Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 43 เสียงแซ่ซ้องของวิญญาณ
หลังจากที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงคำรามต่ำอย่างบ้าคลั่งแล้วก็ค่อยๆ เงียบสงบลง
นัยน์ตาทั้งสองของเขาเย็นเยียบ
ด้วยเพลิงโทสะและไอสังหารในใจเขา ก็นึกอยากจะสังหารหมู่ผู้ศรัทธาจำนวนมากในการควบคุมเสียให้หมดสิ้นในความคิดเดียวเสียจริงๆ ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะตัดแยกรอยประทับของผู้ศรัทธาไปถึงร้อยละเก้าสิบเก้าแล้ว แต่สำนักทิพย์โบราณสืบทอดคำสอนอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาอันยาวนาน เผยแพร่ไปเป็นอาณาบริเวณกว้างเหลือเกิน แม้กระทั่งมีการสืบทอดคำสอนไปถึงจักรวาลและแผ่นดินอลหม่านที่ไม่อยู่ในสายตาจำนวนหนึ่งด้วย
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้แต่บันทึกสิ่งที่ตรวจจับได้ในข้อมูลเท่านั้น
เพลิงโทสะในอกของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์กำลังลุกโชน แต่เขากลับมิได้สังหารหมู่ ข้อแรก ผู้ศรัทธาน้อยนิดเพียงเท่านี้ก็ยังสามารถมอบศรัทธาให้ได้เล็กน้อย ข้อสอง เขาก็อยากจะอาศัยสิ่งนี้ในการล่วงรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกทิพย์แต่ละแห่ง ถ้าหากผู้ศรัทธาตายไปหมด เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็น ‘คนตาบอด’ อย่างแท้จริงแล้ว ไม่รู้อะไรที่โลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย
“ซ่อนไว้ได้ลึกเสียจริง”
“จอมกระบี่ไม่เพียงแต่ไปถึงขั้นสุดยอดเท่านั้น แต่พลังยุทธ์ยังเหนือกว่าข้ามากอีกด้วย ดูเหมือนว่าการคาดการณ์ของข้าจะถูกต้อง เขาจะต้องได้ป้ายคำสั่งจิตโลกาไปครอบครองแล้วอย่างแน่นอน!” นัยน์ตาของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มีประกายหนาวเหน็บกะพริบวาบ “เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่เคยประสบกับการขัดเกลาความเป็นความตายเช่นนี้มาโดยตลอด สามารถไปถึงขั้นสุดยอดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ไปถึงแล้วก็ช่างเถิด แต่อยู่ดีๆ มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ยังมีตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นอีก! ตอนนั้นข้าก็ควบคุมเขาเอาไว้ได้แล้วอยู่ชัดๆ แต่เขากลับฆ่าตัวตายเสียนี่ ข้ายังคิดอยู่ว่ามีเคล็ดลับอันใด ตอนนี้ดูแล้วก็คงจะเป็นป้ายคำสั่งจิตโลกากระมัง” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์พึมพำ “คราวก่อนผู้ที่เข้าไปในโลกทิพย์โบราณของข้าเพื่อช่วยเหลืออวี๋จิ้งชิวผู้เป็นภรรยาเขาก็จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน! ข้ายังคิดอยู่เลยว่าที่แท้แล้วเป็นผู้แกร่งกล้าผู้ลึกลับที่โผล่มาจากไหนกัน”
“ป้ายคำสั่งจิตโลกา”
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ขบกราม
เขาใช้ชีวิตอยู่มายุคแล้วยุคเล่า ก็เคยได้ยินเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับป้ายคำสั่งจิตโลกามาก่อนแล้ว แต่ละยุคในอดีตก็มีผู้ที่ได้รับป้ายคำสั่งจิตโลกากลับชาติมาเกิดไปยังดินแดนจิตโลกา แต่ผู้ที่ได้รับป้ายคำสั่งจิตโลกาเหล่านั้นกลับไม่มีใครสำเร็จเป็นขั้นสุดยอดเลยแม้แต่คนเดียว!
ผู้ที่ได้รับป้ายคำสั่งจิตโลกา โดยทั่วไปแล้วล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศวัยเยาว์ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงหรือว่าจอมกระบี่ ต่างก็ได้รับป้ายคำสั่งจิตโลกามาครองตอนที่ยังเป็นขั้นอลวนกันทั้งสิ้น ผู้มีพรสวรรค์ขั้นอลวนคนหนึ่งกลับชาติมาเกิดยังดินแดนจิตโลกา… ในท้ายที่สุดยังคิดจะไปถึงขั้นสุดยอดด้วยอย่างนั้นหรือ ความหวังช่างริบหรี่ยิ่งนัก!
“คิดไม่ถึงว่าเพียงพริบตาเดียว ยุคนี้ก็ถือกำเนิดขึ้นมาถึงสองคนแล้ว” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์รู้สึกเศร้าสลด พ่ายแพ้ได้อย่างน่าเศร้าสลดเหลือเกิน
ถูกผู้แกร่งกล้าล้ำเลิศสองคนร่วมมือกัน เพียงชั่วครู่ก็ต่อตีเสียจนเขา จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อกรเลยแม้แต่น้อย ได้แต่อาศัยทางเดินโลกาพิศวงประทังชีวิตไปเท่านั้น!
******
ณ โลกทิพย์โบราณ
ตงป๋อเสวี่ยอิงสามคนแยกกันอยู่ที่ท้องฟ้าเบื้องบนในบริเวณที่แตกต่างกันของโลกทิพย์โบราณแล้วสำแดงโลกเขตลวงปกคลุม ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ทั้งหมดในโลกทิพย์โบราณติดอยู่ภายในเขตลวง แต่ละคนต่างก็จมดิ่งอยู่ภายในนั้น มิได้ต้านทานเลยแม้แต่น้อย ล้วนทำตามการควบคุมของตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสิ้น
ถ้าหากต้านทานแม้แต่น้อย เช่นนั้นรอยประทับที่ตัดแยกเอาไว้ก็จะล้มเหลว!
“สวบๆๆๆ…”
เงาร่างสายแล้วสายเล่าปรากฏตัวขึ้นที่ท้องฟ้าเบื้องบนของโลกทิพย์โบราณ
เจ้าศิลาร่างผอมเล็ก จอมกระบี่บุรุษอาภรณ์ขาว บรรพชนเทียนอวี๋ บรรพชนห้วงอากาศ ราชันย์มีด บรรพชนโลกา บรรพชนทิพย์ ท่านบรรพชนคีรีมาร จักรพรรดิงูเมฆา บรรพชนกฎฉุนอี ประมุขเหยากวง บรรพชนกู่ และเทพจักรวาลคนอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็ปรากฏตัวขึ้นพลางมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวที่ยืนหลับตาอยู่กลางอากาศอยู่ห่างๆ แล้วมองไปยังสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่ร่วงหล่นลงบนพื้นแผ่นดินอันไพศาลเบื้องล่าง
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือว่าสัตว์ประหลาด ผู้บำเพ็ญทุกเผ่าพันธุ์ต่างก็ติดอยู่ในห้วงนิทราทั้งสิ้น
โลกทิพย์โบราณเงียบสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผู้ที่ศรัทธาในตัวจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์ บนวิญญาณต่างก็มีรอยประทับกันหมดแล้ว ก็สามารถช่วยเหลือได้ด้วยหรือ” ราชันย์มีดอุทาน “ล้ำเลิศยิ่งนัก”
“จอมมารดาตายไป ผู้ศรัทธาจำนวนนับไม่ถ้วนที่นางควบคุมเอาไว้ก็กลับเป็นอิสระจนหมด แต่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ตาย ก็ได้แต่ช่วยทีละคนแล้ว” จอมกระบี่พูดยิ้มๆ “โชคดีที่เสวี่ยอิงมีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางด้านโลกเทียม สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้! ถึงแม้ว่าสำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดาจะเป็นสองสำนักใหญ่ แต่พูดถึงด้านจำนวนแล้ว สำนักทิพย์โบราณกลับมากมายกว่าลัทธิจอมมารดาอยู่มากนัก”
“อืม”
ทุกคนในที่นั้นพยักหน้า
“นี่เป็นคุณความดีครั้งใหญ่เลยทีเดียว” บรรพชนเทียนอวี๋เอ่ยอย่างทอดถอนใจ
“หวังว่าจะไม่เกิดปัญหาอันใดระหว่างนั้นนะ” บรรพชนทิพย์จ้องมองดูต่อไป พวกเขาต่างก็รู้กระจ่างดียิ่งว่าการพัวพันไปถึงวิญญาณนั้นมีความยุ่งยากมากเพียงใด! ในอดีต เมื่อใดที่ประทับรอยประทับวิญญาณ นั่นก็ดูเหมือนว่าไม่มีทางช่วยเหลือได้แล้ว ให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์และจอมมารด
ปลดปล่อยอย่างนั้นหรือ หรือว่าสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์และจอมมารดาให้ผู้ศรัทธากลับคืนสู่อิสรภาพ หรือว่าตัดแยกรอยประทับเช่นเดียวกันกับตงป๋อเสวี่ยอิงนี้เล่า
ในอดีต วิธีการทั้งสามอย่างนี้ล้วนมิใช่ความจริง
ตอนนี้ จอมมารดาตายไปแล้ว
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แต่หลบซ่อนตัว ใช้ชีวิตอยู่ในทางเดินโลกาพิศวง
“ครืน…”
ระหว่างฟ้าดินมีระลอกคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนรางๆ
จอมกระบี่ เจ้าศิลา บรรพชนเทียนอวี๋และคนอื่นๆ ที่อยู่กลางอากาศต่างก็กลั้นหายใจมองดู พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงระลอกคลื่นอันแปลกประหลาดนั้น
“กำจัดเสีย” ร่างแยกทั้งสามของตงป๋อเสวี่ยอิงทุ่มเทอย่างสุดกำลัง ค่อยๆ ขจัดรอยประทับเหล่านั้นอย่างช้าๆ
“สลาย”
ในขณะนี้
สิ่งมีชีวิตที่มิอาจนับจำนวนได้ของโลกทิพย์โบราณ ที่นี่เป็นโลกทิพย์โบราณที่มีอาณาบริเวณราวๆ หนึ่งในร้อยส่วนของ ‘โลกทิพย์โบราณดั้งเดิม’ ในขณะนี้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็สลัดพันธนาการออกไปจนหมดสิ้นแล้ว รอยประทับในดวงวิญญาณรอยนั้นสลายตัวไป แต่ละคนต่างก็ได้รับอิสรภาพและหลุดจากพันธนาการในที่สุด!
“ฮ่า!”
สิ่งมีชีวิตของโลกทิพย์โบราณจำนวนนับไม่ถ้วน ดวงวิญญาณก็ย่อมแผ่ระลอกคลื่นออกมา นั่นคือระลอกคลื่นที่สุขสันต์หาใดเปรียบ ระลอกคลื่นแห่งอิสรภาพ ระลอกคลื่นแห่งการหลุดพ้น!
ผู้บำเพ็ญเกิดมาก็เป็นอิสระ!
เกิดมาเพื่อไล่ตามความอิสระเสรี!
ถูกกดขี่เป็นทาสมาเนิ่นนาน ถูกกดขี่เป็นทาสยุคแล้วยุคเล่า สามารถสังหารคนที่ตนรักโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งฆ่าตัวตาย! นี่มิใช่ผู้บำเพ็ญอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่ามีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับซากศพที่เดินได้! มีเพียงในขณะนี้ที่สามารถขจัดพันธนาการออกไปได้อย่างแท้จริง อิสรเสรีที่มาจากจิตวิญญาณเช่นนั้น จิตใจสว่างไสว จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาสมควรมี
วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็พากันส่งเสียงแซ่ซ้องโดยสัญชาตญาณ! เสียงแซ่ซ้องเช่นนั้นทำให้เจ้าศิลา จอมกระบี่ บรรพชนเทียนอวี๋และคนอื่นๆ ที่ชมดูเหตุการณ์นี้อยู่ที่โลกทิพย์โบราณต่างก็รู้สึกได้ถึงความพรั่นพรึง
วิญญาณ…
เดิมทีก็ลึกลับอยู่แล้ว
ในที่สุดวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนก็กลับคืนสู่อิสรภาพ เสียงแซ่ซ้องจากจิตวิญญาณและระลอกคลื่นที่เหนี่ยวนำขึ้นมานั้นกวาดล้อมไปทั่วทั้งโลกทิพย์โบราณ แล้วก็ส่งผลกระทบไปถึงเทพจักรวาลเหล่านี้ พวกเขาต่างก็ได้รับผลพวงด้วยกันทั้งสิ้น ต่างก็รู้สึกว่าวิญญาณของตนสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น
“อิสรภาพ!”
“อิสรภาพ!”
ไม่เพียงแต่โลกทิพย์โบราณเท่านั้น ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งมนุษย์และสัตว์ประหลาดเผ่าต่างๆ ที่ได้รับความช่วยเหลือตามสถานที่อื่นๆ อย่างเช่นดินแดนเก้าเมฆา ต่างก็ฟื้นคืนสติแล้ว
พวกเขาหลั่งน้ำตาแห่งความตื่นเต้นและยินดีอย่างที่สุด
ถึงแม้ว่าดวงวิญญาณจะมีรอยประทับตลอดระยะเวลาอันยาวนาน แต่พวกเขาก็มีสติแจ่มชัดอยู่ตลอด ยุคแล้วยุคเล่าก็ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น ที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือพวกเขายังคงสวามิภักดิ์และศรัทธาต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงจากก้นบึ้งของหัวใจราวกับหุ่นเชิดก็มิปาน มีเพียงแค่ในขณะนี้เท่านั้นที่ความรู้สึกอันแปลกประหลาดนั้นเพิ่งจะมลายหายไป แล้วจึงรู้สึกได้ถึงความสุขกายสบายใจอย่างแท้จริง
“นับจากตอนนี้เป็นต้นไป ข้าจึงจะเป็นตัวข้า!” เทพจักรวาลวิถีอสนีบาตเพียงหนึ่งเดียวก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน มองผ่านสิ่งกีดขวางของห้วงอากาศ มองเห็นบุรุษอาภรณ์ขาวที่อยู่ไกลออกไป
ถึงแม้ว่าผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนจะไม่รู้ว่าผู้ใดช่วยเหลือพวกเขา ทว่าต่างก็รู้สึกซาบซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ
ซาบซึ้งที่ช่วยเหลือพวกเขาออกมาจากหุบเหวลึกอันดำมืด
……
กลางเวหา
ตงป๋อเสวี่ยอิงสามคนยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม เขาและร่างแยกอื่นๆ ช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ยามที่สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้นได้รับอิสรภาพ วิญญาณก็ส่งเสียงแซ่ซ้องโดยสัญชาตญาณ
เสียงแซ่ซ้องอย่างพร้อมเพรียงกันของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากมายเหลือคณา ทำให้แม้แต่พวกเจ้าศิลาและจอมกระบี่ที่ชมดูอยู่ต่างก็พากันพรั่นพรึง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยิ่งมีความรู้สึกแรงกล้า
เสียงแซ่ซ้องระลอกแล้วระลอกเล่าพุ่งปะทะใส่ตน
“วิญญาณ”
“อิสรภาพ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงน้ำตาหลั่งรินโดยไม่รู้ตัว
น้ำตาแห่งความซาบซึ้ง
ซาบซึ้งกับความมุ่งมาดปรารถนาที่วิญญาณมีต่ออิสรภาพ
ในขณะนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงมีหนทางสำหรับผสานรวม ‘วิถีวิญญาณ’ สายสุดท้ายของการผสานรวมห้าสาย ของ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ แล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีแม้กระทั่งทิศทางที่ถูกต้องแม่นยำเลยด้วยซ้ำ! แต่ตอนนี้เขามองเห็นหนทางแล้ว
“วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน จึงจะเป็นพื้นฐานของโลกกำเนิดแห่งนี้”
“ความปรารถนาของสรรพชีวิตสามารถส่งผลกระทบต่อความปรารถนาของโลกกำเนิดได้! แต่การกดขี่สรรพชีวิตเป็นทาส… วิถีทางนี้ก็เป็นเรื่องที่ผิดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขนาดที่เกิดความรู้สึกชนิดหนึ่งขึ้น ถึงแม้ว่าการเผยแพร่ความศรัทธาจะมีหวังที่จะทำให้สรรพชีวิตศรัทธาในการควบคุมกฎเกณฑ์สูงสุดได้ แต่ทว่าเขากลับมีความรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าการทำให้สรรพชีวิตศรัทธานั้นมิใช่เรื่องผิด แต่วิธีการกดขี่ดวงวิญญาณเป็นทาสนั้นน่าจะละเมิดข้อห้ามระดับที่ลึกล้ำกว่าบางอย่าง
วิถีทางสายนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงมีลางสังหรณ์ว่าจะไม่สามารถควบคุมกฎเกณฑ์สูงสุดได้!
อย่างเช่นหยวนและเจ้าเมืองหลัว ต่างก็มิได้มีความสำเร็จล้ำลึกทางด้านวิถีวิญญาณ ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของวิถีวิญญาณของห้วงมิติจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้เขาก็มีเพียงแค่ลางสังหรณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น
“เมื่อห้าสายผสานรวมกันแล้ว บางทีข้าอาจจะเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
เมื่อก่อนหน้านี้
ห้าสายผสานรวม ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ของเขาไปถึงขั้นสุดยอดแล้ว ก็มิได้มีความมั่นใจ แต่วันนี้เขาเห็นหนทางก็มีความแน่ใจแล้ว
“ให้เวลากับข้าอย่างเพียงพอ ก็มีความหวังที่ข้าจะเดินบนทางเส้นนี้ไปถึงขั้นสุดยอดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลืมตา มองเห็นเหล่าผู้บำเพ็ญของโลกทิพย์โบราณจำนวนนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและปิติยินดีแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมา
เขาช่วยเหลือสรรพชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน
และสรรพชีวิตก็ได้ชี้เส้นทางการบำเพ็ญของวิญญาณออกมาให้เขา
ยื่นหมูยื่นแมวกัน นี่ก็เป็นการโคจรของกฎเกณฑ์อย่างหนึ่งกระมัง
“เสวี่ยอิง”
“ฮ่าฮ่า ช่างมีความสุขเหลือเกิน”
“นี่เป็นวันที่มีความสุขที่สุดวันหนึ่งในชีวิตข้าเลย จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ข่มขู่คุกคามพวกเรามาโดยตลอดถึงกับตกใจกลัวจนต้องหลบซ่อนตัวเพื่อรักษาชีวิตรอดเลยทีเดียว ฮ่าฮ่า”
บริเวณไกลออกไปมีเสียงลอยมา เจ้าศิลา จอมกระบี่ บรรพชนเทียนอวี๋ และเหล่าเทพจักรวาลกลุ่มหนึ่งต่างพากันเข้ามาจนหมด แต่ละคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทุกคนมีความสุขเบิกบานใจ ในวันนี้ พวกเขาได้เห็นจอมมารดาที่ชั่วร้ายมาอย่างยาวนานสิ้นชีพ และได้เห็นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ทั่วทั้งโลกกำเนิดโกลาหลมาโดยตลอดเป็นดังสุนัขจนตรอก วันนี้พวกเขาได้หลุดพ้นจากการเผชิญกับภัยของมหาวินาศ วันนี้พวกเขาได้เห็นทั้งจอมกระบี่และตงป๋อเสวี่ยอิงไปถึงขั้นสุดยอด วันนี้ยังได้เห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเกือบหนึ่งส่วนของอากาศอันสับสนอลหม่านกลับคืนสู่อิสรภาพ ได้ยินเสียงแซ่ซ้องของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน…
ทุกคนรู้สึกสุขสันต์และสบายใจ ชนิดที่ไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อนเลย
ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้มแล้วก้าวเข้าไปหา!
……………………………………