Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 8 เหยื่อจวินอ๋องดำ
“ร้ายกาจ ร้ายกาจ”
ทั้งเก้าร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงแยกกันนั่งลงบนดอกบัวขนาดมหึมา รับรู้ไปพลาง และทดลองวิธีการใช้แบบต่างๆ ไปพลางๆ
ถึงอย่างไรอาวุธก็ต้องอาศัยผู้แกร่งกล้าเป็นผู้ใช้งาน
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นแปดสายหลอมรวมกัน ห่างจากขั้นสุดยอดเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ทั้งยังฝึกฝนเจ็ดกระบวนคละถิ่นแล้วปรับปรุงและคิดค้นยุทธวิธีหิมะเหินซึ่งเป็นของตนเองขึ้นมา แน่นอนว่าเขาสั่งสมมาอย่างแน่นหนา จึงสามารถสำแดงอานุภาพทั้งหมดของ ‘ดอกบัวเพลิงอากาศ’ ดอกนี้ออกมาได้! ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ…จะผสานเอายุทธวิธีหิมะเหินของตนเข้ากับดอกบัวเพลิงอากาศ ทำให้พลังของตนบรรลุถึงขั้นที่แข็งแกร่งที่สุด!
“ตู้ม!”
บนดอกบัวเพลิงขนาดมหึมา มีตงป๋อเสวี่ยอิงเก้าคนนั่งขัดสมาธิอยู่ เงาร่างเลือนรางขึ้นมา หนึ่งกลายเป็นสอง สองกลายเป็นสาม สามกลายเป็นนับหมื่น บนดอกบัวเพลิงมีมิติที่แตกต่างกันปรากฏขึ้น ภายในแต่ละมิติล้วนมีตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่คนหนึ่ง มิติแน่นขนัดจำนวนนับไม่ถ้วน ตงป๋อเสวี่ยอิงแต่ละคนล้วนสำแดงกระบวนท่าที่แตกต่างกันออกมา
กลีบดอกบัวเพลิงพลันขยายใหญ่ขึ้น แล้วประสานกัน
เมื่อดอกบัวประสานกัน ทั้งหมดก็ห่อหุ้มตรงกลางเอาไว้ พลังคละถิ่นอันแข็งแกร่งแผ่กำจาย ดอกบัวเพลิงที่ประสานกันนี้มีกลิ่นอายของโลกกำเนิดอยู่หลายส่วนทีเดียว
“ฝึกกระบวนท่านี้สำเร็จแล้ว”
ดอกบัวเพลิงคลี่ออกมาอีก ยังคงมีร่างแยกอยู่เก้าร่าง “ดอกบัวเพลิงอากาศดอกนี้ช่างคุ้มค่าจริงๆ มิน่าเล่ายอดฝีมือเทพจักรวาลชั้นที่สองแต่ละคนจึงพากันอยากได้สมบัติลับระดับยอดชิ้นนี้ ความรู้สึกที่สามารถสำแดงกระบวนท่าขั้นสุดยอดท่าแล้วท่าเล่าออกมาได้ช่างยอดเยี่ยมโดยแท้! เมื่อผสานรวมกับเจ็ดกระบวนคละถิ่นของข้า ก็ยกระดับพลังโดยรวมของข้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจนเพิ่มทวีขึ้นหลายเท่า”
“เป็นเวลาที่ควรจะไปยังรัฐโบราณบรรพชนได้แล้ว หากไม่มีดอกบัวเพลิงอากาศ ข้าจะลงมือกับจวินอ๋องดำก็มีความหวังริบหรี่ บัดนี้กลับมีความมั่นใจเจ็ดแปดส่วนแล้ว” ดวงตาของตงป๋อเสวี่ยอิงมีแววเยียบเย็นสายหนึ่งวาบผ่านไป
หากโลกภายนอกล่วงรู้เข้า เกรงว่าคงจะตะลึงงันกันไปหมด
สังหารระดับจอมเคารพคนหนึ่งหรือ ทั้งยังเป็นระดับจอมเคารพซึ่งมีสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูแห่งรัฐโบราณคอยหนุนหลังด้วย ยากเกินไปแล้ว จวินอ๋องดำบุกฝ่าด่านสิบสองกัลป์ของวังเทพจิตโลกามาได้ บุกฝ่าไปได้ไกลกว่าพรานผู้ล่าและมหาเคารพผู่ซู่เสียอีก! จัดได้ว่าเขาเป็นอันดับต้นๆ ในระดับจอมเคารพ หากทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ก็กล้าพูดได้ว่าในบรรดาระดับจอมเคารพเช่นเดียวกัน ผู้ที่กล้าสังหารเขานั้น…มีจำนวนไม่เกินสองมือนับได้!
……
ณ เมืองจ้าวดำแห่งรัฐโบราณบรรพชน
จวนจวินอ๋องดำ
“จวินอ๋องดำขอรับ” ชายชราหน้าตาอัปลักษณ์ผู้หนึ่งคารวะด้วยความเคารพ “ข้าพบเจ้าหนุ่มผู้มีพรสวรรค์สูงส่งอย่างยิ่งคนหนึ่งในตัวเมืองของข้า จึงได้ตั้งใจพามาโดยเฉพาะ”
“อ้อ”
ผู้ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานก็คือจวินอ๋องดำ
จวินอ๋องดำพูดอย่างตกตะลึงว่า “อ้อ พรสวรรค์สูงส่งยิ่งรึ”
“ใช้แล้วขอรับ สูงส่งมาก บำเพ็ญมาเพียงพันกว่าล้านปีเท่านั้น ก็บรรลุถึงขั้นอลวนชั้นที่สิบแล้ว เพียงแต่ว่าภรรยาของเขาสิ้นใจไป ดังนั้นอารมณ์จึงแปลกประหลาดอยู่บ้าง” ชายชราหน้าตาอัปลักษณ์พูดด้วยความเคารพ “แน่นอนว่าเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าจวินอ๋องดำจะต้องเชื่อฟังมากอย่างแน่นอน”
“บำเพ็ญได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ คนผู้นี้ทำให้ข้านึกถึงจ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาที่บุกฝ่าวังเทพจิตโลกาพร้อมกันกับข้า จ้าวหิมะเหินผู้นั้นช่างน่าสงสารจริงๆ ทว่าโชคร้ายของเขากลับกลายเป็นโชคดีของข้า” จวินอ๋องดำพูดยิ้มๆ “หม่าลา เจ้าปล่อยเจ้าหนุ่มน้อยที่น่ารักคนนั้นเอาไว้ในจวนของข้าก่อน ผ่านไปสักสองสามวันข้าจะไปดูเอง”
“ขอรับ” ชายชราหน้าตาอัปลักษณ์คารวะด้วยความเคารพ “เช่นนั้นข้าก็จะถอยไปก่อนแล้วขอรับ”
“ไปเถอะ” รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้าของจวินอ๋องดำ ดูเมตตาเป็นอย่างมาก
ผู้ใต้บังคับบัญชาของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์แบ่งเป็นสองฝ่ายใหญ่ๆ
ฝ่ายหนึ่งคือสายตรงซึ่งนำโดยเก้าผู้ท่องราตรีนิรันดร์ เก้าผู้ท่องราตรีนิรันดร์เป็นมารรับใช้พิเศษที่ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์หลอมแปรขึ้นมาด้วยตนเอง จึงย่อมจงรักภักดี มีทางฝ่ายนี้ นอกจากมารรับใช้แล้ว ก็คือเทพจักรวาลผู้ที่วิญญาณมีรอยประทับของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์อยู่ จึงจงรักภักดีอย่างสมบูรณ์
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งได้แก่เทพจักรวาลจำนวนมากซึ่งนำโดยจวินอ๋องดำและจวินอ๋องเหยียน ในฐานะเทพจักรวาล ก็ล้วนแต่ใฝ่หาอิสระทั้งสิ้น พวกเขาสวามิภักดิ์อยู่ใต้บังคับบัญชาของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ ก็เพื่อจะได้รับประโยชน์ต่างๆ จากปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ และพวกเขาก็จะคอยบริการปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ คนกลุ่มนี้มีจำนวนมากมายนัก จวินอ๋องดำและจวินอ๋องเหยียนเป็นระดับจอมเคารพเพียงสองคนที่มีอยู่ในจำนวนนั้น
“โชคดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ” จวินอ๋องดำเผยรอยยิ้มออกมา
นับตั้งแต่ลอบคิดบัญชีจ้าวหิมะเหินในวังเทพจิตโลกา เขาก็ยิ่งโชคดีขึ้นเรื่อยๆ เขาอาศัยผลประโยชน์ที่ได้รับจากด่านสิบสองกัลป์และสิ่งที่สั่งสมมาในอดีตรวมไปถึงคุณูปการที่ได้จากการลงมือกับจ้าวหิมะเหินแลกเปลี่ยนเอาสมบัติลับระดับยอดสุดที่เขาปรารถนามานานแล้วจากปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ปฏิบัติต่อพวกเขาโดยยึดถือ ‘การแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม’
“ฝึกฝนศาสตร์ร่างแปรเงาจนสำเร็จและได้ช่วงชิงโอกาสเข้าสู่วังเทพจิตโลกามา ครั้งนี้โชคดีที่ได้ผลประโยชน์มาอย่างใหญ่หลวง ก็นับว่าฉวยโอกาสได้สมบัติลับระดับยอดสุดมาอีกเป็นชิ้นที่สอง พลังของข้าสามารถเพิ่มพูนขึ้นได้เป็นอย่างมาก ก็สามารถอาศัยมันรับรู้ความเร้นลับขั้นสุดยอดต่างๆ มากมาย ความหวังที่จะได้บรรลุถึงขั้นสุดยอดก็สามารถเพิ่มขึ้นได้บ้าง” จวินอ๋องดำครุ่นคิด “บัดนี้ท่านปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์และท่านปฐมบรรพชนนิจรัตติกาลก็วางแผนครั้งใหญ่อยู่ หวังว่าจะไม่รีบร้อนสร้างความเดือดร้อนขึ้นมา”
เขาสวามิภักดิ์ต่อปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ สุดท้ายแล้วก็เพื่อตนเอง
สิ่งที่เขาใฝ่หาก็คือทำให้ตนเองบรรลุถึงขั้นสุดยอด! เขาไม่ยอมจำนนก้มหัวให้ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ตลอดไปหรอก
……
ณ ที่อีกแห่งหนึ่งในเมืองจ้าวดำ
“เอ๊ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงในรูปลักษณ์ชายหนุ่มชุดดำนั่งอยู่ภายในหอสุราแห่งหนึ่งพลางดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นรัฐโบราณของทางฝ่ายหนึ่ง เขามาถึงที่นี่เขาก็มิกล้าทำตัวเอิกเกริกด้วยการไม่ปกปิดตัวตน นับตั้งแต่ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ล้างสังหารเขาในวังเทพจิตโลกา ทั้งสองฝ่ายก็ผูกใจแค้นต่อกันแล้ว! ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์อาจจะมิได้เห็นเขาอยู่ในสายตา แต่หากเขาเข้ามาอย่างเอิกเกริก เกรงว่าปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์คงจะไม่ใส่ใจที่จะฟาดคทามาที่เขาอีกสักครั้ง!
“ไม่อยู่หรือนี่ แล้วคนอื่นๆ เล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบอึดอัดใจ “มีแค่ร่างแปรร่างหนึ่งที่ปกครองเมืองจ้าวดำอยู่หรือ”
นี่เป็นเพียงร่างแปรทั่วไปร่างหนึ่งเท่านั้น
ทว่าก็ปกตินัก ถึงอย่างไรทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาก็มีผู้ที่มีร่างแยกเพียงจำนวนน้อยนิดยิ่งนัก เท่าที่ทราบ ก็มีเพียงทางสายวิถีอากาศและศาสตร์โบราณเท่านั้นที่สามารถปรากฏร่างแยกที่แท้จริงออกมาได้! แม้แต่ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู ผู้ที่ไม่มีร่างแยกก็มีกว่าครึ่ง! เพราะถึงอย่างไรหากไม่มีพรสวรรค์ทางด้านวิถีอากาศ ก็คือไม่มีพรสวรรค์!
ร่างจริงก็จะเก็บตัวหรือไม่ก็ไปจัดการธุระสำคัญ โดยทั่วไปแล้วเรื่องราวจิปาถะต่างๆ ล้วนแต่เป็นร่างแปรไปจัดการ
“ร่างจริงอยู่ที่ใดกัน ลองค้นหาให้ละเอียดดีกว่า”
……
วันคืนต่อจากนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ดูเหมือนจะดื่มด่ำกับอาหารเลิศรสตามสถานที่ต่างๆ ของรัฐโบราณบรรพชน แต่อันที่จริงแล้วกลับค้นหาจวินอ๋องดำอย่างละเอียด
ว่ากันตามหลักแล้ว
เรื่องที่ตนจะจัดการเขานั้น ไม่เคยเผยแพร่สู่ภายนอกมาก่อน! นอกจากนี้ต่อให้พูดออกมา จวินอ๋องดำก็คงจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าขันอย่างมากกระมัง ดังนั้นก็ไม่ควรซ่อนตัวจึงจะถูกต้อง!
“ไม่มี”
“ไม่มีเลย”
จวนทุกหลังและสถานที่เก็บตัวแต่ละแห่งของจวินอ๋องดำเขาล้วนค้นหาจนทั่วหมดแล้วก็ยังหาไม่พบเลย
ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขั้นสำแดงลูกไม้เขตลวงโลกเทียมออกมาลงมือกับบ่าวรับใช้ประจำตัวบางคนของจวินอ๋องดำ แน่นอนว่าในการลงมือกับบ่าวรับใช้เหล่านั้น วิธีการเขตลวงโลกเทียมของระดับเทพจักรวาลทั่วไปก็ใช้ได้แล้ว! เขาไม่มีทางเผย ‘กระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมระดับเทพจักรวาลชั้นที่สอง’ ออกมาอย่างแน่นอน พลังของบ่าวรับใช้เหล่านั้นล้วนอ่อนแอมากจึงสามารถพลิกดูความทรงจำของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ไม่เหลือข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย
“บ่าวรับใช้ประจำตัวก็ไม่รู้ เนื่องจากเรื่องสำคัญบางอย่างเช่นนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงครุ่นคิด
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไร้หนทาง ทำได้เพียงท่องไปตามสถานที่ต่างๆ ในดินแดนจิตโลกา ชมดูทิวทัศน์ของสถานที่ต่างๆ และลิ้มรสอาหารของสถานที่ต่างๆ เท่านั้น จู่ๆ วันหนึ่ง…สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็ส่งข่าวมาว่าพบร่องรอยของจวินอ๋องดำในเขต ‘รัฐวายุโหม’!
“ฮ่าฮ่า ไม่เสียทีที่เป็นสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกา เครือข่ายข่าวสารแทรกซึมไปทั่วทุกหนแห่ง ขอเพียงจวินอ๋องดำมิได้จงใจซ่อนตัว ถึงอย่างไรก็ต้องถูกพบเข้าอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ข่าวก็มุ่งหน้าไปยังรัฐวายุโหมทันที
…………………………………..