Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 48 ข้าจัดการเอง
ถึงแม้ว่ายุทธวิธีเมฆาแดงจะเป็นสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดว่าปรับปรุงได้ง่ายที่สุด ‘เขตพลังเมฆาแดง’ ในนั้นก็เพิ่งจะบำเพ็ญคละถิ่นกระบวนที่หนึ่งได้สำเร็จก็ปรับปรุงได้สำเร็จอย่างรวดเร็วแล้ว แต่เคล็ดวิชาทั้งหมดมีอยู่ทั้งสิ้นห้ากระบวน มีบางส่วนที่ปรับปรุงได้อย่างยากเย็นยิ่ง โดยเฉพาะ ‘เคล็ดการร่วมโจมตี’ ก็เป็นส่วนที่ยากที่สุดในห้ากระบวน แน่นอนว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพวก ‘งดงามดุจภาพวาด’ และ ‘ปุจฉวิถีคละถิ่น’ ก็ง่ายดายกว่ามากแล้ว
ตอนนี้อยู่ห่างจากการประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงอีกไม่ไกลแล้ว
……
กำหนดการของด่านกัลป์ที่สิบมาถึง
ถึงแม้ว่าด่านกัลป์นี้จะยากลำบากเป็นอย่างมาก แต่พลังยุทธ์ของจอมเคารพกระบี่ปีศาจก็น่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง ผสานรวมกับเขตพลังของมหาเคารพผู่ซู่ขึ้นมาแล้วก็เป็นการรวมที่สมบูรณ์แบบโดยแท้! ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะประสบกับการโจมตีหลายครั้ง แต่หอกยาวก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้ นับได้ว่าผ่านด่านกัลป์นี้ไปได้อย่างค่อนข้างผ่อนคลาย
พรานผู้ล่า จวินอ๋องดำ และจ้าวกู่เซียวต่างก็สูญเสียพละกำลังไปไม่น้อย อาการบาดเจ็บของจ้าวกู่เซียวก็ยิ่งสาหัสขึ้น
“สมควรตาย สมควรตาย”
จ้าวกู่เซียวเหลือเอาไว้เพียงแค่กระดูกที่ยังแขวนห้อยอยู่ ด้านล่างของกระดูกคือไอหมอกสีแดงเข้มที่ค่อยๆ สร้างท่อนกระดูกที่ราวกับหยกออกมา
นัยน์ตาสีแดงเข้มคู่นั้นของเขามองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างเยียบเย็นปราดหนึ่ง คราวนี้อาการบาดเจ็บของเขายิ่งสาหัสขึ้น เขาถึงกับมีนิมิตอย่างหนึ่งว่า… มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะต้านทานด่านกัลป์ที่สิบเอ็ดเอาไว้มิได้! ทว่าจ้าวหิมะเหินที่ไม่มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าผู้นี้กลับมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างสบายๆ
“เหลืออีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับนั่งขัดสมาธิอย่างเงียบๆ สงบใจหยั่งรู้ เขาคว้าเวลาทุกเสี้ยววินาทีเอาไว้
ในที่สุด
ก็มาอยู่ตรงหน้าด่านกัลป์ใหม่
“สำเร็จแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมห้องโถงลืมตา นัยน์ตามีความยินดีสายหนึ่งพาดผ่าน แม้กระทั่งร่างแยกที่อยู่ที่อากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิดไกลออกไปก็เริ่มต้นบำเพ็ญด้วยเช่นกัน
สังเคราะห์ทักษะความเร้นลับที่เคลื่อนพลังคละวิถีของคละถิ่นกระบวนที่หนึ่งจำนวนมาก ทำให้ยุทธวิธีเมฆาแดงกลับมาเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ!
ผู้แกร่งกล้าที่แท้จริงคนหนึ่งก็ต้องรู้จักสังเคราะห์ประสบการณ์ของคนก่อนหน้า เช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่หลังจากได้รับสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า ‘ดาบทวิภพ’ แล้วศึกษาอย่างละเอียดแล้ว ก็คิดค้นเคล็ดวิชาสำหรับตนเองออกมา หรือแม้กระทั่งวิวัฒน์เอา ‘งดงามดุจภาพวาด’ และ ‘ทลายเวหา’ ออกมาจากท่าไม้ตายของตนเอง ถึงขนาดที่หลอม ‘ร่างเมฆทักษิณาทิพย์’ ขึ้นมาด้วยตนเอง อาศัยร่างเมฆทักษิณาทิพย์ก็สามารถสำแดงงดงามดุจภาพวาดและทลายเวหาออกมาได้
เช่น ‘มหาเคารพฝูอี่’ ผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพคนหนึ่งอย่างเขา แต่พลังรบสามารถเชิดหน้าใส่เทพจักรวาลขั้นสุดยอดจำนวนหนึ่งได้ ใกล้เคียงกับบุคคลผู้ไร้เทียมทานเลยทีเดียว นี่ก็คือการคิดใคร่ครวญและสั่งสมบนพื้นฐานของคนก่อนหน้าอย่างไม่หยุดหย่อนแล้วคิดค้นท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นออกมาอย่างต่อเนื่องเจ็ดกระบวนคละถิ่นเพียงแค่เปิดประตูบานพับออกต่อหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงจะดูดซับเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งนี้ได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับการหยั่งรู้ของตัวเขาเองแล้ว
“ต่อไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงศึกษาเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งขึ้นต่อไป
******
ผ่านไปครบหนึ่งพันปีอีกครั้ง
ด่านกัลป์ที่สิบเอ็ดมาถึง! มหาเคารพผู่ซู่ จอมเคารพกระบี่ปีศาจ ตงป๋อเสวี่ยอิง จ้าวกู่เซียว จวินอ๋องดำ และพรานผู้ล่า พวกเขาแต่ละคนต่างก็เข้าใจได้โดยสัญชาตญาณว่ามาถึงเวลานี้แล้ว เมื่อใดที่พวกเขาไม่ระวังก็มีความเป็นไปได้เป็นอย่างยิ่งที่จะถูกสังหารขับไล่ออกไป บอกว่า ‘สังหาร’ การสังหารภายในวังเทพจิตโลกา ในที่สุดก็จะส่งตัวพวกเขาขับไล่ออกไปในนาทีสุดท้าย
ทัศนียภาพตรงหน้าบิดเบี้ยว
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายหดลง แต่กลับปรากฏตัวขึ้นที่ท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรอันมืดมิดแห่งหนึ่ง
“ช่างเป็นพลังพันธนาการที่แน่นหนานัก”
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งหกคนแต่ละคนยืนอยู่กลางอากาศ มองลงมายังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เบื้องล่าง พลังกดดันพันธนาการของห้วงมิติแห่งนี้ยิ่งใหญ่จนถึงระดับที่มิอาจจะจินตนาการได้ เหนือกว่าดินแดนจิตโลกามากมายนัก เกรงว่าเทพจักรวาลกำเนิดใหม่คงได้แต่ฝืนต้านทานอยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้อย่างทุลักทุเลเท่านั้น
พรึ่บ
เคล็ดวิชาสำแดงการกลายเป็นอากาศธาตุแต่เดิมของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำได้แค่ลดพลังพันธนาการนี้ลงไปครึ่งหนึ่งเท่านั้น
“สถานที่แห่งนี้ดูแล้วช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก” สีหน้าของมหาเคารพผู่ซู่ที่ปล่อยเขตพลังกาลเวลาออกมาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาถ่ายเสียงให้กับตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมเคารพกระบี่ปีศาจ “เขตพลังของข้าก็ยังได้รับผลกระทบเลย”
“หืม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงม่านตาหดเล็กลง เห็นเพียงว่าที่ส่วนลึกของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เบื้องล่างมีเงาดำพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วในทันใด
พรึ่บ
สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตนหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางน้ำทะเลย สัตว์ประหลาดกลางน้ำที่พิเศษตนนี้มีชายชราถือไม้เท้าคนหนึ่งยืนอยู่บนหลัง เส้นผมของชายชรายาวมาก มองดูเส้นผมจำนวนนับไม่ถ้วนโดยละเอียด ในความเป็นจริงแล้วเป็นงูที่ตัวเล็กบางเป็นอย่างยิ่ง
“เทพจักรวาลหลายคนถึงกับกล้ามาถึงทะเลกุยซวี ช่างรนหาที่ตายโดยแท้” ชายชราถือไม้เท้ายิ้มเย็น “พวกเด็กๆ มาฆ่าพวกมันให้ข้าที”
สวบๆๆ…
ปลาใหญ่สีแดงสดตัวแล้วตัวเล่าบินออกมา แผ่กลิ่นอายที่ทำให้พวกตงป๋อเสวี่ยอิงต่างพากันอกสั่นขวัญแขวน กลิ่นอายชนิดนี้คล้ายกับเป็นตัวแทนของจุดสิ้นสุด สิ่งมีชีวิตและกาลเวลาที่จุดสิ้นสุดนี้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนสิ้นสุดลงที่นี่! ปลาใหญ่สีแดงสดเหล่านี้มีนับพันนับหมื่น พุ่งออกมาจากกลางน้ำทะเลอย่างฉับพลันแล้วเหินบินตรงมาทางพวกตงป๋อเสวี่ยอิงจนหมด
“ฆ่าๆๆ ฆ่าๆๆ” ชายชราถือไม้เท้าตื่นเต้นลำพองใจ “เทพจักรวาลแล้วอย่างไร ที่ทะเลกุยซวี ล้วนต้องตายกันหมดนั่นแหละ”
บรรดาปลาใหญ่สีแดงสดเหล่านี้รวดเร็วเหลือเกิน เคลื่อนที่อยู่กลางอากาศแล้วกระโจนเข้าใส่พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งหกคนราวกับสายฟ้า
“ฟิ้ว…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงเคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียม แต่มีผลกระทบต่อปลาใหญ่สีแดงสดเหล่านี้อย่างต่ำต้อยยิ่งนัก มหาเคารพผู่ซู่ปลดปล่อยเขตพลังกาลเวลา ทำให้หลังจากที่ปลาใหญ่สีแดงสดเหล่านี้บุกเข้ามาแล้วเกิดความงุนงงไปบ้าง แต่เห็นได้ว่าทั้งเขตพลังกาลเวลาต่างก็กำลังสั่นสะเทือน ปลาใหญ่สีแดงสดตัวแล้วตัวเล่าภายใต้การรบกวนของเขตพลังกาลเวลาก็ยังหาร่างจริงของพวกเขาสามคน ทั้งมหาเคารพผู่ซู่ จอมเคารพกระบี่ปีศาจ และตงป๋อเสวี่ยอิงพบอยู่ดี
“อดีต ปัจจุบัน อนาคต กาลเวลาหมุนเปลี่ยน ผลกระทบต่อพวกมันก็ยังต่ำเป็นอย่างยิ่งเลยหรือ” มหาเคารพผู่ซู่สีหน้าแปรเปลี่ยนเสียแล้ว
ปลาใหญ่สีแดงสดเหล่านี้มิได้มีเคล็ดลับการโจมตีอะไรมากมาย เพียงแต่ดูเหมือนว่าร่างกายของพวกมันจะเป็นตัวแทนของกฎเกณฑ์บางชนิด
“ปัง…”
ประกายกระบี่อันระยับจับตาสว่างวาบขึ้น
ภายใต้เส้นผมอันยุ่งเหยิงของจอมเคารพกระบี่ปีศาจ นัยน์ตาทั้งคู่กลับสงบนิ่งหาใดเปรียบ มือกุมกระบี่เทพ ประกายกระบี่แผ่ไปทั้งสี่ทิศ ปลาใหญ่สีแดงสดเหล่านั้นมีบางส่วนที่ถูกแทงทะลุ มีบางส่วนที่ถูกระลอกคลื่นซัดสาดออกไป ในชั่วพริบตากระบี่เล่มหนึ่งของเขากลับสามารถปกป้องสถานการณ์ของตนเองเอาไว้ได้ อีกทั้งยังคุ้มกันมหาเคารพผู่ซู่และตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ได้อีกด้วย วิถีกระบี่อันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นลอบตกตะลึง
“จอมเคารพกระบี่ปีศาจผู้นี้เป็นมหาเคารพที่เยาว์วัยที่สุดคนหนึ่งของสกุลชางแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ! โผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วยิ่ง ลึกลับเป็นที่สุด คิดไม่ถึงว่าวิถีกระบี่จะน่าหวั่นเกรงเช่นนี้ สมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้” จวินอ๋องดำม่านตาหดเล็กลง
“เป็นเคล็ดกระบี่ที่ร้ายกาจเหลือเกิน” ร่างกายของพรานผู้ล่ากระจายไม่เสถียร แต่ก็สังเกตเห็นเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกัน
สำหรับจ้าวกู่เซียวกำลังต้านทานปลาใหญ่สีแดงสดที่น่าหวั่นเกรงเหล่านั้นอย่างตื่นตระหนกจนเสียศูนย์ มีปลาใหญ่สีแดงสดสิบกว่าตัวที่ขบกัดเขาเข้าคำหนึ่งบนร่างแล้ว ร่างของเขาเริ่มมีความไม่สมบูรณ์ขึ้นมาเสียแล้ว
“มิน่าเล่ากระบี่ปีศาจจึงได้รับความสำคัญจากจักรพรรดิชางและจักรพรรดิเซี่ย” มหาเคารพผู่ซู่ได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็ลอบอุทาน เขตพลังกาลเวลาที่คุกคามเขาก่อนหน้านี้ก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้เกินครึ่งแล้ว จนถึงบัดนี้ จอมเคารพกระบี่ปีศาจจึงค่อยๆ ออกแรง
แต่ว่า…
ปลาใหญ่สีแดงสดมีนับพันนับหมื่นแน่นขนัด ท่วมฟ้าบดบังดวงตะวันเสียแล้ว
ร่างกายของปลาใหญ่สีแดงสดเหล่านี้ทุกตัวต่างก็ทนทานหาใดเปรียบ พลังชีวิตแข็งแกร่งเป็นที่สุด แทงทะลุร่างกายของพวกมัน พวกมันก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วเช่นเดิม ตามจำนวนที่ล้อมโจมตีพวกตงป๋อเสวี่ยอิง มหาเคารพผู่ซู่ และจอมเคารพกระบี่ปีศาจที่มากขึ้นเรื่อยๆ มหาเคารพผู่ซู่ก็ได้แต่ลงมือ
“โอ๊ย สมควรตาย สมควรตาย” ท่อนกระดูกจำนวนหนึ่งของจ้าวกู่เซียวเริ่มต้นลุกไหม้ พอเริ่มลุกไหม้ก็ก่อให้เกิดพลังที่แกร่งยิ่งขึ้นมาใช้ห้ำหั่น เขาน่าอนาถเหลือทนเสียแล้ว
“ดูท่าทางข้าคงจะผ่านมันไปไม่ได้แล้วล่ะ” จ้าวกู่เซียวก็ตระหนักได้แล้วปลาใหญ่สีแดงสดที่ล้อมโจมตีอย่างแน่นขนัดโดยรอบ ไม่เพียงแต่แฝงไว้ด้วยพลัง ‘สิ้นสุด’ ชนิดนั้นเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจะต้านทานเคล็ดวิชาของพวกเขาทุกคนได้ อีกทั้งพลังชีวิตก็ยังแข็งแกร่งเหนือธรรมดา การจะฆ่าให้ตายสักตัวเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานเท่าใด เขาก็สูญสิ้นพลังชีวิตไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว ไม่มีความหวังในการรอดไปถึงท้ายที่สุดแล้ว
“คราวนี้ผู่ซู่กับกระบี่ปีศาจก็ช่วยอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นไม่ไหวแล้ว” ตัวจ้าวกู่เซียวล้มเหลว ก็นึกอยากเห็นผู้อื่นล้มเหลวด้วยเช่นเดียวกัน
อันที่จริงแล้ว
มหาเคารพกระบี่ปีศาจสำแดงพลังยุทธ์อันน่าหวั่นเกรงที่ทำให้คนต้องอุทานออกมาตามจำนวนการล้อมโจมตีที่มากขึ้น ในด้านการห้ำหั่น วิถีกระบี่ของเขาก็มิได้ด้อยไปกว่ามหาเคารพซือเทียนและมหาเคารพลู่เทียนสองคนนี้เลย แม้กระทั่งการต้านทานของกระบี่ก็สมบูรณ์แบบพอ ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งอย่างแท้จริง พลังยุทธ์ของมหาเคารพผู่ซู่แกร่งกล้าดังเช่นที่เคยเป็นมาโดยตลอด แต่ภายใต้การล้อมโจมตีมากมายเช่นนี้กลับเริ่มน่าอนาถอยู่บ้างแล้ว
พวกเขาสองคนต่างก็ค่อยๆ หมดหนทางช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงเสียแล้ว
“ชิ้ง” ประกายกระบี่กะพริบวาบหราหนึ่ง ปลาใหญ่สีแดงสดสิบกว่าตัวก็ถูกผลกระทบจนกระเด็นลอยออกไป
“จ้าวหิมะเหิน ข้าช่วยเจ้าไม่ไหวแล้ว เจ้าต้องระวังตัวด้วยนะ” จอมเคารพกระบี่ปีศาจพูด
“ไม่เป็นไร ข้าจัดการเองได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ร่างสวมอาภรณ์ราชันย์มาร มือกุมหอกเทพเมฆาแดงเล่มหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศแต่กลับเผชิญหน้ากับปลาใหญ่สีแดงสดตัวหนึ่งที่ว่ายน้ำเข้ามาอย่างสงบ
ขวับ…
หอกยาวกวาดออกไปคราหนึ่ง ปลาใหญ่สีแดงสดถูกฟาดจนลอยกระเด็นออกไป
“อะไรกัน เขาสามารถต่อตีจนมันถอยร่นไปได้ด้วยหรือ”
“ผ่อนคลายถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
บรรดาจอมเคารพคนอื่นๆ อีกห้าคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง รวมถึงจอมเคารพกระบี่ปีศาจก็ยังประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เพราะพวกเขารู้กระจ่างดียิ่งว่าปลาใหญ่สีแดงสดที่เป็นตัวแทนของกฎเกณฑ์ที่ ‘สิ้นสุด’ บางอย่างเหล่านี้มีความน่าหวาดหวั่นเพียงใด อย่าได้เห็นว่าจอมเคารพกระบี่ปีศาจดูเหมือนจะผ่อนคลาย แต่กระบี่หนึ่งของจอมเคารพกระบี่ปีศาจนั้นมีพลังระดับเทพจักรวาลขั้นสุดยอด อานุภาพยิ่งใหญ่พอ วิถีกระบี่เข่นฆ่า เดิมทีก็เชี่ยวชาญในการต่อสู้ประชิดตัวอยู่แล้ว กระบี่หนึ่งสามารถทำให้ปลาสิบกว่าตัวกระเด็นลอยออกไปได้ แต่เขาเพียงแค่กระเด็นลอยออกไปหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัส จะสังหารก็ต้องใช้กำลังไม่น้อยเลยทีเดียว
“อานุภาพแข็งแกร่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าแรงโจมตีอันหนักหน่วงส่งมายังร่างกายผ่านหอกยาว “รับมือได้ยากจริงๆ เคราะห์ดีที่เวลาหลายพันปีก่อนหน้านี้ ทำให้ข้าผ่านไปได้สบายๆ และมีเวลาเพียงพอที่จะปรับปรุงยุทธวิธีเมฆาแดงให้สำเร็จจนสิ้นได้”
หากไม่มีคนช่วยเหลือ เกรงว่าคงมิทันได้แก้ไขยุทธวิธีเมฆาแดงจนสำเร็จ ตนก็คงจะถูกโจมตีจนพ่ายแพ้และขับไล่ออกไปแล้ว
ส่วนตอนนี้น่ะหรือ
“สวบๆๆ…”
หอกยาวพลิกหมุน
ปลาใหญ่สีแดงสดตัวแล้วตัวเล่าที่โจมตีตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นพากันกระเด็นลอยไป บางตัวถูกแทงทะลุจนเกิดเป็นบาดแผลขนาดมหึมา แต่ปลาใหญ่สีแดงสดก็ล้อมโจมตีเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ!
“ฆ่า ฆ่าให้ข้าเสีย” ชายชราถือไม้เท้าซึ่งยืนอยู่บนหลังสัตว์ประหลาดกลางน้ำร้องคำราม ปลาใหญ่สีแดงสดทั้งหลายลอยออกไปอย่างต่อเนื่อง แล้วค่อยๆ ล้อมเทพจักรวาลทั้งหกเอาไว้ ก่อให้เกิดเป็น ‘ฝูงปลา’ ขนาดมหึมาหกฝูงล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเมื่อการโจมตีมาถึงตอนที่บ้าคลั่งที่สุดนั้น มหาเคารพผู่ซู่ก็ทำได้เพียงป้องกันตนเองเท่านั้น จะมีก็แต่จอมเคารพกระบี่ปีศาจที่สามารถแบ่งพลังมาช่วยได้บ้างเล็กน้อย
อาการบาดเจ็บของจ้าวกู่เซียว ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปใหญ่
“ไม่ได้แล้วๆ” จ้าวกู่เซียว เหลือแต่ศีรษะที่ลอยคว้างอยู่กลางฟากฟ้า เงาแส้สายแล้วสายเล่ากลางไอหมอกสีแดงเข้มรอบด้านวาดข้ามขอบฟ้าไป แต่ก็ยังคงมิอาจสกัดกั้นปลาใหญ่สีแดงสดที่เข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดินได้ เหล่าปลาใหญ่สีแดงสดทะลุผ่านการสกัดกั้นของแส้ แล้วกัดเข้าที่ศีรษะของจ้าวกู่เซียว
ศีรษะของเขายังคงทอดมองออกไปยังคนอื่นๆ อีกห้าคน
คนอื่นๆ อีกห้าคนล้วนกำลังต้านรับอยู่ หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาว ‘จ้าวหิมะเหิน’ ซึ่งกุมหอกยาวเอาไว้ในมือผู้นั้นสำแดงหอกยาวออกมาและกำลังต้านทานเอาไว้เช่นกัน เขาถึงขั้น…โลหิตไม่หยดสักหยดเดียว!
“เขา เขามีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าหรือ เขาก็เป็นมหาเคารพหรือ” จากนั้นจ้าวกู่เซียวก็สัมผัสได้ว่าระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างปกคลุมตนเองเข้ามา
ฟิ้ว
ตอนที่ความตายใกล้เขามานั้น เขาก็ถูกวังเทพจิตโลกาผลักไสและเคลื่อนย้ายออกไป เส้นทางในวังเทพจิตโลกาของเขายุติลงแต่เพียงเท่านี้! และเป็นคนแรกในกลุ่มนี้ที่ถูกผลักไสออกไป
…………………………………………………