก็เป็นสายฝึกกายด้วยกันทั้งสิ้น! ผู้ที่ชี้แนะเคล็ดวิชาระดับสุดยอดของรัฐโบราณนี้ให้กับพวกเขานี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสายฝึกกายกันหมด อยากจะฝึกสายอื่นอย่างนั้นหรือ ก็จำเป็นต้องจ่ายเป็นมูลค่ามหาศาลเพื่อแลกเปลี่ยนกับรัฐโบราณอื่นๆ! อาศัยการแลกเปลี่ยนทั้งหมดอย่างนั้นหรือ จะแลกเปลี่ยนได้มากมายสักเท่าใดกันเชียว
สำหรับการหลอมอาวุธ บรรพชนสามท่านของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนั้นล้วนหลอมอาวุธไม่เป็นกันทั้งสิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหลอมสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าเลย ดังนั้นหากต้องการสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าน่ะหรือ พวกเขาก็ได้แต่ไปเสี่ยง ไปช่วงชิงมาเท่านั้น!
ทว่ามีผู้ครองสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าคนใดที่จะไปช่วงชิงมาได้ง่ายๆ บ้างเล่า
โดยทั่วไปต่างก็มีผู้หนุนหลังของตัวเองกันทั้งสิ้น!
ดังนั้นรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งจึงน่าสงสานอย่างยิ่ง ยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองภายในรัฐโบราณของพวกเขาก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ระดับจอมเคารพกลับมีอยู่น้อยเสียจนน่าสงสาร มีทั้งหมดเพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้นเอง!
จักรพรรดิซวงกู่…พูดถึงการสั่งสมพลังยุทธ์ก็ย่อมนับได้ว่าแข็งแกร่งเป็นที่สุดแล้ว เป็นระดับชั้นที่สองขั้นสุดยอดอย่างไร้ข้อกังขา หากอยู่ที่รัฐโบราณคิมหันตวายุก็ต้องได้รับมอบสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าแล้ว แต่เป็นถึงสมาชิกคนหนึ่งของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง เขาก็ไม่มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าอยู่เลยจริงๆ ดังนั้นผู้แกร่งกล้าที่น่าหวั่นเกรงทางสายฝึกกายกลุ่มหนึ่งภายในรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งอย่างพวกเขาแต่ละคนจึงอยากจะเข้าไปที่วังเทพจิตโลกาทั้งสิ้น
“สัตว์ประหลาดฝูงหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบบ่นพึมพำ
สามบรรพชนรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งต่างก็สำเร็จทางสายฝึกกายไปถึงขั้นสุดยอด พวกเขารับรองซึ่งกันและกันว่าผู้แกร่งกล้ารัฐโบราณหิมะน้ำแข็งที่บ่มเพาขึ้นจะเป็นสายฝึกกายเป็นส่วนใหญ่
******
ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่ในพริบตามาเป็นระยะทางไกลมากแล้ว ก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่งก็ห่างไกลจากลานเล็กแห่งนั้นของตนแล้ว หลังจากนั้นก็มาถึงกลางความรกร้าง มองเห็นจ้าวมารจันทราวายุที่หลบหนีออกมา
จ้าวมารจันทราวายุและจักรพรรดิซวงกู่ คนหนึ่งหลบหนี คนหนึ่งไล่ตาม ทั้งสองต่างก็ทำให้ห้วงอากาศโดยรอบเยือกแข็ง ไม่ให้อีกฝ่ายหลบหนีได้
“จักรพรรดิซวงกู่ ท่านเชื่องช้าเกินไปแล้ว ท่านไล่ตามเช่นนี้ก็ไล่ไม่ทันหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองออกได้อย่างกระจ่างชัดว่าอัตราเร็วของจ้าวมารจันทราวายุเร็วกว่าจักรพรรดิซวงกู่อยู่มากอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าระยะเวลาจิบชาถ้วยหนึ่ง อาณาบริเวณที่จักรพรรดิซวงกู่แช่แข็งห้วงอากาศก็จะต้านจ้าวมารจันทราวายุเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมือหนึ่งกุมหอกเทพเมฆาแดง รักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะมิอาจพบตัวเขาได้
ในขณะนี้เขาดูอยู่ห่างๆ อีกทั้งยังไม่รีบร้อนที่จะเข้าใกล้ ถึงแม้ว่าห้วงอากาศจะเยือกแข็งจนไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถอาศัยหอกเทพเมฆาแดงสำแดง ‘เขตพลังเมฆาแดง’ ออกมาได้ นี่แข็งแกร่งกว่าที่โลกกำเนิดมากมายนัก ไปถึงระดับที่สูงกว่าแล้ว! ถ้าหากสามารถนำหอกเทพเมฆาแดงเข้าไปยังบ้านเกิดได้ ต่อให้เป็นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาศัยโลกทิพย์โบราณทำการกดดัน เขาก็ยังคงสามารถบิดหมุนห้วงอากาศหลบหนีอย่างรวดเร็วได้อยู่ดี
“จ้าวมารจันทราวายุ ท่านก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือเทพจักรวาลขั้นที่สองผู้ยิ่งใหญ่ น่าเสียดายนัก” มุมปากของตงป๋อเสวี่ยอิงยกยิ้มน้อยๆ แล้วอาศัยอาภรณ์ราชันย์มารเริ่มต้นสำแดงเคล็ดวิชาลับในทันที
พรึ่บ…
โลกลวงอันไร้รูปร่างพลันแผ่ปกคลุมไปในทันที ความกว้างของอาณาเขตโลกลวงแห่งนี้แผ่ปกคลุมจ้าวมารจันทราวายุที่กำลังหลบหนีเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
นี่ก็เป็นสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงหวาดกลัว
ด้านวิญญาณนั้นไม่เหมือนกับวิถีอื่นๆ อย่างเช่นพลังยุทธ์แข็งแกร่งสักหน่อย อย่างมากที่สุดก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ด้วยความสามารถในการรักษาชีวิตของผู้บำเพ็ญที่กล้าแกร่ง นึกจะทำให้บาดเจ็บสาหัสหรือแม้กระทั่งโจมตีนั้นก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง แต่ทางด้านวิญญาณ… ต้านไม่อยู่ เช่นนั้นก็จบสิ้นในพริบตาแล้ว!
อาศัย ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ เคล็ดวิชาวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปถึงพลังคุกคามระดับเทพจักรวาลขั้นที่สอง แม้กระทั่งพวกประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ยังต้องแบ่งพลังจิตไปต้านทาน! ส่วนจ้าวมารจันทราวายุที่จิตวิญญาณมีข้อบกพร่อง เป็นผู้ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมั่นใจว่าสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายในบรรดาสี่วายร้ายเหินประจิม และยอดฝีมือวิถีวิญญาณอย่างเขาจึงสามารถจัดการได้อย่างสบายๆ
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เดิมทีมุมปากเผยรอยยิ้มอยู่สีหน้าแข็งค้างไปในทันใด นัยน์ตาจ้องเขม็งมองดูจ้าวมารจันทราวายุที่อยู่ไกลออกไป
จ้าวมารจันทราวายุหยุดลงในทันใด
หันหน้ามองไปทางด้านหลัง
“ปัง!” “ปัง!” “ปัง!” “ปัง!”
ที่บริเวณไกลที่สุดของทุกทิศทุกทางมีเสาแปดต้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันใด ด้านบนของทุกต้นต่างก็มีลวดลายลับสว่างขึ้นมา ค่ายกลอันกว้างใหญ่ไพศาลห่อหุ้มอาณาเขตกว้างใหญ่ของค่ายกลเอาไว้ภายใน ภายใต้ค่ายกลระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่น เงาร่างที่กลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถูกบีบให้ปรากฏกายขึ้น ส่วนจักรพรรดิซวงกู่ที่เดิมทีไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งก็หยุดยั้งลง มองดูจ้าวมารจันทราวายุที่อยู่ไกลๆ อย่างตกตะลึง แม้กระทั่งภายในบริเวณค่ายกลขนาดมหึมายังมีชายชราอาภรณ์สีเทาผู้หนึ่งถูกบีบบังคับให้ปรากฏกายขึ้นด้วยเช่นกัน
จ้าวมารจันทราวายุแปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว รูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นกระแสน้ำ กระแสน้ำรวมตัวกันกลายเป็นชายชราอ้วนเตี้ยคนหนึ่ง
ชายชราอ้วนเตี้ยมองดูจักรพรรดิซวงกู่ ชายชราอาภรณ์สีเทาและหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นอยู่ไกลๆ
“จักรพรรดิซวงกู่แห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง เจ้าเมืองอินทรีแห่งรัฐโบราณสหโลกา และจ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณา! น่าเสียดายที่เหวี่ยงแหมาได้แค่ปลาสามตัวอย่างพวกเจ้าเท่านั้น” ชายชราอ้วนเตี้ยน้ำเสียงยิ่งใหญ่กึกก้องไปทั่วห้วงอากาศล้านล้านลี้ “หากมิใช่เพราะเคล็ดวิชาทางด้านวิญญาณของจ้าวหิมะเหิน บางทีข้าอาจจะจับปลาได้อีกจำนวนหนึ่งก็เป็นได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิง จักรพรรดิซวงกู่ และชายชราอาภรณ์สีเทาสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว
ชายชราอ้วนเตี้ย…
ก็คือ ‘บรรพชนเหินประจิม’ ชื่อเสียงเลื่องลือว่าเป็นทรราชย์แห่งดินแดนจิตโลกา!
เคล็ดวิชาโลกเทียมที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงเมื่อครู่ เมื่อค้นพบว่าไม่มีประโยชน์ก็รู้ว่าไม่ถูกต้องเสียแล้ว! จ้าวมารจันทราวายุไม่สามารถต้านทานเคล็ดวิชาทางด้านวิญญาณของตนได้อย่างสบายๆ เช่นนี้
“เขาปลอมตัวเป็นจ้าวมารจันทราวายุ แต่เมื่อครู่ก็เห็นว่าสำแดงมีดจันทราวายุอยู่ชัดๆ หรือว่าบรรพชนเหินประจิมบำเพ็ญทางสายวายุไปถึงระดับเทพจักรวาลแล้วเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงนึกขึ้นมาได้ในทันใด
“ไปเร็ว!”
จักรพรรดิซวงกู่ที่อยู่ห่างออกไปทะยานหนีออกไปข้างนอกโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ‘เจ้าเมืองอินทรี’ ชายชราอาภรณ์สีเทาร่างก็กะพริบวาบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“หนี” ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกเทพเมฆาแดงเอาไว้ในมือแล้วสำแดงเขตพลังเมฆาแดงออกมาในทันใด พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ ฝืนหมุนบิด เคลื่อนย้ายแต่ละครั้งก็เป็นระยะทางกว่าร้อยล้านลี้ ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว หลบหนีไปเร็วกว่าจักรพรรดิซวงกู่และเจ้าเมืองอินทรีมากมายนัก
“อิงซานเสวี่ยอิงหนีไปอย่างรวดเร็วน่าดูทีเดียว” จักรพรรดิซวงกู่ได้เห็นเหตุการณ์แล้วทั้งอิจฉาทั้งจนใจ ได้แต่เหินทะยานไปอย่างช้าๆ
“อิงซานเสวี่ยอิงแห่งรัฐเมฆทักษิณาหรือ” เจ้าเมืองอินทรีก็เหลือบมองหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่ทะยานหนีไปอย่างรวดเร็วอยู่ห่างๆ
“หนีหรือ”
บรรพชนเหินประจิมได้เห็นเหตุการณ์แล้วประกายหนาวเหน็บก็ฉายวาบในดวงตา “ แต่ละคนจะมาล่าสังหารผู้แกร่งกล้ารัฐเหินประจิมของข้าอย่างนั้นหรือ มาฆ่าคนของข้าที่นี่ก็ต้องตระหนักดีอยู่แล้วว่ามีความตายรออยู่! ตายให้ข้าเสียให้หมด!”
ปัง…
ทั้งค่ายกลขนาดยักษ์พุ่งพล่านขึ้นมาในทันใดราวกับเกลียวคลื่น บริเวณไกลออกไปก็มีเงาร่างอีกสายหนึ่งปรากฏขึ้น นั่นก็คือยักษ์ที่มือหนึ่งถือภูเขาขนาดใหญ่เอาไว้… นั่นคือ ‘จอมเคารพสะบั้นฟ้า’ ยอดฝีมือระดับจอมเคารพอีกคนหนึ่งของรัฐเหินประจิม จอมเคารพสะบั้นฟ้าก็มีไอสังหารล้นฟ้า
……………………………………….