Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 42 จอมเทพศักดิ์สิทธิ์หลบหนี
ณ โลกจอมมารดา
จอมมารดาขวัญหนีดีฝ่อ มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยืนอยู่กลางอากาศไกลออกไปอย่างระแวดระวัง
“ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน” จอมมารดาจิตใจไม่สงบขึ้นมา
ทันใดนั้น…
ประกายกระบี่สีเขียวสองสายก็ผุดขึ้นจากความว่างเปล่าแล้วเข้าสู่ร่างกายของจอมมารดาอย่างไร้สุ้มเสียง ร่างกายมหึมาของจอมมารดาสั่นสะท้าน จากนั้นก็พังสลายไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้จอมกระบี่ทั้งสองร่างจึงปรากฏขึ้นข้างกาย พลางมองดูทุกสิ่งอย่างเยือกเย็น เพื่อความมั่นใจเต็มเปี่ยม ร่างทั้งสองของเขาจึงเคลื่อนไหวพร้อมกัน! จอมกระบี่บำเพ็ญจนมีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง ต่อให้ไม่มีสมบัติลับอันสูงส่งหรือาวุธเทพคละถิ่น ก็มีพลังสามส่วนของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์แล้ว
สังหารเทพจักรวาลชั้นที่สองคนหนึ่งหรือ
เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถสังหารได้อย่างง่ายดายแล้ว
“จอมมารดาสิ้นใจไปเช่นนี้เองหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ
เขายังจำได้ว่าตอนนั้น ในจักรวาลที่ตนเกิดมา ‘ลัทธิจอมมารดา’ ได้รุกรานเข้าไปในจักรวาลของตน ทั้งยังนำมาซึ่งหายนะครั้งใหญ่ด้วย
บัดนี้ จอมมารดา…’ต้นตอ’ ของลัทธิจอมมารดาทั้งโลกกำเนิดกลับถูกทำลายไปเช่นนี้เอง! นางกบดานมานานแสนนาน เกรงว่าคงจะสั่งสมอะไรเอาไว้มากมาย ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอันสมบูรณ์กลับกลายเป็นว่างเปล่าไปหมด! แม้แต่จักรพรรดิจวินซึ่งเป็นขั้นสุดยอด เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมกระบี่ในตอนนี้ ก็มิอาจต้านทานได้เลย แล้วจอมมารดาจะทำเช่นไรได้อีกเล่า
“ไป” จอมกระบี่ถ่ายเสียงพูด “ไปยังโลกทิพย์”
“รีบไล่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปเร็ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รอคอย พวกเขามิกล้าถ่วงเวลาให้ชักช้าออกไป ด้วยกลัวว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะตระหนักได้ถึงอันตราย
……
ณ โลกทิพย์
เนื่องจากสงครามที่จักรพรรดิจวินก่อขึ้นมาได้ยุติลงแล้ว แม้แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ปกป้องที่นี่อยู่ก่อนหน้านี้ก็จากไปแล้ว
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ในชุดคลุมสีดำทั้งร่างนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงศิลาดำ ในใจซับซ้อนเหลือประมาณ
จักรพรรดิจวินมิอาจทำลายล้างได้สำเร็จ มิอาจได้รับสิ่งที่กฎเกณฑ์สูงสุดมอบให้ เขาก็ย่อมมองดูฉากนี้อย่างมีความสุขเป็นธรรมดา
แต่พลังของจอมกระบี่และตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงทำให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์หงุดหงิดใจเป็นอันมาก
“พวกเขาเติบโตได้รวดเร็วเกินไปแล้ว” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากจะเชื่อ “จอมกระบี่ก็แล้วไปเถิด เพราะถึงอย่างไรก็นับว่าบำเพ็ญมาค่อนข้างนาน ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นเพิ่งจะบำเพ็ญมานานสักเท่าใดกัน เป็นขั้นสุดยอดแล้วหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกัน ขั้นสุดยอดง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ หรือว่าพรสวรรค์ของเขาร้ายกาจหาใดเปรียบจริงๆ”
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงขั้นมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่งขึ้นมา
ต่อให้เข้าไปในยุคหน้า หรือยุคถัดไปอีก
หากต้องช่วงชิงกับพวกจอมกระบี่และตงป๋อเสวี่ยอิง เขาคิดจะปกครองกฎเกณฑ์สูงสุดนั้นก็มีหวังไม่มากนัก
“เมื่อมีพวกเขาขัดขวาง ยุคหน้าก็จะเผยแพร่ลัทธิได้ยากขึ้น” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลอบพึมพำ “ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นก็ยังเชี่ยวชาญเขตลวงโลกเทียมอีกด้วย การควบคุมวิญญาณไม่แพ้ข้าเลย”
เขากลับไม่รู้ว่าบัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จเป็นเทพจักรวาลชั้นที่สองทางด้านเขตลวงโลกเทียมไปแล้ว
“ต้องวางมือจากเส้นทางการเผยแพร่ลัทธิเสียก่อน!”
“รับรู้วิถีสายอื่นๆ ก็แล้วกัน พยายามควบคุมต้นกำเนิดจักรวาลให้มากหน่อย นอกจากนี้ยังต้องบำเพ็ญสายต่างๆ ควบคู่กัน ก็อาจจะสามารถผสานรวมกันและทำให้ข้าใช้พลังทำลายกฎได้ในท้ายที่สุดกระมัง” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ครุ่นคิด แม้จะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วง แต่กลับไม่ย่อท้อเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาเข้าใจดีมากว่าการกระโดดออกจากกรงขังนั้นยากเย็นเพียงด “จอมกระบี่และตงป๋อเสวี่ยอิงนั่นคงจะมิอาจกระโดดออกจากกรงขังนี้ได้ไปหลายยุคเลยกระมัง ท้ายที่สุดผู้ใดจะคว้าชัย ก็ยังบอกได้ยาก!”
“เอ๊ะ”
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้ถึงคลื่นอีกระลอกหนึ่ง “นี่มันเรื่องอันใดกัน หรือยังไล่ล่าจักรพรรดิจวินอยู่ จักรพรรดิจวินมิได้หนีไปแล้วหรือไร”
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์สัมผัสรับรู้ไปตามระลอกคลื่นทันที ก็พบว่าในโลกจอมมารดา ‘จอมมารดา’ แห่งโลกจอมมารดาได้สิ้นใจไปแล้ว!
เขายังมิทันได้แตกตื่น
“สวบ สวบ”
ประกายกระบี่สีเขียวเจิดจ้าดูอันตรายทั้งสองสายด็แทงเข้ามาในกายของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์体内,ประกายกระบี่เสียแล้ว รวดเร็วและกะทันหันนัก ด้วยพลังของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมิอาจหลบได้ทัน
ตู้ม!
ร่างกายของเขาระเบิดออกทันทีก่อนจะสลานหายไป
“โครมมม…” ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏกายขึ้นกลางท้องฟ้าเหนือโลกทิพย์อันกว้างใหญ่ไพศาล แล้วสำแดง ท่าไม้ตาย ‘มหาสมุทรคละถิ่น’ ของยุทธวิธีหิมะเหินออกมา
แสงสีดำที่กระจายออกจากร่างกายของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์รวมตัวกันขึ้นอีกครั้งไกลออกไป ในฐานะฝูงมารผลาญทำลาย ความสามารถในการรักษาชีวิตของเข้าก็ไม่แพ้จักรพรรดิจวินเลย
เขามองดูจอมกระบี่และตงป๋อเสวี่ยอิงที่สำแดงบริเวณอันน่าหวาดหวั่นอยู่ไกลออกไปด้วยความตื่นตระหนก
“สมควรตาย”
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เดือดดาลเหลือแสน
เขารู้แล้ว
จอมกระบี่และตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ลงมือกับจักรพรรดิจวิน แล้วยังมาลงมือกับเขาอีก! ‘ร่างแปรทิพย์โบราณ’ ของเขาได้เสียไปจนหมดแล้วในสงครามกับเจ้าศิลา จนถึงตอนนี้ ก็ยังคงสั่งสมได้น้อยอย่างยิ่งอยู่ดี ต่อให้สั่งสมอย่างแน่นหนา เมื่อเผชิญหน้ากับจอมกระบี่ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน
“หนี”
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์แทบจะเลือกทางเส้นนี้ทันทีด้วยสัญชาตญาณ
จักรพรรดิจวินใช้การต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าพิสูจน์ข้อหนึ่งว่าเมื่อเผชิญหน้ากับ ‘จอมกระบี่’ ก็จะไร้แรงตอบโต้ ยิ่งประมือมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบาดเจ็บสาหัสมากขึ้นเท่านั้น!
สวบ สวบ!
ร่างแปรทิพย์โบราณหลอมรวมเป็นหนึ่งกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แทบจะในพริบตาเดียว อีกทั้งสายฟ้าก็ลั่นครั่นครืนในพริบตา ทำให้มิติแยกออกเป็นทางเชื่อมน้ำวนสายหนึ่งในทันใด เขาแทรกตรงเข้าไปแล้วหายวับไปทันที
“ไล่ตาม!”
ด้วยวิธีการเดียวกับที่ไล่สังหารจักรพรรดิจวิน
ร่างแยกที่ค่อนข้างอ่อนแอร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิง พาจอมกระบี่สองท่านสำแดงการเคลื่อนที่ในพริบตา แล้วไล่สังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่หยุดหย่อน!
……
ไล่สังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไปพลาง
ส่วนในโลกทิพย์กลับมีร่างแยกอันแข็งแกร่งของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่สามร่าง
“ตู้ม” “ตู้ม” “ตู้ม”
โลกเขตลวงขนาดมหึมาร่อนลงไป ขอบเขตของโลกเขตลวงห่างชั้นกับบริเวณห้วงอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่มากโข อย่างบริเวณห้วงอากาศ ร่างแยกขนาดใหญ่ปกคลุมโลกทิพย์และยังเกินไปอีกมาก! ส่วนโลกเขตลวง ร่างแยกสามร่างร่วมมือกันจึงสามารถปกคลุมได้อย่างพอถูไถ
“ต้องเร่งช่วยเหลือพวกเขา” ร่างแยกทั้งสามของตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงโลกเขตลวงขนาดมหึมาปกคลุมทั่วทั้งโลกทิพย์เอาไว้
ทุกชีวิตบนโลกทิพย์
ตั้งแต่อ่นแอไปจนถึงเทพจักรวาลด้านอสนีบาตเพียงคนเดียวล้วนแต่ตกอยู่ในนั้นทั้งสิ้น เทพจักรวาลผู้นั้นเป็นเพียงเทพจักรวาลชั้นที่หนึ่ง บัดนี้วิถีเขตลวงโลกเทียมทั้งสี่สายของตงป๋อเสวี่ยอิงหลอมรวมกันแล้ว! ห่างจากขั้นสุดยอดอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เขตลวงของเขาน่าเกรงกลัวเพียงใดกัน
“วิญญาณ”
“พละกำลังสายนั้น”
ตกเข้าไปในเขตลวง สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนภายในโลกทิพย์ก็มิได้ต้านทานแต่อย่างใด วิญญาณของพวกเขาก็มิได้ขัดขืน ปล่อยให้ควบคุมแต่โดยดี
พละกำลังสายนั้นที่ประทับอยู่บนวิญญาณถูกตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกซึมเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“เทพจักรวาลอสนีบาตผู้นั้นออกจะยุ่งยากอยู่บ้าง”
“อื้ม แทรกซึมได้สำเร็จแล้ว”
“ตัดขาดหมดแล้ว”
ตัดขาดก่อน แล้วค่อยๆ ทำลายไป
ตัดขาด…ก็เพื่อป้องกันจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อาศัยรอบประทับนี้สังหารผู้ศรัทธาเหล่านี้นั่นเอง
……
ไม่เพียงแต่โลกทิพย์เท่านั้น ยังมีสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่ของขุมอำนาจของลัทธิทิพย์โบราณอย่างดินแดนเก้าเมฆาที่เขาส่งร่างแยกไป ทว่าสถานที่เหล่านั้นเล็กกว่าโลกทิพย์มากนัก ผู้ศรัทธาในโลกทิพย์คิดเป็นเก้าส่วนของผู้ศรัทธาจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว! เป็นเพราะโลกทิพย์ใหญ่โตยิ่งนัก
……
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ประสบกับการร่วมมือไล่ล่าของตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ เพลิงโทสะก็อัดแน่นเต็มอก เขามิได้นึกถึงการเข่นฆ่าผู้ศรัทธาตนเลย ด้วยสัญชาตญาณ เขาก็ยังคิดว่าผู้ศรัทธาคือแหล่งกำเนิดพละกำลังของร่างแปรทิพย์โบราณ จะปกป้องยังไม่ทันเลย แล้วจะเข่นฆ่าได้อย่างไรกัน
“พวกเขากล้าได้อย่างไร กล้าได้อย่างไรกัน!”
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์แค้นเคืองหาใดเปรียบ
นานเกินไปแล้ว
ตลอดคืนวันอันยาวนาน ตั้งแต่ยุคต่างๆ ก่อนหน้านี้
เขาคุ้นชินกับการสูงส่งเหนือใคร คุ้นชินกับการทำให้ผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วนหวั่นเกรง ความเคยชินเช่นนี้ดำเนินต่อเนื่องมาหลายยุคสมัยแล้ว! เมื่อยามนี้มาถึง เมื่อเขาถูกถอดบัลลังก์ออก ถูกไล่สังหารจนเหมือนกับสุนัขไร้บ้าน จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกอดสูใจอย่างใหญ่หลวง จะแค้นเคืองไปก็ไร้ประโยชน์! พลังของจอมกระบี่ผู้นั้นสามารถกดดันเขาได้อย่างสิ้นเชิง ส่วนวิถีอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำให้เขามิอาจหลบหลีกไปไหนได้
“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ เจ้าหนีไม่พ้นหรอก” เงาร่างสามสายปรากฏขึ้นอีกครั้ง ประกายกระบี่却เฉียดผ่านร่างกายไป
ร่างของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมาอีกครั้ง
“จะหนีไปไหนก็ต้องถูกไล่สังหารทั้งนั้นแหละ” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์กลับไม่รู้เลยว่า เนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิงต้องสำแดงโลกเขตลวง จึงได้ย้ายร่างแยกทั้งสามซึ่งประจำการอยู่ที่โลกทิพย์นิจนิรันดร์ โลกจอมมารดาและโลกทิพย์กิเลนบูรพาไปยังโลกทิพย์โบราณเสียแล้ว
แต่ทว่า จอมเทพศักดิ์สิทธิ์กำลังหนีเอาชีวิตรอด ก็ย่อมมุ่งหน้าไปทางพื้นที่อันห่างไกลเป็นธรรมดา ไม่มีทางมุ่งหน้าไปยังโลกทิพย์ทั้งหลายเองเป็นแน่
ฟิ้ว!
ตู้ม!
ประกายกระบี่ส่งเสียงอื้ออึง
ถูกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า พลังชีวิตถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพียงพริบตานั้น เขาถูกลอบโจมตีถึงห้าครั้งติดต่อกัน พลังชีวิตสูญเสียไปถึงสามส่วนแล้ว เพราะถึงอย่างไรจอมกระบี่ก็ใช้สองร่างร่วมมือกันเคลื่อนไหว
“จะเป็นเช่นนี้ต่อไปมิได้แล้ว ได้แต่ต้องไปยังทางเดินโลกาพิศวงเท่านั้น” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เดือดดาลขึ้นมา แต่กลับทำได้เพียงเลือกเส้นทางเดียวกับจักรพรรดิจวินเท่านั้น
สวบ!
อสนีบาตอันน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งแหวกทางเชื่อมสายหนึ่งขึ้นมา จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เดินเลียบทางสายนี้ไป แล้วตรงเข้าสู่ทางเดินโลกาพิศวง
ทางเดินโลกาพิศวง
ที่นี่คือสถานที่ให้กำเนิดฝูงมารผลาญทำลาย และเป็นเขาวงกตขนาดมหึมาอย่างยิ่งอีกด้วย! มิติที่นี่แปลกประหลาดยากเกินคาดเดา
สวบๆๆ!
เงาร่างสามสายของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงที่นี่
“ทางเดินโลกาพิศวง” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นอกจากรอบด้านจะมีแรงกดดันและมิติเปลี่ยนแปลงอย่างน่าพิศวงแล้ว ยังมีมิติมากมายที่เป็นรอยเลื่อน! ขอบเขตการตรวจตราของตนเพิ่งจะแผ่ออกไปได้เล็กน้อยเท่านั้น บริเวณก็ถูกตัดขาดเสียแล้วเพราะรอยเลื่อน! รอยเลื่อนจำนวนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ที่นี่เกิดเป็นเขาวงกตขนาดใหญ่
เทพจักรวาลคิดจะตามหาฝูงมารผลาญทำลายที่นี่ก็ทำได้ยากมาก และนี่ก็คือกฎเกณฑ์สูงสุดที่ปกป้องฝูงมารผลาญทำลายเอาไว้
“พวกเราหาเขาไม่พบหรอก ต่อให้ใช้เวลาตามหาจอมเทพศักดิ์สิทธิ์พบอย่างยากลำบาก จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เล็ดรอดไปครั้งหนึ่ง พวกเราก็หาไม่พบอีกแล้ว ไปกันเถิด เขาก็ทำได้แค่หลบอยู่ที่นี่เท่านั้น เพราะหากเป็นที่อื่น พวกเราก็สามารถไล่สังหารเขาได้อย่างง่ายดาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“อื้ม ให้เขาหลบอยู่ที่นี่ตลอดไปก็แล้วกัน” จอมกระบี่ก็พยักหน้าแล้วเผยรอยยิ้มออกมา
……
ภายในมิติปิดผนึกแห่งหนึ่งของทางเดินโลกาพิศวง
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่เพียงลำพัง
รอบด้านเต็มไปด้วยความเวิ้งว้างขาวโพลนราวหิมะ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มองดูทุกสิ่งอย่างเงียบเชียบ ในใจรู้สึกวังเวงนัก
เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เสียได้
เขาถุกไล่ล่าเสียจนขึ้นไปก็ไม่มีทางเดิน ลงไปก็ไร้ประตู ทำได้เพียงหนีเข้ามาในทางเดินโลกาพิศวงเท่านั้น! และทางเดินโลกาพิศวงนี้ก็ยังกดดันเขาอีกต่างหาก! จะมีก็แต่พวกเผ่ามารผลาญทำลายที่ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคนี้เท่านั้น ที่อยู่ในทางเดินโลกาพิศวงแล้วจะไม่ถูกกดดัน
“ข้ากลายเป็นเช่นนี้ไปแล้วหรือ” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้น…
“ผู้ศรัทธาของข้า” ทันใดนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็สัมผัสได้แล้ว
ร่างแยกหลายร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกซึมเข้าไปตัดขาดรอยประทับทั้งหมดภายใต้โลกเขตลวง ทำให้การติดต่อระหว่างเขาและเหล่าผู้ศรัทธาถูกตัดขาด แม้จะมิกล้ากล่าวว่าสำเร็จเต็มร้อย แต่รอยประทับของผู้ศรัทธาเก้าสิบเก้าส่วนก็ถุกตัดขาดหมดแล้ว
“เขาสามารถทำลายรอยประทับวิญญาณของข้าได้อย่างไรกัน” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากจะเชื่อ
ถูกไล่สังหารจนต้องมาหลบอยู่ที่นี่
แม้แต่ผู้ศรัทธาก็ยังถูกช่วงชิงไปด้วยอย่างนั้นหรือ
ไม่มีอะไรอีกแล้วหรือ
ต่อให้โลกกำเนิดยุคหน้ามาถึง มีศัตรูตัวฉกาจอย่างจอมกระบี่และตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ วันคืนของเขาก็คงจะต้องเศร้าโศกมากเช่นเดียวกัน
ขณะนี้ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์รู้สึกว่าในใจเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง!
“ข้าไม่ยอมจำนนหรอก!” ใบหน้าที่สงบนิ่งมาตลอดของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์บูดเบี้ยว เผยให้เห็นด้านที่เป็นฝูงมารผลาญทำลายของเขา ร่างกายก็มีหมอกดำม้วนตัวขึ้นมา เขาคำรามเสียงต่ำว่า “ข้าไม่ยอมจำนนหรอก!”
เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของเขา สะท้อนก้องอยู่ในมิติอันเงียบเหงาแห่งนี้
……………………….