Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 7 โชคชะตา
ทั้งหมดเจรจาเรียบร้อย
“เจ้าสามารถไปศึกษาตำราโลกจิตที่คีรีมารสกุลฝานได้ แต่ปุจฉวิถีคละถิ่นนั้นจะต้องไปที่พระราชวังรัฐโบราณคิมหันตวายุ ข้าจะดูแลเจ้าเอง” ในมือจักรพรรดิเซี่ยถือต้นฉบับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเขียนด้วยฝีพู่กันของตนเองเล่มนั้นเอาไว้ แล้วหายตัวไปกลางอากาศในทันที
ภายในตำหนักดั้นเมฆเหลือเพียงแค่สาวใช้สามคน ตงป๋อเสวี่ยอิงและประมุขรัฐเมฆทักษิณา
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ผ่อนลมหายใจออกมา เผชิญหน้ากับจักรพรรดิเซี่ยก็ยังมีความกดดันเป็นอย่างยิ่ง
“เสวี่ยอิง ถ้าหากเจ้ามีเคล็ดวิชาที่ร้ายกาจยิ่งขึ้น เช่นนั้นก็จะยิ่งทำกำไรได้มากขึ้นอีก” จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์
ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้ม “ยังจำเป็นต้องเจรจากับภายในสำนักของข้าก่อน”
เคล็ดวิชาสามัญธรรมดานั้นไม่คุ้มค่า เช่นปุจฉวิถีคละถิ่น เป็นเคล็ดวิชาอันน่าหวาดหวั่นที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานอย่างจักรพรรดิเซี่ยอาศัย ‘พลังคละถิ่น’ จากนอกโลกกำเนิด สอดแทรกเข้าสู่วิถีอากาศ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในระดับเดียวกัน! มีเพียงแค่สองขั้นเท่านั้น ศึกษาครั้งหนึ่งก็คือหนึ่งแสนมหาคุณูปการ ถ้าหากมีต้นฉบับ สามารถเผยแพร่ได้อย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมต้องขายแพงกว่าเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์มากมายนัก
น่าเสียดาย…
ยิ่งเป็นเคล็ดวิชาที่แกร่งกล้าหาได้ยาก ก็ยิ่งคิดค้นออกมาได้ยาก!
“ตอนนี้ยังต้องติดต่อกับห้ารัฐโบราณอื่นๆ” จักรพรรดิเซี่ยมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“ไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะบำเพ็ญเคล็ดสืบทอดลับสองอย่างนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด การซื้อขายเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ระยะเวลายาวนาน ตนเกรงว่าจะหาส่วนที่สองที่เหมาะสมแก่การขายไม่พบแล้ว
******
ในวันเดียวกันนั้น
ณ นครหลวงคิมหันตวายุ
“พรึ่บ”
เข้ามาจากประตูเมือง ตงป๋อเสวี่ยอิงที่สวมอาภรณ์ขาวตลอดร่างล่องลอยอยู่ที่ท้องฟ้าเบื้องบนของนครหลวงคิมหันตวายุ เป็นถึงยอดฝีมือทางด้านเขตลวงโลกเทียม กลิ่นอายซ่อนเร้นเลือนราง คนรอบข้างล้วนยากที่จะมองพลังยุทธ์ออกได้ เพียงแต่ผู้ที่มีวิสัยทัศน์สักหน่อยล้วนสามารถประเมินได้ว่า…พลังยุทธ์ของหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้นี้น่าจะน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เดิมทีวางแผนว่าจะไปศึกษาตำราโลกจิตที่คีรีมารสกุลฝานก่อนขมวดคิ้วมุ่นในทันใด เขาหันหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่ง
“เหตุปัจจัยหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยเสียงต่ำ
จักรวาลแห่งหนึ่ง เทียบกันแล้วค่อนข้างเล็ก สามารถมองเห็นเหตุปัจจัยของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่โคจรอยู่ภายในได้อย่างง่ายดาย
แต่โลกกำเนิดนั้นใหญ่โตกว่าตั้งไม่รู้มากมายเท่าใด ‘กฎเกณฑ์สูงสุด’ ก็ยิ่งสูงส่งเกินกว่าจะจินตนาการได้ เทพจักรวาลก็มีอยู่มากมายก่ายกอง ความยากในการรับสัมผัส ‘เหตุปัจจัย’ ก็ยกระดับขึ้นอย่างมหาศาลแล้ว แต่หลังจากที่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว ‘กฎเกณฑ์จักรวาล’ ที่มีอยู่ในตัว กฎเกณฑ์สูงสุดของอาณาบริเวณที่ตนอยู่ก็ร่นถอย ตนเองสามารถตรวจหาร่องรอยทั้งหมดได้ ก็รวมถึงเหตุปัจจัยด้วย!
การตรวจสอบเหตุปัจจัยนั้นมีส่วนที่ยากอยู่เป็นอันมาก
อย่างเช่นระยะทางยิ่งไกล ระดับความยากในการตรวจสอบก็ยิ่งยกระดับขึ้น
อย่างเช่นพลังยุทธ์ยิ่งแข็งแกร่ง การตรวจสอบก็ยิ่งยากเย็นขึ้น เช่นวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงสอดแทรกเข้าสู่กลิ่นอาย ‘พลังคละถิ่น’ ของโลกกำเนิดภายนอก อยากจะตรวจสอบเหตุปัจจัยของตงป๋อเสวี่ยอิง ระดับความยากก็ยิ่งสูงขึ้นอย่างที่สุด เหนือกว่าเทพจักรวาลธรรมดาทั่วไปมากมายนัก ถึงแม้จะเป็นเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทาน ก็มิใช่ว่าจะสามารถตรวจหาร่องรอยของตงป๋อเสวี่ยอิงได้กันหมดทุกคน
นี่ก็คือเหตุผลที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมิอาจหาร่างแยกของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยได้พบ!
“ข้ารู้สึกว่าก็อยู่ภายในนครหลวงคิมหันตวายุ…เด็กคนหนึ่งที่พัวพันกับเหตุปัจจัยของข้า ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องยุ่งยากใหญ่โตอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเพ่งสมาธิรับสัมผัสแล้วหันหน้ามองไกลๆไปยังทิศทางหนึ่ง
สวบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง ก็หายลับไปอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงแล้ว
……
ณ ‘คุกหุบเขาเร้นวายุ’ ที่บริเวณชายขอบของคีรีมารสกุลฝาน ในนครหลวงคิมหันตวายุ
“ฟิ้ว ฟิ้ว”
สายลมหนาวเหน็บเสียดกระดูก โหยหวนอยู่กลางหุบเขา บนหน้าผาของหุบเขามีคุกถ้ำอยู่หลายแห่ง ด้านในคุมขังนักโทษเอาไว้หลายคน
ภายในคุกถ้ำแห่งหนึ่งในนั้น
ปาถัวเฉินกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านในสุดของถ้ำ เส้นผมแผ่สยาย สกปรกมอมแมมไปทั้งตัว เขาอยู่ที่นี่อย่างเงียบงัน
“เคร้ง” ยามรักษาการณ์คนหนึ่งเดินมายังด้านนอกประตูคุกแล้วโยนโลหะแปลกประหลาดกองหนึ่งเข้ามา มันมีจำนวนมากมายเสียจนกองเป็นภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งเลยทีเดียว
“หลอมพวกมันให้หมดภายในหนึ่งเดือน” ยามรักษาการณ์ตะโกนอย่างโมโหอยู่ข้างนอก
ปาถัวเฉินเงยหน้าขึ้นมองด้วยนัยน์ตาอึมครึมปราดหนึ่ง
ประตูคุก มิได้เป็นประตูที่จับต้องได้จริงๆ หากแต่เป็นค่ายกลสิ่งกีดขวางอันไร้รูปร่าง
“เจ้าเด็กนี่ ใครใช้ให้เจ้าล่วงเกินคุณชายไห่กันเล่า ก็ก้มหน้าก้มตารับกรรมไปเสียเถิด” ยามรักษาการณ์หัวเราะเยาะเสียงหนึ่งแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ปาถัวเฉินมองดูโลหะแปลกประหลาดที่กองกันเป็นภูเขาขนาดย่อมตรงหน้านี้แล้วเพลิงโทสะในใจก็ลุกโชนนัยน์ตามีแววอาฆาตกะพริบวาบ
ในตอนนั้น
สกุลปาถัวถูกผลาญล้างตระกูล ภรรยาถึงกับเจตนาแฝงตัวเข้าสู่ตระกูลของพวกเขา ปาถัวเฉินก็มีความผิดเพี้ยนภายในใจอยู่บ้างแล้ว แต่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากตงป๋อเสวี่ยอิง แล้วส่งมายังรัฐโบราณคิมหันตวายุ ทำให้เขามองเห็นความหวัง! จิตใจของเขายังนับได้ว่าฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง แต่ว่า…ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี เขาก็ได้เห็นด้านมืดที่อยู่เบื้องหลังของ ‘นครหลวงคิมหันตวายุ’ เมืองใหญ่ที่สุดในดินแดนจิตโลกาแล้ว
“ยังไม่ถึงเวลา!”
“รอให้ข้าออกไปก่อนเถิด จะต้องมีสักวันที่ทุกคนจะต้องตาย!” ปาถัวเฉินคำรามอยู่ภายในใจ เขาทิ้งเปลือกตาลง โบกมือคราหนึ่งโลหะแปลกประหลาดเหล่านั้นก็ลอยมาตรงหน้าเขาจนหมดสิ้น เขาเริ่มต้นหลอมโลหะแปลกประหลาดเหล่านี้อย่างซื่อสัตย์และอดทน
พรึ่บ
ปาถัวเฉินเงยหน้าขึ้นมองอย่างรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในทันใด
ด้านนอกค่ายกลสิ่งกีดขวางอันไร้รูปร่างของถ้ำมีชายหนุ่มอาภรณ์ขาวปลิวสะบัดอยู่คนหนึ่งกำลังเหยียบย่างผ่านเวหาเข้ามา เพียงแค่สองสามก้าวก็เดินมาถึงด้านนอกประตูคุกแห่งนี้แล้ว เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มร่า
“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กปาถัว เหตุใดจึงดูน่าอนาถเช่นนี้เล่า”
ปาถัวเฉินมองหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่อยู่ด้านนอกอย่างตกตะลึงแล้วเอ่ยพึมพำว่า “ผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิง”
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง สำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา เปิดทางเส้นหนึ่งเชื่อมต่อเข้าสู่ด้านในคุกถ้ำโดยตรง พร้อมกันนั้นก็เอ่ยสั่งว่า “ยังไม่ออกมาอีกหรือ”
ปาถัวเฉินมองดูทางเชื่อมมิติอันบิดเบี้ยวที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่กลับมิได้เข้าไป หากแต่เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ข้าไปล่วงเกิน ‘คุณชายไห่’ แห่งตระกูลฝู่หยาเข้า คุณชายไห่ผู้นั้นคารวะเข้าสู่สำนักของ ‘จ้าวอสรพิษเขียวหยก’ เทพจักรวาลคนหนึ่งแห่งสกุลฝาน ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องช่วยข้าหรอก” ตอนนี้เขาได้ฟังอย่างชัดเจนแล้วว่าผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิงคือยอดฝีมือขั้นอลวนชั้นที่สิบคนหนึ่งของรัฐเมฆทักษิณา พรสวรรค์ร้ายกาจหาใดเปรียบ น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าขั้นอลวนชั้นที่สิบส่วนใหญ่เสียอีก
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้
นั่นก็เป็นรัฐประเทศภายนอก! ภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุนั้นเลือกปฏิบัติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ‘คุณชายไห่’ยังเป็นศิษย์สำนักจ้าวอสรพิษเขียวหยกแห่งสกุลฝานด้วย
ถึงแม้ว่าปาถัวเฉินจะจิตใจบิดเบี้ยวจากการอยู่ภายใต้ความทรมานมาหนึ่งปี แต่เขากลับมีความซาบซึ่งต่อ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ อย่างแท้จริง เพราะว่าเขาคือผู้ที่ช่วยเหลือตนอยู่ในความมืดโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนอย่างแท้จริง
“บอกให้เจ้าออกมาก็ออกมาเสียเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงตะโกนเสียงเบา
ส่งเสียงออกไป
ปาถัวเฉินก็ลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวแล้วเดินออกมาตามทางเดิน รอหลังจากที่ออกมาแล้วเขาจึงได้สติกลับมาด้วยความพรั่นพรึง ในใจของปาถัวเฉินพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง เขาหันศีรษะกลับมามองดูคุก ตนเองถึงกับออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยหรือ ถูกควบคุมหรืออย่างไรกัน
“เจ้านาย อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ช่างน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด เกรงว่าเมื่อเทพจักรวาลอยู่ต่อหน้าเขาก็คงถูกควบคุมเช่นกัน! ตอนนี้ข้ายังอ่อนแอเกินไป รู้สึกได้ถึงการคุกคามอย่างมหาศาล ดังนั้นข้าจึงได้แต่เก็บงำกลิ่นอายอย่างสิ้นเชิงอยู่ภายในวิญญาณของท่าน” เสียงหนึ่งดังขึ้นภายในวิญญาณของปาถัวเฉิน
“ผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิงมิได้มีเจตนาร้ายต่อข้าเสียหน่อย” ปาถัวเฉินสื่อสารด้วยวิญญาณ
“ช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าบุกเข้ามาในคุกหุบเขาเร้นวายุของสกุลฝานเรา! ” ไกลออกไปมีเสียงตะโกนดังลั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำคนหนึ่งทะยานมาจากที่ไกลๆ ด้านหลังก็มียามรักษาการณ์คนอื่นๆ ตามมาด้วย
บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำผู้นั้นมองไปทางปาถัวเฉินที่หนีออกมาอย่างเดือดดาลหาใดเปรียบแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “ปาถัวเฉิน เจ้าสามารถผ่านการ ‘หลอมวิญญาณ’ มาได้ ไม่ตายก็นับว่าบุญโขแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะพยายามหลบหนีอีก คุกของสกุลฝานเรา เจ้าจะหนีไปได้พ้นอย่างนั้นหรือ ยังมีอีก ผู้ช่วยของเจ้านี่มีฝีมือพอใช้ได้เลยทีเดียว สามารถเล็ดรอดเข้าไปในคุกสกุลฝานของเราได้ด้วย เข้าไปจัดการให้ข้า ฆ่าพวกมันเสียให้หมด”
บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำโบกสะบัดแส้อันหนึ่งนำเข้ามาก่อน
ขวับ
แส้เหนี่ยวนำสายฟ้าเคลื่อนข้ามผ่านท้องฟ้า เคลื่อนผ่านส่วนโค้งขนาดมหึมา ในท้ายที่สุดก็ฟาดลงบนร่างกายของบุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำเองอย่างหนักหน่วง ฟาดเสียจนเนื้อหนังถลอกปอกเปิก หยาดโลหิตสาดกระเซ็น
บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำส่งเสียงคร่ำครวญเสียงหนึ่ง แต่บนใบหน้ากลับเผยสีหน้าตื่นเต้น “รู้ถึงความร้ายกาจแล้วหรือไม่ ฮ่าฮ่า”
ปากตะโกนไปพลาง แล้วก็โบกสะบัดแส้ต่อไปอีก
เปรี๊ยะๆๆๆ…
ตวัดแส้คราแล้วคราเล่า ต่างก็ฟาดลงบนร่างกายของเขาเองทั้งสิ้น เขาฟาดจนร้องคร่ำครวญไม่หยุด แต่กลับมีสีหน้าตื่นเต้น
เหล่ายามรักษาการณ์คนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างต่างก็ปากอ้าตาค้าง แต่ละคนถึงกับถ่ายเสียงพูดให้แก่เพื่อนร่วมงานผู้นี้ แต่ก็ไร้ประโยชน์
“นี่…” ปาถัวเฉินที่อยู่ด้านข้างปากอ้าตาค้างมองดูฉากนี้ บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำผู้นี้คือผู้ที่จัดมาเพื่อเพ่งเล็งเขาโดยเฉพาะในคุกหุบเขาเร้นวายุ เพราะก็เป็นคำสั่งของคุณชายไห่ แต่ตอนนี้บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำผู้นี้กำลังฟาดตนเองอย่างนั้นหรือ ดีร้ายอย่างไรก็เป็นผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนเชียวนะ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนดูอยู่ที่กลางท้องฟ้าด้านนอกถ้ำอย่างเงียบๆ
เขาเองก็ไม่นึกอยากเปิดฉากสังหาร เพราะยังต้องไว้หน้าสกุลฝานอยู่
และยิ่งคร้านจะไปเปิดเผยตัวตนกับยามรักษาการณ์เหล่านี้ เหตุผลที่สั่งสอนบุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำผู้นี้สักยกหนึ่งก็เป็นเพราะตงป๋อเสวี่ยอิงมองออกว่าเหตุปัจจัยของบุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำกับปาถัวเฉินค่อนข้างแน่นหนา เห็นได้ชัดว่ามีความแค้นต่อกัน
“มาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นมอง
ไกลออกไปมีบุรุษอาภรณ์สีดำปรากฏตัวขึ้น ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้าประหลาดใจ “มหาเคารพซือเทียน”
เขามาศึกษาโลกจิต ก็ต้องแจ้งมหาเคารพซือเทียนแล้ว มาช่วยเหลือคนที่คุกหุบเขาเร้นวายุ ก็ได้บอกมหาเคารพซือเทียนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน! ผู้ที่ช่วยก็เป็นเพียงแค่เด็กขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งเท่านั้น…มหาเคารพซือเทียนก็ตอบตกลงในทันที นี่ย่อมเป็นเรื่องเล็กๆ ที่มิได้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว!
“พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ…”
เงาร่างสายแล้วสายเล่าปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ระดับสูงที่แท้จริงของคุกหุบเขาเร้นวายุ รวมถึงเทพจักรวาลคนหนึ่งกับขั้นอลวนคนอื่นๆ จำนวนหนึ่ง แต่ละคนปรากฏตัวขึ้นอย่างประหม่า! เหล่ายามรักษาการณ์จำนวนมาก รวมทั้งบุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำที่ฟาดตนเองต่างก็ฟื้นฟูสติกลับมา พวกเขาต่างก็เห็น ‘มหาเคารพซือเทียน’ ที่อยู่ไกลออกไปแล้ว
“คารวะท่านมหาเคารพ”
ทุกคนต่างพากันทักทายด้วยความเคารพโดยพร้อมเพรียง
มหาเคารพซือเทียนสถานะสูงส่งเหลือเกิน! เขายังเป็นผู้ดำเนินการของทั้งสกุลฝาน สถานะยังพิเศษกว่ามหาเคารพท่านอื่นๆ อีกห้าคนอยู่พอสมควร เขาถึงกับมาที่คุกหุบเขาเร้นวายุเลยหรือ นี่คือคุกที่อยู่ชายขอบที่สุดของคีรีมาร เป็นคุกที่มีสถานะต่ำต้อยอย่างที่สุดแล้ว คุกที่มีความสำคัญสำหรับคุมขังนักโทษฉกรรจ์อย่างแท้จริง เช่นนั้นการคุมขังก็จะเข้มงวดกว่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ย” มหาเคารพซือเทียนอมยิ้มมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ก้าวยาวๆ เข้ามา เขาก็ทำการควบคุมอากาศอันไร้รูปร่างพาตัวปาถัวเฉินที่อยู่ด้านหลังมาด้วยเช่นกัน
“ก็แค่ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งที่มีโชคชะตาก็เท่านั้นเอง คิดไม่ถึงว่ามหาเคารพจะมาที่นี่ด้วยคนเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอื้อนเอ่ย
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ในเมื่ออยู่ที่คีรีมารสกุลฝานกันหมดแล้ว ข้าก็ย่อมต้องมาพบสักหน่อยอยู่แล้วสิ” มหาเคารพซือเทียนพูดยิ้มๆ พลางมองไปทางปาถัวเฉินที่อยู่ด้านข้าง “นี่ก็คือเด็กที่เจ้าช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ”
ปาถัวเฉินประหม่าอย่างที่สุด
สิ่งมีชีวิตอีกคนหนึ่งภายในดวงวิญญาณของเขาก็ยิ่งกลั้นหายใจอย่างสุดชีวิต
มหาเคารพซือเทียน!
บุคคลอันดับสองของสกุลฝาน! บุคคลที่น่าหวาดหวั่นเป็นรองเพียงแค่บรรพชนสกุลฝานเท่านั้น ลำพังแค่มหาเคารพซือเทียนก็ยืนอยู่เหนือกว่าระดับสุดยอดของทั้งดินแดนจิตโลกาแล้ว
“เข้าไปในคีรีมารตอนนี้เลยหรือไม่” มหาเคารพซือเทียนถาม
“ได้สิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วหันหน้ามองไปทางปาถัวเฉิน “ปาถัวเฉิน เจ้าวางแผนจะไปไหนหรือ”
………………………………………