Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 5 จักรพรรดิเซี่ยมาเยือน
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ข้างๆ อย่างเชื่อฟัง เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ต้องขายออกไปให้ได้ราคาสูงพอ ตนยังห่างชั้นกับอาจารย์ลิบลับ อาจารย์เป็นหนึ่งในวีรบุรุษผู้ไร้เทียมทานแห่งดินแดนจิตโลกา เขาเข้าใจขุมอำนาจฝ่ายต่างๆ ถ่องแท้กว่าตนมากยิ่งนัก และถึงขั้นเคยต่อกรกับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูบางท่านอีกด้วย
“เจ้าคิดจะแลกเปลี่ยนอะไรมารึ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองตงป๋อเสวี่ยอิง
“พวกเคล็ดวิชาลับระดับยอดต่างๆ ทางสายอากาศและวิถีโลกเทียมน่ะขอรับ หากมีสมบัติลับระดับยอดสุดอยู่ย่อมเป็นเรื่องดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาขมวดคิ้ว “เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ของเจ้านี้ เป็นเคล็ดวิชาขั้นอลวนระดับยอดสุดทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุซึ่งนับได้ว่า ‘หาได้ยาก’! นอกจากนี้ผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดในบรรดาเทพจักรวาลจำนวนมากก็อยากครอบครองกลเม็ด ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด’ นี่คือวิธีการอันแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ซึ่งหน้าและการรักษาชีวิต”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นด้วย
จักรพรรดิเก้าเมฆาบรรลุถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุด จอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะสังหารเขาได้ ต้องสิ้นเปลืองกำลังมากมายเพียงใด เตาสามขาเพลิงโลกันตร์อันสุดท้าย จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจได้ไป!
“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดนั้นยากมาก ต่อให้สำเร็จเป็นเทพจักรวาลทางสายอากาศ จะบรรลุถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดได้ก็มิใช่เรื่องง่าย” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “สำหรับสิ่งมีชีวิตในบรรดาเทพจักรวาลระดับยอดสุดนั้น บำเพ็ญ ‘ทางสายอากาศ’ ไปควบคู่กันจนบรรลุถึงระดับขั้นเทพจักรวาลนั้นยากเกินไป จะสำเร็จเป็นขั้นอลวนก็ง่ายกว่ามากทีเดียว ผู้ที่คิดอยากได้วิชานี้ของเจ้าจะต้องมีไม่น้อยเลย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
“แต่เจ้าต้องการเคล็ดวิชาลับระดับยอดสุดหรือไม่ก็สมบัติลับระดับยอดสุด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายหน้าน้อยๆ “ในหกรัฐโบราณ รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งมีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูสามท่านด้วยกัน ทว่าแต่ละคนล้วนฝึกกายทั้งสิ้น ดังนั้นเคล็ดวิชาฝึกกายของรัฐโบราณหิมะน้ำแข็งจึงร้ายกาจที่สุด ส่วนเคล็ดวิชาลับอื่นๆ ก็อ่อนแอมากทีเดียว แม้แต่อ๋องส้าหลงผู้นั้นก็ยังยอมสวามิภักดิ์ต่อสกุลฝานด้วยเหตุนี้นั่นเอง เจ้าเป็นยอดฝีมือทางสายอากาศและวิถีโลกเทียม ซึ่งล้วนมิใช่สิ่งที่รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งเชี่ยวชาญ”
“ข้ารู้ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมา “รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งนี้ก็ประหลาดนัก”
จะฝึกกายให้บรรลุถึงขั้นสุด
ก็ต้องค้นคว้ากายหยาบให้สมบูรณ์อย่างแท้จริง แล้วฝึกกายหยาบจนถึงระดับเทพจักรวาลชั้นที่สาม แต่ละคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒน์ไปมากกว่าบรรพชนโลกาในบ้านเกิดเสียอีก
บรรพชนทั้งสาม แต่ละคนล้วนเป็นเช่นนี้!
“เฮอะ ด้านอื่นๆ อ่อนแอเกินไปแล้ว สิ่งที่รัฐโบราณหิมะน้ำแข็งสามารถทำได้ก็คืออาศัยพลังไปแย่งชิงมา! แต่ผู้แกร่งกล้าจริงๆ จะไปเกรงกลัวพวกเขาเสียที่ไหนกัน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “รัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณเสียดฟ้านั้นไม่ต้องพูดถึง สิ่งที่สั่งสมเอาไว้ช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน! รัฐโบราณบรรพชนก็ไม่มีเคล็ดวิชาลับระดับยอดที่เหมาะสมกับเจ้าสักเท่าใดนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบาๆ
เขาก็เข้าใจ
“หากอยากได้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ ก็มีเพียงสองขุมอำนาจใหญ่เท่านั้น หนึ่งคือรัฐโบราณคิมหันตวายุ อีกหนึ่งคือรัฐโบราณสหโลกา” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ย
ผู้ที่ทางสายอากาศบรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์แล้วสำเร็จเป็นเทพจักรวาลระดับชั้นที่สามมีเพียงสองคนเท่านั้น
คนหนึ่งคือจักรพรรดิเซี่ย! อีกคนหนึ่งคือ ‘ผู้พเนจร’ หนึ่งในห้าบรรพชนแห่งรัฐโบราณสหโลกา
ดังนั้นหากต้องการเคล็ดวิชาลับระดับยอดทางสายอากาศ ขุมอำนาจใหญ่ทั้งสองนี้ถึงจะเหมาะสมที่สุด
ส่วนจำพวกโลกเทียม…‘บรรพชนฝาน’ ก็ได้บำเพ็ญไปควบคู่กันจนบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สอง บุคคลผู้นั้นของรัฐโบราณเสียดฟ้าก็บำเพ็ญไปควบคู่กันจนบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองเช่นกัน ในรัฐโบราณสหโลกาก็มีผู้ที่โลกเทียมบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองเช่นกัน! ใช่แล้ว ทั้งดินแดนจิตโลกา วิถีโลกเทียมก็ไม่เคยมีผู้ที่บรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์อย่างแท้จริงแล้วสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตเทพจักรวาลระดับชั้นที่สามเลย!
เนื่องจากเส้นทางวิญญาณนั้น เดิมทีก็ยากยิ่งอยู่แล้ว!
วิถีโลกเทียม ก็ยิ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตที่บรรลุถึงระดับชั้นที่สามเข้าไปใหญ่
“ในดินแดนจิตโลกาก็มีการแบ่งอาณาเขตของขุมอำนาจ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ “รัฐเมฆทักษิณาของข้าอยู่ใกล้รัฐโบราณคิมหันตวายุ บริเวณผืนใหญ่โดยรอบล้วนจัดเป็นเขตอำนาจของรัฐโบราณคิมหันตวายุ ดังนั้นการเจรจาในช่วงเริ่มแรกสุด…จึงย่อมต้องเจรจากับรัฐโบราณคิมหันตวายุก่อนเป็นธรรมดา! มิอาจไปหารัฐโบราณสหโลกาก่อนได้ หากทำเช่นนั้นก็เท่ากับไม่ไว้หน้ารัฐโบราณคิมหันตวายุ เป็นการล่วงเกินพวกเขา”
“เข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“รัฐโบราณคิมหันตวายุมีสิ่งที่เจ้าต้องการ ลองดูก่อนเถอะข้าจะพยายามช่วยเจ้าเจรจาเต็มที่ ท้ายที่สุดเจ้าค่อยตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว “ใช่แล้ว เจ้าไม่สนใจว่าหลังจากขายให้รัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว จะขายให้กับรัฐโบราณอื่นๆ อีกกระมัง”
“ไม่สนใจขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มออกมาแล้ว
จุดมุ่งหมายหลักของเขาก็คืออากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด
ที่นี่เป็นเพียงฐานรองให้เขากระโดดขึ้นไปเท่านั้น ขายให้รัฐโบราณสักหลายแห่งก็ไม่เป็นไรหรอก
“เจ้าไม่สนใจ เช่นนั้นก็ขึ้นกับว่ารัฐโบราณคิมหันตวายุจะสนใจหรือไม่สนใจแล้ว” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ “หากพวกเขาไม่อนุญาตให้พวกเราขายให้กับรัฐโบราณอื่นๆ พวกเขาก็ต้องเพิ่มราคาให้!”
……
หลังสนทนากับท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาโดยละเอียดแล้ว อาจารย์ก็เผยแพร่ข่าวให้สามตระกูลใหญ่ของรัฐโบราณคิมหันตวายุ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าสามารถขาย ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดของขั้นอลวนฉบับจริงซึ่งตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงออกมาให้แก่สามตระกูลใหญ่ได้
ณ ตำหนักดั้นเมฆในวังหลวงแห่งรัฐเมฆทักษิณา
‘ธูปทองสีสามธุลี’ ขนาดราวท่อนแขนซึ่งมีมูลค่ากว่าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลถูกจุดขึ้นมา กลิ่นหอมแผ่กำจายไปทั่วโถงตำหนัก โต๊ะยาวภายในโถงตำหนักงามวิจิตร สาวใช้สามคนด้านข้างล้วนแต่เป็นมารรับใช้ขั้นอลวนทั้งสิ้น
ณ ฟากหนึ่งของโถงตำหนักมีโต๊ะยาวอยู่สองตัว ประมุขรัฐเมฆทักษิณาในอาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามและหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ตรงโต๊ะยาวคนละตัว รอคอยอย่างเงียบๆ
สาวใช้สามคนกระจายกันอยู่ข้างโต๊ะยาวสามตัว
ในขณะนี้…
ภายในขอบเขตล้านลี้รอบตำหนักดั้นเมฆไม่มีผู้อื่นอยู่อีก บ่าวรับใช้ชายหญิงทั้งหมดถูกขับให้ถอยไป วันนี้ ต่อให้เป็นศิษย์คนอื่นๆ ของประมุขรัฐเมฆทักษิณา รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่น จ้าวเทียนยินล้วนถูกห้ามมิให้เข้าใกล้ที่แห่งนี้โดยเด็ดขาด
แม้สาวใช้ทั้งสามนางจะเป็นมารรับใช้ขั้นอลวน แต่กลับยังคงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่าง เนื่องจากพวกนางรู้ว่าวันนี้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ใด
“ฟิ้ว”
เงาร่างสายหนึ่งรวมตัวกันแล้วปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
เขาสวมอาภรณ์สีพื้นหลวมโพรก เขาร่อนลงมานั่งขัดสมาธิลงหลังโต๊ะยาวเพียงตัวเดียวซึ่งว่างอยู่ฝั่งตรงข้ามประมุขรัฐเมฆทักษิณาและตงป๋อเสวี่ยอิง
“คารวะฝ่าบาทจักรพรรดิเซี่ย” แม้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและตงป๋อเสวี่ยอิงจะนั่งขัดสมาธิอยู่ก็ตามที ทว่าก็ยังคงทักทายและค้อมกายคารวะ
จักรพรรดิเซี่ย
สิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในดินแดนจิตโลกา พลังยุทธ์จัดเป็นอันดับหนึ่ง ลำพังแค่นิดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้มองสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอื่นๆ อย่างหยิ่งผยองได้แล้ว เขาบำเพ็ญเส้นทางสองสายจนถึงระดับครบสมบูรณ์ขั้นสุด
บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูอย่างบรรพชนฝาน จักรพรรดิชาง ผู้พเนจรและคนอื่นๆ รวมทั้งจอมเทพศักดิ์สิทธิ์และเจ้าศิลาแห่งอากาศอันสับสนอลหม่านก็ล้วนทำให้เส้นทางบรรลุถึงระดับครบสมบูรณ์ขั้นสุดได้เพียงสายเดียวเท่านั้น! ต้องรู้ไว้ว่าการจะบรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์ได้นั้นยากเย็นเพียงใด การทำให้เส้นทางสองสายครบสมบูรณ์ขั้นสุดได้นั้น ความยากก็พุ่งสูงขั้นเป็นสิบเป็นร้อยเท่าในพริบตา
แต่ก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิเซี่ยปรากฏขึ้นมาอยู่ดี
ดังนั้นบรรพชนฝานและจักรพรรดิชางจึงยินดีที่จะคอยช่วยเหลือเขา ถึงขั้นที่ว่า ‘สกุลเซี่ย’ หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ล้วนแต่กดดันอีกสองตระกูลใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนของมหาเคารพ หรือว่าจำนวนของผู้มีพรสวรรค์ที่บ่มเพาะขึ้นมาก็ตามที ช่วยไม่ได้…จักรพรรดิเซี่ยร้ายกาจเกินไปแล้ว! การสั่งสอนศิษย์ก็ร้ายกาจยิ่งนัก!
จักรพรรดิเซี่ยนั้นทำให้ ‘ทางสายอากาศ’ และ ‘วิถีเปลวเพลิง’ บรรลุถึงระดับครบสมบูรณ์ขั้นสุดได้ นอกจากนี้แล้ว เขาก็ยังคงบำเพ็ญเส้นทางสายอื่นๆ ไปควบคู่กันด้วย การสั่งสอนศิษย์จึงย่อมร้ายกาจเป็นธรรมดา
เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตพรรค์นี้
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและตงป๋อเสวี่ยอิงจะกล้าชักช้ารีรออยู่ได้อย่างไรกัน
“อิงซานเสวี่ยอิง ได้ยินมาว่าเจ้ายินดีขายเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์นั่นให้แก่รัฐโบราณคิมหันตวายุของเราหรือ” จักรพรรดิเซี่ยมองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ต่อให้ไม่มีสมบัติลับ จักรพรรดิเซี่ยตรงหน้าผู้นี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี
“ฮ่าฮ่า ในดินแดนจิตโลกา มีเคล็ดวิชาขั้นสุดทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุของขั้นอลวนอยู่สองวิชาด้วยกัน ข้าและผู้พเนจรแห่งรัฐโบราณสหโลกาคนนั้นคิดค้นขึ้นมาคนละวิชา” จักรพรรดิเซี่ยกล่าว “ของเจ้าเป็นเคล็ดวิชาขั้นสุดทางด้านการกลายเป็นอากาศธาตุของขั้นอลวนวิชาที่สาม ข้าต้องการดูก่อน เพื่อจะได้ประเมินราคา”
“ได้ขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า เขาพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีคัมภีร์เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ แน่นอนว่าในคัมภีร์เล่มนี้ เขาก็ได้ทิ้งข้อจำกัดบางอย่างเอาไว้ ในดินแดนจิตโลกามีวิธีการเกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆ ในเรื่องการถ่ายทอดศาสตร์ลับมากกว่าอากาศอันสับสนอลหม่านมากมายนัก
แน่นอนว่าพลังระดับจักรพรรดิเซี่ยย่อมสามารถขจัดข้อจำกัดต่างๆ ไปได้อย่างสิ้นเชิง แล้วก็ยังคงสามารถเผยแพร่ศาสตร์ลับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้นขึ้นนี้สู่ภายนอกโดยไม่ต้องสนใจข้อจำกัดได้อยู่ดี
แต่ข้อแรก จักรพรรดิเซี่ยมีสถานะระดับนี้ ย่อมรังเกียจที่จะทำเช่นนั้น
ข้อสอง แม้จักรพรรดิเซี่ยจะสามารถเพิกเฉยต่อข้อจำกัดของคัมภีร์ฉบับจริงได้ก็ตามที แต่หากทำเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อ ‘จิตแห่งวิถี’ ได้! ระดับอย่างพวกจักรพรรดิเซี่ยแล้ว สิ่งที่ใฝ่หาก็คือการก้าวข้ามขั้นสุดท้าย จึงย่อมไม่มีทางยอมให้จิตแห่งวิถีของตนได้รับผลกระทบเด็ดขาด
“ฟิ้ว” จักรพรรดิเซี่ยรับคัมภีร์กึ่งโปร่งใสเล่มนี้มาแล้วส่งสติรับรู้เข้าไป และได้เรียนรู้ความเร้นลับต่างๆ ของเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์
“น่าสนใจ” จักรพรรดิเซี่ยตกตะลึงอยู่บ้าง “เป็นการบำเพ็ญทางสายอากาศเก้าสายควบคู่กัน ผสานกันได้อย่างงดงามและบริสุทธิ์เช่นนี้ เคล็ดวิชาที่ข้าและผู้พเนจรคิดค้นขึ้นมาล้วนแต่ซับซ้อนวุ่นวายกว่ามากทีเดียว”
………………………………….