Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 9 กลับชาติมาเกิดยังโลกดาราระยับ
“ปัง”
ภายใต้การปกป้องของพลังป้ายคำสั่งจิตโลกา วิญญาณแท้สายหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิง ถูกส่งตรงเข้าไปในตัวอ่อน มีประสบการณ์การกลับชาติมาเกิดในครั้งก่อน เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว พลังชีวิตที่แฝงอยู่ใน ‘ตัวอ่อน’ ในคราวนี้อ่อนแอกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด “ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างอ่อนแอ แต่คาดว่าพอเกิดมาแล้วก็จะเป็นชีวิตเหนือธรรมดา บิดามารดาของร่างที่กลับชาติมาเกิดในครั้งนี้คงจะเป็นระดับเทพโลกาเทพแท้กระมัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น
หลังจากที่วิญญาณแท้สายหนึ่งและตัวอ่อนผสานรวมเข้าด้วยกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเพียงว่าวิญญาณแท้ส่งเสียงคำราม แล้วก็สูญสิ้นสติรับรู้ไปเสียแล้ว
นี่ก็เป็นไปตามการโคจร ‘กฎเกณฑ์สูงสุด’ เป็นการกลับชาติมาเกิดตามปกติ
นี่คือสิ่งที่บรรพชนฝาน ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและคนอื่นๆ จำนวนหนึ่งที่สามารถสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา’ เข้าสู่โลกกำเนิดอื่นๆ ต่างก็ใฝ่ฝันหา! เพราะว่าเป็นผู้มาจากภายนอกคนหนึ่ง ก็เผชิญกับการกดดันขจัดขับไล่ของกฎเกณฑ์สูงสุดของทั้งโลกกำเนิดไปทุกหนแห่ง แม้กระทั่งพลังยุทธ์ก็ยังถูกกดดันเอาไว้อย่างมหาศาล ส่วนการ ‘กลับชาติมาเกิด’ ก็จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากกฎเกณฑ์สูงสุด
เห็นได้ชัดว่า…
ท่านอาจารย์ชองพวกประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยท่านนั้น ยังมีประมุขรัฐเมฆทักษิณา และบรรพชนฝานอีก ต่างก็ไม่สามารถกลับชาติมาเกิดภายในโลกกำเนิดแห่งหนึ่งได้ด้วยตนเอง
ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็อาศัยพลังของ ‘ป้ายคำสั่งจิตโลกา’
มาหนึ่ง กลับอีกหนึ่ง
พลังของป้ายคำสั่งจิตโลกาก็ลดน้อยถอยลง โอกาสอันดีเช่นนี้ไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว!
******
อากาศอันสับสนอลหม่านอันกว้างใหญ่ไพศาล ใหญ่โตกว่าดินแดนจิตโลกาเสียอีก ทั้งยังขยายใหญ่ขึ้นตลอดเวลาอีกด้วย
นอกจากมหาโลกทิพย์ทั้งห้ากับจักรวาลต่างๆ ที่มิอาจนับได้แล้ว ภายในห้วงอากาศอันกว้างใหญ่ไพศาลก็ยังมีดินแดนอีกหลายแห่ง ดินแดนเหล่านี้มีบางส่วนที่มีผู้มีพลานุภาพยิ่งใหญ่รวบรวมพลังฟ้าดินสร้างขึ้นมา มีบางส่วนที่เป็นชิ้นส่วนที่หลงเหลืออยู่จากตอนที่ ‘โลกทิพย์โบราณดั้งเดิม’ แหลกสลาย ตอนที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลาย มีชิ้นส่วนที่ค่อนข้างเล็กชิ้นหนึ่งถูกรวมเข้าไปในส่วนลึกของน้ำวนห้วงอากาศแห่งหนึ่งของอากาศอันสับสนอลหม่าน มีการติดต่อกับโลกภายนอกน้อยนิดยิ่งนัก
โลกชิ้นส่วนที่ค่อนข้างเล็กนี้ถูกเหล่าผู้บำเพ็ญที่อยู่อาศัยและสืบทอดเผ่าพันธุ์อยู่ภายในนั้นเรียกกันว่า ‘โลกดาราระยับ’
“สวบ”
บนเรือบินลำหนึ่งมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
เรือบินมีความยาวเพียงแค่ไม่กี่จั้งเท่านั้น เคลื่อนที่อยู่ท่ามกลางเมฆหมอกด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าก็มิปาน
“ฉินเอ๋อร์ ยังอยู่ห่างจาก ‘สำนักนภาทมิฬ’ เป็นระยะทางหนึ่งวัน พวกเราจึงจะสามารถกลับไปได้” ชายหนุ่มพูด เขาสวมอาภรณ์ยาวสีดำตลอดทั้งร่าง สะพายหอกยาวเล่มหนึ่งไว้บนหลัง เพียงแต่แววตาของเขามีความกระวนกระวายอยู่
“อืม” แววตาของหญิงสาวอาภรณ์ขาวมีความคาดหวังรอคอย นางก้มศีรษะลงลูบคลำครรภ์ที่ยื่นนูนออกมา
ชายหนุ่มก็มองไปยังครรภ์ของภรรยาเช่นกัน ในใจยิ่งทวีความกระวนกระวายและความนึกเสียใจ เขาเอ่ยพึมพำว่า “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะต้องปกป้องภรรยาให้ดีอย่างแน่นอน”
“เจ้าตัวเล็กผู้นี้อยู่ในท้องข้า ก็เติบใหญ่ขึ้นทุกวี่วันแล้ว” หญิงสาวอาภรณ์ขาวลูบครรภ์พลางพูดยิ้มๆ เสียงเบาว่า “เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ในภายหน้าเมื่อถือกำเนิดออกมาและเจริญเติบใหญ่แล้ว จะต้องล้ำเลิศร้ายกาจเช่นเดียวกันกับพี่อวี่อย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มก็แย้มยิ้มน้อยๆ เช่นกัน
ใช่แล้ว
เขามิอาจลืมเลือนภาพเหตุการณ์ที่ตรวจดูทารกในครรภ์ของภรรยาผ่านพลังเทพแท้เป็นครั้งแรกได้เลย การตรวจดูอย่างง่ายๆ ครั้งหนึ่ง หัวใจของเขาก็สั่นไหว นี่คือบุตรคนแรกของเขาและเป็นบุตรเพียงคนเดียวของภรรยาที่เขารักอย่างลึกซึ้ง
“วันเดียว เหลืออีกเพียงวันเดียวเท่านั้น” ชายหนุ่มมองไปไกลยังเบื้องหน้า เรือบินกำลังเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ทันใดนั้นเมฆดำกลุ่มหนึ่งก็เคลื่อนลอยเข้ามาจากที่ไกลๆ เสียงหัวเราะทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น “เซี่ยอีอวี่ ชุยฉิน กว่าจะตามหาพวกเจ้าสองคนได้มิใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
บุรุษอาภรณ์ดำและหญิงสาวอาภรณ์ขาวลุกขึ้นยืนทันควัน มองดูเมฆดำที่เคลื่อนลอยเข้ามาจากท้องฟ้าไกลอยู่บนเรือบินแล้วก็อดที่จะหัวใจสั่นสะท้านและสีหน้าเปลี่ยนแปรมิได้
“มารเฒ่าเขาทองมาแล้ว” สองสามีภรรยาบนเรือบินต่างก็กระวนกระวายในทันใด
“พี่อวี่ ทำอย่างไรกันดีเล่า” หญิงสาวอาภรณ์ขาวชุยฉินเอ่ยอย่างกระวนกกระวาย “ถึงเวลานี้แล้ว เพื่อลูกของพวกเรา…”
“เพื่อลูก ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” บุรุษอาภรณ์ดำขบกราม “หวังว่าเจ้ามารนี่จะสามารถออมมือได้นะ”
“ผู้อาวุโสเขาทอง” บุรุษอาภรณ์ดำมองดูเมฆสีดำที่เคลื่อนตัวเข้ามาจากที่ไกลๆ อยู่ห่างๆ พลางตะเบ็งเสียงดังเอ่ยว่า “พวกเราปรารถนาจะเสนออาวุธเทพอากาศชิ้นนี้ขึ้นไป แต่ผู้อาวุโสจะต้องให้สัตย์สาบานว่า จะไม่…”
ด้วยอุปนิสัยของพวกเขาสองสามีภรรยา ถึงแม้จะต้องเอาชีวิตไปทิ้ง ก็ไม่มีทางให้อาวุธเทพอากาศกับมารตนหนึ่งโดยง่ายแน่
แต่ตอนนี้เพื่อบุตรของพวกเขา พวกเขาก็เต็มใจที่จะมอบสมบัติล้ำค่าออกมา
สัมผัสถึงการเต้นของหัวใจของเด็กที่ยังมิได้ถือกำเนิดออกมาผู้นั้น พวกเขาสองสามีภรรยาก็สาบานเอาไว้แล้วว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ต้องให้บุตรถือกำเนิดออกมาและเติบใหญ่อย่างสงบราบรื่นให้จงได้
“ถ้าหากมอบออกมาเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ข้าก็ยังสามารถให้หนทางรอดชีวิตกับพวกเจ้าได้ แต่เพิ่งมามอบให้ตอนนี้น่ะหรือ สายไปเสียแล้วล่ะ!” เมฆดำม้วนตัวจากที่ไกลๆ ห่อหุ้มบริเวณรอบๆ เข้ามา “เพื่อตามล่าสังหารพวกเจ้า บรรพชนเช่นข้าก็ใช้วัตถุวิเศษล้ำค่าเคลื่อนที่ในพริบตา อีกทั้งแต่ละคนยังไปค้นวิญญาณสืบหาร่องรอยอย่างยากลำบากเหลือแสน…ตอนนี้พวกเจ้ายังคิดอยากหาหนทางรอดอีกหรือ ฮ่าฮ่า เข้ามาอยู่ในท้องของบรรพชนเช่นข้ากันเสียเถิด”
เมฆดำมีความเร็วสูงเป็นที่สุด รวดเร็วกว่าเรือบินกว่าครึ่ง ห่อหุ้มบริเวณรอบๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ในใจของสองสามีภรรยาบนเรือบินกลับหนาวเหน็บอยู่บ้าง
“ฉินเอ๋อร์”
เซี่ยอีอวี่มองไปทางภรรยาที่อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า “ข้าจะโรมรันกับมารเฒ่าผู้นั้นเอง เจ้าก็หนีเอาชีวิตรอดไปเสียเถิดนะ”
“พี่อวี่…” ชุยฉิน หญิงสาวอาภรณ์ขาวสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง
“ท่านอาจารย์ของข้ารักใคร่เมตตาต่อข้าราวบิดากับบุตร ถึงแม้ว่าข้าจะก่อความผิด แต่ท่านอาจารย์ไม่มีทางหยาบกระด้างกับเจ้าเกินไปแน่ เจ้าจะต้องดูแลบุตรชายข้าให้ดีล่ะ” เซี่ยอีอวี่พูด
“อืม” ชุยฉินก็มีระยะเวลาในการบำเพ็ญค่อนข้างยาวนาน ถึงแม้ว่าจะเจ็บช้ำใจเหลือคณา แต่ก็รู้ว่าไม่มีหนทางอื่นให้เลือกเดินอีกแล้ว
เซี่ยอีอวี่ยื่นมือมาลูบคลำครรภ์ที่ยื่นนูนของภรรยา รับสัมผัสความอบอุ่นแล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า “อยากเห็นหน้าเจ้า โอบอุ้มเจ้าเสียเหลือเกิน น่าเสียดายที่ไร้โอกาส”
พรึ่บ
ทันใดนั้น เซี่ยอีอวี่ก็แปลงร่างกายเป็นประกายกระบี่ระยับจับตาสายหนึ่งแหวกผ่านกลางเวหาในทันใด แล้วพุ่งตรงไปทางร่างจริงของมารเฒ่าเขาทองที่อยู่ท่ามกลางเมฆดำม้วนตัว
เสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งสะท้อนก้องฟ้าดิน
“มารเฒ่า รับความตายเสีย!”
บนเรือบิน หญิงสาวอาภรณ์ขาวน้ำตานองหน้า มองดูสามีแล้วก็เข้าไปขัดขวางโดยไม่สนใจสิ่งใด แล้วนางก็ควบคุมเรือบินอย่างสุดกำลัง “เร็ว เร็วเข้า ไป!”
ขอเพียงแค่หนีห่างมาได้เป็นระยะทางช่วงหนึ่ง เพียงแค่เรือบิมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เบี่ยงไปเล็กน้อย การคิดจะหาให้พบนั้นก็เป็นเรื่องยากยิ่ง ระยะเวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอให้กลับไปยังสำนักวิชา เพียงแค่สามีถ่วงเวลามารเฒ่าเขาทองผู้นั้นเอาไว้ได้สักระยะหนึ่ง นางก็มีความหวังเป็นอย่างยิ่งในการหนีกลับไปยังสำนักได้
“พี่อวี่” ในใจของหญิงสาวอาภรณ์ขาวกลับเจ็บปวดขมขื่นเหลือคณา
……
ภายในท้องของหญิงสาวอาภรณ์ขาว
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจนน่าหวาดหวั่นกำลังอยู่ในครรภ์
“โอ้”
สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังตื่นขึ้น วิญญาณแท้สายหนึ่งของเขาแข็งแกร่งเกินไป แม้กระทั่งหลังจากที่กลับชาติมาเกิดโดยอาศัยวิญญาณแท้เป็นพื้นฐานในการสร้างวิญญาณแล้ว ตัวอ่อนระดับชีวิตเหนือธรรมดานี้พัฒนามาจนถึงตอนนี้ก็อยู่ไม่ห่างจากวันครบกำหนดคลอดแล้ว สติรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงค่อยตื่นขึ้น
“ยังดีนะ” ในชั่วขณะแรกที่สติตื่นตัว
ตงป๋อเสวี่ยอิงมั่นใจว่าเขารับสัมผัสได้ถึงร่างแยกอื่นของตนใน ‘ดินแดนจิตโลกา’ โลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งอันห่างไกลหาใดเปรียบอย่างรางๆ
“วิญญาณนี้ของข้ายังอ่อนแอเกินไป ความทรงจำไม่มีทางเชื่อมประสานกันได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถฝืนรับสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของร่างแยก นี่ก็เป็นเรื่องดีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบยินดี
กลับชาติมาเกิด จะเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นกันหนอ
เขาไม่กล้าที่จะแน่ใจไปก่อนล่วงหน้า
สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือสถานการณ์อย่างหนึ่ง…ก็คือวิญญาณหลังกลับชาติมาเกิดกับร่างแยกที่ดินแดนจิตโลกา ไม่มีการรับสัมผัส! นี่ก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในการคาดการณ์ของตงป๋อเสวี่ยอิง ถึงอย่างไรก็เป็นวิญญาณของสองโลกกำเนิด ถ้าหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นจริงๆ เช่นนั้นก็มีวิธีการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น… ก็คือให้ร่างแยกซึ่งอยู่ไกลที่ดินแดนจิตโลกาบำเพ็ญโดยเร็วที่สุด ทำให้วิถีอากาศไปถึงระดับเทพจักรวาลชั้นที่สอง สามารถสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา’ ได้
ถึงเวลานั้นค่อยส่งร่างแยกร่างหนึ่งมาด้วยศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา
การส่งมานั้นถึงแม้ว่าอาจจะถูกขัดขวาง แต่อย่างน้อยก็สามารถใช้ร่างแยกที่ส่งมาเป็น ‘สะพาน’ ทำให้ร่างที่อากาศอันสับสนอลหม่านและร่างที่ดินแดนจิตโลกาสามารถถ่ายทอดความทรงจำซึ่งกันและกันได้อยู่เสมอ
“ยังดี”
“ดูเหมือนวิญญาณของดินแดนจิตโลกาก็จะอาศัยวิญญาณแท้สายหนึ่งของข้าเป็นพื้นฐาน วิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้น การกลับชาติมาเกิดที่อากาศอันสับสนอลหม่านในครั้งนี้ก็ยังคงอาศัยวิญญาณแท้ของข้าเป็นพื้นฐานเช่นเดิม วิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบถอนหายใจคราหนึ่ง
วิญญาณแท้สายหนึ่งของตน ยามที่ถูกส่งออกจากดินแดนจิตโลกานั้นต่างก็สามารถเชื่อมประสานความทรงจำกับร่างแยกได้
หลังจากกลับชาติมาเกิด…วิญญาณที่อาศัยวิญญาณแท้สายหนึ่งนี้เป็นพื้นฐานก่อเป็นรูปร่างขึ้น ยังคงเกิดการรับสัมผัสกับทางโลกกำเนิดนั้นอยู่ ก็เป็นเรื่องปกติ
“โลกภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง”
ในขณะนี้วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงอ่อนแออยู่
แต่ทว่า
เขาก็คือสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นที่ทั้งวิถีโลกเทียมและวิถีอากาศสองวิถีใหญ่ ล้วนไปถึงระดับขั้นเทพจักรวาล ไปถึงระดับเทพจักรวาล ความเร้นลับของกฎเกณฑ์ที่ตระหนักรู้ก็คือระบบจักรวาลที่สร้างขึ้นเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่โลกกำเนิดใดๆ ต่างก็ไปถึงระดับขั้นเทพจักรวาลได้ในทันที
“ฟิ้ว”
สติรับรู้อาศัยห้วงอากาศกวาดไปทั่วทุกทิศทุกทางในทันใด
“ปัง!”
สติรับรู้ของบุคคลผู้สูงส่งปกคลุมไปทั่วทั้ง ‘โลกดาราระยับ’ ในขณะนี้
ยอดฝีมือภายในโลกดาราระยับมีมากมาย แต่กลับไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถตรวจสอบล่วงรู้ได้ ถึงอย่างไรระดับขั้นเทพจักรวาล มองดูทั่วทั้งอากาศอันสับสนอลหม่านก็ยืนอยู่ที่ระดับยอดสุดแล้ว
“บิดามารดาของข้าในชาตินี้เผชิญกับความยุ่งยากอย่างนั้นหรือ” ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ค้นพบเข้าเสียแล้ว
……………………………………………