Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 51 บรรดาผู้ช่วยของตงป๋อเสวี่ยอิง!
“ปัง!”
ฝ่ามือมหึมาซึ่งมีโลกดำมืดอันไร้ที่สิ้นสุดแฝงเอาไว้ตะปบเข้ามา ทำให้จอมกระบี่ที่เตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้วยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันดังเดิม “จักรพรรดิเซี่ยเตือนเอาไว้ไม่มีผิดว่าพลังของราชันย์อนธการอมตะผู้นี้เป็นระดับเดียวกับเขาอย่างแท้จริง ช่างน่ากลัวนัก”
เค้ามาออกหน้าขัดขวางก็ย่อมบอกกับจักรพรรดิเซี่ยเอาไว้ก่อนแล้วเป็นธรรมดา ตอนนั้นจักรพรรดิเซี่ยก็พูดไว้แล้วว่า “กระบี่ปีศาจ พลังของราชันย์อนธการอมตะผู้นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่แพ้ข้าเลย หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ เขาจากดินแดนจิตโลกาแห่งนี้ไปนานยิ่งนัก ข้ามองพลังของเขาไม่ออกเลยจริงๆ”
เมื่อมาดูตอนนี้แล้ว
ก็เป็นระดับเดียวกับจักรพรรดิเซี่ยอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องแข็งแกร่งกว่าน่ะหรือ เห็นได้ไม่ชัดนัก หรือหากแข็งแกร่งกว่าก็มีข้อจำกัดอยู่
จอมกระบี่กลับไม่รู้เลยว่า ข้อแรก ราชันย์อนธการอมตะ มิได้พยายามสุดชีวิตเพื่อสำแดงลูกไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาข้อสอง สิ่งที่ราชันย์อนธการอมตะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดคืนวันอันยาวนานก็คือขัดเกลาและหลอมแปรเคล็ดวิชา ‘ผู้ท่องมรณะ’ ขึ้นมา ถ้าหากทำให้เขาบูชาสำเร็จ และหลอมผู้ท่องมรณะขึ้นมาได้สักร่างหนึ่ง! ก็มีคุณสมบัติพอจะเรียกได้ว่า ‘กายกึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น’ แล้ว หากพูดถึงพลังรบ กลับเทียบได้กับพวกสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่อ่อนแอที่สุดแล้ว!
“กระบี่ปีศาจ จำเอาไว้ เจ้าไปก็เพื่อปกป้องพวกคนที่อ่อนแอเหล่านั้น มิใช่จ้าวหิมะเหิน อย่าได้แตกหักกับราชันย์อนธการอมตะเข้าจริงๆ ล่ะ! แค่เกลี้ยกล่อมก็พอ เค้าคงจะไม่โง่เง่าจนถึงขั้นเป็นศัตรูกับรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าด้วยเหตุนี้จริงๆ หรอก” ตอนนั้นจักรพรรดิเซี่ยก็ได้กำชับเอาไว้แล้ว
พวกจักรพรรดิเซี่ย ก็ไม่กลัวเลยจริงๆ
จักรพรรดิเซี่ยมีร่างแยกมากมาย ลำพังแค่ ‘นครหลวงคิมหันตวายุ’ ก็เป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของทั้งดินแดนจิตโลกา ซึ่งมีประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว เมืองใหญ่แต่ละแห่งที่สมาชิกคนสำคัญที่แท้จริงของสกุลเซี่ยแบ่งสรรกันไปก็ล้วนแต่มีร่างแยกของเขาประจำการอยู่!
ดังนั้นหากแตกหักกันขึ้นมาจริงๆ ตัวเมืองซึ่งเป็นหัวใจสำคัญก็ไร้กังวล
เขาเชื่อว่าก่อนที่จะมี ‘ความแค้นครั้งใหญ่’ นั้น ราชันย์อนธการอมตะก็คงไม่โง่เง่าถึงเพียงนี้!
จริงๆ แล้วผู้ที่ทำลายการบูชาในครั้งนี้ก็คือ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ราชันย์อนธการอมตะก็ย่อมเกลียดชังจ้าวหิมะเหินผู้นั้นเป็นธรรมดา คงจะไม่สร้างศัตรูตัวฉกาจที่น่าหวาดหวั่นเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย!
……
ตู้มมม…
ฝ่ามือมหึมาตะปบลงไป ประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็หายวับไป
จอมกระบี่ถูกกระแทกเสียจนกระเด็นลอยถอยหลังไป ก่อนจะกระทบลงบนที่ครอบแสงซึ่งเป็นค่ายกลคุ้มกันเมืองหิมะเหินเอาไว้ แล้วเขาก็ลอยขึ้นไปทันที
“เฮ้อ สิ่งที่อยู่ในมือเจ้ามิใช่สมบัติลับอันสูงส่ง แต่เจ้า กลับมีพลังขั้นไร้ศัตรูแล้วหรือนี่” ราชันย์อนธการอมตะเห็นเข้าก็ยิ้มเย็นชา “น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า พวกเจ้าก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะเรียกได้ว่าไร้ศัตรูอยู่ดี”
ทั้งดินแดนจิตโลกา
อันที่จริงแล้วยังมีอีกสองท่านที่ยังเหนือกว่าขั้นไร้ศัตรูเสียอีก
คนหนึ่งก็คือจักรพรรดิเซี่ย! ซึ่งสามารถโจมตีบรรพชนราตรีนิรันดร์ให้บาดเจ็บสาหัสจนต้องหนีไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือราชันย์อนธการอมตะ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งของดินแดนจิตโลกาคนก่อน ซึ่งบัดนี้กลับมาก็แข็งแกร่งขึ้นไปอีก
พวกเขาสองคนล้วนแต่วิถีสองสายบรรลุถึงขั้นสุดยอด! พลังแข็งแกร่งกว่าขุมหนึ่งอย่างแท้จริง
ทว่าแข็งแกร่งกว่าขุมหนึ่ง…ระหว่างการต่อสู้ก็มิได้ได้เปรียบมากนัก เพียงแต่ครองความได้เปรียบเท่านั้นเอง!
บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูจะถอยหรือจะหนี ก็ล้วนทำได้สบายทั้งสิ้น
“ปัง ปัง!!”
จอมกระบี่ออกกระบี่ไปอย่างต่อเนื่อง
ราชันย์อนธการอมตะตะปบฝ่ามือใหญ่ลงไปหลายฝ่ามือต่อเนื่องกัน แม้จะโจมตีจนจอมกระบี่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ก็แค่มีรอยโลหิตที่มุมปากบ้างเล็กน้อยเท่านั้น อาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ถือว่าเบามาก
“จอมเคารพกระบี่ปีศาจ ข้าไม่มีความอดทนพอจะมาพูดพล่ามกับเจ้า!” ราชันย์อนธการอมตะโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว มือขวาของเขาตะปบลงไปอีกครั้ง ฝ่ามือในครั้งนี้กลับเป็นเปลวเพลิงสีดำลุกโชติช่วง ฝ่ามือขนาดมหึมาที่บดบังฟ้าดินตะปบเข้ามา แม้จอมกระบี่จะออกกระบี่ไปขัดขวาง แต่กลับถูกตะปบโดยตรงเสียจนกระเด็นลอยออกไปไกล ทั้งยังกระอักเลือดออกมาจากปากอีกด้วย
ขณะเดียวกันกับที่ตะปบจอมกระบี่กระเด็นไปนั้น ราชันย์อนธการอมตะตะปบฝ่ามือลงไปยังเมืองหิมะเหินเบื้องล่างอีกครั้ง
“หยุดมือนะ” เสียงตะคอกดังขึ้นมา
เมฆดำอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้น สกัดกั้นฝ่ามือนั้นของราชันย์อนธการอมตะเอาไว้
ปัง!
เมฆดำถูกตะปบโดยตรงจนกระจายออกไปทั่วทิศ แล้วกลับกลายเป็นแมลงจำนวนนับไม่ถ้วน
แมลงตัวเล็กละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนบินไปทางเงาร่างสายหนึ่งอย่างรวดเร็ว เมื่อบินไปถึงบนร่างกายของเงาร่างสายนั้น ก็กลายเป็นอาภรณ์สีดำยาวตัวหลวมตัวหนึ่ง
นี่คือผู้แกร่งกล้าซึ่งเป็นแมลงบินได้มีและรูปร่างเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง ทั้งร่างล้วนแต่มีเกล็ดสีดำทะมึนอยู่ บนหน้าผากมีหนวดรับสัมผัสอยู่สองเส้น ด้านหลังยังมีปีกบางใสดุจปีกจักจั่นอยู่สองข้าง บัดนี้อาภรณ์สีดำซึ่งรวมตัวขึ้นจากแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนกลับห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ เขาเงยหน้ามองไปทางราชันย์อนธการอมตะ “ราชันย์อนธการ โปรดหยุดมือด้วยเถิด”
“บรรพชนแมลงหรือ” ราชันย์อนธการอมตะโมโหอยู่บ้าง “ท่านมาขัดขวางข้ารึ”
บรรพชนแมลงพอจะมีความสัมพันธ์กับเขาอยู่บ้าง
พวกเขาเคยซื้อขาย ‘น้ำทิพย์กลืนโลกา’ กันมาก่อน ราชันย์อนธการอมตะถึงขั้นไม่คิดจะงัดกระบี่กับบรรพชนแมลงเลย! เนื่องจากการบูชาครั้งนี้ล้มเหลว เขาก็ยังอยากจะซื้อ ‘น้ำทิพย์กลืนโลกา’ จากบรรพชนแมลงอีกครั้ง
“จ้าวหิมะเหินมีร่างแยกตั้งมากมาย ท่านก็มิอาจสังหารเขาให้ตายได้ ไปลงกับผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่อระบายโทสะ ไยต้องทำเช่นนี้ด้วยเล่า” เสียงของบรรพชนแมลงแหบแห้ง
จอมกระบี่ด้านข้างตกตะลึงไป
ขุมอำนาจฝ่ายต่างๆ ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกากำลังที่กำลังเฝ้ามองที่นี่อยู่ต่างพากันตกอกตกใจ จอมเคารพกระบี่ปีศาจลงมือขัดขวางพวกเขาก็ยังพอเข้าใจได้ เพราะถึงอย่างไร เดิมทีจ้าวหิมะเหินก็เป็นเค่อชิงของรัฐโบราณคิมหันตวายุ! อีกทั้งว่ากันว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวอันดียิ่งกับจอมเคารพกระบี่ปีศาจด้วย
แล้วบรรพชนแมลงเล่า
บรรพชนแมลงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับรัฐโบราณคิมหันตวายุนี่นา! ตอนนั้นเมื่ออยู่ใต้บังคับบัญชาของ ‘จักรพรรดิกลืนโลกา’ บรรพชนแมลงยังเข่นฆ่าผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วเขาจะสนใจผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นไปไย
“ท่านสนใจมดปลวกเหล่านั้นด้วยหรือนี่” ราชันย์อนธการอมตะไม่อยากจะเชื่อ “บรรพชนแมลง ข้าฟังผิดไปหรือไร”
“ตระกูลอิงซานมีความหลังกับข้าน่ะ” บรรพชนแมลงเอ่ยปากพูด “จะว่าไปแล้ว ข้ายังติดค้างตระกูลอิงซานอย่างใหญ่หลวงอยู่ครั้งหนึ่ง ดังนั้นที่ข้ามาในครั้งนี้ ด้วยหวังว่าราชันย์อนธการจะยั้งมือได้”
……
ขณะที่ขุมอำนาจใหญ่แต่ละฝ่ายทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างกำลังจับจ้องเมืองหิมะเหินนั่นเอง
กลับมีข่าวหนึ่งที่ส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาเขี้ยวหัก
“นายท่าน ตัวตนที่แท้จริงของคนวิถีจิตฟ้าคือจ้าวหิมะเหินขอรับ! เขาลงมือช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตทั้งสิบห้ารัฐ แต่กลับทำลายเรื่องใหญ่ของราชันย์อนธการอมตะ ราชันย์อนธการอมตะบุกสังหารมายังเมืองหิมะเหิน,หมายจะกวาดล้างทั้งตระกูลอิงซานหรือแม้กระทั่งทั้งเมืองหิมะเหิน ”ข่าวนี้แพร่มาถึงโลกใบหนึ่งภายในหุบเขาเขี้ยวหักอย่างรวดเร็ว
โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตมีจำนวนไม่มากนัก ทว่าทุกคนล้วนแข็งแกร่งเป็นอันมาก จำนวนสิ่งมีชีวิตกลับไม่มากนัก แต่ทุกคนล้วนแข็งแกร่งมาก แม้แต่ทารกที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นระดับเทพอากาศ
แต่ประมุขของโลกใบนี้กลับกำลังอยู่เป็นเพื่อนบุตรของตน
“เอ๊ะ” ตอนแรกบุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวก็ยังคงมองดูบุตรสาวทั้งยังหัวเราะคิกคักอยู่กับบุตรสาว ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“คนวิถีจิตฟ้า ท่านเคยช่วยบุตรสาวข้าเอาไว้ เรื่องนี้ ข้าไม่ยุ่งไม่ได้จริงๆ!” บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวยังคงอยู่ที่เดิม แต่อันที่จริงแล้วที่หลงเหลืออยู่ก็เป็นเพียงร่างแปรเท่านั้น ร่างจริงกลับจากไปและเร่งเดินทางไปยังเมืองหิมะเหินในดินแดนจิตโลกาแล้ว
……
เมืองหิมะเหิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองบรรพชนแมลงที่ปรากฏกายขึ้นด้วยความตกตะลึง
“บรรพชนแมลงก็มาช่วยข้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่อยากจะเชื่อ “เขาและตระกูลอิงซานมีความหลังต่อกัน ทำไมหรือ ในประวัติศาสตร์ตระกูลอิงซานเราไม่เคยบันทึกเอาไว้เลยหรือ”
‘แม่เฒ่าอิงซาน’ บรรพบุรุษของทั้งตระกูลอิงซานก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับไม่รู้เลย
บรรพชนแมลงที่อยู่ไกลออกไปหันกลับมามองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดราวกับศีรษะแมลงเผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา เห็นได้ชัดว่าใจดีเป็นอย่างมาก ในใจของบรรพชนแมลงกลับซับซ้อนนัก “แม้แต่ตัวข้าเอง ก็ไม่รู้จักตัวเองแล้ว เพียงแต่ข้าลืมไม่ลง…นามที่แท้จริงของข้าคือปาถัวเฉิน! ลูกหลานหลักเพียงหนึ่งเดียวของสกุลปาถัว”
ปาถัวเฉินลืมไม่ลง
ในรัฐถูฮวา ตระกูลล่มสลาย ภรรยาก็เป็นสายลับที่ศัตรูส่งมา…ในเวลาที่เขาสิ้นหวังที่สุด กลับมีชายหนุ่มอาภรณ์ขาวนามว่าอิงซานเสวี่ยอิงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา! และส่งเขาไปยังรัฐโบราณคิมหันตวายุ
ในนครหลวงรัฐโบราณคิมหันตวายุ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของปาฏิหาริย์ของเขา!
แต่ก่อนที่เขาจะเติบโตและรุ่งโรจน์ขึ้นมานั้น กลับถูกจองจำอยู่ในคุกเนื่องจากผูกความแค้นกับสกุลฝาน แม้จะกล่าวว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นช้าๆ อย่างลับๆ จนท้ายที่สุดสามารถหนีออกมาได้ แต่เมื่ออยู่ในคุก การเติบโตของเขาก็ช้าเสียยิ่งกว่าช้า ก็ยังเป็น ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ที่ปรากฏกายขึ้นมาช่วยเหลือเขา และส่งเขาจากไป! เขาจึงได้กลายเป็นมังกรทะยานห้วงสมุทร เริ่มยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาเกลียด เกลียดคนมากมาย
ถึงขั้นรู้สึกว่าโลกใบนี้เลือดเย็นและโหดร้าย ผู้ที่อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง ต่อให้สิ้นหวังกว่านี้ แต่ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นั้นกลับทำให้เขารู้สึกว่าถึงอย่างไรโลกนี้ก็ยังมีแสงสว่างอยู่
ดังนั้น!
ต่อให้สิ่งมีชีวิตอื่นสิ้นใจไปมากกว่านี้ เขาก็จะไม่สนใจได้ แต่ ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ จะต้องช่วยเหลือให้ได้!
“เพียงแต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว” บรรพชนแมลง ‘ปาถัวเฉิน’ มองดุเบื้องหน้า ภายในเวลาสั้นๆ พลังยกระดับขึ้นไปถึงขีดสุด แต่เมื่อเทียบกับราชันย์อนธการอมตะแล้ว ก็ยังแตกต่างกันมากอยู่ดี!
“ฟิ้ว…”
ทันใดนั้นแสงดาวอันสะดุดตาหาใดเปรียบก็ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าเหนือเมืองหิมะเหิน และกำลังรวมตัวกัน
“เอ๊ะ”
จอมกระบี่และบรรพชนแมลง ‘ปาถัวเฉิน’ ต่างก็ตกตะลึง
แม้แต่ราชันย์อนธการอมตะที่แค้นเคืองอยู่ก็สีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย จากแสงดาวที่แผ่กำจายไปทั่วบริเวณนั้น เขาสัมผัสได้ถึงแรงคุกคาม
แสงดาวรวมตัวกัน
กลายเป็นบุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวอันหรูหรางดงามผู้หนึ่ง ท่วงท่าของเขาสูงส่งเหนือธรรมดา ยืนอยู่ตรงนั้นพลางมองดูราชันย์อนธการอมตะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ราชันย์อนธการอมตะหรือ”
“ท่านเป็นใครน่ะ” ราชันย์อนธการอมตะเคร่งขรึมขึ้นมา ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาเกรงว่าคงมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษของผู้มาเยือน เนื่องจากเขาเคยพบผู้แกร่งกล้าจำพวกนี้มาตั้งนานแล้ว!
“ประมุขโลกแสงดาวแห่งหุบเขาเขี้ยวหัก” บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวพูดยิ้มๆ
“ประมุขโลกหรือ” ราชันย์อนธการอมตะสีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
เขารู้ดีมากว่า ผู้ที่สามารถสำเร็จเป็น ‘ประมุขโลก’ ภายในหุบเขาเขี้ยวหักได้นั้นล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นเพียงใด! และนี่ก็คือสาเหตุว่า ทำไมเขาจึงตั้งใจจะหลอมผู้ท่องมรณะขึ้นมาให้ได้เสียก่อนจึงกล้าไปบุกฝ่า! แน่นอนว่า ประมุขโลกก็เป็นเพียงส่วนที่อันตรายส่วนหนึ่งของหุบเขาเขี้ยวหักเท่านั้น ลำพังแค่ประมุขโลกเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่อยู่ในหุบเขาเขี้ยวหัก ราชันย์อนธการอมตะก็ไม่หวั่น
“ประมุขโลกในหุบเขาเขี้ยวหักอย่างท่านคนหนึ่ง มาที่นี่ด้วยเรื่องอันใดหรือ” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยปาก
“จ้าวหิมะเหินมีพระคุณต่อข้า ข้าก็ย่อมต้องมาปกป้องเขาเป็นธรรมดา!” บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวกล่าว
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูด้วยความตกตะลึง จอมกระบี่ช่วยเขา เขาสามารถเข้าใจได้ แต่บรรพชนแมลงและ ‘ประมุขโลกแสงดาว’ ผู้เร้นลับแห่งหุบเขาเขี้ยวหักคนนี้ เขาไม่รู้จักเลยจริงๆ แต่บัดนี้พวกเขากลับแสดงตนออกมาในช่วงที่คับขันเสียอย่างนั้น
เขาลงมือช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับมีผู้แกร่งกล้าที่ยินดีออกมาช่วยเขาขัดขวางราชันย์อนธการอมตะอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ทีใครทีมัน นี่คือการหมุนเวียนอย่างหนึ่งของกฎเกณฑ์อันสูงส่งกระมัง” ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็กระจ่างแจ้งขึ้นมา นับตั้งแต่เขาสัมผัสได้ถึงเสียงโห่ร้องของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้รับอิสรภาพคืนมา และรู้แจ้งทิศทางของเส้นทางวิญญาณ ก็พอจะมองเห็นทิศทางหลอมรวม ‘เขตลวงโลกเทียม’ ห้าสายเข้าด้วยกันแล้ว ตอนนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงกฎเกณฑ์ที่สูงกว่าในระดับชั้นวิญญาณ
เขาพอจะเข้าใจการหมุนเวียนกฎเกณฑ์อันสูงส่งขึ้นมารางๆ แล้ว
เขาช่วยเหลือสรรพชีวิต และสัมผัสได้ถึงทิศทางของวิถีเขตลวงโลกเทียมจากสรรพชีวิตเหล่านั้น
เขาช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนภายในดินแดนจิตโลกา ในคราวที่ตกระกำลำบาก จึงมีผู้แกร่งกล้าแสดงตนออกมา
………………………………….