Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 53 เผชิญกับราชันย์อนธการอมตะอย่างบ้าบิ่น!
- Home
- Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
- ตอนที่ 53 เผชิญกับราชันย์อนธการอมตะอย่างบ้าบิ่น!
“อะไรกันนี่!”
เหล่าผู้แกร่งกล้าระดับขั้นสุดยอดจำนวนมากทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาอย่างเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณา จักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน จักรพรรดิชาง เจ้าเมืองอนันต์ อ๋องสัตว์โลกา จักรพรรดิเทพผลาญโลกา ประมุขรัฐจันทร์โรจน์ บรรพชนราตรีนิรันดร์ และคนอื่นๆ ที่ชมดูการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ต่างก็ปากอ้าตาค้างดูฉากนี้! พวกเขาต่างก็มองออกว่าพลังคุกคามของฝ่ามือนั้นของราชันย์อนธการอมตะ จะต้องเป็นระดับสุดยอดของทั้งดินแดนจิตโลกาอย่างแน่นอน! แม้กระทั่งจักรพรรดิเซี่ยเองก็เกรงว่าจะด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง
ฝ่ามือนี้ฟาดลงไป เกรงว่าเมืองหิมะเหินคงจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีกระมัง
แต่ผลลัพธ์กลายเป็นว่ากลับถูกต้านเอาไว้เสียอย่างนั้นหรือ
“นี่ นี่ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ” แม่เฒ่าอิงซานผู้ซึ่งเดิมทีเงยหน้ามองไปทางด้านบนก็ยังเตรียมพร้อมรับความตายแล้ว แต่ทว่า ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่กุมหอกยาวเอาไว้ในมือผู้นั้นกลับขัดขวางฝ่ามือนั้นเอาไว้ซึ่งๆ หน้าเสียแล้ว มิได้ตกเป็นรองเลยแม้แต่น้อย! ถึงขนาดที่ว่ากันตามความจริงแล้ว มือของราชันย์อนธการอมตะยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
“ข้าก็รู้ ข้าก็รู้ว่าเสวี่ยอิงทำเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าจะมีหลักประกันอยู่แล้ว” จอมกระบี่ได้เห็นเหตุการณ์แล้วกลับเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา “เขาเผชิญหน้ากับการคุกคามของราชันย์อนธการอมตะ ก็ยังต้องการจะช่วยเหลือวิญญาณมีชีวิตของสิบห้าประเทศนั้น ข้าก็เดาว่าเขาคงจะมีหลักประกันอะไรบางอย่างอยู่! เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า… ที่แท้แล้วอาศัยสิ่งใดกันแน่ คิดไม่ถึงว่าที่เมืองหิมะเหิน พลังยุทธ์ของเขาจะสามารถแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้!”
“อาศัยค่ายกลเมืองหิมะเหิน เขาก็สามารถแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่” จักรพรรดิเซี่ยก็พรั่นพรึงอยู่บ้าง
“ถ้าหากแม้แต่ราชันย์อนธการอมตะก็ยังทำอะไรเขามิได้ ที่เมืองหิมะเหิน เขาก็ไร้ซึ่งศัตรูอย่างแท้จริงแล้วล่ะ” บรรพชนฝานก็อุทานขึ้น
……
ณ ที่มั่นของตน อาศัยค่ายกลอันแน่นหนา พลังยุทธ์เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
แต่ต่อให้อาศัยค่ายกล การยกระดับพลังยุทธ์โดยทั่วไปแล้วก็มีขีดจำกัดอยู่ อย่างเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณาต้องทุ่มเททรัพย์สมบัติมหาศาลจึงจะสามารถบริหารจัดการนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาให้มั่นคงได้! ที่นครหลวง เขาจึงสามารถต่อกรกับบุคคลผู้ไร้เทียมทานซึ่งๆ หน้าโดยไม่สนใจสิ่งใดได้!
อย่างเช่นพวกจักรพรรดิเซี่ย บรรพชนฝาน และจักรพรรดิชาง แต่ละคน…
พลังยุทธ์ของตนเองก็กล้าแกร่งอยู่แล้ว
ถ้าหากอยู่ภายในเมืองของตน พลังยุทธ์ของจักรพรรดิเซี่ยที่ ‘นครหลวงคิมหันตวายุ’ ก็ยังแข็งแกร่งขึ้นอีก ราชันย์อนธการอมตะไปก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัว!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน” ราชันย์อนธการอมตะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องมองลงไปยังเบื้องล่าง“ ณ ที่มั่นของตัวเอง ต่อให้มีค่ายกลส่งเสริม พลังยุทธ์เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล สามารถเทียบเคียงได้กับบุคคลผู้ไร้เทียมทานธรรมดาทั่วไปก็ช่างเถิด แต่สามารถต้านทานข้าเอาไว้ได้อย่างไรกัน”
“ล้างผลาญให้ข้าเสีย!”
ราชันย์อนธการอมตะไม่เชื่อ เขาส่งเสียงคำราม หัวใจที่พิเศษราวกับโลหะในร่างกายนั้นก็มีหยาดโลหิตสีทองสองหยดเผาไหม้อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
เขาโมโหแล้วอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำให้อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ได้ชดใช้!
“ปัง!” “ปัง!”
ฝ่ามือสีทองอันน่าหวาดหวั่นทั้งคู่เคลื่อนเข้ามาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ฝ่ามือทั้งสองแผ่ปกคลุมลงมาพร้อมกัน ความยิ่งใหญ่ของพลังคุกคามทำให้จอมกระบี่ บรรพชนแมลงและคนอื่นๆ ต่างก็หน้าถอดสีมิกล้าต้านทาน และประมุขโลกแสงดาวที่รีบเร่งกลับมาก็มิได้เร่งร้อนลงมือ ”คิดไม่ถึงว่า ก่อนหน้านี้จ้าวหิมะเหินผู้นี้จะถึงกับสามารถทำลายกระบวนท่านั้นได้ซึ่งๆ หน้า อย่างน้อยในที่มั่นเมืองหิมะเหินของเขาก็ดูเหมือนว่าพลังยุทธ์ของเขาจะยังแข็งแกร่งกว่าข้าอยู่พอสมควรทีเดียวกระมัง”
“ปัง…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมือกุมหอกยาว ค่ายกลทุกแห่งทั่วทั้งเมืองหิมะเหินโคจรส่งเสริมร่างกายตน เหนี่ยวนำฟ้าดินและห้วงอากาศโดยรอบผ่าน ‘หอกชิงเหอ’ อาวุธเทพคละถิ่น
ทั่วทั้งเมืองหิมะเหินตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในชั่วพริบตา พลังคละวิถีจำนวนนับไม่ถ้วนแทรกเข้าสู่ห้วงอากาศ พรั่งพรูกดดันราชันย์อนธการอมตะผู้นั้น!
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับอาวุธเทพคละถิ่นมานานสามแสนล้านปีได้แล้ว นับตั้งแต่ได้รับอาวุธเทพคละถิ่นเล่มนี้มา ก็ย่อมต้องศึกษาอยู่แล้วว่าจะทำอย่างไรให้แสดงพลังคุกคามที่แข็งแกร่งขึ้นออกมาได้! ถ้าหากค่ายกล ‘เมืองหิมะเหิน’ ผสานรวมกับหอกยาวเล่มนี้อย่างสมบูรณ์แบบขึ้นมา… ดังนั้นก็จะปรับปรุงเคล็ดวิชาได้มากมายแล้ว
“หืม”
เขตพลังคละถิ่นอันมืดมิดที่พรั่งพรูแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง กดดันราชันย์อนธการอมตะ กดดันฝ่ามือสีทองคู่นั้น
ราชันย์อนธการอมตะอดที่จะหน้าถอดสีมิได้
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสำแดงวิชาหอกอีกครั้ง เห็นเพียงว่าเพียงแค่ฝีหอกอย่างง่ายๆ ของวิชาหอกแทงออกมาฝีหอกหนึ่ง ก็มีฟองจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาแล้วพังทลายแตกสลายอย่างต่อเนื่อง พลังของการแตกสลายนั้นปะทะเข้ากับฝ่ามือสีทองคู่นั้นในที่สุด
“โครม…”
เสียงกระแทกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราชันย์อนธการอมตะกลับยังมีสีหน้าดุร้ายเช่นเดิม ฝ่ามือทั้งคู่ฝืนต้านทานทั้งหมดทั้งมวลเอาไว้ เคลื่อนลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย
“คละถิ่น รุดหนีหมื่นโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงแทงหอกยาวคราหนึ่งก็มีน้ำวนคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดคุ้มกาย
หอกยาวทิ่มแทงลงบนฝ่ามือสีทอง
แรงปะทะน่าหวาดหวั่นอันรุนแรงถูกน้ำวนคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดถอนไปอย่างไม่หยุดหย่อนจนไม่มีพลังส่งผลกระทบต่อร่างกายเลย
ประกายสีทองบนฝ่ามือทั้งสองของราชันย์อนธการอมตะก็ริบหรี่ลงไปแล้ว
“อะไรกันนี่” ราชันย์อนธการอมตะร้อนรนจริงๆ เสียแล้ว เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในขณะนี้เขาเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าต่อให้เขาเผาผลาญหยาดโลหิตในหัวใจอันล้ำค่าก็ได้แค่เทียบเคียงกันเท่านั้นเอง
“กรอด”
ราชันย์อนธการอมตะขบกราม
เขาต้องการที่จะหลบหนีเข้าไปในเมืองหิมะเหิน เขาไม่คิดที่จะเอาชนะจ้าวหิมะเหินผู้นี้อีกต่อไปแล้ว เขาต้องการจะแฝงตัวเข้าไปในเมืองหิมะเหินแล้วทำลายตามใจชอบ!
แต่ทั่วทั้งเมืองหิมะเหินต่างก็อยู่ในบริเวณเขตพลังของตงป๋อเสวี่ยอิง ราชันย์อนธการอมตะเพิ่งจะฝืนทะลุผ่านการขัดขวางของระลอกคลื่นโลกาชั้นแล้วชั้นเล่าเข้าไปภายในเมืองหิมะเหิน ห้วงมิติระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นขุมหนึ่งก็ห่อหุ้มเขาเอาไว้แล้วเคลื่อนย้ายเขาออกไป!
เบื้องหน้าเขาไหวสั่น
ก็มาถึงด้านนอกเมืองหิมะเหินแล้ว
พูดถึงการควบคุมเขตพลัง ถึงแม้ว่าเขาจะบำเพ็ญ ‘ความตายและเปลวเพลิง’ วิถีขั้นสุดยอดสองสายควบคู่กัน แต่ทางด้านการควบคุมเขตพลังก็มิอาจสู้ยอดฝีมือวิถีอากาศได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ มีค่ายกลมากมายส่งเสริมร่างกาย มีอาวุธเทพคละถิ่นอยู่ในมือ อยู่ที่อื่นก็แล้วไปเถิด แต่ที่เมืองหิมะเหินนี้เขาก็ย่อมสามารถควบคุมทุกกระเบียดนิ้วได้อย่างสบายๆ อยู่แล้ว!
“พรึ่บๆๆ”
“ปัง”
ราชันย์อนธการอมตะสำแดงเคล็ดวิชาออกมามากมาย
จะฝืนหลบหนี หรือแฝงตัวเข้าไป หรือว่าจะโจมตีอย่างอันธพาล แต่ก็ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงขัดขวางเอาไว้จนหมด หรือว่าจะเคลื่อนย้ายออกไป
“พรึ่บ”
ถึงขนาดที่เมื่อเผชิญหน้ากับหอกยาวอันน่าหวาดหวั่นของตงป๋อเสวี่ยอิง ราชันย์อนธการอมตะที่เผาผลาญโลหิตในหัวใจอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้ก็ยังถูกโจมตีอย่างน่าอนาถเหลือทนจนโลหิตอาบไปทั่วร่าง!
“เจ้า เจ้าสามารถระดมพลังคละวิถีมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน” ราชันย์อนธการอมตะไม่อยากจะเชื่อ พลังคละวิถีที่อิงซานเสวี่ยอิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เคลื่อนย้ายมาทุกการเคลื่อนไหวช่างน่าหวาดหวั่นเกินไปเสียแล้ว แม้กระทั่งเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทาน อาศัยสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า ก็เพียงแต่ร้ายกาจขึ้นทางด้านกฎเกณฑ์เท่านั้น มิได้เชี่ยวชาญทางด้านการระดมพลังคละวิถี
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงระดมพลังคละวิถี ก็ระดมมาได้มากมายเกินไปแล้ว!
ถึงขนาดที่มีลักษณะของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่แท้จริงอยู่หลายส่วน
“หรือว่า…” ราชันย์อนธการอมตะมองไปทางหอกยาวในมือของตงป๋อเสวี่ยอิงเล่มนั้น “ในมือของเจ้าคืออาวุธเทพคละถิ่นหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงอยู่บ้าง
ถูกเดาออกเสียแล้วหรือ
“มิผิด ต้องใช่อย่างแน่นอน! ต่อให้มีค่ายกลส่งเสริมก็ไม่ควรจะเหนือธรรมดาเช่นนี้ จะต้องมีอาวุธเทพคละถิ่นอยู่อย่างแน่นอน อาวุธเทพคละถิ่น…เชี่ยวชาญการระดมพลังคละวิถีมากที่สุดแล้ว” ราชันย์อนธการอมตะมองไปทางหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวตรงหน้า นอกเหนือไปจากแววอาฆาตแล้ว ในดวงตาก็มีความริษยาอยู่!
เขาอิจฉาจริงๆ
เพราะยามที่เขากำลังโจมตีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแต่ก็รู้ดีว่าในโลกกำเนิดแต่ละแห่งมีผู้บำเพ็ญที่ล้ำเลิศร้ายกาจบางคนที่พรสวรรค์ในการหยั่งรู้ไปเข้าตาเหล่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเข้า! เหล่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็จะจัดเตรียมอาวุธคละถิ่นที่ ‘ดัดแปลง’ ชิ้นหนึ่งให้กับพวกเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะว่าเทพจักรวาลไม่สามารถใช้อาวุธคละถิ่นที่แท้จริงได้
แต่ราชันย์อนธการอมตะกลับไม่รู้ว่า ไม่เพียงแต่ต้องดัดแปลงเท่านั้น แต่ยังต้องให้เทพจักรวาลหลอมขึ้นกับมือเองด้วย จึงจะสามารถหลอมอาวุธคละถิ่นสักชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้
“พรสวรรค์ของเขาไปเข้าตาใครเข้ากันหนอ ใช่หยวนหรือไม่” ราชันย์อนธการอมตะเอ่ยพึมพำ “แต่ต่อให้อิจฉาอย่างไร บนเส้นทางการโจมตีสิ่งมีชีวิตคละถิ่น แต่ละคนก็พากันล้มเหลวไป ผู้ที่ทำได้สำเร็จก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย!”
“อิงซานเสวี่ยอิง!”
ราชันย์อนธการอมตะมองดูหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่เบื้องบนของเมืองหิมะเหินอยู่ห่างๆ “ดีมาก มิน่าเล่าเจ้าจึงได้บังอาจมาทำลายธุระของข้า แต่ว่าเจ้าก็สามารถมีพลังยุทธ์เช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่เมืองหิมะเหินเท่านั้นแหละ ในภายหน้าขอเพียงแค่เจ้าไปจากเมืองหิมะเหิน พบกันเมื่อใดข้าก็จะล้างผลาญเจ้า”
พูดจบแล้วราชันย์อนธการอมตะก็หมุนกายจากไป หายลับไปกลางอากาศ
ทั้งหมดทั้งมวลกลับคืนสู่สภาพเดิม
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย “ยังอยู่ในการคาดการณ์ของข้า”
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีอาวุธคละถิ่น ‘หอกชิงเหอ’ อาศัยการส่งเสริมของค่ายกลอันแน่นหนาแห่งเมืองหิมะเหิน เขาก็สามารถเทียบเคียงกับบุคคลผู้ไร้เทียมทานได้
แต่หอกชิงเหอก็สามารถทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นได้ยามที่ควบคุมพลังคละวิถี ถ้าหากสำแดงกระบวนท่าหนึ่งด้วยมือเปล่าไร้อาวุธก็จะมีพลังคุกคามพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น พอมีหอกชิงเหอแล้ว… พลังคละวิถีที่ระดมมาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเป็นอย่างมาก พลังคุกคามก็จะสูงถึงสิบส่วน! เนื่องด้วยพลังยุทธ์ที่ยกระดับขึ้นอย่างมหาศาลทำให้เขาสามารถเผชิญหน้าต้านทานกับราชันย์อนธการอมตะได้!
“แต่ว่าพลังยุทธ์ของราชันย์อนธการอมตะนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง! ถ้าหากข้าไม่มีค่ายกลจำนวนมากส่งเสริมร่างกาย! ที่โลกภายนอก ข้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน” ในใจตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจตรงจุดนี้ดี
แน่นอนว่าที่โลกภายนอก ถ้าหากในมือมีอาวุธเทพคละถิ่นก็มีพลังยุทธ์ราวๆ สามส่วนของบรรพชนนิรันดร์เท่านั้นเอง!
สามารถมีพลังยุทธ์เช่นนี้ได้…ในที่มั่น จึงจะสามารถต้านทานราชันย์อนธการอมตะได้!
……
ในยามที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังคิดและไตร่ตรองถึงการต่อสู้ในครั้งนี้อยู่นั้นเอง ขุมอำนาจแต่ละแห่งทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างก็งงงันกันอยู่บ้าง!
พลังยุทธ์ของราชันย์อนธการอมตะช่างน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง! เรียกได้ว่าเป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาในตอนนี้เลยทีเดียว!
และที่เมืองหิมะเหิน จ้าวหิมะเหินเผชิญกับราชันย์อนธการอมตะอย่างบ้าบิ่น ถึงขนาดที่กดดันเสียจนราชันย์อนธการอมตะได้แต่จากไปอย่างจนใจ ก็น่าพรั่นพรึงเกินไปเสียแล้ว!
……………………………………………