Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 35 ขั้นสุดยอดคนใหม่
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินไปถึงตรงหน้าหอกยาวสีดำสนิทที่แขวนลอยอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองแล้วยื่นมือออกไปจับบนด้ามหอก
มือกุมเอาไว้แล้วก็เกิดความรู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีความรู้สึกวิญญาณสั่นสะท้านอีกด้วย คล้ายกับว่าวิญญาณเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับหอกยาว
“อาวุธเทพคละถิ่น คิดไม่ถึงว่าข้าจะได้ครอบครองอาวุธเทพคละถิ่นเล่มหนึ่งด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงสองตาเปล่งประกาย มองดูทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา มีสมบัติลับล้ำค่าขั้นสูงอยู่สิบกว่าชิ้น รวมกับชิ้นที่สูญหายไปหลังจากที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานตายตกไปอีกจำนวนหนึ่งก็มีอยู่เพียงแค่ยี่สิบกว่าชิ้นเท่านั้นเอง! ส่วนอาวุธเทพคละถิ่นน่ะหรือ ต้องรู้ไว้ว่า ดูจากความยากในการได้มา เคล็ดสืบทอดลับขั้นสูงนั้นได้มายากกว่าสมบัติลับล้ำค่าขั้นสูง
และอาวุธเทพคละถิ่นก็พบเห็นได้ยากยิ่งกว่าเคล็ดสืบทอดลับขั้นสูงเสียอีก
เหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานของดินแดนจิตโลกาสะสมเม็ดทรายอลวนเอาไว้ไม่น้อยเป็นระยะเวลายาวนาน แต่กลับมีเพียงแค่เขา ตงป๋อเสวี่ยอิง เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สะสมเอาไว้อย่างมหาศาล! อ้างอิงจากสิ่งนี้ก็มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากว่าอาวุธเทพคละถิ่นบนดินแดนจิตโลกาก็มีแค่ชิ้นนี้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
“พรึ่บ”
นั่งขัดสมาธิลงไป
หอกยาววางอยู่บนหน้าตัก ด้านหนึ่งจิตวิญญาณก็ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณหอกยาวไปพลาง อีกด้านหนึ่งก็ค่อยๆ หลอมแปรหอกยาวไปพลาง
เดิมทีการหลอมแปรอาวุธเทพคละถิ่นก็ยากเย็นอยู่แล้ว ว่ากันตามเหตุผล เทพจักรวาลก็ไม่มีหวังที่จะสามารถหลอมแปรได้ แต่โชคดีที่ทุกชิ้นส่วนของหอกยาวเล่มนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงหลอมขึ้นเองกับมือ กระบวนการหลอมที่ยุ่งยากซับซ้อนนั้นอันที่จริงแล้วก็ได้ผ่านการ ‘หลอมแปรตั้งแต่ก้าวแรก’ มาแล้ว ตอนนี้การหลอมแปรอีกครั้งก็กลับง่ายดายขึ้นเป็นอย่างมาก
ระยะเวลาเพียงแค่สามร้อยปี หอกชิงเหอก็ได้ดังใจทั้งหมดแล้ว
“เดิมทีข้าสามารถสำแดงได้เพียงแค่สามกระบวนแรกของเจ็ดกระบวนคละถิ่นเท่านั้น ตอนนี้อาศัยหอกชิงเหอก็สามารถสำแดงห้ากระบวนแรกได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่มีหอกชิงเหอ ต่อให้สำเร็จเป็นขั้นสุดยอด ตนเองก็สามารถสำแดงได้ถึงเพียงแค่ขั้นนี้เท่านั้น
“ต้องศึกษาให้ดีๆ”
……
ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์จะเพิ่มพูนขึ้นไม่น้อย แต่ ‘หอกชิงเหอ’ อาวุธเทพคละถิ่นก็เป็นเพียงแค่ก้อนกรวดที่ขวางเท้าก้อนหนึ่งเท่านั้น ให้เขาหยั่งรู้วิถีอากาศและพลังคละวิถีให้ดีจะดีกว่า
……
เรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงหลอม ‘หอกชิงเหอ’ อาวุธเทพคละถิ่นออกมา ไม่มีผู้ใดบนดินแดนจิตโลกาล่วงรู้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างในดินแดนจิตโลกาอันกว้างใหญ่ไพศาลก็หมุนไปข้างหน้าเช่นเดิม การปรากฏตัวของ ‘คนวิถีจิตฟ้า’ ก็ทำให้ความเป็นระเบียบของดินแดนจิตโลกาดีขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว เรื่องของ ‘การสังหารหมู่ครั้งใหญ่’ ก็น้อยลงไปกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่า นี่ก็คือพลังการยับยั้งของผู้แกร่งกล้าไร้เทียมทานคนหนึ่ง
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกสามแสนล้านปีแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็อยู่ระหว่างการกบดานบำเพ็ญเช่นเดิม แม้กระทั่งอาศัยการตระหนักรู้ของบุปผาโลกา และ ‘หอกชิงเหอ’ อาวุธเทพคละถิ่นสำแดงการหยั่งรู้บางส่วนของคละถิ่นกระบวนที่ห้า…ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคิดค้นกระบวนสังหารที่ห้าของยุทธวิธีหิมะเหินออกมาได้แล้วด้วย พลานุภาพน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการหลบหนีที่ล้ำเลิศเป็นที่สุด ประสิทธิภาพในการหลบหนีสามารถนับได้ว่าเป็นการผันแปรของ ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ เลยทีเดียว
อันที่จริงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังค่อนข้างอ่อนแออยู่
หากเป็นศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาที่ผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดสำแดงออกมา เช่นนั้นก็ลึกลับและสมบูรณ์แบบมากมายแล้ว ไม่เพียงแต่ตนเองจะสามารถหลบหนีได้เท่านั้น แต่ยังสามารถพาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไปได้ด้วย!
วันนี้
ข่าวอย่างหนึ่งถูกส่งมาถึงตงป๋อเสวี่ยอิง
“อะไรนะ จอมเคารพกระบี่ปีศาจบรรลุไปถึงขั้นสุดยอดแล้วอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นข่าวนี้แล้วก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
จอมเคารพกระบี่ปีศาจเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตนตอนอยู่ที่วังเทพจิตโลกา แม้กระทั่งบรรพชนราตรีนิรันดร์ลงมือกับตน จอมเคารพกระบี่ปีศาจก็เคยไปขัดขวางอย่างสุดกำลัง เป็นมิตรสหายที่ดีต่อตนอย่างแท้จริง เพียงแต่ว่า…
จอมเคารพกระบี่ปีศาจเป็นจอมเคารพถือกำเนิดใหม่คนหนึ่งของสกุลชางแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ทั้งยังเป็นจอมเคารพที่เยาว์วัยที่สุดคนหนึ่งของรัฐโบราณคิมหันตวายุอีกด้วย
เยาว์วัยเช่นนี้แต่กลับเหนือกว่าจอมเคารพคนใดๆ เหนือกว่ามหาเคารพฝูอี่ มหาเคารพซือเทียน และคนอื่นๆ ก้าวสู่ขั้นสุดยอดได้สำเร็จก่อนใคร
“ขั้นสุดยอด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยเสียงต่ำ
เขาตรากตรำบำเพ็ญด้วยตนเองจึงได้เข้าใจว่าการจะไปถึงขั้นสุดยอดนั้นยากเย็นเพียงใด
เขาไปถึงแปดสายผสานรวมก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งยังมีบุปผาโลกา มีเคล็ดสืบทอดลับขั้นสูง การตระหนักรู้ของตนก็ยังสูงเป็นที่สุด แต่ก้าวสุดท้าย ตอนนี้ตนเองก็คิดค้นห้ากระบวนสังหารออกมาได้! สั่งสมอย่างแน่นหนาหาใดเปรียบ แต่ก็ยังรู้สึกว่าขาดอยู่อีกเล็กน้อย ไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อใดจึงจะสามารถก้าวออกจากก้าวสำคัญก้าวนี้ได้เสียที
มหาเคารพฝูอี่ ประมุขรัฐเมฆทักษิณา มหาเคารพซือเทียนและคนอื่นๆ ต่างก็ติดอยู่ที่จุดคอขวดกันทั้งสิ้น
ดูที่ดินแดนจิตโลกา! นอกจากบุคคลผู้ไร้เทียมทาน ขั้นสุดยอดคนอื่นๆ คงมีจำนวนราวๆ สองหยิบมือเท่านั้น
จำนวนนี้น้อยนิดเพียงใด
รัฐโบราณคิมหันตวายุ นอกจากบุคคลผู้ไร้เทียมทานทั้งสามท่าน ก็ไม่มีขั้นสุดยอดอยู่อีกแล้ว! จอมเคารพกระบี่ปีศาจเป็นขั้นสุดยอดเพียงคนเดียวที่ถือกำเนิดขึ้นในรัฐโบราณคิมหันตวายุ นอกเหนือจากบุคคลผู้ไร้เทียมทานทั้งสามท่าน ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
“พิธีฉลองขั้นสุดยอดหรือ จอมเคารพกระบี่ปีศาจดีต่อข้าเป็นที่สุด จะต้องเลือกของขวัญสักหน่อยแล้วรีบไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
……
ในที่สุดรัฐโบราณคิมหันตวายุก็มีขั้นสุดยอดถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว
งานพิธีเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่เพื่อแสดงความยินดีกับขั้นสุดยอดที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ก็ถูกจัดขึ้นที่ ‘เมืองจักรพรรดิชาง’ เมืองหลักของ ‘สกุลชาง’ หนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ผู้แกร่งกล้าแต่ละฝ่ายต่างก็มาเข้าร่วม!
นครรัฐหลายสิบแห่งที่อยู่บริเวณรอบๆ ก็ย่อมมิกล้าไม่มาอยู่แล้ว
แม้กระทั่งอีกห้ารัฐโบราณอื่นๆ ก็ยังส่งเทวทูตมาเข้าร่วม ทั้งยังมีเมืองเล็กๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ถึงกับส่งประมุขรัฐมาเข้าร่วมด้วยตนเองเลยทีเดียว
“แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นเทพจักรวาลมากมายถึงเพียงนี้มาก่อนเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงในร่างหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวเคียงบ่ามากับประมุขรัฐเมฆทักษิณา ส่งมอบของขวัญแล้วก็เข้าไปภายในโถงตำหนักขนาดมโหฬาร ก่อนจะแยกกันนั่งลงภายใต้การนำทางของผู้ดูแล
มองไปปราดหนึ่ง เทพจักรวาลภายในโถงตำหนักแห่งนี้ก็อยู่กันอย่างคับคั่ง มีจำนวนเกินกว่าห้าร้อยคน! นี่ยังเป็นเพียงแค่ผู้ที่มาร่วมแสดงความยินดีเท่านั้น ก็สามารถเห็นความแตกต่างระหว่างดินแดนจิตโลกากับอากาศอันสับสนอลหม่านได้จากสิ่งนี้
“ขั้นสุดยอดถือกำเนิดขึ้นมาได้ เดิมทีก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว อย่างเช่นผู้ที่บำเพ็ญตามลำพัง หรือว่าขั้นสุดยอดที่กำเนิดขึ้นมาในรัฐเล็กๆ โดยทั่วไปต่างก็มิอาจจัดพิธีเฉลิมฉลองเช่นนี้ขึ้นมาได้อยู่แล้ว ก็มีเพียงแค่รัฐโบราณเท่านั้นจึงจะเฉลิมฉลองตามอำเภอใจเช่นนี้ได้” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น “นอกจากนี้ ความเร็วในการบรรลุของจอมกระบี่ปีศาจผู้นี้ก็รวดเร็วเหลือเกิน สำเร็จเป็นเทพจักรวาลได้อย่างรวดเร็ว สำเร็จเป็นจอมเคารพได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยังสำเร็จไปถึงขั้นสุดยอดด้วย ระยะเวลาในการบำเพ็ญของเขาช่างแสนสั้น ถึงแม้ว่าจะยาวกว่าเจ้าอยู่มากก็ตาม แต่เขาก็เพิ่งจะเคยเข้าไปในวังเทพจิตโลกาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง!”
“ตอนนี้สำเร็จเป็นขั้นสุดยอดแล้ว ด้วยความเร็วในการบำเพ็ญอันชวนให้คนตกตะลึงเช่นนี้ของเขา เกรงว่าอยู่ที่วังเทพจิตโลกาก็ยังมีหวังที่จะได้สมบัติลับล้ำค่าขั้นสูงมาครอบครอง”
“นอกจากนี้พวกเขาสามคน ทั้งจักรพรรดิเซี่ย จักรพรรดิชาง และบรรพชนฝาน ก็จะต้องทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยเหลือจอมกระบี่ปีศาจ… ดังนั้นก็พูดได้ว่าคราวหน้าที่วังเทพจิตโลกาเปิดออก ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจอมกระบี่ปีศาจผู้นี้จะได้สมบัติลับล้ำค่าขั้นสูงมาครอบครอง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาทอดถอนใจ “เทพจักรวาลมากมายถึงเพียงนี้มาเข้าร่วม ด้านหนึ่งก็คือเป็นการให้เกียรติรัฐโบราณคิมหันตวายุ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือเพื่อแสดงความปรารถนาดีต่อจอมกระบี่ปีศาจ! ถึงอย่างไรก็มีความเป็นไปได้เป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นบุคคลผู้ไร้เทียมทานคนใหม่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“แน่นอน ระหว่างขั้นตอนของงานพิธี จอมกระบี่ปีศาจมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญบนวิถีของขั้นสุดยอดสักรอบหนึ่ง นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ดึงดูดเทพจักรวาลส่วนหนึ่งมากระมัง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด เพียงแต่ในดวงตาก็มีแววคาดหวังอยู่บ้างรางๆ
กระหายอยากเป็นอย่างยิ่ง
กระหายอยากให้ตนเองไปถึงขั้นสุดยอดด้วยเช่นเดียวกัน
“ขั้นสุดยอด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำเสียงต่ำ
คราวนี้มาเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองของผู้อื่น ไม่รู้ว่าเมื่อใดตนเองจะสามารถบรรลุได้บ้าง ตนเองบรรลุแล้วจึงจะสามารถช่วยเหลือได้แม้กระทั่งเหล่าญาติมิตร พาพวกเขาไปจากอากาศอันสับสนอลหม่าน มุ่งหน้าไปใช้ชีวิตยังโลกกำเนิดแห่งอื่นได้!
“นั่นมิใช่จ้าวหิมะเหินหรอกหรือ”
“จ้าวหิมะเหินมาพร้อมกันกับประมุขรัฐเมฆทักษิณา จ้าวหิมะเหินผู้นี้เก็บเนื้อเก็บตัวเป็นอย่างยิ่ง คราวก่อนที่วังเทพจิตโลกาเปิดออก ว่ากันว่าเขาได้รับอะไรในนั้นกลับไปอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ในท้ายที่สุดกลับถูกบรรพชนราตรีนิรันดร์ผลาญสังหาร ไม่เพียงแต่ร่างแยกสลายไปจนสิ้นเท่านั้น สมบัติล้ำค่าก็ยังถูกช่วงชิงไปจนหมดอีกด้วย เดิมทีก็มีพลังยุทธ์ของจอมเคารพอยู่ ตอนนี้ไม่มีสมบัติล้ำค่าแล้ว พลังยุทธ์ก็คงลดต่ำลงไปเป็นอันมาก น่าเสียดายจริงๆ เลย”
“การสำเร็จเป็นจอมเคารพนั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย ได้มาแล้วก็ต้องมาสูญเสียไป”
เทพจักรวาลที่รวมตัวกันอยู่ภายในโถงตำหนักมีมากเกินกว่าห้าร้อยคน ยามปกติพวกเขาต่างก็เป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เป็นประมุขรัฐ ก็เป็นระดับสูงสุดเพียงไม่กี่คนของรัฐสักแห่ง ตามปกติแล้วก็ยากที่จะพบเจอได้สักครั้ง ตอนนี้งานฉลองในครั้งนี้…พวกเขาแต่ละคนกลับกำลังสนทนากับคนอื่นๆ อยู่
ยามที่สนทนามาถึงเรื่อง ‘จ้าวหิมะเหิน’ มีเทพจักรวาลบางคนที่เห็นใจ มีบางคนที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
แน่นอนว่า…
ต่างก็ถ่ายเสียงสื่อสารกัน ยังไม่ถึงขนาดที่พูดออกมาอย่างเปิดเผย! พวกเขาจะไม่ไว้หน้าจ้าวหิมะเหินก็ได้ แต่ก็ยังต้องไว้หน้าประมุขรัฐเมฆทักษิณาอยู่!
“เสวี่ยอิง เทพจักรวาลจำนวนไม่น้อยยังรู้สึกเสียดายแทนเจ้าเลย” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็สังเกตได้ถึงบริเวณรอบๆ ว่าบรรดาเทพจักรวาลเหล่านั้นมองมาทางนี้ ถึงแม้ว่าจะยิ้มแย้มหัวเราะ แต่ก็มีบางคนที่มองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความหมายบางอย่าง “ถ้าหากพวกเขารู้ว่าเจ้าก็คือคนวิถีจิตฟ้า ก็ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าสีหน้าจะแปรเปลี่ยนไปเช่นไร”
“เทพจักรวาลเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรให้น่าสนใจหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถ่ายเสียงพูด เขามิได้ใส่ใจบรรดาเทพจักรวาลเหล่านั้นเลย “สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนอย่างข้าก็ยังเป็นการที่สามารถไปถึงขั้นสุดยอดได้อยู่ดี ตอนนี้ที่ข้ามีพลังยุทธ์เช่นนี้ได้ก็เพราะอาศัยวัตถุภายนอกเท่านั้นเอง”
“ใช่แล้ว ไปถึงขั้นสุดยอด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าน้อยๆ
สองศิษย์อาจารย์ต่างก็มุ่งมาดปรารถนาจะไปให้ถึงขั้นสุดยอด
“มาแล้ว”
ทั่วทั้งภายในโถงตำหนักพลันเงียบสงัดลงมาในทันใด ด้านบนของตำหนักใหญ่ก็มีเงาร่างสี่สายปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ จักรพรรดิชาง จักรพรรดิเซี่ย และบรรพชนฝาน พวกเขาสามคนอยู่ตรงกลาง ส่วน ‘จอมกระบี่ปีศาจ’ กลับอยู่ที่ตำแหน่งทางด้านซ้ายมือของจักรพรรดิชาง
………………………………………..