Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 28 เจ้าเมืองอนันต์
“เป็นกับดัก!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกเทพเมฆาแดงเอาไว้ในมือ พลางหมุนบิดควบคุมอากาศ ในการเคลื่อนย้ายหลบหนีครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจของเขาก็มีความหวาดหวั่น “ติดตั้งค่ายกลแล้ว! ยังมีจอมเคารพสะบั้นฟ้าช่วยเหลืออีกด้วยหรือ”
“จะหนีหรือ” บรรพชนเหินประจิมที่อยู่ไกลออกไปมองปราดหนึ่งก็สังเกตเห็นอิงซานเสวี่ยอิงที่หลบหนีอย่างรวดเร็วที่สุด “อิงซานเสวี่ยอิงหรือ ก็สังหารเจ้าปลาตัวเล็กเช่นเจ้านี้ก่อนก็แล้วกัน”
ในใจบรรพชนเหินประจิมก็เข้าใจกระจ่างดียิ่ง
จักรพรรดิซวงกู่แห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง เบื้องหลังก็มีบุคคลผู้ไร้เทียมทานอยู่ เบื้องหลังของเจ้าเมืองอินทรีแห่งรัฐโบราณสหโลกาก็มีบุคคลผู้ไร้เทียมทานอยู่เช่นเดียวกัน! ในช่วงเวลาวิกฤติ บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็สามารถสอดมือเข้ามาคุ้มครองลูกน้องของพวกเขาได้
ดังนั้นหากคิดอยากจะสังหารผู้แกร่งกล้าของรัฐโบราณก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง นอกเสียจากว่าจะฉับพลันและรวดเร็วเพียงพอ! หรือว่าเป็นสถานที่พิเศษที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานจำนวนหนึ่งก็ไม่สามารถเข้าไปได้ อย่างเช่น ‘วังเทพจิตโลกา’ หรืออาณาบริเวณในส่วนลึกบางส่วนของ ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’
“น้องรอง จัดการจ้าวหิมะเหินของรัฐเมฆทักษิณาผู้นี้ก่อนเถิด” ในขณะเดียวกันกับที่บรรพชนเหินประจิมถ่ายเสียงอยู่นั้นเอง เงาร่างก็หายตัวไปกลางอากาศ รอให้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มาถึงยังข้างกายจอมเคารพสะบั้นฟ้าแล้ว
“อืม จ้าวหิมะเหินเพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาล สังหารเขาก็ค่อนข้างง่ายกว่า นอกจากนี้เบื้องหลังเขาก็มีเพียงแค่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคนเดียวเท่านั้นอีกด้วย!” จอมเคารพสะบั้นฟ้าก็พยักหน้า
ประมุขรัฐเหินประจิมพาตัวจอมเคารพสะบั้นฟ้าไป
พรึ่บ
หายตัวไปพร้อมกัน
ยามที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ตรงเบื้องหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำลังหลบหนีอยู่อย่างกระวนกระวายยิ่ง ภายใต้การกดดันของกฎเกณฑ์ของดินแดนจิตโลกา ตนเองอาศัยหอกเทพเมฆาแดงสำแดง ‘เขตพลังเมฆาแดง’ ถึงแม้ว่าการเคลื่อนที่ครั้งหนึ่งจะทำได้ไกลถึงร้อยล้านลี้ แต่ค่ายกลขนาดมหึมานี้มีระยะทางยาวไกลถึงแสนล้านลี้ คิดอยากจะหนีออกไปก็ยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ”แย่แล้ว” ม่านตาของเขาหดเล็กลงในทันใด เมื่อได้เห็นบรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้าที่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศตรงหน้า
พูดถึงพลังยุทธ์
พลังการต่อสู้ของจอมเคารพสะบั้นฟ้านั้นแข็งแกร่งกว่า! อาศัยสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าก็ต้องเป็นพลังรบระดับเทพจักรวาลชั้นที่สามอย่างไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังอหังการเอาแต่ใจ
ส่วน ‘บรรพชนเหินประจิม’ นั้น พลังรบซึ่งหน้าก็ไปถึงเทพจักรวาลชั้นที่สามอย่างพอถูไถเท่านั้น แต่เขากลับสามารถเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายได้ ถึงขนาดที่สามารถปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศยังสถานที่แห่งหนใดในรัฐเหินประจิมก็ได้! นี่คือวิธีการที่ล้ำเลิศยิ่งกว่า ‘การเคลื่อนที่ในพริบตา’ เป็นอย่างมาก มีจุดที่คล้ายวิธีการของเจ้าศิลา รวมตัวปรากฏขึ้นแล้วหายตัวไปได้โดยตรง การแช่แข็งห้วงมิติไม่มีประโยชน์กับเขาเลยสักนิด
นอกจากนี้ร่างกายนี้ของบรรพชนเหินประจิมก็เคยถูกบุคคลผู้ไร้เทียมทานผลาญสังหารในพริบตา แต่เพียงไม่นานบรรพชนเหินประจิมก็มีร่างกายใหม่ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
ฆ่าไม่ตาย!
ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ!
พลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาลขั้นที่สามอย่างพอกล้อมแกล้ม วิธีการเช่นนี้ย่อมมิใช่สิ่งที่ผู้แกร่งกล้าระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองจะสามารถมีได้ ดินแดนจิตโลกาก็ยอมรับว่าบรรพชนเหินประจิมต้องได้รับสุดยอดสมบัติลับล้ำค่ารักษาชีวิตที่แสนพิเศษอะไรสักอย่างหนึ่งมาแล้วอย่างแน่นอน
“อิงซานเสวี่ยอิง ตายเสียเถิด” ประมุขรัฐเหินประจิมยิ้มเย็นพลางซัดฝ่ามือหนึ่งเข้ามา ทันใดนั้นก็มีกระแสน้ำปั่นป่วนหมุนวนพลุ่งพล่าน มือใหญ่ที่เป็นกระแสน้ำปกคลุมท้องฟ้าพลันปรากฏขึ้นที่เบื้องบนของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วเอ่อท่วมเข้ามา
พรึ่บ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงบิดหมุนห้วงอากาศอยู่เช่นเดิม เคลื่อนย้ายไปถึงร้อยล้านลี้ไกลออกไป
“หนีได้อย่างรวดเร็วจริงๆ” ประมุขรัฐเหินประจิมขมวดคิ้ว
“นี่คือยุทธวิธีเมฆาแดง!” จอมเคารพสะบั้นฟ้าพูดขึ้น ประมุขรัฐเหินประจิมคว้าตัวจอมเคารพสะบั้นฟ้าเอาไว้แล้วหายตัวไปอีกครั้ง หลังจากปรากฏตัวขึ้นก็ขวางอยู่ตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงอีกครั้ง
คราวนี้จอมเคารพสะบั้นฟ้าขว้างภูเขาขนาดยักษ์ในมือตรงเข้าใส่
ภูเขากว้างใหญ่กระแทกลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน
“แย่แล้ว”
ถึงแม้ว่าภูเขาแห่งนี้จะยังมิได้เข้าใกล้ตัว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่ากาลมิติบริเวณรอบๆ ต่างก็คล้ายกับถูกภูเขาลูกนี้กดดันเอาไว้เสียแล้ว พลังกดดันอันไร้รูปร่างทำให้ร่างกายของตนหนักเป็นอย่างยิ่ง ตนพยายามจะเคลื่อนย้ายห้วงมิติ แต่ตอนนี้ห้วงมิติก็หนักอึ้งหาใดเปรียบ ต้องฝืนบังคับจึงจะเคลื่อนย้ายได้เป็นระยะหนึ่งลี้กว่าๆ เท่านั้น ทว่าภูเขาอันใหญ่มหึมานั้นกลับมีขนาดใหญ่กว่าร้อยล้านลี้ ปกคลุมและกระแทกลงมา
ไม่มีที่ให้หลบซ่อน ไม่มีทางหลบซ่อนตัวได้เลย
“พรึ่บ”
ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงแยกออกเป็นสองร่างในทันใด
ตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสองคนยืนเคียงไหล่กัน พวกเขาคนหนึ่งถือลูกแก้วห้าภาพเอาไว้ในมือ ส่วนอีกคนก็กุมหอกเทพเมฆาแดงเอาไว้ในมือ
“เปิด!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่มือเปล่าไร้อาวุธยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปด้านบนในทันที นิ้วมือทั้งสิบต่างก็ขยายขนาดจนใหญ่โตกว้างขวาง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงปัง ปัง ปัง บนนิ้วมือทุกนิ้วต่างก็พันเกี่ยวกับประกายอันมโหฬารห้าสายแล้วแปรเปลี่ยนเป็นห้วงมิติผนึกห้าภาพอันใหญ่มหึมา เดิมทีเคล็ดผนึกห้าภาพของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แล้ว อาศัย ‘ลูกแก้วห้าภาพ’ ก็ยิ่งสำแดงพลังคุกคามระดับสมบูรณ์แบบที่แท้จริงออกมา เป็นระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองขั้นสุดยอดอย่างไร้ข้อกังขา
ฝ่ามือทั้งสองปะทะขึ้นไปด้านบน
แต่ภูเขาขนาดยักษ์นั้นก็ยังคงกดดันลงมาเช่นเดิมอยู่ดี! รอยแตกสีดำขลับสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นใต้ฐานภูเขาที่กดดันลงมา จากนั้นก็ปะทะลงบนห้วงมิติผนึกห้าภาพ ห้วงมิติก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตงป๋อเสวี่ยอิงอีกคนหนึ่งที่กุมหอกเทพเมฆาแดงเงื้อหอกยาวขึ้นในทันที พรึ่บ… ห้วงมิติหมุนวนล้อมรอบหอกยาวเอาไว้ หอกยาวพุ่งทะยานขึ้นไปหมื่นลี้ ฝีหอกหนึ่งก็พุ่งไปยังฐานของภูเขาขนาดยักษ์ลูกนั้น ถึงแม้ว่าจะอ่อนแออยู่สักหน่อย แต่ก็เป็นฝีหอกของเทพจักรวาลขั้นที่สองระดับสุดยอด ในขณะเดียวกันกับที่ภูเขาเพิ่งกดดันบดขยี้ห้วงมิติผนึกห้าภาพจนอ่อนแอนั้นเอง หอกยาวที่พุ่งมานี้ก็ถ่ายพละกำลังจำนวนมหาศาลออกไป อาศัยร่างคละถิ่นที่กลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดก็ต้านทานพลังโจมตีที่เหลืออยู่นั้นเอาไว้ได้อย่างง่ายดายแล้ว
“อะไรกัน”
จอมเคารพสะบั้นฟ้าเดือดดาลแล้วควบคุมภูเขาขนาดยักษ์ในทันที กระแทกลงมาอย่างหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า
ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงสองคนก็ต้านทานไปพลาง ร่นถอยไปพลาง แต่กลับไม่มีอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ที่อากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด ดีร้ายอย่างไรจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นระดับเทพจักรวาลที่แท้จริง อาศัยอิทธิพลของโลกทิพย์โบราณก็เพียงแค่ทำให้ร่างคละถิ่นของข้าบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเอง ตอนนี้ร่างแยกทั้งสองของข้าต่างก็สามารถระเบิดพลังรบชั้นที่สองขั้นสุดยอดออกมาได้แล้วทั้งสิ้น ผลกระทบจากการต่อสู้นั้น ร่างกายของข้าก็สามารถต้านรับได้อย่างสบายยิ่งขึ้นแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอาการบาดเจ็บเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
เคล็ดผนึกห้าภาพอหังการ การต่อสู้ซึ่งหน้าก็มีอิทธิพลแข็งแกร่ง
อิทธิพลของยุทธวิธีเมฆาแดงอ่อนแอกว่าอยู่พอสมควร อีกทั้งตนเองยังเป็นเพียงแค่เทพจักรวาลชั้นที่หนึ่งเป็นเหตุ ทำให้พลังคุกคามของหอกเทพเมฆาแดงสำแดงไปได้ไม่ถึงขีดสุด! ทว่าแม้กระทั่งสำแดงพลังยุทธ์ชั้นที่สองขั้นสุดยอดออกมา แต่ยุทธวิธีเมฆาแดง…เคล็ดคุ้มร่าง เคล็ดถอนพลัง เขตพลังบิดหมุนห้วงอากาศ และทะลุอากาศ วิธีการมากมายผสานรวมกัน กลับแข็งแกร่งเป็นที่สุดในด้านการรักษาชีวิต
“อยากจะฆ่าข้าหรือ ฝันไปเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงมีประกายหนาวเหน็บสายหนึ่งกะพริบวาบในดวงตา อาศัยอาภรณ์ราชันย์มาร สำแดงโลกเทียมออกมาในทันที
โลกลวงตรงเข้ามาห่อหุ้มจอมเคารพสะบั้นฟ้าและบรรพชนเหินประจิมในทันที
สีหน้าของจอมเคารพสะบั้นฟ้าและบรรพชนเหินประจิมต่างก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาประสานสายตากันคราหนึ่ง
“จ้าวหิมะเหินตัวดี” บรรพชนเหินประจิมส่งเสียงเฮอะเยียบเย็น “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
พรึ่บ พรึ่บ
พวกเขาสองคนต่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นเหตุการณ์แล้วมุมปากก็ยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหลบหนีไปในทันที
……
บรรพชนเหินประจิมและจอมเคารพสะบั้นฟ้าเคลื่อนที่ในพริบตามาถึงยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
“อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาล พลังยุทธ์แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ก็แล้วไปเถิด คิดไม่ถึงว่าดูเหมือนวิชาฝึกกายก็จะแข็งแกร่งเป็นที่สุดด้วยเช่นกัน ข้าอาศัยค่ายกล…ก็ยังถึงกับทำร้ายเขามิได้เลย” จอมเคารพสะบั้นฟ้าถ่ายเสียงพูดพลางมองดูหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่สำแดงการเคลื่อนย้ายจากไปอย่างรวดเร็วอยู่ห่างๆ เขามิได้อาศัยค่ายกลก็สามารถสำแดงพลังรบเทพจักรวาลขั้นที่สามได้ มีค่ายกลคุ้มครอง พลังคุกคามก็น่าหวาดหวั่นเสียแล้ว สามารถคุกคามไปถึงยอดฝีมือที่มีพลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองเหล่านี้ได้เลยทีเดียว
แต่ว่า
อิงซานเสวี่ยอิงที่เพิ่งจะบรรลุได้ไม่นานสักเท่าใดอยู่ชัดๆ ต้านรับซึ่งๆ หน้า แต่กลับมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“พวกเราสังหารเขามิได้จริงๆ นอกจากจะใช้ทรงกลมกาลมิติคุมขังเขาเอาไว้” บรรพชนเหินประจิมพูด “แต่ว่าท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาของเขาสามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้ ก็สามารถฝืนเข้าไปในทรงกลมกาลมิติช่วยเหลือลูกศิษย์ของเขาได้แน่นอน เจ้าเด็กผู้นี้ยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาทางด้านวิญญาณด้วย ทำให้พวกข้าได้รับผลกระทบจากเขตลวงโลกเทียมอยู่ตลอดเวลา พลังยุทธ์ก็ไม่มีทางสำแดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์”
“อืม” จอมเคารพสะบั้นฟ้าก็เห็นด้วย
ความรู้สึกที่ถูกเขตลวงโลกเทียมบุกรุกตลอดเวลานั้นยากจะรับไหวจริงๆ จอมเคารพสะบั้นฟ้าก็ยังต้องแบ่งพลังจิตเป็นสามส่วนต้านทานเอาไว้ตลอดเวลา! ทำให้เขาควบคุมสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าก็กินแรงเป็นอย่างมากแล้ว
“จักรพรรดิซวงกู่แห่งรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งก็แล้วไปเถิด เขาฝึกกายไปถึงชั้นที่สองขั้นสุดยอด มิอาจสังหารได้ในระยะเวลาอันสั้น เวลาเนิ่นนานออกไป ผู้เฒ่าสามคนของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งก็สามารถลงมือได้ แต่ ‘เจ้าเมืองอินทรี’ ถ้าหากพวกเรารวดเร็วพอก็ยังมีหวังที่จะสังหารได้ในระยะเวลาอันสั้น” จอมเคารพสะบั้นฟ้าและบรรพชนเหินประจิมปรึกษากัน
******
ช่วยไม่ได้
มาถึงระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเบื้องหลังมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่ อยากจะสังหารเดิมทีก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว! สามารถฆ่าตายได้คนหนึ่ง สำหรับรัฐเหินประจิมแล้วก็นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่!
ต่อให้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีร่างคละถิ่น จึงกล้ามาพัวพัน แต่เขาก็ไม่กล้าบุกมาถึงสถานที่รวมตัวของเหล่ามารเพื่อมาทำการล่าสังหาร
“พรึ่บๆๆ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังเคลื่อนย้ายเขตพลังอย่างไม่หยุดหย่อน
จะหนีออกมาจากอาณาเขตค่ายกลโดยเร็วที่สุด ภายในค่ายกล เขาก็ถูกกดดันให้ปรากฏตัว ขอเพียงแค่หลบหนีออกไป เขาก็สามารถอาศัยการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดซ่อนเร้นร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถสังหารเขาได้!
แต่เรื่องหนึ่งที่ผู้ที่ความสามารถในการรักษาชีวิตแข็งแกร่งเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงนี้กลัวที่สุดก็คือการถูกผนึกกักขังเอาไว้! พอถึงเวลาก็ได้แต่ขอร้องให้ท่านอาจารย์ช่วยเหลือแล้ว
“หืม”
ในขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังหลบหนี ก็สังเกตความเคลื่อนไหวของการต่อสู้ตรงที่ไกลๆ ไปพร้อมกันด้วย
จักรพรรดิซวงกู่ก็กำลังหนี
ทว่า ‘เจ้าเมืองอินทรี’ กลับเผชิญกับอันตรายเสียแล้ว
“ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองอินทรีจะมีวิธีการอันร้ายกาจ แต่การรักษาชีวิตกลับยังอ่อนแออยู่สักหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองออกว่าเจ้าเมืองอินทรีผู้นั้นตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
เจ้าเมืองอินทรี เป็นคนของสำนัก ‘จักรพรรดิเทพผลาญโลกา’ หนึ่งในบรรดาห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกา
“ฟึ่บ”
ทันใดนั้นฟ้าดินก็สงบเงียบลง
แขนอันเจิดจรัสขนาดใหญ่ข้างหนึ่งคล้ายกับปรากฏขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่งของฟ้าดินแล้วยื่นตรงเข้ามา มาถึงตรงเจ้าเมืองอินทรีนี้แล้ว ฝ่ามือขนาดใหญ่ควานเบาๆ แล้วจับตัวเจ้าเมืองอินทรีเอาไว้ ‘เจ้าเมืองอินทรี’ชายชราอาภรณ์สีเทาก็ผ่อมลมหายใจ
“เจ้าเมืองอนันต์” บรรพชนเหินประจิมสะดุ้งคราหนึ่งแล้วก็พาตัวจอมเคารพสะบั้นฟ้าเคลื่อนที่ในพริบตาร่นถอยมากว่าแสนล้านลี้
“เป็นเจ้าเมืองอนันต์” จอมเคารพสะบั้นฟ้ามองดูแขนอันเจิดจรัสขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่กลางท้องฟ้า
“เจ้าเมืองอินทรีเป็นลูกน้องของจักรพรรดิเทพผลาญโลกา เจ้าเมืองอนันต์ถึงกับลงมือช่วยคนเชียวหรือ”
รัฐโบราณสหโลกามีห้าบรรพชน
‘จักรพรรดิเทพผลาญโลกา’ ผู้อหังการขวางโลก อ๋องสัตว์โลกาผู้ดุร้ายล้นฟ้า และ ‘ผู้พเนจร’…
แต่ในบรรดาห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกา ผู้ที่ทำให้ผู้แกร่งกล้าจากโลกภายนอกหวาดกลัวเป็นที่สุดกลับเป็นเจ้าเมืองอนันต์ผู้ที่คิดค้นวิชาสิบม้วนทิพย์ผู้นั้น! เจ้าเมืองอนันต์นั้นสงบเป็นที่สุด เขาก็นับได้ว่าเอาใจใส่สิ่งมีชีวิตระดับล่างมากที่สุด แต่เจ้าเมืองอนันต์ที่อยู่อย่างสงบและมีนิสัยดีที่สุดนั้นกลับมีวิธีการที่แปลกประหลาดยากคาดเดาที่สุด พูดถึงพลังคุกคาม เขาก็จัดเป็นอันดับหนึ่งในห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกา
………………………………..