Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 5 การเจรจาต่อรอง
“ท่านมหาเคารพ เค่อชิงเฟยเสวี่ยต้องการพบบรรพชนฝานขอรับ” จ้าวขุยเฉินก็ได้แต่ส่งสารไปอย่างเงียบๆ สถานะของบรรพชนฝานสูงส่งเหลือเกิน เขาเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะไปรบกวนได้ แต่เขาคิดว่าดีร้ายอย่างไรอิงซานเสวี่ยอิงก็เป็นเทพจักรวาลคนหนึ่ง แล้วก็มิใช่พวกที่โง่เง่า ในเมื่อกล้าบอกว่าอยากจะพบบรรพชนฝาน ก็คงจะมีที่พึ่งอะไรบางอย่างอยู่แล้ว
เพียงไม่นาน
มหาเคารพซือเทียนก็มาด้วยตนเอง
“น้องเฟยเสวี่ย เจ้าต้องการพบบรรพชนฝานหรือ” มหาเคารพซือเทียนโบกไม้โบกมือไปทางจ้าวขุยเฉินที่อยู่ข้างๆ จ้าวขุยเฉินค้อมกายเล็กน้อยแล้วถอยออกไป
“ข้ามีเคล็ดวิชาศาสตร์หนึ่งต้องการขายให้กับบรรพชนฝาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“อ้อหรือ น้องเฟยเสวี่ยมีเคล็ดวิชาใหม่อีกแล้วหรือ ไม่ทราบว่าเป็นเคล็ดวิชาใดกัน” มหาเคารพซือเทียนเผยสีหน้ายินดี สามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุมีพื้นฐานอันแข็งแกร่งเพียงใด เคล็ดวิชาธรรมดาๆ ย่อมมิได้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว เช่น ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ นั้นประกอบด้วยเคล็ดลับพิเศษของเก้าสายผสานรวมกัน นั่นคือสิ่งที่ตระหนักรู้ออกมาจากบนชุดเกราะของ ‘แม่ทัพโม่กู่’ ฝูงมารผลาญทำลายที่กฎเกณฑ์สูงสุดบ่มเพาะออกมา นี่จึงจะทำให้จักรพรรดิเซี่ยเปลี่ยนสายตามามองได้
“เคล็ดวิชาโลกเทียม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “โลกเทียมชั้นที่สอง”
มหาเคารพซือเทียนสีหน้าแปรเปลี่ยนเสียแล้ว เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม สายตาที่มองตงป๋อเสวี่ยอิงก็แตกต่างไปเสียแล้ว
“นี่มิใช่เรื่องที่จะมาโป้ปดกันได้นะ!” มหาเคารพซือเทียนเอ่ยเสียงต่ำ ถ้าหากบอกว่าเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์เพียงแค่เพิ่มสามตระกูลใหญ่ประกอบเข้าไปด้วย แต่ตำราโลกเทียมชั้นที่สองนั้นกลับเป็นตำราที่บรรพชนฝานต้องการอย่างเร่งด่วนที่สุดสำหรับหนีออกจากกรงขังนี้แล้ว ตำราระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองทางด้านวิญญาณ รัฐโบราณแห่งใดๆ ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างก็มุ่งมาดปรารถนากันทั้งสิ้น
“ข้าจะกล้าบังอาจหลอกลวงบรรพชนฝานเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“นับถือ นับถือ ต่างก็ว่ากันว่าน้องเฟยเสวี่ยประสบเคราะห์ใหญ่ที่วังเทพจิตโลกา แต่ตอนนี้สามารถคิดค้นตำราโลกเทียมชั้นที่สองออกมาได้ คราวนี้กลับกันแล้วจริงๆ กลับกันอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว” มหาเคารพซือเทียนเข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าตำราพรรค์นี้ล้ำค่าเพียงใด “ข้าจะไปเรียนให้บรรพชนฝานทราบเดี๋ยวนี้แหละ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้มน้อยๆ
……
ก่อนที่จะมายังคีรีมารสกุลฝาน
ตงป๋อเสวี่ยอิงใช้ร่างแยกทั้งเก้าสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาอย่างต่อเนื่อง ไปจากดินแดนจิตโลกา สำหรับเขาที่มีร่างแยกเกินหมื่น ร่างแยกเก้าร่างก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย
“ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา”
มาถึงระดับขั้นอย่างตงป๋อเสวี่ยอิง ตอนที่สอดแนมโลกระดับที่สูงขึ้นนอกกรงขัง ก็สามารถสอดแนมไปถึงโลกกำเนิดอื่นๆ ได้อย่างรางๆ แล้ว
พรึ่บ…
อาศัยศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา พริบตาเดียวก็ฝืนเปิดอุโมงค์ทางเดินอันเล็กจ้อยหาใดเปรียบเส้นหนึ่งได้ แม้กระทั่งจุดเปราะบางของอุโมงค์ทางเดินแห่งนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้แต่วิญญาณเคลื่อนที่ ต้องละทิ้งร่างกายเป็นการชั่วคราว!
พรึ่บ!
วิญญาณมุ่งหน้าไปยังโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่งด้วยความเร็วสูงผ่าน ‘อุโมงค์ทางเดินส่งถ่ายทลายโลกา’ ที่เปิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน อุโมงค์ทางเดินเส้นนี้อาศัยความเร้นลับของวิถีอากาศเหนี่ยวนำพลังคละวิถี อุโมงค์ทางเดินอันเล็กจ้อยที่ก่อรูปร่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน ตนเองก็เคลื่อนที่ในนั้นอย่างรวดเร็วเป็นที่สุด
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…” นอกอุโมงค์ทางเดินอันเล็กจ้อยก็คือห้วงมิติระดับที่สูงกว่า เต็มไปด้วยพลังคละวิถีที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ระดับความเข้มข้นถึงขนาดที่สามารถกัดกร่อนร่างกายของเสวี่ยอิงได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้แต่อาศัยศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกามาปลีกตัวจากการกัดกร่อนของห้วงมิติระดับที่สูงกว่า ตนเองก็คล้ายกับหนูตัวหนึ่งที่แอบแทรกซึมเข้ามายังโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่ง
วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมวิถีอากาศเหนี่ยวนำพลังคละวิถี พยุงอุโมงค์ทางเดินอันเล็กจ้อยนี้เอาไว้
อุโมงค์ทางเดินเล็กยิ่งนัก แม้กระทั่งชีวิตเหนือธรรมดาโดยทั่วไปต่างก็ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า
เพียงแค่เวลาชั่วจิบชาจอกหนึ่ง
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่าตนเองผ่านสิ่งกีดขวางมาได้ เข้าไปยังโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนั้นได้แล้ว
กฎเกณฑ์สูงสุดของโลกกำเนิดอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้แผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่งและกดดันตนเอง ไม่มีการอนุญาตของกฎเกณฑ์สูงสุด ตนเองก็ไม่มีทางกลับชาติมาเกิดที่โลกกำเนิดแห่งนี้ได้! ก็ได้แต่อาศัยวิญญาณอันแกร่งกล้าฝืนบังคับเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินเริ่มต้นควบแน่นร่างกาย มาถึงระดับขั้นอย่างพวกเขานี้ ขอเพียงแค่วิญญาณยังคงอยู่เพียงเศษเสี้ยว ก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
“น่าเสียดายที่ทุกหนแห่งเผชิญกับการกดดันของกฎเกณฑ์สูงสุด พลังยุทธ์จึงแสดงออกมาได้เพียงแค่ขั้นอลวนชั้นที่เก้าเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งกว่านี้ สำนักวิชาที่พิเศษกว่านี้ ล้วนถูกกดดันจนสิ้น
“เจ้าเมืองหลัวก็ถูกกดดันเช่นกัน แต่เขากลับสามารถแสดงพลังยุทธ์ระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองออกมาได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ “ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นนั้นแตกต่างกันจริงๆ”
“หืม”
ในขณะที่ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังควบรวมกันอยู่นั้นเองก็มองไปยังบริเวณไกลออกไป บริเวณไกลออกไปก็มีกองทัพขนาดใหญ่สองกองกำลังปะทะกันอยู่พอดี การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเหนี่ยวนำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
******
ร่างแยกทั้งเก้าแยกกันหลบซ่อนอยู่ที่โลกกำเนิดบางแห่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล นี่ก็คือยอดฝีมือวิถีอากาศที่สามารถสำแดง ‘ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกา’ ได้ ต่างก็สามารถสำแดงเคล็ดวิชารักษาชีวิตได้! ที่โลกกำเนิดอื่นๆ ก็คือร่างแยกของบรรดาบุคคลผู้ไร้เทียมทานที่ถูกกดดันเอาไว้ที่ขั้นอลวนเช่นเดียวกัน ย่อมไม่กังวลว่าจะถูกล้างเผ่าพันธุ์อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่โลกกำเนิดอื่นๆ เคล็ดวิชาต่างๆ นานาของเหล่าผู้มาจากภายนอกต่างก็ถูกจำกัดเอาไว้ทั้งสิ้น เกรงว่าคงจะหาร่างแยกของตนที่ซ่อนตัวอยู่ไม่พบเสียด้วยซ้ำ
ซ่อนตัวอยู่ที่โลกกำเนิดอีกแห่ง… ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นยอดแห่งเคล็ดการรักษาชีวิตรอด
“ข้าก็กลัวเหมือนกัน”
“เกรงว่าพวกบรรพชนฝานและจักรพรรดิเซี่ยจะบีบบังคับข้าน่ะสิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ นี่ก็คือเหตุผลที่หลังจากที่เขาผสานแปดสายรวมกันแล้วจึงค่อยมาเจรจาต่อรอง
“น้องเฟยเสวี่ย เชิญ”
มหาเคารพซือเทียนนำทางด้วยตนเอง คนทั้งสองเหินบินเคียงไหล่กันอยู่กลางเวหา มหาเคารพซือเทียนเคลื่อนย้ายเพียงแค่ครั้งเดียวก็มาถึงภายในห้องโถงใหญ่สีดำแห่งหนึ่งแล้ว
ภายในห้องโถงใหญ่ ด้านบนมีคนสามคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
จักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน และจักรพรรดิชาง พวกเขาสามคนมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ สายตาของแต่ละคนต่างก็จับอยู่บนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ตำรา ‘โลกเทียมชั้นที่สอง’ นั้นเป็นสิ่งที่บรรพชนฝานจะต้องได้มาให้จงได้! ส่วนจักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชาง ในความเป็นจริงแล้วก็คิดจะทิ้งตำรานี้เอาไว้ที่สามตระกูลใหญ่ ตำราระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองทางด้านวิญญาณ ความล้ำค่านั้นยังเหนือกว่าสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับเสียอีก! ทั้งยังหาได้ยากกว่าอีกด้วย!
“เจ้ามีตำราโลกเทียมชั้นที่สองอย่างนั้นหรือ” บรรพชนฝานเอ่ยปากขึ้นก่อนพลางมองลงไปยังตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ด้านล่าง “คิดค้นขึ้นเองหรือ”
“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“ไม่เหมือนกันกับของข้ากระมัง” บรรพชนฝานพูด ตำราโลกจิต ตำราโลกเทียมที่เขาคิดค้นขึ้นนั้นเป็นการผสานรวมกันของสามสายได้แก่โลกา วิญญาณและปรารถนา ถ้าหากเป็นสามสายนี้มาผสานรวมกันก็ไม่มีประโยชน์ต่อบรรพชนฝานแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม “เป็นการผสานรวมกันของโลกาและภาพลวงสองสายนี้”
สายตาบรรพชนฝานทอประกายวูบหนึ่งในทันใด
ในความเป็นจริงแล้ว…
ก่อนหน้านี้ที่บำเพ็ญอยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตตลอดสี่ร้อยล้านปีนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ผสานโลกาและภาพลวงสองสายนี้เข้าด้วยกันแล้ว แต่ตอนนี้สามแสนล้านปีผ่านไป เขาก็ผสานรวม ‘โลกา ภาพลวง และล้างสังหาร’ สามสายนี้เข้าด้วยกันแล้ว! ทว่าตั้งแต่ซื้อขายกับภายนอก… ก็ดูตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องขายออกไปจนหมดสิ้นราวกับของก้นหีบ
“เจ้ามานี่ก็เพราะมีความตั้งใจที่จะขายตำราโลกเทียมที่เจ้าตระหนักรู้ให้กับรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าแล้วอย่างนั้นหรือ” บรรพชนฝานพูด
“ใช่แล้ว แต่ข้าก็ต้องได้ในสิ่งที่ข้าต้องการด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก
บรรพชนฝาน จักรพรรดิเซี่ย และจักรพรรดิชางต่างก็เข้าใจดีว่ายอดฝีมือเทพจักรวาลชั้นที่สองที่อยู่ด้านล่างผู้นี้จะต้องเป็นราชสีห์เขมือบคำโตอย่างแน่นอน! แต่ก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง รัฐโบราณใดๆ ต่างก็ต้องเต็มใจจ่ายในราคามหาศาลเพื่อซื้อตำราเช่นนี้อยู่แล้ว
บรรพชนฝานถ่ายเสียงพูดพลางหรี่ตา “จักรพรรดิเซี่ย เจ้าสามารถค้นพบร่างแยกที่เขามีอยู่ได้หรือไม่ ร่างแยกหนึ่งหมื่นแปดสิบเอ็ดร่าง ค้นพบแล้วก็จับกุมมาให้หมด!”
ถ้าหากไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายในราคาสูงเกินไป พวกเขาก็ไม่รังเกียจที่จะใจไม้ไส้ระกำสักหน่อยอยู่แล้ว
บนเส้นทางการบำเพ็ญ…
เดิมทีก็คือการดิ้นรนอยู่แล้ว!
“พรึ่บ”
จักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางต่างก็แอบสำแดงเคล็ดวิชาไปอย่างลับๆ แล้ว จักรพรรดิเซี่ยก็ยิ่งตรวจตราทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาไปแล้วรอบหนึ่งด้วย
“ประหลาดนัก ข้ามิอาจค้นพบร่องรอยของเหตุปัจจัยของร่างแยกของเขาได้เลยแม้แต่น้อย” จักรพรรดิเซี่ยก็ถ่ายเสียงพูด “ร่างแยกที่ข้าค้นพบก็ยังเป็นร่างแยกไม่กี่สิบร่างที่เขาจงใจเปิดเผยสู่สาธารณะ ส่วนร่างแยกอื่นๆ นั้นล้วนหาไม่พบทั้งสิ้น”
“พี่ชาง ท่านเล่า” บรรพชนฝานเอ่ยถาม
“ข้าก็หาไม่พบเช่นกัน เคล็ดสะกดรอยก็ไร้ประโยชน์ เขายังมิได้ไปถึงขั้นสุดยอดเลย ไปเอาเคล็ดซ่อนเร้นอันร้ายกาจเช่นนี้มาจากไหนกัน” จักรพรรดิชางก็ตกตะลึง ทางสายฝึกกายของเขาก็ไปถึงขั้นสุดยอดแล้วเช่นเดียวกัน เพราะว่าที่ดินแดนจิตโลกา พื้นฐานของเขาก็ลึกล้ำกว่าเจ้าศิลาอยู่พอสมควร แต่ก็มิอาจเสาะหาและสะกดรอยของตงป๋อเสวี่ยอิงได้พบเลยแม้แต่น้อย
วิญญาณดูดซับพลังคละวิถีเอาไว้เล็กน้อย ก็ตรวจสอบได้ยากเป็นอย่างยิ่งแล้ว และวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งวิวัฒน์เพราะโลหิตหัวใจอันล้ำค่าของ ‘มารดามังกรหมื่นสัมผัส’ หนึ่งหยดอีกด้วย แล้วเหล่าเทพจักรวาลจะสามารถหาพบได้อย่างนั้นหรือ
“ดูท่าทาง อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ก็คงจะเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่แล้วล่ะ จึงได้กล้ามาเจรจาต่อรองกับข้า” บรรพชนฝานพึมพำ
บุคคลผู้ไร้เทียมทานสามท่าน
จักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางต่างก็คิดจะทิ้งตำราเล่มนี้เอาไว้เพื่อรัฐโบราณคิมหันตวายุโดยเฉพาะ สำหรับพวกจักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางก็คิดอยากจะเดินบนวิถีวิญญาณ แต่กลับไม่แน่ว่าจะต้องเป็นทางสายเขตลวงโลกเทียม
แต่บรรพชนฝานกลับมุ่งมาดปรารถนามากที่สุดอย่างแท้จริง ถึงอย่างไรเขตลวงโลกเทียมของเขาก็ผสานรวมสามสายแล้ว! ถ้าหากซึมซับจากประสบการณ์ในตำราของตงป๋อเสวี่ยอิงมาได้บ้าง แล้วผสานรวมทางสาย ‘ภาพลวง’ เข้าไปได้สำเร็จอีกสาย… เช่นนั้นก็เป็นสี่สายแล้ว ก้าวหน้าไปอีกขั้นเดียวก็คือห้าสายผสานรวม เหยียบย่างเข้าสู่ความเป็นสุดยอดแล้ว! ถึงเวลานั้น วิญญาณก็ไปถึงความเป็นสุดยอด บางทีเขา บรรพชนฝาน ก็อาจจะสามารถหนีออกจากกรงขังแห่งนี้ได้ ไปถึงระดับชีวิตที่เกินกว่าจะจินตนาการได้อีกขั้นหนึ่ง
“ข้าหวังว่าเจ้าจะขายตำราเล่มนี้ให้กับรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าเท่านั้น” จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยปาก “ห้ามเผยแพร่สู่ภายนอกให้กับผู้อื่นอีก”
“ข้าจะถ่ายทอดให้กับยอดฝีมือที่รัฐเมฆทักษิณาก็มิได้อย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามประโยคหนึ่ง
“ยอดฝีมือที่รัฐเมฆทักษิณาจะต้องมาเป็นเค่อชิงที่รัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าก่อน มาศึกษาตำราโลกเทียมเล่มนี้ที่รัฐโบราณคิมหันตวายุของข้า” จักรพรรดิเซี่ยพูด เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่อยากให้รัฐโบราณอื่นๆ ได้ศึกษาเช่นกัน
“เช่นนั้นราคาก็คงไม่เท่ากันแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม
พูดง่าย
ขอเพียงแค่ทำให้ตนพึงพอใจ ขายให้เพียงแค่รัฐโบราณคิมหันตวายุก็ไม่เห็นเป็นไร! ตำราระดับต่ำกว่าเทพจักรวาลลงไปยังสามารถศึกษาได้ง่ายดายยิ่ง ถ้าหากสำเร็จเป็นเทพจักรวาล ก็มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นเค่อชิงของรัฐโบราณคิมหันตวายุแล้ว!
“พูดมาสิ เจ้าอยากได้อะไรล่ะ” บรรพชนฝานเอ่ยปากอย่างสงบ
………………………………………………….