Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 30 อาจารย์ของประมุขรัฐเมฆทักษิณา
“ข้าทำสำเร็จแล้วหรือนี่ จริงๆ เลย… จริงๆ เลย ช่างเป็นความยินดีที่อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นยินดีในใจ หลบหนีด้วยอัตราเร็วของการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ควบคุมห้วงอากาศบิดหมุน ห่างออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน รอหลังจากที่หลุดออกจากอาณาบริเวณห้วงอากาศบิดหมุนแล้ว เคลื่อนที่ในพริบตาครั้งหนึ่งก็ออกไปจากอาณาเขตของรัฐเหินประจิมแล้ว
จับเป็นจ้าวมารเพลิงพิโรธได้แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็คร้านที่จะรั้งอยู่ที่รัฐเหินประจิมอีก
“กลับไป”
สำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา
ตงป๋อเสวี่ยอิงเหยียบย่างเข้าสู่กระแสวนของห้วงอากาศอันบิดเบี้ยว รอจนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก้าวข้ามผ่านไปกว่าครึ่งของดินแดนจิตโลกา มาถึงยังเมืองหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาแล้ว
“กลับมาแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมายังจวนจ้าวในเมืองหิมะเหิน เดินเตร็ดเตร่อยู่ภายในจวนจ้าวแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
จวนจ้าวเพิ่งจะก่อสร้างเสร็จ ทั้งเมืองหิมะเหินก็แผ่ขยายออกไปอย่างใหญ่โต ปราการเมืองที่มีอยู่เดิมเป็นเมืองชั้นใน สร้างเมืองชั้นนอกขยายออกไปใหญ่โตกว่าสิบเท่า
“จ้าวท่าน”
“จ้าวท่าน”
กฎเกณฑ์ภายในจวนจ้าวก็เคร่งครัดยิ่ง เหล่าสาวใช้แต่ละคนต่างก็เอ่ยด้วยความเคารพนบนอบ
“ยากนักที่ลูกชายข้าจะออกมา” อิงซานเลี่ยฮู่รู้ว่าบุตรชายปรากฏตัวแม้จะออกมา สถานะที่จวนจ้าวของเขาในตอนนี้ก็สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสัจจาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทั้งตระกูลอิงซานก็เห็นเมืองหิมะเหินแห่งนี้เป็นผู้นำแล้ว!
“ท่านพ่อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ฮ่าฮ่า อย่าเอาแต่ปลีกวิเวกบำเพ็ญตลอดเวลาเลย ข้าได้ยินว่าบรรดาบุคคลผู้ไร้เทียมทานบนดินแดนจิตโลกาเหล่านั้นต่างก็เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วทิศกันอยู่เป็นประจำ” อิงซานเลี่ยฮู่เอ่ยโน้มน้าวอย่างระมัดระวัง เขาย่อมไม่รู้เรื่องการเปิดวังเทพจิตโลกาอยู่แล้ว “ใช่แล้ว ข้าเพิ่งรวบรวมสุราชั้นดีมาได้จำนวนหนึ่ง เสวี่ยอิง เจ้าก็มาลองชิมดูหน่อยดีไหมเล่า”
อิงซานเลี่ยฮู่ระมัดระวังอย่างยิ่ง
เขากับบุตรชายผู้นี้มิได้มีความสัมพันธ์อันสนิทสนมรักใคร่ต่อกันสักเท่าใดนัก ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับหรงซิงหลันมาก่อนเลย แต่ความจริงแล้วบุตรชายช่างล้ำเลิศจับตาเหลือเกิน! อิงซานเลี่ยฮู่ก็ย่อมต้องพยายามสนิทสนมด้วย แต่ช่วยไม่ได้ พลังยุทธ์ของบุตรชายแกร่งกล้าเหลือเกิน ตอนนั้นปลีกวิเวกออกมาได้ไม่นานเท่าใดก็จัดการกับภัยคุกคามของทั้งเมืองอัคคีโชติได้ด้วยกำลังของตนเพียงคนเดียว พลังยุทธ์ในปัจจุบันนี้ก็ยิ่งลึกล้ำจนมิอาจคาดเดาได้ ว่ากันว่า ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ หนึ่งในหกรัฐโบราณก็ยังยอมรับให้เป็นเค่อชิงระดับบน!
“ได้สิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าพูดยิ้มๆ “ลองชิมดูสักหน่อยว่าที่แท้แล้วเป็นสุราชั้นเลิศสักเพียงใดกัน”
“โอ้…” อิงซานเลี่ยฮู่ก็เพียงแค่ชักชวนอย่างง่ายๆ เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าบุตรชายจะรับปากเข้าจริงๆ เขาจึงเอ่ยอย่างยินดีว่า “ไปๆๆ ไปไหนดี หรือว่าไปที่สวนที่เพิ่งสร้างใหม่ของข้าแห่งนั้นดีไหมเล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ตอนนี้เขาอารมณ์ดีอย่างที่สุด
……
ในขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดีอย่างที่สุด แล้วกำลังดื่มสุรายามราตรีกับอิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดาอย่างหาได้ยากยิ่งอยู่นั้นเอง
ข่าวที่เขาจับเป็น ‘จ้าวมารเพลิงพิโรธ’ แห่งรัฐเหินประจิมกลับแพร่สะพัดออกมาอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่รัฐโบราณคิมหันตวายุและขุมอำนาจใต้อาณัติจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ต่างก็ล่วงรู้เรื่องนี้กันอย่างรวดเร็ว
ที่นครหลวงคิมหันตวายุ ภายในเรือนไม้ที่ค่อนข้างเงียบสงบแห่งหนึ่ง
บุรุษในอาภรณ์ตัวกว้างนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่ง บนศีรษะแขวนลูกปัดที่เปล่งประกายสว่างไสว บนลูกปัดมีลวดลายลับสีทองโคจรไม่หยุดหย่อน คล้ายกับแฝงความเร้นลับต่างๆ นานาของโลกกำเนิดที่โคจรอยู่เอาไว้ เขาก็คือ ‘มหาเคารพฝูอี่’ ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วดินแดนจิตโลกา ชื่อเสียงของเขาพิสูจน์ได้ด้วยมหาสงครามอันน่าหวาดหวั่นครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้ว่าทั้งสกุลเซี่ยจะมีมหาเคารพอยู่เก้าคน แต่สถานะของมหาเคารพฝูอี่กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสกุลเซี่ยที่ต่อสู้กับภายนอกก็คือมหาเคารพฝูอี่!
เช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณาและบรรพชนเหินประจิมเป็นต้น ถึงแม้ว่าจะเป็นทรราชย์ผู้ล้ำเลิศ แต่ที่สำคัญก็คือมีความร้ายกาจในการรักษาชีวิตมากพอดูเลยทีเดียว
ส่วนมหาเคารพฝูอี่นั้นไม่เพียงแต่มีความร้ายกาจในการรักษาชีวิตเท่านั้น แต่พลังรบซึ่งหน้าก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว
มหาเคารพฝูอี่นั้นเพราะในอดีตลูกศิษย์เคยประสบเคราะห์หนัก ถึงขนาดที่สังหารรัฐโบราณเสียดฟ้าได้ด้วยตัวคนเดียว ร่างแยกเก้าร่างปรากฏตัวออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ รัฐโบราณเสียดฟ้าที่เป็นรัฐโบราณแห่งหนึ่ง มีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ แต่กลับไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้ สังหารเสียจนรัฐโบราณเสียดฟ้าย่อยยับไม่เป็นท่า แม้กระทั่งในท้ายที่สุด ‘ประมุขรัฐเสียดฟ้า’ บุคคลผู้ไร้เทียมทานแห่งรัฐโบราณเสียดฟ้าผู้นั้นลงมือด้วยตนเองก็ทำได้เพียงแค่ครองความได้เปรียบเท่านั้นเอง
ชื่อเสียงของเขานั้นโด่งดังในด้านการสังหารโดยไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย!
‘จักรพรรดิเซี่ย’ ก็ให้ความสำคัญกับแม่ทัพใหญ่ที่มีพลังรบแข็งแกร่งเป็นที่สุดที่อยู่ใต้บังคับบัญชาผู้นี้เป็นอย่างมาก ถึงกับมอบสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าสามชิ้นให้กับมหาเคารพฝูอี่ ก็มิได้รู้สึกว่ามากเลยสักนิด ถึงอย่างไรมหาเคารพฝูอี่ก็เป็นผู้ไม่ธรรมดาที่ ‘วิถีอากาศ’ และ ‘วิถีรัศมี’ ล้วนไปถึงระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองขั้นสุดยอด วิถีสองสายผสานรวมกันขึ้นมา ร่างแยกทุกร่างต่างก็อหังการเหนือธรรมดา จักรพรรดิเซี่ยก็มอบสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าสามชิ้นให้ มหาเคารพฝูอี่ห้ำหั่นอยู่ข้างนอก ว่ากันว่าเขาก็เคยได้รับอะไรมากมายที่ ‘วังเทพจิตโลกา’ ดังนั้นเก้าร่างแยกร่วมมือกัน เกรงว่าเทพจักรวาลขั้นที่สามขั้นสุดยอดธรรมดาทั่วไปล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ทั้งสิ้น ประมุขรัฐเสียดฟ้าก็ทำได้เพียงแค่ครองความได้เปรียบเท่านั้นเอง
ดังนั้นเขาเข้าร่วมการต่อสู้ชิงตำแหน่ง จึงสามารถทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงและประมุขรัฐเมฆทักษิณาตกตะลึงได้
“มหาเคารพ” ด้านนอกเรือนไม้มีหนุ่มน้อยเอ่ยปากอย่างเคารพว่า “ในตระกูลส่งข่าวมาบอกว่าจ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาผู้นั้นจับเป็นจ้าวมารเพลิงพิโรธแห่งรัฐเหินประจิมเอาไว้ได้แล้ว”
“หา จับเป็นหรือ” ดวงตาเรียวของมหาเคารพฝูอี่เบิกกว้าง
“ขอรับ บอกว่าจ้าวมารเพลิงพิโรธเผชิญกับการลอบโจมตีของเจ้าลัทธิเก้าพิษก่อน ต่อสู้กันยกหนึ่งแล้วจ้าวมารเพลิงพิโรธก็บาดเจ็บสาหัสหลบหนีไป ยามที่หลบหนี จ้าวหิมะเหินอาศัยการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดมาถึงบริเวณใกล้ๆ แล้วสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพ! ถึงกับคาดการณ์ว่าจ้าวหิมะเหินน่าจะยังสำแดงเคล็ดเขตลวงโลกเทียมอีกด้วย” ชายหนุ่มพูด “จ้าวมารเพลิงพิโรธบาดเจ็บสาหัส แต่กลับไม่สามารถทลายเปิดห้วงมิติผนึกห้าภาพได้ ถูกเก็บเข้าไปภายในลูกแก้วห้าภาพ”
“น่าสนใจทีเดียว” มหาเคารพฝูอี่พยักหน้าน้อยๆ “ดูท่าทางการต่อสู้ชิงตำแหน่งในคราวนี้จะยิ่งน่าสนุกเสียแล้วสิ”
เขามิได้เป็นกังวลในเรื่องตำแหน่งเลยแม้แต่น้อย
พูดถึงจำนวนสมบัติล้ำค่าที่มี
เขาก็สามารถเทียบได้กับบุคคลผู้ไร้เทียมทานจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว แค่หยิบเอาสมบัติล้ำค่าสักชิ้นหนึ่งออกมาก็สามารถทำ ‘ภารกิจสมบัติวิเศษ’ หนึ่งในภารกิจล่าค่าหัวได้สำเร็จ เพื่อรับความดีความชอบจากภารกิจมูลค่ามหาศาลแล้ว! อย่างเช่นพวกจอมเคารพมารอัคคีและเจ้าลัทธิเก้าพิษแต่ละคนนั้นถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เมื่อเทียบกับมหาเคารพฝูอี่แล้วก็น่าอนาถเกินไปจริงๆ ไม่มีทางเทียบกันได้เลย!
……
“อะไรนะ เจ้าเด็กรัฐเมฆทักษิณานั่นจับเป็นจ้าวมารเพลิงพิโรธได้แล้วอย่างนั้นหรือ เขาโชคดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เงาร่างใหญ่มหึมาของ ‘จอมเคารพมารอัคคี’ ที่อยู่ในทะเลสาบมารทมิฬกำลังนั่งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ความใหญ่โตของร่างนั้นยังใหญ่กว่ายอดเขาเล็กๆ แห่งนี้มากมายนัก สำหรับเขาแล้วก็อาละวาดแผลงฤทธิ์ไปได้ทั่วทั้งทะเลสาบมารทมิฬ! ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้เขาหวั่นกลัวได้เลย
“จ้าวมารเพลิงพิโรธมีค่าหัวหนึ่งหมื่นสองพันมหาคุณูปการ เจ้าเฒ่าฝูอี่ผู้นั้นจะต้องได้ครองตำแหน่งในครั้งนี้เก้าอี้หนึ่งอย่างแน่นอน! เกรงว่าบรรดาเทพจักรวาลของสามตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้โดยง่าย คิดไม่ถึงว่าจะมีเจ้าเด็กรัฐเมฆทักษิณาโผล่ออกมาคนหนึ่ง” จอมเคารพมารอัคคีมีแววร้ายกาจปรากฏขึ้นในดวงตา
เข้าร่วมการต่อสู้
ก็มิได้หมายถึงว่า ‘มุ่งมั่นจะเอาชนะ’! อย่างเช่นเจ้าลัทธิเก้าพิษก็เพียงแค่อยากไปเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเข้าร่วมการต่อสู้ หากสามารถชิงตำแหน่งมาได้ก็ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากชิงตำแหน่งมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร รอคราวต่อไปก็ได้
แต่คราวนี้จอมเคารพมารอัคคีก็มุ่งมั่นจะเอาชนะจริงๆ ดังนั้นเขาก็จำเป็นต้องแน่ใจว่าจะต้องจัดอยู่ในสี่อันดับแรก แม้กระทั่งด้วยความหยิ่งยโสของเขาก็รู้สึกว่าอย่างน้อยต้องได้ที่สอง! เขาอนุญาตให้เพียงแค่มหาเคารพฝูอี่เท่านั้นที่จัดอยู่ในอันดับก่อนหน้าเขาได้
“เขาก็ได้รับไปหนึ่งหมื่นสองพันมหาคุณูปการแล้ว ส่วนข้าได้รับอยู่ที่สามหมื่นมหาคุณูปการ จึงจะมีความมั่นใจ” จอมเคารพมารอัคคีขมวดคิ้วมุ่น
ภารกิจความดีความชอบช่างยากเย็นเหลือเกิน
……
“อิงซานเสวี่ยอิงแห่งรัฐเมฆทักษิณาหรือ”
บุรุษผมยุ่งเหยิงที่กำลังปลีกวิเวกฝึกฝนอย่างเงียบๆ บนหน้าตักมีกระบี่เทพวางอยู่เล่มหนึ่ง เมื่อได้รับข่าวคราวแล้วก็อดที่จะยกมุมปากยิ้มน้อยๆ มิได้ “ร้ายกาจน่าดูเลยทีเดียว”
******
ข่าวคราวกำลังแพร่สะพัด ทำให้เหล่าเทพจักรวาลที่มาเข้าร่วมการต่อสู้จำนวนหนึ่งรู้สึกได้ถึงความกดดัน ทั้งยังทำให้เหล่าผู้แกร่งกล้ามากมายทั่วทั้งดินแดนจิตโลกามีความเข้าใจเกี่ยวกับจ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาอย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น! สามารถชิงเหยื่อจากปากเสือต่อหน้าเจ้าลัทธิเก้าพิษแห่ง ‘รัฐเหินประจิม’ แล้วจับเป็นจ้าวมารเพลิงพิโรธได้ พลังยุทธ์ของ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นี้ช่างน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง
ภายในพระราชวังแห่งนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
“เมฆทักษิณา ลูกศิษย์ผู้นี้ของเจ้าร้ายกาจน่าดูเลยจริงๆ นะ จับเป็นยอดฝีมือระดับเทพจักรวาลขั้นที่สองได้ด้วย” ชายหนุ่มหล่อเหลางดงามผู้สวมอาภรณ์ทองหรูหรา และสวมมงกุฎไว้บนศีรษะคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน กลิ่นอายแห่งความตายและการล้างผลาญปลดปล่อยออกมาจากบนร่างเขา ถึงแม้ว่าจะเบาบางอย่างยิ่ง แต่ก็ยังทำให้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่นั่งรับใช้อยู่ข้างๆ รู้สึกได้ถึงพลังกดดันอันไร้รูปร่าง
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ยว่า “ลูกศิษย์ผู้นี้ของข้าก็เพียงแค่กลับชาติมาเกิดเป็นเหตุ พลังยุทธ์ก็ยังห่างชั้นกับข้าอยู่ช่วงใหญ่ๆ ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลยขอรับ”
เขาก็มิได้คิดว่า ‘ท่านอาจารย์’ ของเขาผู้นี้จะให้ความสนใจกับอิงซานเสวี่ยอิงด้วย
กับท่านอาจารย์ท่านนี้ เขามิได้มีความรู้สึกอันใดด้วยเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ความหวาดกลัวเท่านั้น!
“เจ้ากลัวข้ามากเลยหรือ” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ทองหรูหรา เส้นผมยาวสีดำทั้งศีรษะแผ่สยาย เขาอมยิ้มน้อยๆ มองดูประมุขรัฐเมฆทักษิณา
“ตอนนั้นที่ท่านอาจารย์คุกคามดินแดนจิตโลกา ข้าเพิ่งสำเร็จเป็นเทพจักรวาล ก็ย่อมต้องหวั่นกลัวอยู่แล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด
“ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เจ้ากับข้าพบหน้ากัน อีกหน่อยพอพบหน้ากันไปนานๆ แล้วเจ้าก็จะรู้จักนิสัยของข้าเองนั่นแหละ ข้าไปจากดินแดนจิตโลกาเนิ่นนานเกินไป ลูกน้องของข้าเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่คนแล้ว เจ้านับว่าเป็นผู้ที่มีประโยชน์ที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้แล้ว” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ทองหรูหราถอนหายใจเสียงเบา “กาลเวลาไม่ปรานีใครเลยจริงๆ สหายเก่าแก่ตั้งหลายคนก็ไม่อยู่แล้ว ใช่แล้ว ข้าต้องการให้เจ้าเตรียม ‘ผลคลายตะวัน’ ให้ข้าสักหลายสิบผล ข้าเตรียมตัวจะไปที่หุบเขาเขี้ยวหัก”
“ขอรับ ท่านอาจารย์ จะเตรียมให้เสร็จเรียบร้อยภายในสามวันขอรับ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด
“ไม่ต้องรีบร้อนๆ ตอนนี้ข้ามีเวลาเหลือเฟือเลยทีเดียว” ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาในอาภรณ์ทองหรูหราพูด “ใช่แล้ว จำเอาไว้ว่าเรื่องที่ข้ากลับมาจะต้องเป็นความลับ ตอนนี้ผู้ที่รู้ว่าข้ากลับมาก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นเอง”
“ขอรับ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณารับคำ
…………………………………..