Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 8 กลับบ้าน
“ผู้อาวุโส ข้ายั่วยุศัตรู ไปจากรัฐโบราณคิมหันตวายุเสียจะเป็นการดีกว่า” ปาถัวเฉินพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วโบกมือคราหนึ่ง
ครืน
เขาสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาเปิดทางเชื่อมมิติเส้นหนึ่ง ปาถัวเฉินมองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างซาบซึ้งปราดหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “บุญคุณใหญ่หลวงของผู้อาวุโส ข้าน้อยไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้ตอบแทน” พูดจบแล้วก็หันหน้าเดินไป เข้าไปในทางเดินนั้นแล้วก็หายลับไปไม่เห็นอีก
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็แย้มยิ้ม
จิตข้าคือจิตฟ้า กับผู้อ่อนแอจำนวนนับไม่ถ้วน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้ให้ความสำคัญราวกับมดปลวก หากแต่มีจิตใจเมตตาสงสาร ในสายตาของเขา ปาถัวเฉินก็คือเด็กน้อยที่น่าสงสารคนหนึ่ง ตอนแรกทั้งตระกูลก็ถูกล้างผลาญ ถูกตนส่งมายังรัฐโบราณคิมหันตวายุก็ไปยั่วยุศัตรูเข้า ถูกคุมขังเอาไว้ในคุกของสกุลฝาน ถ้าหากตนไม่ช่วยเหลือก็เกรงว่าเขาคงจะมิได้มีชีวิตรอดอยู่มาจนถึงวันนี้แล้ว
“น้องเฟยเสวี่ย พวกเราไปกันเถิด” มหาเคารพซือเทียนเอ่ย
“รบกวนท่านมหาเคารพแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ว่ามหาเคารพไว้หน้าตนอย่างแท้จริง
“เจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันหรอก” มหาเคารพซือเทียนยิ้มแล้วก็นำทางตงป๋อเสวี่ยอิงจากไปพร้อมกัน
เมื่อระดับสูงคนอื่นๆ และเหล่ายามรักษาการณ์ภายในคุกแต่ละคนได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็ลอบตระหนกตกใจ
“เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ยผู้นี้สามารถทำให้มหาเคารพให้ความสำคัญได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ระดับสูงจำนวนไม่น้อยลอบตระหนกตกใจ
“รีบไปรายงานคุณชายไห่เร็วเข้า” จนกระทั่งบัดนี้ บุรุษร่างกำยำอาภรณ์ดำก็ยังคงหัวใจสั่นสะท้าน เขาถึงกับจะใช้แส้ฟาดผู้แกร่งกล้าผู้น่าหวั่นเกรงที่แม้แต่มหาเคารพซือเทียนก็ยังรักษามารยาทเช่นนี้เลยหรือ
……
ตอนนี้คุณชายไห่ ‘ฝู่หยาไห่’ กำลังฟังคำสอนของท่านอาจารย์อยู่ที่เบื้องล่างที่นั่งของท่านอาจารย์จ้าวอสรพิษเขียวหยกพร้อมกันกับเพื่อนร่วมสำนักคนอื่นๆ
“หืม”
นัยน์ตาเรียวยาวของจ้าวอสรพิษเขียวหยกมีแววประหลาดใจสายหนึ่งแวบผ่าน เขาตะโกนขึ้นในทันใด
“ผู้อื่นถอยออกไปให้หมด ให้เหลือแค่ฝู่หยาไห่อยู่ที่นี่”
บรรดาศิษย์ทั้งหลายต่างพากันร่นถอยไปในทันใด
คุณชายไห่นั่งอยู่ที่เบื้องล่างตามลำพังพลางมองท่านอาจารย์ที่อยู่ด้านบน แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้รับสารที่ส่งมา
“จะก่อเรื่องก็ไม่ทำให้สะอาดหมดจดเช่นนี้” จ้าวอสรพิษเขียวหยกขมวดคิ้วมองลูกศิษย์ปราดหนึ่ง
“ท่านอาจารย์ ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้น อิงซานเสวี่ยอิงก็เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญจากรัฐประเทศภายนอกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเขาให้มากไปนักหรอกขอรับ”
คุณชายไห่เอ่ยอย่างทนไม่ไหว
จ้าวอสรพิษเขียวหยกเอ่ยอย่างเย็นชาหยามเหยียด “โง่เง่านัก เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ยเป็นผู้ที่กลับชาติมาเกิด สามารถสำแดงเคล็ดวิชาขั้นอลวนกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้ เกรงว่าความเป็นมาคงจะยิ่งใหญ่จนชวนให้คนตกใจเลยทีเดียว! นอกจากนี้ ลำพังแค่พลังยุทธ์ของเขาในตอนนี้ ข้าเองก็เกรงว่าคงจะมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเสียแล้ว”เขากระจ่างแจ้งเป็นอย่างยิ่งว่าเทพจักรวาลของวิถีโลกเทียม วิถีอากาศก็สูงส่งลึกล้ำเกินกว่าจะจินตนาการได้ พลังยุทธ์ของอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้คงยากคาดเดาเลยทีเดียว!
อย่างน้อยๆ พลังยุทธ์ที่สามารถมองออกได้ก็แข็งแกร่งกว่าเขาแล้ว
“โอ้” คุณชายไห่ตกตะลึง
“ข้าสั่งให้คนไปตรวจสอบปาถัวเฉินผู้นั้นแล้ว เขาเป็นเด็กผู้รอดชีวิตคนหนึ่งของสกุลปาถัวแห่งรัฐถูฮวา ตอนนั้นอิงซานเสวี่ยอิงก็แค่ผ่านทางรัฐถูฮวาแล้วช่วยเหลือส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง มิได้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งแต่อย่างใด อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ช่างมีเมตตาเสียเหลือเกิน” จ้าวอสรพิษเขียวหยกพูด “ถ้าหากเจ้าอยากจะจัดการปาถัวเฉิน ก็ต้องทำอย่างสะอาดหมดจด อย่าให้เหลือร่องรอยเอาไว้แม้แต่น้อย!”
“ข้าเข้าใจขอรับ” คุณชายไห่พยักหน้า เป็นถึงศิษย์ของสกุลฝาน ก็ย่อมมีวิธีการบางอย่างที่ทำให้ ‘การสะกดรอย’ ด้วยวิธีการต่างๆ มากมายต่างก็ไม่สามารถตรวจสอบพบได้
“ให้เจ้าหนีออกไปอย่างนั้นหรือ ถึงกับโชคดีสามารถสร้างสัมพันธ์กับอิงซานเสวี่ยอิงได้ ข้ามิอาจยั่วยุอิงซานเสวี่ยอิงได้ ข้าก็มิอาจจัดการเจ้าเด็กผู้นี้ได้อย่างนั้นหรือ” คุณชายไห่รู้ว่าความแค้นของตนกับปาถัวเฉินใหญ่โตเหลือเกินแล้ว ก่อนหน้านี้ยังคิดจะใช้ประโยชน์จากเขาอยู่ แต่ตอนนี้ในเมื่อหนีไปแล้วก็ต้องหาโอกาสถอนรากถอนโคน!
……
ณ ‘เมืองอนันต์’ แห่งรัฐโบราณสหโลกา
เมืองอนันต์ เป็นสถานที่ของ ‘เจ้าเมืองอนันต์’ หนึ่งในห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกา ทั้งยังเป็นหนึ่งในห้าเมืองใหญ่ของรัฐโบราณสหโลกาอีกด้วย เพราะอุปนิสัยของเจ้าเมืองอนันต์ ก็ได้กำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้…จนทำให้เมืองอนันต์เป็นเมืองที่เป็นระบบระเบียบที่สุดในบรรดาทั้งห้าเมืองใหญ่ของรัฐโบราณสหโลกา
“หืม”
บริเวณรกร้างว่างเปล่านอกเมืองอนันต์ กลางทางเชื่อมมิติอันบิดเบี้ยวมีชายหนุ่มที่ดูอัตคัดผู้หนึ่งเดินออกมา ซึ่งก็คือปาถัวเฉินที่ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงส่งมาที่นี่
ปาถัวเฉินมองดูปราการเมืองอันกว้างใหญ่ไพศาลตรงหน้าแล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า “เมืองอนันต์แห่งรัฐโบราณสหโลกาหรือ มีระเบียบยอดเยี่ยมเป็นที่สุด อีกทั้งยังห่างไกลจากรัฐโบราณคิมหันตวายุด้วย ผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิงช่างตั้งใจทำเพื่อข้าจริงๆ”
ในใจของปาถัวเฉินซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าคุกของสกุลฝานจะน่าหวาดหวั่น แต่ตามแผนที่เขาวางเอาไว้ตั้งแต่แรก หลังจากที่สิ้นเปลืองเวลายาวนานพอแล้ว ในท้ายที่สุดก็มีความหวังที่จะหนีออกไปได้ แต่อิงซานเสวี่ยอิงช่วยเหลือเขา กลับทำให้เขาหนีออกมาจากคุกได้เร็วขึ้น ‘ท้องฟ้าสูงปักษาโผบิน’ โดยแท้ พลังยุทธ์ของเขาก็สามารถเริ่มต้นยกระดับขึ้นอย่างมหาศาลได้อย่างแท้จริง
“ผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิง พลังยุทธ์ของข้าในตอนนี้อ่อนแออยู่ ในภายหน้าข้าปาถัวเฉินจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน” ปาถัวเฉินเอ่ยพึมพำ
“เจ้านาย สถานที่ที่มีระเบียบดีเกินไป ไม่เหมาะกับการพัฒนาของท่านหรอก พวกเราจะต้องไปยังสถานที่ที่ชุลมุนวุ่นวายสิ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นในวิญญาณของปาถัวเฉิน
“อืม”
“เจ้านายไม่ต้องรีบร้อนหรอก เจ้านายสามารถผ่านการทดสอบหลอมวิญญาณของนายท่านผู้เฒ่าได้ พรสวรรค์สูงส่งเป็นที่สุด เป็นผู้สืบทอดที่เหมาะสมที่สุดที่นายท่านผู้เฒ่าหาพบในระยะเวลาอันยาวนาน ขอเพียงแค่เจ้านายตั้งใจบำเพ็ญ ในอนาคตก็จะสามารถมีความหวังที่จะเทียบเคียงได้ในระดับเดียวกันกับอิงซานเสวี่ยอิงนั้น หรือแม้กระทั่งเหนือกว่าเขา ยืนอยู่เหนือระดับสุดยอดของทั้งดินแดนจิตโลกาเลยทีเดียว”
“ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นระเบียบเรียบร้อยดี แต่กลับมิใช่สถานที่ที่ข้าควรรั้งอยู่ ไปกันเถิด ส่งตัวข้าไปจากที่นี่ที” ปาถัวเฉินมองเมืองอนันต์ปราดหนึ่ง
“ขอรับ เจ้านาย”
ทันใดนั้นระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างขุมหนึ่งก็ห่อหุ้มปาถัวเฉินเอาไว้ จากนั้นก็หายลับไปไม่เห็นอีก
******
ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่าที่ตนช่วยเหลือเจ้าเด็กปาถัวเฉินในครั้งนี้ ในอนาคตจะก่อให้เกิดคลื่นลมมากมายเพียงใด ขณะนี้เขากำลังได้พบกับตำราโลกจิต ตำราที่แข็งแกร่งที่สุดทางด้าน ‘โลกเทียม’ ของสกุลฝาน ภายใต้การนำทางของมหาเคารพซือเทียน
ในระหว่างที่มือลูบคลำตำราสีดำเล่มหนา ข้อมูลจำนวนมหาศาลก็พุ่งเข้าสู่ห้วงสมอง
“ร้ายกาจนัก”
“ล้ำเลิศเหลือเกิน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นถึงบุคคลที่วิถีโลกเทียมสำเร็จเป็นเทพจักรวาล สายตาก็ย่อมสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ค้นพบความน่าหวาดหวั่นของตำราโลกจิตนี้ได้ในทันที! ถึงอย่างไรก็เป็นวิถีโลกเทียมที่ ‘บรรพชนฝาน’ บุคคลผู้ไร้เทียมทานบำเพ็ญไปควบคู่กัน วิวัฒน์เอาเคล็ดวิชาโลกเทียมออกมา ก็เป็นตำราโลกเทียมที่แกร่งที่สุดในรัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว
“มหาเคารพซือเทียน ข้าศึกษาเคล็ดวิชานี้แล้ว ก็ขอไปที่พระราชวังก่อนล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ได้สิ ฮ่าฮ่า ถ้าหากมีเคล็ดสืบทอดลับที่เหมาะสม เจ้าก็สามารถขายต่อให้กับสกุลฝานของข้าได้นะ” มหาเคารพซือเทียนพูดพลางยิ้มน้อยๆ เหตุผลที่เขาเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ พลังยุทธ์นั้นเป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญก็คืออิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้สามารถเผยแพร่ ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ ออกสู่ภายนอกได้ นี่คือเคล็ดวิชาอันน่าหวาดหวั่นที่มหาเคารพซือเทียนคิดว่าไปถึง ‘ระดับขั้นเทพจักรวาลที่สาม’ จึงจะสามารถคิดค้นออกมาได้ อิงซานเสวี่ยอิงสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้ สถานะภายในสำนักวิชาเมื่อชาติก่อนจะต้องสูงส่งมากอย่างแน่นอน คาดว่าน่าจะยังมีเคล็ดวิชาที่เหมาะสมอยู่
“แน่นอน แน่นอน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับปาก ทันใดนั้นก็ออกจากคีรีมารสกุลฝาน มาถึงยังพระราชวังแห่งนครหลวงคิมหันตวายุ
……
ในส่วนลึกของพระราชวัง
“การถ่ายทอดของปุจฉวิถีคละถิ่นก็มีความซับซ้อนอยู่บ้าง เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ยเข้าไปข้างในก่อนเถิด” ชายชราอาภรณ์เหลืองผู้หนึ่งนำทางตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงยังห้องโถงอันลึกลับที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินแห่งหนึ่ง ที่กลางห้องโถงมีเสาศิลาอันพิสดารแปลกตาแขวนลอยอยู่ แต่ในขณะนี้เสาศิลากลับเปิดประตูออกมา “เข้าไปภายในเสาศิลาแล้วต้องจำเอาไว้ว่าต้องรักษาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ มิฉะนั้นก็จะเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส”
“ได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ก้าวย่างเข้าสู่ภายในเสาศิลา นี่คือข้อตกลงที่จักรพรรดิเซี่ยตกลงเอาไว้กับตน หากจักรพรรดิเซี่ยอยากจะสังหารตนเองก็ย่อมสามารถผลาญสังหารได้ตลอดเวลา คงจะไม่ใช้วิธีการที่น่าขันเช่นนี้มาลอบสังหารตนอยู่แล้ว
“ปึง” เข้ามาสู่ด้านในของเสาศิลา มิติด้านในกว้างเพียงแค่ไม่กี่จั้ง สูงสามจั้ง ประตูศิลาปิดผนึกลงในทันที
จากนั้นทั่วทั้งด้านในของเสาศิลาก็มีลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
เสาศิลานี้คล้ายกับจะกลายเป็นตะแกรงอันหนึ่ง ด้านในมีเส้นสายจำนวนนับไม่ถ้วน ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
“แคว่ก…” แก่นห้วงอากาศบริเวณรอบๆ ถูกฉีกทำลายออกเป็นโพรงขนาดใหญ่ โพรงดำขลับมีพลังคละถิ่นพรั่งพรูออกมา สิ่งนี้ใหญ่กว่าโพรงที่ตนสำแดงเคล็ดทลายเวหาทลายเปิดออกมามากมายเหลือเกิน
“นี่…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้แล้ว
ยามที่พลังคละถิ่นอันเข้มข้นหาใดเปรียบนั้นพุ่งออกมา เพราะว่าเข้มข้นและยิ่งใหญ่เหลือเกิน ถึงขนาดที่แทรกทะลุเข้าไปภายในร่างกายของตน ทำให้ร่างกายเกิดความเจ็บปวดจางๆ นี่ก็คือเงื่อนไขที่ตนสำแดง ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ ถ้าหากไม่สำแดงก็เกรงว่าจะ ‘เจ็บปวดทรมานแสนสาหัส’ อย่างที่วิญญาณค่ายกลนั่นพูดเอาไว้จริงๆ
พลังคละถิ่นหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของตน แล้วก็หลั่งไหลเข้าสู่เสาศิลาเช่นเดียวกัน
หลังจากเสาศิลาที่แผ่ลำแสงสีทองถูกพลังคละถิ่นหลั่งไหลเข้าไปแล้ว จึงก่อให้เกิดเป็นอักษรสัญลักษณ์สีดำที่มีความพิเศษขึ้นมาแล้วเข้าไปในร่างกายและดวงวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงศึกษาเคล็ดวิชานี้ได้สำเร็จ
เคล็ดวิชานี้ถูก ‘กฎเกณฑ์สูงสุด’ จำกัดโดยกำเนิด! ตามปกติแล้วล้วนมิอาจศึกษาได้ มีเพียงการอาศัยพลังคละถิ่นปริมาณมหาศาล จึงมีความหวังที่จะถ่ายทอดได้
“ฉีกทำลายโพรงโลกกำเนิดอย่างใหญ่โตเช่นนี้ คาดว่าท่านอาจารย์ของข้าก็ยังทำมิได้เลยกระมัง แต่ค่ายกลนี้กลับทำได้อย่างนั้นหรือ จักรพรรดิเซี่ยจะต้องทุ่มเทความคิดจิตใจไปเป็นอันมากอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ จักรพรรดิเซี่ยตั้งใจเป็นอย่างยิ่งเพื่อคิดค้นเคล็ดวิชานี้ เพียงแต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังคิดค้นได้เพียงแค่สองขั้นเท่านั้นเอง
อย่างเช่นโลกจิต
ตำราทางด้านเขตลวงโลกเทียมอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วต่างก็มีราคาแพง โลกจิตยิ่งเป็นสุดยอดในบรรดานั้น แปดหมื่นมหาคุณูปการนั้นช่างธรรมดายิ่งนัก
แต่ตำราวิถีอากาศศาสตร์หนึ่ง ระดับสูงที่สุดจึงจะเหมาะสมกับระดับขั้นเทพจักรวาลที่สอง แต่ต้องใช้หนึ่งแสนมหาคุณูปการ นี่ก็คือราคาที่เทียบเคียงกับเคล็ดสืบทอดลับที่มุ่งตรงสู่ความเป็นสุดยอดแล้ว กระทั่งการถ่ายทอดก็ยังได้รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์สูงสุด สามารถเห็นได้ถึงความพิเศษมหัศจรรย์
ทั้งหมดกลับคืนสู่ความเงียบสงบ โพรงโลกกำเนิดที่ทลายเปิดออกมานั้นก็ฟื้นคืนเช่นเดียวกัน
“ปึงๆๆ”
ประตูศิลาเปิดออก
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกมาจากข้างในนั้น บนใบหน้าเผยสีหน้าตื่นเต้น ล้ำเลิศ ล้ำเลิศ ปุจฉวิถีคละถิ่นนี้ช่างคุ้มค่าเหลือเกินจริงๆ!
“ศึกษาสำเร็จหมดแล้วหรือ” ชายชราอาภรณ์เหลืองพูดยิ้มๆ
“ศึกษาสำเร็จทั้งหมดแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เช่นนั้นข้อตกลงของเค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ยกับสกุลเซี่ยเราก็นับได้ว่าสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะส่งเค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ยออกไป” ชายชราอาภรณ์เหลืองพูดพลางยิ้มน้อยๆ
******
‘เมืองหิมะเหิน’ เมืองใหญ่ของรัฐเมฆทักษิณา
ภายในเจดีย์เทพอากาศ
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองมาถึงที่นี่อย่างเงียบเชียบ ถึงขนาดที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาเข้ามาภายในเจดีย์เทพอากาศแล้ว
“ควรกลับไปได้แล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองนั่งขัดสมาธิพลางเอ่ยพึมพำ
ตำราที่จำเป็นต้องใช้ก็ได้มาแล้ว
นี่คือหนึ่งในที่พึ่งของตนที่อากาศอันสับสนอลหม่าน
ตนเองก็สำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว
“ไม่รู้เลยว่าจิ้งชิว อวี้เอ๋อร์ และชิงเหยาเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว ตอนนี้อากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิดยังอยู่ดีหรือไม่” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ไป กลับบ้าน!”
เพียงความนึกคิดเดียว
ทันใดนั้นพลังที่ป้ายคำสั่งจิตโลกาเหลือเอาไว้ครึ่งที่แฝงอยู่ในวิญญาณมาโดยตลอด พลังสีแดงชาดนั้นก็ถูกกระตุ้นในทันใด ห่อหุ้มวิญญาณแท้ของส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของแก่นวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้!
“ปัง”
พลังสีแดงชาดนั้นพุ่งขึ้นในทันใด
วิญญาณแผ่กระจายออกไปจนหมดสิ้นราวกับกรวดทรายในทันใด พลังสีแดงชาดก็ห่อหุ้มวิญญาณแท้สายหนึ่งเอาไว้แล้วก็สูญหายไปในทันที
ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทองยังอยู่ที่นั่นอย่างสมบูรณ์ดีเช่นเดิม
“พรึ่บ”
ร่างแยกตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์เขียวเหินลอยออกมาจากสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ ถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ก็มีร่างแยกอยู่ถึงเก้าร่าง
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์เขียวโบกมือคราหนึ่ง ร่างกายอาภรณ์ทองนี้ก็แยกสลายกลายเป็นพลังอันเป็นพื้นฐานที่สุด
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์เขียวมองออกไปไกลยังทิศทางหนึ่ง เขารู้สึกได้ถึงทิศทางของ ‘วิญญาณแท้สายนั้น’ “หวังว่าแผนของข้าจะสำเร็จโดยสมบูรณ์แบบนะ”
มีร่างแยกเหลือเอาไว้สำหรับการต่อสู้ที่ดินแดนจิตโลกา
แล้วก็มีร่างแยกที่กลับบ้านเกิด
……
“ปัง”
ภายใต้การห่อหุ้มของป้ายคำสั่งจิตโลกา วิญญาณแท้สายหนึ่งก็ไปจากดินแดนจิตโลกาในทันใด มุ่งหน้าไปยังมิติลึกลับระดับสูงกว่า
วิญญาณแท้ของตงป๋อเสวี่ยอิงในคราวนี้ก็คือวิญญาณแท้ของเทพจักรวาล การรับสัมผัสต่อโลกภายนอกก็กระจ่างชัดกว่าเป็นอย่างมาก แต่ก็รู้สึกได้ถึง ‘ความน่าหวาดหวั่นอันยิ่งใหญ่’ ส่วนมิติลึกลับระดับสูงกว่านั้นย่อมมิใช่สิ่งที่ตนเองในยามนี้สามารถเหยียบย่างไปถึงได้อยู่แล้ว
“ยังสามารถสัมผัสถึงได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงความทรงจำกับร่างแยกที่ดินแดนจิตโลกา
เวลาที่นี่บางทีก็ไร้ซึ่งความหมายเสียแล้ว มิอาจแยกแยะความเร็วในการไหลของเวลาได้เลย รู้เพียงแค่ความรู้สึกเนิ่นนาน ยาวนานมากเหลือเกิน
หลังจากที่มุ่งหน้าไปยัง ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ โลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งอย่างไม่หยุดหย่อน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่าการรับสัมผัสต่อร่างแยกที่ดินแดนจิตโลกานั้นอ่อนแอลงเรื่อยๆ การเชื่อมโยงความทรงจำก็ยิ่งกินแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงแค่วิญญาณแท้ดวงหนึ่งของแก่นวิญญาณเท่านั้นเอง! เป็นเพียงแค่หนึ่งในล้านล้านส่วนของวิญญาณเท่านั้น…” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “อ่อนแอเกินไป ดังนั้นพอระยะทางไกล การรับสัมผัสก็จะกินแรงแล้ว เชื่อว่าพอกลับไปถึงบ้านเกิด วิญญาณของข้าแกร่งกล้าขึ้นมา ก็คงจะสามารถรับสัมผัสได้แล้วล่ะ”
อย่างช้าๆ
ความทรงจำมิอาจเชื่อมโยงได้อีกแล้ว เพียงแค่สามารถรับสัมผัสถึงการมีอยู่ของร่างแยกทางฝั่งดินแดนจิตโลกานั้นได้อย่างรางๆ
พลังของป้ายคำสั่งจิตโลกาลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
น้อยลงไปเรื่อยๆ
“มาแล้ว” ทันใดนั้นสติของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สั่นสะท้าน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่วิญญาณแท้สายหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นวิญญาณแท้เทพจักรวาล แกร่งกล้ากว่าวิญญาณเทพอากาศโดยทั่วไป! สามารถรู้สึกได้อย่างกระจ่างชัดว่าตนเองกำลังเข้าใกล้ระลอกคลื่นที่กว้างใหญ่ไพศาลน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ นั่นยังเป็นระลอกคลื่นที่ตนคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย… ระลอกคลื่นของโลกกำเนิด ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’
พรึ่บ!
ทันใดนั้น ภายใต้การปกป้องของพลังของป้ายคำสั่งจิตโลกาที่เหลือรอดอยู่เพียงน้อยนิด วิญญาณแท้สายหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงก็พุ่งตรงเข้าไปท่ามกลางโลกกำเนิด ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’
“กลับมาแล้ว ในที่สุดข้า ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กลับมาแล้ว! จิ้งชิว ข้ากลับมาแล้ว!” ขณะนี้ความตื่นเต้นยินดีของตงป๋อเสวี่ยอิงก็พรั่งพรู
………………………………………..
Comments for chapter "ตอนที่ 8 กลับบ้าน"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
NewZer
ตอนซ้ำครับ
Ake Krab
แอดครับ ตอน 7-8 ซ้ำกันครับ
Karn
แอดมิน อัพ ตอนซ้ำครับ ตอนที่ 7-8 ครับ