Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 47 คุ้นเคย
บรรยากาศภายในสวนกลับมีความแปลกประหลาดอยู่บ้าง
ตงป๋อเสวี่ยอิงกับมหาเคารพผู่ซู่และจอมเคารพกระบี่ปีศาจต่างก็ยังดีอยู่ ยังคงนั่งขัดสมาธิลงอย่างเงียบเชียบรอคอยด่านกัลป์ที่เก้าที่สำคัญยิ่งกว่าอยู่ที่ด้านหนึ่ง ส่วนพรานผู้ล่าและจวินอ๋องดำที่อีกด้านหนึ่งต่างก็มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วก็มองจ้าวกู่เซียวผู้สวมอาภรณ์แดงตลอดร่างอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“เฮอะ” บนใบหน้าผอมแห้งของจ้าวกู่เซียวมีสีหน้าอึมครึม เขาสูญเสียแขนซ้ายไป ตอนนี้กระดูกที่ตัดทิ้งไปกำลังอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโต
ด่านกัลป์ที่แปดเมื่อครู่ จ้าวกู่เซียวเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ
ช่วยไม่ได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นยอดฝีมือระดับจอมเคารพ แต่ก็เพียงแค่อาศัยสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าทำให้ด้านใดด้านหนึ่งไปถึงระดับเทพจักรวาลขั้นสุดยอด แต่ด้านส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นเพียงแค่ระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองเท่านั้น เช่น ‘จ้าวกู่เซียว’ ที่อยู่ภายใต้การล้อมจับของเรือรบจำนวนมากมายเมื่อครู่ ร่างกายก็เผชิญกับการโจมตีอย่างหนักหน่วง
“เจ้าเด็กรัฐเมฆทักษิณา ตอนนี้ผู่ซู่และกระบี่ปีศาจสามารถปกป้องเจ้าได้ แต่ยิ่งไปในภายหน้า ด่านกัลป์ก็ยิ่งยาก พอถึงเวลานั้นพวกเขาก็อาจจะปกป้องเจ้ามิได้แล้ว” จ้าวกู่เซียวยิ้มเย็น
“ขอบคุณจ้าวท่านที่เป็นห่วง แต่น่าเสียดายที่จ้าวกู่เซียวอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นฉากที่ข้าถูกโจมตีเสียแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดตอบโต้ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ในเมื่อจ้าวกู่เซียวผู้นี้ประชดประชันตนเช่นนี้ ตนก็ไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้าอีกฝ่ายแล้ว
จ้าวกู่เซียวสีหน้าแปรเปลี่ยน
“ฮ่าฮ่า จ้าวหิมะเหินพูดมีเหตุผล กู่เซียว เกรงว่าเจ้าคงจะมิได้เห็นฉากนั้นแล้วล่ะ” จวินอ๋องดำก็เอ่ยขึ้น “ในบรรดาพวกเรา เจ้ามีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะถูกขับไล่ออกไปเป็นคนแรก”
พรานผู้ล่าเหลือบมองปราดหนึ่ง คร้านที่จะพูดอะไรมากมาย
มหาเคารพผู่ซู่และจอมเคารพกระบี่ปีศาจก็เพียงแค่มองกู่เซียวปราดหนึ่งแล้วก็หลับตาบำเพ็ญอย่างเงียบๆ ต่อไป
“อย่างนั้นหรือ คอยดูเอาเถิด” จ้าวกู่เซียวยิ่งทวีความโกรธเคือง ตัวเขาเองก็เข้าใจกระจ่างดีว่าเขาคือผู้ที่ความสามารถในการรักษาชีวิตอ่อนแอที่สุดในที่นี้ ส่วนอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นถึงแม้ว่าจะอ่อนแอ แต่ก็มีผู่ซู่และกระบี่ปีศาจสองคนคอยช่วยเหลืออยู่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นคนแรกที่ถูกขับไล่ออกไปจริงๆ ก็ได้
นี่ทำให้กู่เซียวรู้สึกขายหน้า
เพราะว่า…
ที่ดินแดนจิตโลกาอันไพศาล เทพจักรวาลก็ย่อมมีการแบ่งระดับชั้นอยู่แล้ว
ระดับชั้นสูงสุด แน่นอนว่าต้องเป็นบรรดาบุคคลผู้ไร้เทียมทาน! พวกเขาสูงส่งเหนือผู้ใด พลังยุทธ์กล้าแกร่งเทพจักรวาลที่สามารถรักษาชีวิตรอดต่อหน้าพวกเขาได้นั้นมีน้อยนิดยิ่งนัก แน่นอนว่าในประวัติศาสตร์ พวกเขาก็มีการตกอับไปบ้าง! บ้างเป็นเพราะไปตกต่ำที่หุบเขาเขี้ยวหัก บ้างก็เป็นเพราะเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานห้ำหั่นซึ่งกันและกันจนนำไปสู่การตกอับ
ระดับชั้นถัดมาก็คือเทพจักรวาลขั้นสุดยอดที่ไม่มีสมบัติลับล้ำค่า และมหาเคารพฝูอี่ ประมุขรัฐเมฆทักษิณากับคนจำนวนน้อยนิด กับผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพที่สามารถรักษาชีวิตรอดจากบุคคลผู้ไร้เทียมทานได้
ถัดมาอีกก็คือระดับจอมเคารพโดยทั่วไปแล้ว! มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าชิ้นหนึ่งแต่สามารถมีเคล็ดวิชาที่มี ‘พลังคุกคามระดับเทพจักรวาลขั้นสุดยอด’ สองสามเคล็ด แต่การรักษาชีวิตรอด การหลบหนึ เขตพลัง และทางด้านอื่นๆ อีกมากมายยังเป็นเพียงแค่ระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองเท่านั้น นี่ทำให้ข้อบกพร่องของพวกเขาชัดเจน บุคคลผู้ไร้เทียมทานสามารถสังหารหมู่พวกเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบพวกเขากับประมุขรัฐเมฆทักษิณาและระดับจอมเคารพบางคน มีบ้างที่พลังรบมิได้อ่อนแอกว่า หรือแม้กระทั่งบางคนแกร่งกว่าอยู่ขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่อ่อนแอก็มีเพียงแค่ความสามารถในการรักษาชีวิตรอดเท่านั้นเอง!
พวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะเชิดใส่ระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองที่ไม่มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าเหล่านั้นได้
“ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะโชคดีไปได้นานสักเท่าไหร่กันเชียว” จ้าวกู่เซียวมองตงป๋อเสวี่ยอิงปราดหนึ่งแล้วนั่งขัดสมาธิลงในทันใด เขาไม่เชื่อว่ามหาเคารพผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาจะเอาชนะเค่อชิงของรัฐโบราณคิมหันตวายุที่โชคดีคนหนึ่งมิได้
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมิได้สนใจอยู่แล้ว เขาหยั่งรู้เจ็ดกระบวนคละถิ่นต่อไป
อยากจะทำให้ทักษะเคลื่อนที่โคจรพลังคละวิถีจำนวนหนึ่งของคละถิ่นกระบวนที่หนึ่งหลอมรวมเข้ากับเคล็ดการโจมตีดั้งเดิม ทำให้เคล็ดการโจมตีดั้งเดิมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น! นี่มิใช่สิ่งที่จะพูดได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น ยังต้องดูว่าเคล็ดวิชานั้นเหมาะสมกันหรือไม่ อย่างเช่น ‘งดงามดุจภาพวาด’ ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นพบว่าการปรับปรุงนั้นทำได้ยากมาก แต่พบว่าเคล็ดวิชายุทธวิธีเมฆาแดงนั้นปรับปรุงได้ง่ายกว่า
เพราะคละถิ่นกระบวนที่หนึ่ง ‘ปุยเมฆสะท้าน’ กับตัวยุทธวิธีเมฆาแดงแต่เดิมนั้นก็มีส่วนที่คล้ายกันมากมายอยู่แล้ว
……
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปพันปีแล้ว
ด่านกัลป์ที่เก้าเคลื่อนเข้ามา
ภายใต้ความช่วยเหลือของมหาเคารพผู่ซู่และจอมเคารพกระบี่ปีศาจ คราวนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่สำแดงเขตลวงโลกเทียมช่วยเหลือเท่านั้นก็ผ่านด่านกัลป์นี้ไปได้อย่างสบายๆ แล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า จ้าวหิมะเหิน ด่านกัลป์นี้สบายกว่าด่านกัลป์ก่อนหน้าเสียอีกนะ” จวินอ๋องดำหัวเราะเสียงดัง
“หึ ด่านสิบแปดกัลป์ เก้าด่านแรกกับเก้าด่านสุดท้ายก็มีความแตกต่างกันในเชิงคุณภาพ ด้านหลังเขาก็มิได้สบายเช่นนี้อีกแล้วล่ะ” จ้าวกู่เซียวเอ่ยเสียงเย็น
ตงป๋อเสวี่ยอิงเหลือบตามองสองคนนี้คราหนึ่งแล้วก็คร้านที่จะใส่ใจ
ตอนนี้เขาจำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากมหาเคารพผู่ซู่และจอมเคารพกระบี่ปีศาจให้เดินไปได้ไกลขึ้นใน ‘ด่านสิบแปดกัลป์’ เช่นนี้ตนก็มีเวลาเพียงพอสำหรับทำให้เคล็ดวิชาของตนสมบูรณ์ ถึงอย่างไรเพียงแค่ ‘คละถิ่นกระบวนที่หนึ่ง’ กระบวนเดียวก็ไม่มีทางชดเชยความห่างชั้นระหว่างตนกับบรรดาจอมเคารพเหล่านี้ได้เลย! บรรดาจอมเคารพมีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า อีกทั้งยังศึกษามาเป็นเวลานานจนขุดค้นพบศักยภาพของสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าแล้ว…
ตนเองต้องการเวลาสำหรับปรับปรุงเคล็ดวิชาของตนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตนเองสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
“ใกล้แล้ว ยุทธวิธีเมฆาแดงอยู่ห่างจากการปรับปรุงให้สำเร็จอีกไม่ไกลแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรอคอย
“ปัง ปัง ปัง…”
บนพื้นดินที่ปูด้วยแผ่นหินภายในสวนมีเสาศิลาต้นเตี้ยหกต้นพุ่งขึ้นมาในทันใด บนเสาศิลาทุกต้นต่างก็มีกล่องศิลาอยู่ใบหนึ่ง
“สมบัติล้ำค่ามาแล้ว” บรรดามหาเคารพคนอื่นๆ ห้าคนในที่นั้นต่างก็เดินผ่านไปอย่างคุ้นเคยยิ่งนัก เดินตามการรับสัมผัสไปยังเบื้องหน้าเสาศิลา
เสาศิลาแต่ละต้นสอดคล้องกับผู้บำเพ็ญหนึ่งคน
มีเพียงตนเองเท่านั้นที่จะสามารถเปิดออกได้
“ด่านสิบแปดกัลป์ ทุกสามด่านกัลป์ก็จะมีโอกาสครั้งหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินผ่านไป มือลูบไล้อยู่บนกล่องศิลาแล้วเปิดฝากล่องออกเบาๆ เผยให้เห็นหินแร่ที่เปล่งประกายสีทองสองก้อนซึ่งวางอยู่ในกล่อง มองปราดเดียวตงป๋อเสวี่ยอิงก็แยกแยะออกได้แล้ว “ศิลาม่านตาทองเปลวฟ้าสองก้อนอย่างนั้นหรือ ดูจากน้ำหนักนี่แล้วก็คงจะมีมูลค่ากว่าหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาลเลยทีเดียว”
ก้อนหินสองก้อนนี้ต่างก็เหมาะสมกับการหลอมสมบัติลับล้ำค่า สูงค่าเป็นอย่างยิ่ง มูลค่าก็เทียบเคียงได้กับหอกเทพเมฆาแดงเล่มหนึ่งเลยทีเดียว
ในขณะที่หยิบศิลาม่านตาทองเปลวฟ้าทั้งสองก้อนเก็บขึ้นมานั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สัมผัสได้ถึงข้อมูลมากมายที่กล่องศิลาส่งมา ในนั้นมีคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับศิลาม่านตาทองเปลวเพลิงฟ้าอยู่ด้วย ทั้งยังมีคำอธิบายของ ‘ด่านสิบแปดกัลป์’ อีกทั้งยังบอกเกี่ยวกับที่ตั้งของสามด่านกัลป์ด้านล่างอีกด้วย
ทุกๆ สามด่านกัลป์ ก็จะต้องไปยังสถานที่แห่งใหม่
“หึหึ”
การรับสัมผัสของบรรดามหาเคารพคนอื่นๆ ในที่นั้นเฉียบคมเพียงใด ต่างก็ค้นพบว่าสมบัติล้ำค่าที่คนอื่นๆ ได้รับนั้นก็มีมูลค่าใกล้เคียงกัน
“หืม เขามิได้ลงมือลงแรงอะไรเลย แม้กระทั่งด่านกัลป์ที่เจ็ดก็ยังมิได้บุกเข้ามาเลยด้วยซ้ำ ผ่านเข้ามากลางทางก็ได้รับของกำนัลเหมือนกับพวกเราด้วยหรือ” จ้าวกู่เซียว พรานผู้ล่า และจวินอ๋องดำ รวมถึงมหาเคารพผู่ซู่และจอมเคารพกระบี่ปีศาจได้เห็นเหตุการณ์แล้วต่างก็คิดไตร่ตรอง
อ้างอิงจากประสบการณ์จำนวนหนึ่งที่สั่งสมมาในหกรัฐโบราณ
สิ่งที่แสดงตอนบุกผ่านด่านกัลป์ก็อาจส่งผลต่อรางวัลของสมบัติล้ำค่าได้! อย่างเช่นรับการคุ้มครองจากผู้อื่น ลงมือเพียงน้อยนิด โดยทั่วไปแล้วของกำนัลก็อาจจะย่ำแย่กว่าอยู๋พอสมควร อิงซานเสวี่ยอิงเข้ามากลางทาง ลงมือน้อยนิดอย่างที่สุด แต่ของรางวัลกลับเทียบเคียงได้กับพวกเขา เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย“ ในตำนานเล่าขานว่ามีเทพจักรวาลบางคนพรสวรรค์ร้ายกาจ การหยั่งรู้ชวนให้คนหวาดหวั่น ได้รับความรักจาก ‘วังเทพจิตโลกา’ ของกำนัลที่พวกเขาได้รับก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น!” พวกมหาเคารพผู่ซู่และพรานผู้ล่าต่างก็นึกขึ้นมาได้แล้ว
“ครืน…”
กำแพงสวนบิดเบี้ยวเคลื่อนที่ในทันที เดิมทีเป็นกำแพงสวนที่ปิดสนิท แต่ในตอนนี้กลับมีทางเดินใต้ดินอันมืดมิดเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมา
“ไป”
มหาเคารพผู่ซู่และจอมเคารพกระบี่ปีศาจออกเดินทางนำไปก่อน ตามด้วยตงป๋อเสวี่ยอิงและคนอื่นๆ อีกสามคนเดินไปพร้อมกันอยู่ด้านหลัง
เหยียบย่างเข้าสู่ทางเดินใต้ดิน
ตลอดทางในทางเดินอันมืดมิด หลังจากที่พวกเขาเข้าไปแล้วทางเดินด้านหลังก็บิดเบี้ยวปิดผนึก
มุ่งหน้าเข้าไปตลอดทาง
ระหว่างทางต่างก็มีทางเดินบิดเบี้ยวเปลี่ยนแปรไม่หยุดหย่อน
“หืม”
ภายในโถงตำหนักขนาดใหญ่อันกว้างขวางเป็นที่สุดแห่งหนึ่ง ทางเดินใต้ดินที่พวกตงป๋อเสวี่ยอิงเดินตรงมาสู่ห้องโถงใหญ่ของโถงตำหนักแห่งนี้ หลังจากที่พวกเขาหกคนเดินออกมาแล้วพื้นของโถงตำหนักก็เคลื่อนไหวในทันทีแล้วปากถ้ำก็ปิดสนิท
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งหกคนต่างก็นั่งขัดสมาธิลง ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาได้รับสมบัติล้ำค่ามาก็รู้ที่ตั้งของด่านกัลป์อีกสามครั้งต่อมาแล้ว ก็อยู่ภายในโถงตำหนักแห่งนี้ แต่ละคนต่างก็นั่งลงอย่างเงียบๆ รอจนพันปีให้หลังค่อยเริ่มต้นด่านกัลป์ที่สิบ
“จ้าวหิมะเหิน” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงมา
“จอมเคารพกระบี่ปีศาจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางเขา
“เก้าด่านกัลป์ข้างหลังไม่เหมือนกันกับเก้าด่านกัลป์ข้างหน้า ต่อไปก็จะยิ่งทวีความอันตราย เกรงว่าในภายหน้าความช่วยเหลือที่ข้ากับผู่ซู่มีต่อเจ้าอาจจะน้อยลงเรื่อยๆ แล้วล่ะ” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงพูด
“ข้าเข้าใจดี คราวนี้ก็ต้องขอบคุณมหาเคารพทั้งสองท่านเป็นอย่างมากแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ เขารู้สึกขอบคุณจอมเคารพกระบี่ปีศาจเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ภายในใจกลับรู้สึกอยู่เสมอว่า…มหาเคารพกระบี่ปีศาจดูเหมือนจะเมตตาเขาเกินไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่รางๆ ด้วย
จอมเคารพกระบี่ปีศาจพยักหน้าน้อยๆ แล้วหลับตาบำเพ็ญ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจดี
ต้องรู้ไว้ว่าด่านสิบแปดกัลป์ บรรดาจอมเคารพเหล่านี้ก็ไม่สามารถเดินมาถึงปลายทางได้ เดินมาถึงปลายทางนั้นก็สามารถได้รับสมบัติลับล้ำค่าที่สูงขึ้นได้! ก็คือบรรดาบุคคลผู้ไร้เทียมทาน นึกอยากจะได้รับสมบัติลับล้ำค่าระดับสูงอีกอย่างนั้นหรือ ยากยิ่งกว่ายากเสียอีก!
การบุกผ่านด่านสิบห้ากัลป์…นั้นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย! บุกผ่านแล้วของกำนัลที่แย่ที่สุดก็ยังเป็นสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า หากโชคดีก็อาจถึงขนาดที่ได้รับสิ่งที่ล้ำเลิศยิ่งขึ้นอีก อย่างเช่นสมบัติลับล้ำค่าประเภทรักษาชีวิตรอด ทำให้บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ยังฆ่าไม่ตายอย่างนั้นหรือ ด่านสิบห้ากัลป์นี้ยากเย็นเป็นอย่างยิ่งบรรดาเทพจักรวาลเหล่านี้ในที่นี้ เกรงว่าก็ยังมิอาจวาดฝันเลย
ในความเป็นจริงแล้วเป้าหมายส่วนใหญ่ของพวกเขาก็คือด่านสิบสองกัลป์!
บุกผ่านด่านสิบสองกัลป์ ของรางวัลโดยทั่วไปก็มีมูลค่าราวๆ แสนล้านแก้วผลึกจักรวาลโดยประมาณ ถ้าหากโชคดี สำแดงพลังยุทธ์ที่บุกผ่านด่านกัลป์ได้ล้ำเลิศพอ ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับของกำนัลเป็นสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าชิ้นหนึ่ง! ต่อให้ไม่ได้รับสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า วัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่มูลค่าแสนล้านแก้วผลึกจักรวาลก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาพึงพอใจแล้ว
ดังนั้น
ด่านสิบแปดกัลป์ ระดับความยากของเก้าด่านกัลป์ข้างหน้านั้นต่ำเตี้ยเป็นอย่างยิ่ง ของกำนัลก็ต่ำต้อยอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งไปถึงเก้าด่านกัลป์แล้ว ของกำนัลก็เพียงแค่หมื่นแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น แต่ของกำนัลด้านหลังก็ไม่เหมือนกันเสียแล้ว ด่านสิบสองกัลป์ ด่านสิบห้ากัลป์ ด่านสิบแปดกัลป์นั้นของกำนัลต่างก็ยกระดับขึ้นอย่างฉับพลัน
“สามด่านกัลป์ต่อมา ด่านที่สิบ ด่านที่สิบเอ็ด และด่านที่สิบสอง สามด่านกัลป์นี้คงจะน่าหวาดหวั่นขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปได้ว่าพวกจอมเคารพกระบี่ปีศาจและมหาเคารพผู่ซู่ก็ยังยากที่จะป้องกันตนเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการปกป้องข้าเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ดี
…………………………………………….