Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 14 ผลประโยชน์ครั้งใหญ่
เมื่อร่างแยกร่างนี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงถูกทำลายไป ร่างแยกอีกร่างหนึ่งกลับแทรกซึมเข้าไปในตำหนักผู้อาวุโสอย่างเงียบเชียบ
ต้องรู้ไว้ว่าเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินใจจะช่วยเหลือกองกำลังชนพื้นเมือง เขาก็ได้ทิ้งร่างแยกเอาไว้หลายร่าง แน่นอนว่ามีร่างแยกที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งอยู่เพียงร่างเดียวเท่านั้น
“ดวงตาสีเทาคู่นี้” ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนี้กะพริบวาบคราหนึ่งแล้วก็มาถึงตรงหน้าต้นไม้ผลแปลกพิสดารต้นนั้น แม้ดวงตาสีเทาบนยอดต้นไม้ผลแปลกพิสดารคู่นั้นจะยังคงมีอานุภาพกดดันทั่วทั้งตำหนักผู้อาวุโสแผ่กำจายออกมา แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงเอื้อมมือขึ้นไปอย่างไม่ลังเล แต่ชั่วขณะที่มือของเขาปะทะเข้ากับดวงตาสีเทาคู่นั้นนั่นเอง…
“ตู้ม!”
ท่ามกลางความเลือนราง
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นสิ่งมีชีวิตร่างมหึมาสูงตระหง่านหาใดเปรียบตนหนึ่ง มันใหญ่โตมโหฬาร ใหญ่กว่าที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจินตนาการเอาไว้ ลำพังแค่รูปร่างของมันอย่างเดียวก็ใหญ่โตกว่าโลกทิพย์ใบหนึ่งมากมายยิ่งนัก
ถึงขั้นไม่สามารถใช้เรื่องขนาดเพียงอย่างเดียวมาเข้าใจสิ่งมีชีวิตพรรค์นี้ได้ การดำรงอยู่ของมัน เหมือนกับตัวมันเองแฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์มากมายยิ่งนัก บนร่างของมันมีมิติแปลกประหลาดมากมายหลายชั้นยิ่งนัก ราวกับอยู่ในทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง! น่าหวาดหวั่นกว่า ‘ลูกมังกรหมื่นสัมผัส’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยพบมามากมายยิ่งนัก
หากลูกมังกรหมื่นสัมผัสนับว่าเป็นมดตัวน้อย เช่นนั้นเงาร่างสูงตระหง่านที่เห็นในตอนนี้ก็เหมือนกับมังกรตัวเขื่องซึ่งสูงใหญ่กว่าสวรรค์เก้าชั้นเสียอีก!
“มันคือ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงพอมองเห็นได้บ้าง ว่านี่คือสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่มีหลายสิบอุ้งเท้า เหนือร่างกายของมันกลับมีดวงตาดวงแล้วดวงเล่าอยู่แน่นขนัดไปหมด ดวงตามากมายยิ่งนัก
“ตู้ม!”
ชั่วขณะที่นิ้วมือปะทะเข้ากับดวงตาสีเทานั้น ก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นนั้นได้อย่างเลือนราง
จากนั้นอานุภาพที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งสายหนึ่งก็ปะทะเข้ากับร่าง การปะทะระลอกนี้ น่าหวาดหวั่นกว่าการโจมตีด้วยความโกรธเกรี้ยวของ ’จักรพรรดิ‘ เสียอีก ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงร่างนี้สลายหายไปอย่างไร้สุ้มเสียงเสียแล้ว
“เฮอะ”
‘จักรพรรดิ’ ยักษ์ร่างดำทะมึนที่ปรากฏกายขึ้นตรงประตูตำหนักผู้อาวุโสแค่นเสียงเฮอะอย่างเย็นชาคราหนึ่ง “ช่างโง่เง่าเสียจริง กล้าไปปะทะเสียด้วย หากเป็นชนพื้นเมืองคงจะไม่โง่เง่าเช่นนี้เป็นแน่”
แม้จักรพรรดิจะไม่เชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านบริเวณอันแข็งแกร่งสักเท่าใดนัก แต่เขาอยู่ในเกาะลอยคว้างก็ยังคงเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ พละกำลังอันไร้รูปร่างปกคลุมทั่วทั้งดินแดนชนเผ่าตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว! เขาพบร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงหลายร่างแล้ว
สวบๆๆ!!!
แม้จะพบแล้ว แต่ก็ยังคงเคลื่อนที่ในพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อทำลายร่างแยกเหล่านี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงให้สิ้นซากไป
หลังจากสังหารจนหมดแล้ว
จักรพรรดิยังคงรู้สึกเดือดดาล สูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาไปบ้างเขาก็ไม่แยแส สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดก็ยังคงเป็นความแข็งแกร่งของตนเอง ตามปกติแล้วผลวิญญาณทิพย์เป็นเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ครอบครอง ครั้งนี้ ถูกแย่งชิงไปผลหนึ่งที่เหลืออยู่ก็เป็นผลที่ยังไม่สุกดี สำหรับคนระดับอย่างเขาก็ไร้ประโยชน์แล้ว
“ครั้งนี้เผ่าเซวี่ยเหยียนนี่มิใช่แค่พาผู้แกร่งกล้าพวกนั้นเข้ามาด้วยตั้งหลายคนเท่านั้น ทั้งยังพกสมบัติประจำเผ่ามาด้วย ท้ายที่สุดยังหนีรอดไปได้อีก เป็นใบไม้ทิพย์แห่งเผ่าเซวี่ยเหยียนที่ ‘ผู้วิเศษเก้าหาง’ มอบให้พวกเขากระมัง ใช้ไปเช่นนี้เองน่ะหรือ” จักรพรรดิลอบร่ำร้องในใจ ผู้วิเศษเก้าหาง เป็นถึงหนึ่งในแปดผู้วิเศษซึ่งยืนอยู่ในระดับยอดสุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างซึ่งมีน้อยนิดอย่างยิ่งของหุบเขาเขี้ยวหักเลยทีเดียว
“ยังมีผู้บำเพ็ญที่ใช้กระบี่คนนั้นอีก” จักรพรรดิหายวับไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไปไล่สังหารจอมกระบี่
******
จอมกระบี่ผู้มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งนั้นรอบด้านมากจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นการรุกโจมตี ป้องกัน รักษาชีวิตหรือหลบหนี เขาก็ล้วนเชี่ยวชาญไปเสียทุกด้าน เมื่อปะทุความเร็วออกมาอย่างสุดแรง ทั้งร่างของจอมกระบี่ก็กลายเป็นประกายกระบี่อันสะดุดตาสายหนึ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเสียจนน่าตกใจโดยมิได้รับผลกระทบจากตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนแมลงและกองกำลังชนพื้นเมืองแต่อย่างใด
เขาเดินทางไปตามเส้นทางคร่าวๆ เช่นเดียวกับตอนมา
เขาทะยานหนีไปตลอดทางโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย!
ร่างแยกหลักของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ที่จอมกระบี่พกติดตัวเอาไว้ เขตลวงที่สำแดงออกไปภายนอกส่งผลกระทบต่อผู้อาวุโสใหญ่ที่ตามมาอยู่ด้านหลัง! หลังจากพลังของผู้อาวุโสใหญ่ลดลงไปอย่างมากแล้ว ก็เป็นภัยคุกคามต่อจอมกระบี่น้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนท่านั้น ถือได้ว่าหยาบนัก
“ตู้มมม…”
ยักษ์ร่างดำทะมึนที่น่าหวาดหวั่นเดินเหยียบอากาศเข้ามา ขาข้างหนึ่งย่ำลงมา
ขาใหญ่ของเขาแผ่คลุมลงมา ใหญ่เกินไปแล้ว เพียงพริบตาเดียวจอมกระบี่ก็มิอาจหนีออกจากขอบเขตของขาอันน่าหวาดหวั่นนี้ได้ ทำได้เพียงสกัดกั้นเอาไว้เท่านั้น!
“ตู้ม….” ประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนสลายไป จอมกระบี่ก็กระเด็นลอยไปอย่างน่าอนาถ ภายใต้สถานะสุดยอดของผู้อาวุโสใหญ่ จอมกระบี่ก็ไม่เคยน่าอนาถถึงเพียงนี้มาก่อน เขาถึงขั้นสามารถพัวพันกับผู้อาวุโสใหญ่ได้อย่างพอถูไถ
เมื่อเผชิญหน้ากับ ’จักรพรรดิ‘ ที่พลังลดลงไปสามส่วนแล้ว การต่อสู้ก็กลับโอนเอียงไปฝ่ายหนึ่ง! จอมกระบี่มิอาจพัวพันฝ่ายตรงข้ามได้เลย ทำได้เพียงพยายามรักษาชีวิตเอาไว้เท่านั้น
“น่าหวาดหวั่นนัก”
“เสวี่ยอิง นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดไว้ พลังลดลงสามส่วนแล้วอย่างนั้นหรือ” จอมกระบี่ถ่ายเสียงพูดไปพลาง หลบหนีอย่างสุดกำลังไปพลางและยังรับมือกับจักรพรรดิไปพร้อมกัน
“ข้าเคยเห็นอานุภาพที่เขาปะทุออกมาอย่างสุดกำลัง ไม่แพ้ตอนที่ราชันย์อนธการอมตะสู้สุดชีวิตเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ตอบ
“ต่อให้อานุภาพลดลง อานุภาพของเขาก็ยังน่าหวาดหวั่นกว่าจักรพรรดิเซี่ยอยู่บ้าง อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าเท่าหนึ่ง! เคราะห์ดีที่กระบวนท่าหยาบกว่ามาก ข้ายังพอจะสามารถต้านทานได้ หากระดับขั้นของเขาสามารถสู้พวกจักรพรรดิเซี่ยได้ ข้าจะต้องหนีจากเกาะลอยคว้างไม่พ้นเป็นแน่” จอมกระบี่ถ่ายเสียงพูด
“อานุภาพจะแข็งแกร่งเทียมฟ้า และระดับขั้นก็สูงเสียจนเกินจริงได้อย่างไรกันเล่า แม้แต่เกาะลอยคว้างแห่งหนึ่งก็ยังน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญอย่างพวกเรา ก็มิใช่การเคี่ยวกรำแล้ว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด “จอมกระบี่ ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว หากหนีออกจากเกาะลอยคว้างมิได้ ร่างแยกของพวกเราจะเสียก็เสียไปเถิด แต่สมบัติล้ำค่า”ก็จะหมดไปด้วย
“วางใจเถิด”
จอมกระบี่ก็สู้สุดชีวิต
หากไม่มีผลกระทบจากเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง โอกาสที่จอมกระบี่จะหนีรอดออกไปได้ก็มีเพียงครึ่งต่อครึ่งเท่านั้น! บัดนี้กลับมีโอกาสถึงเก้าส่วน
เพราะถึงอย่างไรหากพูดถึงการรักษาชีวิตและหลบหนีแล้ว ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู จอมกระบี่ผู้มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งก็จัดอยู่ในอันดับต้นๆ แล้ว
……
ภายใต้การเร่งความเร็วอย่างสูง
ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ สวบ ในที่สุดประกายกระบี่สายหนึ่งก็พุ่งออกจากอาณาเขตของเกาะลอยคว้าง
“แฮ่…” ’จักรพรรดิ’ ยักษ์ร่างดำทะมึนยืนอยู่บนขอบของเกาะลอยคว้าง พลางเปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เขาจ้องมองประกายกระบี่ที่อยู่ไกลออกไปด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง
ประกายกระบี่ที่อยู่ไกลออกไปแปรเป็นจอมกระบี่ จอมกระบี่กะพริบวาบคราหนึ่งก่อนจะเคลื่อนที่ในพริบตาจากไป
“สมควรตาย”
จักรพรรดิเดือดแค้นเป็นอันมาก
สมบัติล้ำค่าที่ผู้บำเพ็ญทั้งสามคนนี้นำไป ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เผ่ามรณะทมิฬมิได้ใส่ใจ ดังนั้นรอบบริเวณดินแดนชนเผ่า จึงมิได้ตั้งใจเก็บซ่อนเอาไว้! เพียงแต่การให้ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ได้สมบัติล้ำค่าไป ทั้งยังหนีไปได้อย่างปลอดภัย ก็ทำให้จักรพรรดิรู้สึกอดสูใจขึ้นมา
ทว่าจักรพรรดิมิได้ไล่ตามแต่อย่างใด เพราะที่โลกภายนอก อีกฝ่ายสามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้อย่างง่ายดาย จนมิอาจไล่ตามได้ทัน ถึงเขาจะไม่ยอมจำนนใจ แต่ก็ทำได้เพียงกลับไปเท่านั้น
******
กลางท้องฟ้านอกเกาะลอยคว้าง
ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมกระบี่และบรรพชนแมลงอยู่ที่นี่ พวกเขาสามคนตรวจนับสมบัติล้ำค่าอย่างเบิกบานใจ!
“ฮ่าฮ่า ครั้งนี้ได้ผลประโยชน์มามากมายจริงๆ หากสามารถสมหวังได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ทุกครั้ง ก็คงจะได้อะไรมามากมายจนน่าเหลือเชื่อแล้ว” บรรพชนแมลงอุทาน
จอมกระบี่ส่ายหน้าเบาๆ “ครั้งนี้เป็นเพราะอาวุธลับของเสวี่ยอิงร้ายกาจยิ่งนัก สามารถกวาดล้างยอดฝีมือระดับยอดของเผ่ามรณะทมิฬได้ตั้งมากมาย ขณะเดียวกันก็ปะทะเข้ากับกองกำลังชนพื้นเมือง เมื่อมีพวกเขานำทาง พวกเราก็สามารถหลบเลี่ยงสภาพแวดล้อมอันตรายต่างๆ ภายในตัวเกาะลอยคว้างได้อย่างง่ายดาย บวกกับศัตรูเหล่านั้น ก็มีชนพื้นเมืองคอยช่วยจำกัดเอาไว้! พวกเราจึงได้ผลประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้”
“อื้ม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ตามกฎเดิม ต้องส่งสิ่งที่ได้จากการรบชนะกลับไปก่อน เพื่อป้องกันมิให้เมื่อร่างแยกถูกทำลาย แล้วต้องเสียสมบัติล้ำค่าไปหมด”
“ดี”
“ฝากไว้ที่เมืองหิมะเหินก่อนก็แล้วกัน” บรรพชนแมลงและจอมกระบี่เชื่อใจตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างเต็มเปี่ยม
ฟิ้ว
รอยแยกดำทะมึนสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้าง ร่างแยกสีขาวร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ภายในหุบเขาเขี้ยวหัก ก็มีแต่ภายในเกาะลอยคว้างเท่านั้นที่มิอาจสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาได้ บริเวณอื่นๆ ล้วนสามารถทำได้ทั้งสิ้น
ร่างแยกร่างนี้พกสมบัติล้ำค่าเอาไว้ เขาสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาตรงกลับไปยังเมืองหิมะเหินทันที
“จ้าวหิมะเหิน!”
ไกลออกไป เงาร่างกลุ่มหนึ่งเช่นท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้ก็ปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า แล้วรีบบินเข้ามา
“เมื่อพบเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิแห่งเผ่ามรณะทมิฬผู้นั้นเข้า พวกเราก็รีบมาหาพวกท่านทันที หาตั้งรอบใหญ่จึงพบเข้าจนได้ พวกท่านเคลื่อนที่ในพริบตามาไกลใช้ได้ทีเดียว” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้พูดยิ้มๆ
“เพื่อป้องกันมิให้จักรพรรดิผู้นั้นไล่ตามต่อ จึงต้องเคลื่อนที่ในพริบตามาไกลหน่อยน่ะ” จอมกระบี่กล่าว
ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้เอ่ยว่า “ครั้งนี้ติดค้างพวกท่านมากทีเดียว และติดค้างจ้าวหิมะเหินด้วย มิเช่นนั้นพวกเราจะต้องมิได้ผลวิญญาณทิพย์มาเป็นแน่ ข้าเคยพูดไว้ว่า เผ่าเซวี่ยเหยียนเราจะต้องตอบแทนท่านให้สาสม นี่คือสมบัติลับต่างๆ ของพวกท่านเหล่าผู้บำเพ็ญที่เผ่าเซวี่ยเหยียนเราได้พบมาในประวัติศาสตร์ อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้โยนที่เก็บสมบัติล้ำค่าอันหนึ่งออกมา
สมบัติลับของผู้บำเพ็ญ พวกเขาใช้งานไม่ได้
เนื่องจากสมบัติลับอันแข็งแกร่งซับซ้อนเกินไป เผ่าชนพื้นเมืองบำเพ็ญพละกำลังสายเลือดเป็นหลักเท่านั้น!
กำไลวงนั้นลอยมาตรงหน้าตน
“โอ๊ะ” หลังตงป๋อเสวี่ยอิงรับมา เขาก็ตรวจสอบดู และได้พบสมบัติลับชนิดต่างๆ มากมาย ทั้งระดับสูงและระดับต่ำ สูงสุดนั้นเป็นถึงสมบัติลับระดับยอด ซึ่งมีถึงสองชิ้นด้วยกัน
“มีสองชิ้นที่เป็นสมบัติลับระดับยอด” ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมกระบี่และบรรพชนแมลงกล่าว
“ทั้งหมดนี่เป็นของเจ้าแล้ว เป็นเพราะเจ้า เขาจึงมอบสิ่งเหล่านี้ให้พวกเรา” จอมกระบี่เอ่ย บรรพชนแมลงก็พยักหน้า
“ถึงเวลาก็ค่อยแบ่งสรรกันก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเอ่ยขึ้น ถึงระดับอย่างเขาแล้ว ก็สนใจการยกระดับของระดับขั้นเสียมากกว่า เช่นเดียวกับพวกบรรพชนฝาน เพื่อการยกระดับขั้น ก็สามารถทุ่มเทสมบัติล้ำค่ามากมายได้
เขาจัดเตรียมร่างแยกแล้วสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาเพื่อนำสมบัติล้ำค่ากลับไปอีก
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางพวกท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้ “ท่านชายทราบรู้จักดวงตาสีเทาบนยอกของต้นผลวิญญาณทิพย์ดวงนั้นหรือไม่”
ดวงตาสีเทาดวงนั้น จึงจะเป็นผลประโยชน์ใหญ่ที่สุดที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้จากบนเกาะลอยคว้าง!
แม้ชั่วขณะที่สัมผัสกับดวงตาสีเทานั้น จะพอมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งได้รางๆ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเข้าใจดีว่า ‘ดวงตาสีเทา’ นี้สำคัญกับเขามากเพียงใด! เขามองเห็นโครงสร้างของ ‘เขตลวง อันพิสดารชนิดหนึ่งบนดวงตาสีเทาดวงนี้! มันแปลกพิสดารเป็นอย่างมาก
อันที่จริงแล้ว
เมื่อทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา เกรงว่าคงจะมีเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้นที่เมื่อมองเห็นดวงตาสีเทาดวงนี้ แล้วสามารถมองโครงสร้างเขตลวงของดวงตาสีเทาให้เข้าใจได้
หากระดับขั้นไม่เพียงพอ ต่อให้สมบัติล้ำค่าอยู่ตรงหน้าก็คงไม่เข้าใจ
ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในขั้นตอนห้าสายหลอมรวมกันแล้ว เขาถึงขั้นมองเห็นทิศทางของ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ แล้ว ต่อให้ไม่มีแรงช่วยจากภายนอก หลังผ่านไปนานแสนนาน ก็มีหวังบรรลุถึงขั้นสุดยอดได้อยู่ดี! ผลสำเร็จทางด้านนี้ของเขา เรียกได้ว่าจัดอยู่ในระดับยอดสุดของ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ในโลกกำเนิดจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว การสั่งสมเช่นนี้ ห่างจากขั้นสุดยอดเพียงแค่เยื่อบางๆ กั้นไว้เท่านั้น
ดังนั้นเมื่อมองเห็นดวงตาสีเทาดวงนี้ แม้จะมีการรบกวนจากโครงสร้างอันซับซ้อนจำนวนนับไม่ถ้วนของดวงตาสีเทาเอง เขาก็ยังคงพบส่วน ‘โครงสร้างเขตลวง’ ในนั้นได้อยู่ดี!
โครงสร้างเขตลวงนี้ถึงขั้นบกพร่องอยู่บ้าง!
อย่างพวกบรรพชนฝาน หากสั่งสมไม่เพียงพอก็มองไม่ออก
“โครงสร้างเขตลวงภายในดวงตาสีเทาดวงนี้นั้นบกพร่อง คงจะต้องใช้ดวงตาอื่นๆ มาประกอบกันจึงจะสามารถสำแดงออกมาได้!” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ เขาบำเพ็ญมาจนถึงขั้นนี้ แม้แต่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับยอดสุดอย่างหยวนและเจ้าเมืองหลัวก็มิอาจชี้แนะได้ ทว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดบางท่าน เกิดมาร่างกายก็มีกฎเกณฑ์อันสูงส่งต่างๆ แฝงอยู่มากมายอยู่แล้ว
บนดวงตาสีเทาดวงนี้ แฝงไว้ด้วยเขตลวงระดับคละถิ่น
แม้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นตนนั้นจะมิได้รับรู้ขึ้นมาด้วยตนเอง หากแต่สามารถสำแดงออกมาได้เองโดยกำเนิดอยู่แล้ว! แต่เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงรับรู้มัน ก็ยังคงสามารถชี้แนะเขาได้อย่างมหาศาล
หากกล่าวว่าให้เขาค่อยๆ บำเพ็ญไป การทำให้ห้าสายหลอมรวมกันก็อาจต้องใช้เวลายาวนานมาก แต่หาก ‘โครงสร้างเขตลวง’ อันสมบูรณ์แบบนี้ทำให้เขารับรู้ อาจจะทำให้เขาประหยัดเวลาที่จะบรรลุถึงขั้นสุดยอดได้อย่างมากมาย
“สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาอันน่าเหลือเชื่อที่ข้ามองเห็นได้รางๆ นั้น เหมือนจะตายไปแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “ดวงตาสีเทานั่นก็ไม่มีชีวิตชีวาอันใด แต่ต่อให้ตายไปแล้ว ก็ยังคงมีอานุภาพหลงเหลืออยู่ เมื่อข้าจะสัมผัสก็ล้างสังหารร่างแยกร่างหนึ่งของข้าไปได้อย่างง่ายดาย ช่างน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว ในตำนานกล่าวไว้ว่า…ภายในหุบเขาเขี้ยวหักมีซากศพของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นที่เคยทำให้หยวนบาดเจ็บสาหัสได้อยู่ด้วย”
ภายในหุบเขาเขี้ยวหัก แม้จะมีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างอาศัยอยู่ ทว่าก็ล้วนแต่อ่อนแอมาก จนหยวนไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย
ผู้ที่น่าหวาดหวั่นมากอย่างแท้จริง อยู่ภายในหุบเขาเขี้ยวหักก็มีแต่โครงกระดูกเท่านั้น
“ดวงตาสีเทาหรือ” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้ตกตะลึง “รู้สิ ต้องรู้อยู่แล้ว เท่าที่ข้ารู้ ภายในเกาะลอยคว้างทั้งหลาย มีเกาะลอยคว้างตั้งหลายแห่งที่มีดวงตาอันน่าหวาดหวั่นพรรค์นี้อยู่ ตามที่เล่าลือกันมา เป็นสิ่งที่หลงเหลือจากซากศพของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นที่หยวนโยนทิ้งไว้ อานุภาพน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก มิอาจแตะต้องได้”
……………………………..