Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 54 รวมตัวกัน
“หรือว่าอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ไปถึงระดับเทพจักรวาลขั้นสุดยอดแล้วเล่า” บรรพชนฝานพูด เขากับจักรพรรดิเซี่ยและจักรพรรดิชางยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขาสามคนต่างก็มองดูห้วงอากาศทางทิศใต้อยู่ห่างๆ
“เปล่าหรอก!” จักรพรรดิเซี่ยกลับเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ถึงแม้ว่าค่ายกลอันแน่นหนาของเมืองหิมะเหิจะมีพลังคุกคามอย่างมหาศาล แต่ความเร้นลับของค่ายกลก็ใช้วิถีอากาศเป็นหลัก ชักนำพลังคละวิถี! ข้าสามารถแน่ใจได้ว่าค่ายกลเหล่านั้นเพียงแค่ระดมพลังคละวิถีได้อย่างร้ายกาจเลิศล้ำเป็นที่สุด ทางด้านวิถีอากาศจะต้องยังไปไม่ถึงขั้นสุดยอดอย่างแน่นอน!”
บรรพชนฝานและจักรพรรดิชางฟังแล้วก็มิได้สงสัย
ถึงอย่างไรจักรพรรดิเซี่ยก็เป็นบุคคลที่ ‘อากาศและเปลวเพลิง’ วิถีสองสายไปถึงขั้นสุดยอดแล้ว การตระหนักรู้ในพลังคละวิถีก็ลึกล้ำเป็นที่สุด
“มิได้ไปถึงขั้นสุดยอดแล้วแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ ต่อให้มีสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้กระมัง!” บรรพชนฝานสงสัย
“การยกระดับพลังยุทธ์ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง!” จักรพรรดิชางก็พยักหน้า
“อืม”
จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ก่อนหน้านี้เขาทำลายเรื่องการบูชาของราชันย์อนธการอมตะ ร่างแยกที่ส่งออกมา พลังยุทธ์ที่แสดงออกมาก็เป็นพลังรบระดับขั้นสุดยอด! แต่การระดมพลังคละวิถีก็แข็งแกร่งขึ้นเป็นหลัก… ข้าว่าเขาจะต้องได้รับสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับมาแล้วแสดงพลังรบขั้นสุดยอดออกมา ด้วยระดับเทพจักรวาลชั้นที่สองขั้นสุดยอดผสานรวมกับสุดยอดเคล็ดสืบทอดลับ ”
เป็นถึงวิถีอากาศขั้นสุดยอดคนหนึ่ง เขาก็มองเห็นได้อย่างแม่นยำยิ่งนัก!
“แต่พลังรบขั้นสุดยอด อาศัยค่ายกลอันแน่นหนาของเมืองแห่งหนึ่งส่งเสริม โดยทั่วไปแล้วก็จะยกระดับไปถึงระดับไร้เทียมทานขั้นสามัญ” จักรพรรดิเซี่ยพูด
อย่างเช่นมารขั้นสุดยอดอย่างประมุขเกาะจันปาและเจ้าเมืองอัคคีทิพย์ เป็นต้น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสุดยอดสมบัติลับล้ำค่า แต่กลับควบคุมที่มั่นของตนเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา พวกเขาสามารถเทียบเคียงได้กับขั้นไร้เทียมทานในที่มั่นของตนเอง!
แล้วก็เป็นเพราะ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ มั่งมีเกินไป ใช้จ่ายไปเป็นมูลค่ามหาศาล จึงสามารถมีพลังยุทธ์เทียบเคียงได้กับขั้นไร้เทียมทานที่รัฐเมฆทักษิณาได้!
“แต่ในยามปกติ พลังยุทธ์ที่ราชันย์อนธการระเบิดออกมา…ก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย! ร่างแยกหลายร่างของข้าร่วมมือกันก็ได้แค่เทียบเคียงกับเขาเท่านั้นเอง” จักรพรรดิเซี่ยพูด ถึงแม้ว่าวิถีสองสายจะไปถึงขั้นสุดยอดเช่นเดียวกัน แต่เขาก็มองออกว่าราชันย์อนธการมีพื้นฐานแน่นหนากว่า พลังยุทธ์ที่สำแดงออกมาแข็งแกร่งกว่า โชคดีที่จักรพรรดิเซี่ยมีร่างแยกจำนวนมาก!
“ยามที่เขาทุ่มเทสุดชีวิต พลังสีทองอันแปลกประหลาดนั้นก็ปกคลุมฝ่ามือของเขา! พลังยุทธ์ที่ระเบิดออกมาก็ยังแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า พลังยุทธ์เช่นนี้… เกรงว่าคงสามารถเทียบเคียงกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่อ่อนแอบางส่วนได้แล้ว” จักรพรรดิเซี่ยพรั่นพรึง “พลังยุทธ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นบุคคลผู้ไร้เทียมทาน เพียงแค่กระบวนท่าเดียวหรือสองกระบวนท่าก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส! จะต้องหลบหนีมิกล้าต้านทานอย่างแน่นอน”
“พลังรบระดับนี้…อาศัยเพียงแค่ค่ายกลเมืองหิมะเหิน แต่อิงซานเสวี่ยอิงกลับสามารถเผชิญหน้าได้อย่างไม่เป็นรองแล้ว!” จักรพรรดิเซี่ยส่ายศีรษะ “ข้าดูแล้วไม่เข้าใจเลย!”
ดูแล้วไม่เข้าใจจริงๆ
การโคจรของค่ายกลเมืองหิมะเหิน จักรพรรดิเซี่ยก็สามารถดูเข้าใจได้!
เคล็ดวิชาที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดง จักรพรรดิเซี่ยก็สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้เป็นส่วนใหญ่ แต่พลังคุกคามออกมาก็เหนือความคาดหมายแล้ว! พลังคละวิถีที่พรั่งพรูเดือดพล่านนั้น พลานุภาพอันน่าหวาดหวั่นที่แฝงอยู่ในทุกกระบวนท่า ทุกการเคลื่อนไหว ทำให้จักรพรรดิเซี่ยก็ยังตื่นตระหนก
“ไม่ว่าอย่างไรที่เมืองหิมะเหิน แม้กระทั่งราชันย์อนธการอมตะพยายามสำแดงเคล็ดลับอย่างสุดกำลังก็ได้แต่ต้องหนีจากไปอย่างน่าอนาถ! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเราเลย” บรรพชนฝานรำพึง “อย่างน้อยที่เมืองหิมะเหิน เขาก็เป็นผู้ไร้เทียมทานแล้ว”
“เขามีความแค้นอันยิ่งใหญ่กับราชันย์อนธการอมตะแล้ว ราชันย์อนธการอมตะก็พูดแล้วว่าขอเพียงแค่พบตัวเขาออกมาข้างนอก ก็จะสังหารในกระบวนท่าเดียว!” จักรพรรดิชางพูด
“เฮอะ”
จักรพรรดิเซี่ยหัวเราะเย้ยหยัน “ก็แค่คำพูดหยาบคายเท่านั้นเอง! เมื่อใดที่อิงซานเสวี่ยอิงซ่อนเร้นเปลี่ยนแปลงกลิ่นอาย พวกเราต่างก็ไม่มีทางสะกดรอยได้เลย! เขายืนอยู่ตรงเบื้องหน้าราชันย์อนธการอมตะ บางทีราชันย์อนธการอมตะก็อาจจะมองทะลุผ่านไปได้! แต่ขอเพียงแค่ไม่เคลื่อนไหวต่อหน้าต่อตาราชันย์อนธการอมตะ… ข้าก็ไม่เชื่อว่าราชันย์อนธการอมตะจะสามารถสะกดรอยไปถึงร่องรอยของตงป๋อเสวี่ยอิงในดินแดนจิตโลกาอันกว้างใหญ่ไพศาลได้หรอก”
มองทะลุปรุโปร่งกับสะกดรอยเป็นสองทิศทางที่ต่างกัน
ราชันย์อนธการอมตะสามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ก็ทำให้จักรพรรดิเซี่ยตกตะลึงแล้ว เขาไม่เชื่อว่าราชันย์อนธการอมตะจะสามารถ ‘สะกดรอย’ ไปถึงร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงได้
“ถูกต้อง” บรรพชนฝานก็ยิ้มเสียแล้ว “อิงซานเสวี่ยอิงมีร่างแยกมากมายกระจายตัวอยู่ทั่วทุกหนแห่งในดินแดนจิตโลกา ถ้าหากสามารถสะกดรอยไปถึงได้ ด้วยอุปนิสัยของราชันย์อนธการอมตะก็คงจะสังหารจนเกลี้ยงไปก่อนแล้ว”
“ฮ่าฮ่า…” จักรพรรดิชางพูดพลางหัวเราะฮ่าๆ “ขอเพียงแค่เจียมเนื้อเจียมตัวสักหน่อย ราชันย์อนธการอมตะก็จะมิอาจทำอะไรอิงซานเสวี่ยอิงได้เลยจริงๆ นอกเสียจากว่าอิงซานเสวี่ยอิงจะสำแดงพลังยุทธ์!”
……
ขุมอำนาจแต่ละฝ่ายต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
รัฐโบราณคิมหันตวายุและรัฐโบราณสหโลกา เพราะว่ามีจักรพรรดิเซี่ยและผู้พเนจรอยู่ ดังนั้นจึงแน่ใจว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมิใช่ขั้นสุดยอด!
แต่ขุมอำนาจอื่นๆ กลับยังมีความสงสัยไม่เข้าใจอยู่บ้าง ถึงอย่างไรผู้ที่มิใชยอดฝีมือวิถีอากาศขั้นสุดยอดก็มองพลังยุทธ์ที่แท้จริงของตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ออกเลยจริงๆ! เพียงแต่พวกเขาสามารถแน่ใจในจุดนี้ได้… ที่เมืองหิมะเหิน อิงซานเสวี่ยอิงนั้นไร้เทียมทาน!
สิ่งนี้พิสูจน์ได้ด้วยการประลองอันน่าตื่นตา!
ขับไล่ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา ก็พิสูจน์พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
“ฟังจากที่ท่านบรรพชนพูด อิงซานเสวี่ยอิงมิได้เป็นขั้นสุดยอด แต่ยังคงเป็นเพียงแค่เทพจักรวาลชั้นที่สองเช่นเดิมอย่างนั้นหรือ”
“อะไรน่ะ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน”
ข่าวคราวเรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เป็นขั้นสุดยอดก็แพร่ออกไปตามกาลเวลา
เพียงแต่ผู้แกร่งกล้ามากมายก็ยังเคลือบแคลงสงสัย
******
กลางท้องฟ้าเบื้องบนของเมืองหิมะเหิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมิได้สนใจสายตาที่โลกภายนอกมองเขาเลย หากแต่คารวะบรรพชนแมลงปาถัวเฉิน จอมกระบี่และประมุขโลกแสงดาวผู้นั้น “ขอบคุณทั้งสามท่านที่มาช่วยเหลือข้าได้ในเวลานี้”
สามารถยืนขึ้นมาช่วยเหลือตนในเวลาเช่นนี้ได้! ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
“ฮ่าฮ่า ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือแล้วล่ะ” บุรุษในอาภรณ์ดุจแสงดาวพูดพลางยิ้มน้อยๆ “พลังยุทธ์ของจ้าวหิมะเหินช่างล้ำเลิศ ล้ำเลิศยิ่งนัก”
“จ้าวหิมะเหิน มิเสียทีที่เป็นจ้าวหิมะเหิน” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็พูดยิ้มๆ เขาซาบซึ้งต่อตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างแท้จริง ถึงขนาดที่เกิดความรู้สึกในใจว่า ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ผู้นี้เป็นผู้แกร่งกล้าล้ำเลิศที่มีพรสวรรค์ร้ายกาจคนหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกันกับเขาที่อาศัยเคล็ดลับบางอย่าง อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เป็นผู้ที่บำเพ็ญอย่างสามัญธรรมดาขึ้นมาทีละก้าวๆ
“เสวี่ยอิง นับถือๆ” จอมกระบี่แย้มยิ้มน้อยๆ พวกเขาสองคนย่อมไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ
“ข้าอยู่ที่เมืองหิมะเหินก็ยังสามารถฝืนต้านทานได้ แต่ถ้าหากอยู่ที่โลกภายนอก… ก็มีแต่ถูกล้างผลาญอย่างเดียวเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็เอ่ยว่า “ทั้งสามท่าน ยังขอเชิญไปรวมตัวกันที่จวนข้าด้วย”
“ไม่ล่ะ”
บุรุษในอาภรณ์ดุจแสงดาวพูดพลางยิ้มน้อยๆ “ข้าควรจะไปได้แล้ว! ถ้าหากวันหน้าจ้าวหิมะเหินไปยังหุบเขาเขี้ยวหัก ยามที่ผ่านไปทางโลกแสงดาวก็สามารถไปพบข้าได้นะ” พูดแล้วร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นแสงดาวสลายหายไป
“แน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำ
บรรพชนแมลงปาถัวเฉินและจอมกระบี่กลับมิได้ปฏิเสธ ต่างก็เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นคนกันเอง ต่างก็ร่อนตรงลงมาเข้าไปยังเมืองหิมะเหิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงต้อนรับคนทั้งสองแล้วพาเขาไปในจวนจ้าวของตนพร้อมกัน
……
“ตระกูลอิงซานของข้ามีผู้แกร่งกล้าล้ำเลิศเกิดขึ้นมาคนหนึ่ง” แม่เฒ่าอิงซานยืนอยู่บนยอดเขา มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงนำทางบรรพชนแมลงและจอมกระบี่เหินบินเข้ามาในจวนจ้าวพร้อมกันแล้วก็อดที่จะจิตใจสั่นไหวมิได้
พูดถึงพลังยุทธ์ ร่างแยกใดๆ ที่ส่งออกไปภายนอกต่างก็เป็นพลังรบขั้นสุดยอดด้วยกันทั้งสิ้น
ที่เมืองหิมะเหินก็ยิ่งสามารถเทียบกับ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาได้!
“ล้ำเลิศ”
“เป็นบุตรของอิงซานเลี่ยฮู่บุตรชายข้าผู้นั้นจริงๆ น่ะหรือ ข้าไม่กล้าคิดเลยจริงๆ!”
“รู้อยู่แล้วว่าในภายหน้าจ้าวหิมะเหินจะต้องล้ำเลิศอย่างแน่นอน ได้ยินว่าสูญเสียอย่างมหาศาลด้วยน้ำมือของบรรพชนราตรีนิรันดร์ในวังเทพจิตโลกา ข้ายังเป็นกังวลแทนจ้าวหิมะเหินอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็นว่าจ้าวหิมะเหินจะอาศัยตัวตน ‘คนวิถีจิตฟ้า’ ข่มขู่มารจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาด้วยพลังของตนเพียงคนเดียว แม้กระทั่งพวกบรรพชนราตรีนิรันดร์ก็ยังต้องจนใจมิอาจทำอะไรได้ ตอนนี้ถึงกับยุแหย่ราชันย์อนธการอมตะที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า แต่ก็ทำอะไรเมืองหิมะเหินมิได้เช่นกัน! ฮ่าฮ่าฮ่า รอให้ในอนาคตพลังยุทธ์ของจ้าวหิมะเหินแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะสำเร็จเป็นขั้นไร้เทียมทาน สร้างรัฐโบราณสักแห่งหนึ่งขี้นมาก็ได้!”
เหล่าขั้นอลวนตระกูลอิงซานทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็พากันยกย่องชื่นชม
การต่อสู้เมื่อครู่ พวกเขาก็รู้สึกหวาดหวั่นไม่เป็นสุข
เพราะว่า…
ปราการเมืองถูกทำลาย พวกเขาก็พากันจบสิ้นเสียแล้ว
แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ทั้งตื่นเต้นทั้งภาคภูมิใจ มีผู้ล้ำเลิศไร้เทียมทานเช่นนี้กำเนิดขึ้นมาในตระกูลอิงซาน ก็จะทำให้ในภายหน้าตระกูลอิงซานไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะต้องอยู่ในเมืองหิมะเหินไปตลอดชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นปราการเมืองขนาดค่อนข้างใหญ่ จำนวนผู้คนก็ไม่น้อยไปกว่าเมืองระดับสามจำนวนหนึ่งเลย! บำเพ็ญอยู่ที่นี่ พวกเขาก็มิได้รู้สึกเศร้าเสียใจแต่อย่างใด ในทางกลับกัน จิตวิญญาณการต่อสู้กลับผงาดขึ้นและเต็มไปด้วยความคาดหวังรอคอย!
……
ณ จวนจ้าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงจัดงานเลี้ยงรับรองบรรพชนแมลงปาถัวเฉินและจอมกระบี่ขึ้น ทั้งสามคนแยกกันนั่งลง เบื้องหน้าต่างก็มีตั่งวางอยู่ ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบเอาสุราชั้นเลิศที่สะสมเอาไว้ และสุราผลไม้ที่แปลกพิสดารหายากจำนวนหนึ่งออกมากับมือตนเอง
“บรรพชนแมลง” ตงป๋อเสวี่ยอิงยกจอกสุราขึ้นพลางพูดยิ้มๆ “คราวนี้เจ้าสามารถลงมือได้ ช่างทำให้ข้าตกตะลึงจริงๆ ไม่รู้ว่าเจ้ากับสมาชิกตระกูลอิงซานของข้าคนใดมีความหลังต่อกันอย่างนั้นหรือ”
ตนกับบรรพชนแมลงผู้นี้ย่อมไม่รู้จักกันอยู่แล้ว
“มีความหลังกับท่านนั่นแหละ!” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินแย้มยิ้มน้อยๆ แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดของเขากลับมีความแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด
“กับข้าหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งคราหนึ่ง
บรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็มิได้ปิดบัง ถึงอย่างไรบำเพ็ญมาจนถึงขั้นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บตัวตนเป็นความลับถึงขนาดนั้นอีกแล้ว เห็นเพียงว่าร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่ดูแล้วสามัญธรรมดาอย่างยิ่ง เขากำลังอมยิ้มมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ผู้อาวุโสอิงซานเสวี่ยอิง ยังจำข้าได้หรือไม่”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเบิกตากว้างอย่างยากที่จะเชื่อได้ “ปาถัวเฉินหรือ”
……………………………………………………