Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 18 รวบรวมเม็ดทรายอลวนได้ครบ
จักรพรรดิเทพผลาญโลกาและสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูคนอื่นๆ ก็มิอาจสืบหาร่องรอยของ ‘มือสังหาร’ ได้ แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณากลับได้ข่าวมา
ภายในวังหลวงแห่งรัฐเมฆทักษิณา
“นายท่านขอรับ” บ่าวรับใช้ชราเอ่ยด้วยความเคารพ “บ่าวมีเรื่องจะเรียนให้ทราบขอรับ”
“มีเรื่องอันใดก็พูดมาให้เต็มที่เถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณานั่งขัดสมาธิพลางมองดูบ่าวรับใช้ตรงหน้า บ่าวตรงหน้าคนนี้คือมารรับใช้ ‘เพ่ยอวิ๋น’ ผู้จงรักภักดีต่อเขาอย่างสิ้นเชิงซึ่งเขาตั้งใจจัดให้ควบคุมระบบข่าวสารของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์! ข้อมูลระดับพื้นฐานของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็แล้วไปเถิด แต่ข้อมูลที่สำคัญยิ่งต่างๆ รวมไปถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ล้วนแต่เป็นมารรับใช้และวิญญาณอาวุธที่ทำหน้าที่รับผิดชอบ
เนื่องจากพวกเขาจงรักภักดี จึงไม่มีทางปล่อยข่าวให้เล็ดรอดออกไปภายนอกแน่นอน
มารรับใช้เพ่ยอวิ๋นพูดด้วยความเคารพว่า “นายท่าน ข้าสงสัยว่าการตายของประมุขรัฐเฉินฟ่านจะเป็นฝีมือของมือสังหารเร้นลับผู้นั้น ซึ่งก็คือจ้าวหิมะเหินนั่นเอง”
“อะไรนะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาสะดุ้ง
นี่คือเรื่องที่ทำให้ผู้แกร่งกล้าทั้งดินแดนจิตโลกาทั้งหลายไล่ตามหา ก็ไม่พบร่องรอยอันใด แม้เครือข่ายข้อมูลสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ภายใต้บังคับบัญชาของเขาจะนับว่าร้ายกาจ แต่ในบรรดาเครือข่ายข้อมูลมากมายของดินแดนจิตโลกา เกรงว่าคงจะมิได้จัดอยู่ในสิบอันดับแรกเสียด้วยซ้ำ แต่กลับตรวจพบได้อย่างนั้นหรือ
“รีบพูดมาเร็วเข้า เจ้ามีหลักฐานอันใดถึงบอกว่าเสวี่ยอิงเป็นคนทำ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถาม “เสวี่ยอิงคงจะไม่มีความแค้นอันใดกับประมุขรัฐเฉินฟ่านผู้นั้นหรอกกระมัง”
“เรียนนายท่าน วันก่อนจ้าวหิมะเหินออกคำสั่งผ่านเครือข่ายข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของเราให้เก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวโยงกับการเข่นฆ่าและการกวาดล้างขนานใหญ่ทั้งหมด หากพบแล้วให้รายงานเขา ข้าได้รายงานข้อมูลให้เขา…เมื่อวานนี้ข้าได้ส่งรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับ ‘คุกลับ’ ของประมุขรัฐเฉินฟ่านให้แก่จ้าวหิมะเหิน” มารรับใช้เพ่ยอวิ๋นกล่าว
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาตั้งใจฟังอย่างดี ในใจกลับยิ่งวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ
“จ้าวหิมะเหินแทบจะออกคำสั่งทันทีหลังจากได้ยินข้อมูลนี้ ว่าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับคุกลับของประมุขรัฐเฉินฟ่านทั้งหมด ข้าก็ได้เก็บรวมรวมข้อมูลแล้วส่งไปให้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อส่งไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ประมุขรัฐเฉินฟ่านก็สิ้นใจไปแล้ว สิ้นใจในคุกลับนั่นเอง! แม้แต่เพชฌฆาตทั้งสามในคุกลับก็สิ้นใจกันหมด” มารรับใช้เพ่ยอวิ๋นกล่าว “บังเอิญเกินไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าผู้ที่สังหารประมุขรัฐเฉินฟ่านก็คือจ้าวหิมะเหิน แน่นอนว่าเพียงแค่สงสัยเท่านั้นนะขอรับ”
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าน้อยๆ พลางกำชับว่า “มอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเสวี่ยอิงที่ทางเจ้ารู้ทั้งหมดมาให้ข้าที”
“ขอรับ” มารรับใช้เพ่ยอวิ๋นกล่าวด้วยความเคารพ
เครือข่ายข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์…
เนื่องจากมีมารรับใช้และวิญญาณอาวุธทั้งหลายเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ดังนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงออกคำสั่งโดยไม่กังวลว่าตนจะถูกเปิดเผย
แต่มารรับใช้และวิญญาณอาวุธเหล่านี้จงรักภักดีต่อประมุขรัฐเมฆทักษิณาอย่างสิ้นเชิง!
“เสวี่ยอิงเป็นคนทำหรือนี่” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาไม่อยากจะเชื่อ
สังหารได้เฉียบขาดนัก
ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลยแม้แต่น้อย สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็มิอาจตรวจสอบได้
ประมุขรัฐเฉินฟ่านที่สิ้นใจไปผู้นั้นยังมิทันได้ขอความช่วยเหลือเลยด้วยซ้ำ! จึงมิทันได้บอกตัวตนของมือสังหารให้โลกภายนอกได้รู้ ทั้งหมดนี้พิสูจน์แล้วว่า…ผู้ที่สังหารประมุขรัฐเฉินฟ่านจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งแน่นอน
“เสวี่ยอิงสะดุดล้มก้าวใหญ่ในวังเทพจิตโลกา บัดนี้สามารถทำได้ถึงขั้นนี้แล้วหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาครุ่นคิด
ไม่นานนัก
ข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงมือประมุขรัฐเมฆทักษิณ
“เอ๊ะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาอ่านดูโดยละเอียดข้อมูลเหล่านี้ค่อนข้างยิบย่อย เป็นขีดจำกัดที่ทางเครือข่ายข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์จะเก็บรวบรวมได้แล้ว
“เก็บรวบรวมเรื่องชั่วร้ายและหายนะพวกนี้ไปทำไมกัน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาสงสัย
******
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังดื่มสุราซึ่งมีรสชาติเฉพาะตัวอยู่ ณ โรงสุราข้างทางในเมืองเล็กๆ อันห่างไกลแห่งหนึ่งในรัฐฝูฉง สุรานี้สามารถทำให้ผู้บำเพ็ญอาศัย ‘การขายสุรา’ เป็นชีวิตจิตใจได้ ก็ย่อมต้องมีความพิเศษเป็นธรรมดา! ชื่อเสียงสามารถเลื่องลือไปได้ไกลพอตัว ก็ยิ่งไม่ธรรมดาเข้าไปใหญ่
“สุขสราญนักๆ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงดื่มลงไปคำใหญ่เสียงดังอึ้กๆๆ สุรานี้เป็นสีเขียวอ่อน ทั้งร่างโปร่งโล่งสบาย ทำให้คนอดดื่มไม่หยุดมิได้
สุรานี้ควรค่าแก่การดื่มคำโต
“สุราดีๆ ไม่ได้ดื่มสุราระดับนี้มาหลายวันแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกสุขสราญนัก “เอาสุรามาให้ข้าอีก”
สาวใช้รีบเข้ามาทันที “ใต้เท้า ยังต้องการอีกเท่าไหร่เจ้าคะ”
“โรงสุราของเจ้ามีสักเท่าไหร่เล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“นี่คือ ‘สุราสกุลฉวี’ ที่มีเฉพาะในตระกูลของเจ้าของโรงสุราของพวกเราเจ้าค่ะ จะทำขึ้นมานั้นไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลานานมาก แม้ภายในโรงสุราของพวกเราจะเก็บไว้จำนวนไม่มากนัก แต่ในตระกูลเก็บเอาไว้มากทีเดียวเจ้าค่ะ” สาวใช้พูดยิ้มๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าวว่า “ข้าต้องการหนึ่งส่วนของจำนวนที่ตระกูลพวกเจ้าเก็บเอาไว้”
“หนึ่งส่วนหรือเจ้าคะ” สาวใช้สะดุ้งโหยง
ด้านข้างก็มีแขกเหรื่อคนอื่นได้ยินเข้าก็พูดยิ้มๆ ว่า “พี่น้องท่านนี้ สุราสกุลฉวีมีชื่อเสียงมากในรัฐฝูฉงของพวกเรา พวกเขาสกุลฉวีขายสุราเป็นหลัก จึงเก็บสุราเอาไว้เป็นจำนวนมากมายนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเหลือบมองสาวใช้แวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “รีบไปเร็วเข้า”
ก็ไม่น่าแปลกใจที่ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องการมากมายถึงเพียงนี้ ผู้บำเพ็ญมีอายุขัยยืนยาว สุรานี้ก็ยังถูกปากตงป๋อเสวี่ยอิง ต่อให้มีมากกว่านี้ก็ยังไม่พอให้เขาดื่ม สำหรับผู้บำเพ็ญทั่วไปแล้ว สุราที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากนั้น…อาจจะเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยมาก ตงป๋อเสวี่ยอิงซื้อสุราชั้นเลิศเหล่านี้ แต่กลับไม่สนใจราคาเลยแม้แต่น้อย เขาสังหารจวินอ๋องดำและประมุขรัฐเฉินฟ่าน ก็ได้ชดเชยความเสียหายในวังเทพจิตโลกาในตอนนั้นแล้ว ทั้งยังได้กำไรมหาศาลอีกด้วย
เจ้าของโรงสุราก็ตกใจมาก เขาเจรจาเรื่องราคากับตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างงุนงง สิ่งที่ทำให้เจ้าของโรงสุราตะลึงจนปากอ้าตาค้างก็คือ…การซื้อขายมูลค่ามหาศาลครั้งหนึ่งสำเร็จอย่างรวดเร็ว
สุราสกุลฉวีที่สำรองเอาไว้หนึ่งส่วนถูกตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไป ที่เขาต้องเสียไปก็แค่หกแสนแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น! สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ช่างไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลยจริงๆ
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่บนยอดเขาสูงที่เต็มไปด้วยพงไพรพลางชมดูกลีบเมฆ เขาได้สุราที่ชอบมาแล้ว ก็ฉวยน้ำเต้าบรรจุสุราขึ้นมาแหงนหน้าดื่มอึ้กๆๆ
“สุขสราญนักๆ ตลอดคืนวันอันยาวนานมาจนวันนี้ นี่เป็นสุราที่เหมาะแก่การดื่มอย่างสุขสราญที่สุดที่ข้าเคยพบมาเลย” วิญญาณอันสุขสราญของตงป๋อเสวี่ยอิงสั่นสะท้านน้อยๆ เขาเองก็นับว่าเคยดื่มสุราชั้นเลิศมามากมาย บ้างก็ต้องค่อยๆ ละเลียดลิ้มรส บ้างก็ราคาสูงเสียจนเกินเหตุ เกรงว่าไหหนึ่งคงต้องมีราคาเกินกว่าหกแสนแก้วผลึกจักรวาลไปไกลโข เมื่อเทียบกันแล้ว ก็นับว่าสุราสกุลฉวีราคางามแล้ว
สำหรับผู้บำเพ็ญทั่วไปแล้ว อาจจะเป็นการฟุ่มเฟือยอยู่บ้าง แต่สำหรับเทพจักรวาลก็ถือว่าราคาดียิ่งนัก
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ชอบใจ
เขาดื่มสุราไปพลาง ห้วงสมองก็มีการปะทะของความเร้นลับวิถีอากาศต่างๆ ผุดขึ้นมา เมื่อมีความสุขถึงขีดสุดก็รับรู้ขึ้นมา แสงทิพย์ก็ปรากฏเร็วขึ้นมากทีเดียว
เขานั่งดื่มอยู่บนยอดเขาสิบกว่าวัน และเหม่อลอยมาสิบกว่าวัน จากนั้นก็เดินท่องไปตามผืนดินต่อไป
หลังได้รับสุราที่โปรดปรานมาแล้ว ไม่นานนักก็มีข่าวดีข่าวหนึ่งถูกส่งมา
“อิงซานเสวี่ยอิง เม็ดทรายอลวนที่เจ้าต้องการถูกเก็บรวบรวมจนครบแล้ว” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นข้างหูตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ถือน้ำเต้าสุราขึ้นมาพลางเดินโซซัดโซเซไปบนถนนของตัวเมืองแห่งหนึ่งพลันสะท้านวิญญาณ์ขึ้นมา จากนั้นเขาก็หายวับไปเสียงดังสวบ ทำเอาเหล่าผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนบนถนนสะดุ้งโหยง ปีศาจสุราตนหนึ่งจู่ๆ ก็หายวับไปอย่างนั้นหรือ
******
ในวังหลวงแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าพบจักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิเซี่ยนั่งอยู่ตรงนั้น สายตาที่มองตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
เขาสามารถสังหาร ‘จวินอ๋องดำ’ ได้สำเร็จในพริบตา พลังระดับนี้ ต่อให้เป็นเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็ต้องให้ความสำคัญ
“คารวะฝ่าบาทจักรพรรดิเซี่ย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“เม็ดทรายอลวนแสนชั่งที่เจ้าต้องการ” จักรพรรดิเซี่ยโยนกำไลเก็บวัตถุวงหนึ่งออกมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับเอาไว้
เมื่อตรวจดู
ภายในมีเม็ดทรายสีดำซึ่งเปล่งแสงแปลกประหลาดออกมามากมาย เม็ดทรายแต่ละเม็ดเล็กละเอียดมาก ราวกับเม็ดทรายบนหาดริมทะเลอย่างไรอย่างนั้น ทว่ายิ่งพินิจดูเม็ดทรายแต่ละเม็ด ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเสน่ห์ไร้ที่สิ้นสุด งดงามกว่าอัญมณีไหนๆ อย่างตอนที่บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูเก็บรวบรวมแก่นแท้อลวนแล้วได้พบเม็ดทรายอลวนจำนวนเล็กน้อย…แม้พวกเขาจะมิอาจใช้ประโยชน์ให้ดีได้ แต่ก็เข้าใจดีว่านี่คือของล้ำค่า
เพื่อเก็บรวบรวมให้ได้แสนชั่ง จักรพรรดิเซี่ยก็ทุ่มเทไปไม่น้อย
ตลอดคืนวันอันยาวนาน ทั้งรัฐโบราณคิมหันตวายุมีเม็ดทรายอลวนทั้งหมดห้าหมื่นกว่าชั่งเท่านั้น ดังนั้นจักรพรรดิเซี่ยจึงได้ตามหา ‘ผู้พเนจร’ สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูทางด้านวิถีอากาศอีกท่านหนึ่งทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา เม็ดทรายอลวนที่ผู้พเนจรมีอยู่เป็นรองเพียงจักรพรรดิเซี่ยเท่านั้น เขามีมากถึงสามหมื่นชั่งด้วยกัน! ความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิเซี่ยและ ‘ผู้พเนจร’ นับว่าไม่เลวนัก ผู้พเนจรจึงออกหน้าให้ ผู้พเนจรซื้อเม็ดทรายอลวนจากสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูคนอื่นๆ ในรัฐโบราณสหโลกา ท้ายที่สุดจึงรวบรวมมาได้จนครบ
หากจักรพรรดิเซี่ยออกหน้า เกรงว่าคงต้องถูกโก่งราคารุนแรงกว่านี้เสียอีก
“ประเสริฐ ไม่เสียที่ที่เป็นจักรพรรดิเซี่ย จึงรวบรวมได้รวดเร็วถึงเพียงนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ สีหน้าดูเหมือนจะผ่อนคลายมาก แต่อันที่จริงหัวใจกลับเต้นรัวแรง
อาวุธที่เขากระหายเป็นที่สุดเล่มนั้น!
เคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งเจ็ดกระบวนคละถิ่นเหมาะกับอาวุธชิ้นนั้นเป็นที่สุด วัสดุหลักที่ต้องใช้ได้มาอยู่ในมือแล้ว แม้วัสดุเสริมที่เหลือจะล้ำค่ามากเช่นกัน แต่ก็ได้มาง่ายกว่ามากทีเดียว ทว่า ‘เม็ดทรายอลวน’ นั้นไม่เหมือนกัน บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูเก็บรวบรวมก็ต้องค่อยๆ เก็บรวบรวมเป็นเวลานานแสนนาน ครั้งนี้ตนเก็บรวบรวมมาแสนชั่ง เกรงว่าที่เหลืออยู่ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาก็คงไม่ถึงแสนชั่งแล้ว คิดจะเก็บรวบรวมให้ได้อีกแสนชั่ง…ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องใช้เวลาถึงเมื่อใด!
วังเทพจิตโลกามอบเคล็ดวิชาหลอมอาวุธชิ้นนี้มาให้ ก็คงจะรู้ว่าในดินแดนจิตโลกาสามารถเก็บรวบรวมได้ครบกระมัง
“เจ้ารับรู้ปุจฉวิถีคละถิ่นของข้า ที่แท้แล้วเคี่ยวกรำเอาวิธีใช้งานเม็ดทรายอลวนอันใดออกมาได้ จึงร้อนรนอยากได้เม็ดทรายอลวนมากมายถึงเพียงนี้” จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยถาม
“เม็ดทรายอลวนมีส่วนช่วยในการใช้พลังคละถิ่นอยู่บ้าง ข้าอยากจะทดลองดู” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มเล็กน้อย
“หากเจ้าค้นคว้าเคล็ดวิชาใช้งานเม็ดทรายอลวนออกมาได้ ก็สามารถขายให้ข้าได้นะ” จักรพรรดิเซี่ยรอคอยเป็นอันมาก
สำหรับจ้าวหิมะเหินตรงหน้าผู้นี้ ก็มิอาจดูแคลนได้เลยแม้แต่น้อย
เพราะถึงอย่างไรหากพูดถึงระดับขั้นกันจริงๆ แล้ว
บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็เป็นเพียงขั้นสุดยอดเท่านั้น แต่จอมเคารพทั้งหลายเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงและมหาเคารพฝูอี่ มีหลายคนที่มาถึงขีดจำกัดสุดท้ายแล้ว ระดับขั้นแตกต่างกันน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ในด้านการใช้งานความเร้นลับ มหาเคารพบางท่านยังถึงขั้นคิดค้นเคล็ดวิชาพิเศษออกมา ทำให้มีพลังรบที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง! จักรพรรดิเซี่ยเองก็อยากได้ ‘เคล็ดวิชา’ พิเศษเหล่านี้เช่นเดียวกัน
เนื่องจากไม่แน่ว่าอาจจะสามารถกระตุ้นเขาได้ ทำให้ระดับขั้นของเขายกระดับขึ้นได้บ้าง และยิ่งมีหวังสามารถทะยานออกจากกรงขังนี้ได้
“หากข้าค้นคว้าออกมาได้ และจะขายแล้วล่ะก็ จะบอกจักรพรรดิเซี่ยให้ทราบเป็นคนแรกอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มสดใส
……
วันนั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ออกจากรัฐโบราณคิมหันตวายุไป ไม่ว่าจะเป็นการสังหารจวินอ๋องดำและประมุขรัฐเฉินฟ่าน ก็ล้วนแต่เป็นการพิสูจน์เรื่องหนึ่งว่า…เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูนั้นมิอาจสสะกดรอยตนได้จริงๆ!
ก่อนหน้านี้จักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝานและจักรพรรดิชางได้ยอมรับแล้ว
จวินอ๋องดำตายไปแล้ว ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์จะต้องตรวจสอบอย่างเต็มที่แน่นอน แต่กลับมิอาจตรวจสอบจนพบตนได้
ประมุขรัฐเฉินฟ่านตายไปแล้ว จักรพรรดิเทพผลาญโลกาก็น่าจะพยายามตรวจสอบดูเช่นกัน
“มิอาจตามหาข้าได้พบ ก็แปลว่าปลอดภัยแล้ว” ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงที่พกเม็ดทรายอลวนเอาไว้ปลอมแปลงกลิ่นอายก่อนชั่วคราว เขาแปลงโฉมแล้วกลับมายังนครหลวงคิมหันตวายุและซ่อนตัวอยู่ที่นี่
กบดานก่อนชั่วคราว
รอให้ได้วัสดุทั้งหมดจนครบ ก็จะเป็นเวลาของการหลอมอาวุธแล้ว
……
ณ วังหลวงของนครหลวงรัฐเมฆทักษิณา
ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงที่พำนักของประมุขรัฐเมฆทักษิณาผู้เป็นอาจารย์
“ท่านอาจารย์ขอรับ ข้ามีเรื่องหนึ่งหวังว่าท่านอาจารย์จะช่วยเหลือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“อ้อ เรื่องอันใดรึ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองดูตงป๋อเสวี่ยอิง ในใจมีความคิดมากมายผุดขึ้นมา เพราะถึงอย่างไรเครือข่ายข้อมูลก็เชื่อว่าเป็นไปได้มากว่าจ้าวหิมะเหินจะเป็นผู้สังหารประมุขรัฐเฉินฟ่าน
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ม้วนสาส์นม้วนหนึ่งก็ลอยออกมา
“ข้าต้องการสมบัติและวัสดุล้ำค่าทั้งหมดที่บันทึกเอาไว้บนนั้นขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
หลังจากประมุขรัฐเมฆทักษิณารับมาแล้วก็มองดูแวบหนึ่ง ด้านบนมีสมบัติและวัสดุล้ำค่าเขียนอยู่แน่นขนัดไปหมด ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพลันขมวดคิ้วขึ้นมา สมบัติและวัสดุล้ำค่าเหล่านี้นับว่าได้มาค่อนข้างง่าย แต่เมื่อรวมๆ กันราคาก็แพงแล้ว ทั้งหมดต้องใช้ราวหนึ่งแสนล้านแก้วผลึกจักรวาล! ต่อให้เป็นประมุขรัฐเมฆทักษิณา ก็นับว่าเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาลอยู่ดี
ศิษย์ของตนคนนี้คงจะไม่อยากได้ไปโต้งๆ หรอกกระมัง
“นี่คือสมบัติลับระดับยอดชิ้นหนึ่ง เพียงพอจะซื้อสมบัติและวัสดุล้ำค่าเหล่านี้ได้แล้วกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไป กลางฝ่ามือมีดาบโค้งที่อยู่ในฝักเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ดาบโค้งแผ่กลิ่นอายดำมืดออกมา
ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองดูสมบัติลับระดับยอดสุดชิ้นนี้
เขาตกใจเพราะการทุ่มเทด้วยสมบัติลับระดับยอด และยิ่งตกใจเพราะความเป็นมาของสมบัติลับชิ้นนี้
เพราะดาบโค้งเล่มนี้…
เป็นอาวุธของจวินอ๋องดำ!
“จวินอ๋องดำก็เป็นฝีมือเจ้าสังหารหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความตกตะลึงเหลือแสน
……………………………………….