Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 16 ทะเลสาบมหึมา
แม้จะสัมผัสสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นนั้นได้อย่างเลือนราง แม้แต่จำนวนที่แน่ชัดของ ‘ดวงตา’ ก็ยังไม่รู้เลย
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อดวงตาอันแน่นขนัดของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมองดูศัตรู ศัตรูก็จะต้องประสบกับการดึงดูดของเขตลวงก่อน แล้วค่อยถูกเขตลวงล้างสังหาร! ภายใต้การโจมตีหลายชั้น ต่อให้ไม่ตาย ก็เกรงว่าวิญญาณคงจะได้รับผลกระทบอย่างยิ่ง พลังที่สำแดงออกมาก็คงจะลดลง
“ร่างกายของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับนั้นยังใหญ่โตกว่าโลกทิพย์เสียอีก! เกรงว่าหากร่างกายปะทะเข้าไปครั้งหนึ่ง รัฐระดับเดียวกับรัฐโบราณคิมหันตวายุก็คงถูกกระแทกจนละเอียดเป็นผุยผง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ เคราะห์ดีที่สิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นระดับนั้น ก็ย่อมมี ‘หยวน’ และ ‘เจ้าเมืองหลัว’ ซึ่งเป็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นเช่นเดียวกันไปรับมือให้
……
ณ คีรีมารสกุลฝาน นครหลวงรัฐโบราณคิมหันตวายุ
ต้นไม้เทพผลาญจิตต้นเตี้ยบึกบึน ยอดไม้อันใหญ่โตปกคลุมเบื้องล่าง ชายหนุ่มชุดขาวก็นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นี่
เพื่อป้องกันมิให้ราชันย์อนธการอมตะพบเข้า ร่างแยกที่บำเพ็ญอยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตก็เปลี่ยนแปลงรูปโฉมและกลิ่นอาย แต่ทว่าด้วยการป้องกันของนครหลวงคิมหันตวายุและสกุลฝาน ราชันย์อนธการอมตะก็ตรวจสอบที่นี่ได้ยากมาก
“ฟิ้ว”
ใบไม้ซึ่งดุจดั่งแกะสลักขึ้นมาจากหยกสีม่วงเข้มร่วงหล่นลงตรงหน้า ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดู มุมปากมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
ในห้วงสมองของเขากลับจำโครงสร้างเขตลวงของดวงตาอันเร้นลับทั้งสามสิบสามดวงที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจน เขตลวงสองชนิดนั้น ชนิดหนึ่งคือดึงดูดศัตรูให้ลุ่มหลง ส่วนอีกชนิดหนึ่งคือเขตลวงล้างสังหารวิญญาณ ดวงตาสีเทายี่สิบห้าดวงคือส่วนของโครงสร้างที่แตกต่างกันของเขตลวงชนิดเดียวกัน เมื่อรวมกันขึ้นมาก็ยังคงบกพร่องมากนัก ทว่าสำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว แม้จะบกพร่องหาใดเปรียบ ก็ยังคงเต็มไปด้วยความงดงาม!
งดงามเกินไปแล้ว
‘เข้าใกล้วิถี’ ‘รับรู้วิถี’
บัดนี้ตงป๋อ ‘เข้าใกล้วิถี’ แล้วห่างจากการบรรลุถึงขั้นสุดยอดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถมองจุดที่ไม่ธรรมดาของดวงตาอันเร้นลับแต่ละดวงออกได้
“ด้วยระดับขั้นของข้า ไม่กล้าเพ้อฝันว่าจะเข้าถึงท่าไม้ตายที่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นตนนั้นครอบครองได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “ทว่ารับรู้มัน แล้วคิดค้นท่าไม้ตายที่เหมาะสมกับตนเองออกมา ก็ยังพอมีหวัง”
อะไรกันที่เรียกว่าท่าไม้ตาย
อย่างวิถีอากาศทั้งหมดเก้าสาย ในจำนวนนั้นห้าสายหลอมรวมกัน ก็สามารถคิดค้น ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของอานุภาพนี้ ก็บรรลุถึงขีดจำกัดของเทพจักรวาลชั้นสามแล้ว
ระดับขั้นอย่างเดียวกัน เคล็ดวิชาที่ใช้ก็แตกต่างกัน ทำให้อานุภาพของกระบวนท่ามีระดับสูงต่ำแตกต่างกัน
เนื่องจากการรับรู้เคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงได้คิดค้นท่าไม้ตายด้านวิถีอากาศห้าสายขึ้นมาได้! ท่าไม้ตายใดๆ ก็ตาม ล้วนแต่มีพลังรบขั้นสุดยอดทั่วไป เยี่ยมยอดเพียงใดกัน
ส่วนทางด้าน ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ แม้จะสั่งสมอย่างหนาแน่นมาก แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้มีท่าไม้ตายอะไรที่ไร้เทียมทานมากจริงๆ แต่อย่างใด เนื่องจากการคิดค้นท่าไม้ตายก็ต้องการวิญญาณสัมผัส และต้องการการกระตุ้นสัมผัส! หากมิใช่ชมดูคนอื่นสำแดงออกมา ก็ต้องดูอานุภาพของสมบัติลับอันสูงส่งเป็นตัวอย่าง หรือไม่ก็ต้องมีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่งชี้นำโดยสรุปก็คือ โดยทั่วไปแล้วจะต้องมีการกระตุ้นสัมผัสบ้าง
หรือถึงขั้นหากมีการชี้นำ ก็จะสบายขึ้นมากทีเดียว
บัดนี้ดวงตาสีเทาและดวงตาสีทองก็ได้ชี้นำตงป๋อเสวี่ยอิง
“ทำให้มันเรียบง่ายขึ้น และซึมซับมัน ก็จะมีหวังคิดค้นท่าไม้ตายของข้าขึ้นมาเองได้ คิดค้นท่าไม้ตายก็สามารถทำให้ข้าสั่งสมได้หนาแน่นขึ้น และยิ่งมีหวังบรรลุถึงขั้นสุดยอดมากขึ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงรอคอย
เขาหลับตาลง
เมื่อบำเพ็ญต่อไป โครงสร้างเขตลวงของดวงตาอันเร้นลับทั้งสามสิบสามดวงนั้นถูกเขาวิเคราะห์และค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสำแดงออกมาร่วมกับวิถีเขตลวงโลกเทียมที่ตนรับรู้
เมื่อมีการช่วยเหลือจาก ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ บำเพ็ญขึ้นมาก็ได้ผลดียิ่งนัก
ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็มีเพียงร่างแยกที่อยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตร่างนี้ และร่างแยกที่ถือหอกเทพคละถิ่นเอาไว้ในมือซึ่งประจำการอยู่ที่เมืองหิมะเหินเท่านั้น จึงจะมีวิญญาณครบเต็มสิบ ส่วนวิญญาณอื่นๆ รวมทั้งร่างแยกซึ่งเป็นพลังรบหลักทั้งหลายที่เสี่ยงอันตรายอยู่ในหุบเขาเขี้ยวหัก อันที่จริงแล้วโดยทั่วไปก็มีวิญญาณเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้น!
เนื่องจากเคยดูดซับโลหิตหัวใจของมารดามังกรหมื่นสัมผัส วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงแข็งแกร่งหาใดเปรียบ
ต่อให้มีวิญญาณเจ็ดส่วน ก็สามารถสำแดงกระบวนท่าเขตลวงออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังสามารถแบ่งสมาธิไปสำแดงท่าไม้ตายอื่นๆ ออกมาได้อีกด้วย
“เมื่อระดับขั้นของข้ายิ่งสูงขึ้น ต้นไม้เทพผลาญจิตก็ช่วยเหลือข้าได้น้อยลงทุกทีๆ แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สัมผัสได้ถึงแรงช่วยจากต้นไม้เทพผลาญจิต ทว่ายิ่งระดับขั้นสูงขึ้น ผลของต้นไม้เทพผลาญจิตก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทว่าก็ยังคงให้ผลดีกว่าวัตถุอื่นๆ ที่คอยช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญของเขามากทีเดียว
******
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนร่อนลงเหนือเกาะลอยคว้างแห่งหนึ่ง นี่คือเกาะลอยคว้างแห่งที่สามสิบสี่ที่พวกเขาจะสำรวจแล้ว
“หวังว่าเกาะลอยคว้างแห่งนี้จะมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างรอคอยพวกเราอยู่ บนเกาะลอยคว้างแห่งที่แล้ว พวกเราได้อะไรมาน้อยเสียจนแทบจะมองข้ามไปได้” บรรพชนแมลงกล่าว
“ผลประโยชน์บนเกาะลอยคว้างย่อมมีมากบ้างน้อยบ้างเป็นธรรมดา แม้สำหรับผู้บำเพ็ญอย่างเราจะมีประโยชน์มหาศาล สำหรับเผ่ามรณะทมิฬและชนพื้นเมืองก็ไม่มีประโยชน์อันใด ทว่าตลอดคืนวันอันยาวนานมาจนบัดนี้ ผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกามาสำรวจอย่างไม่ขาดสาย บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็มาสำรวจเช่นกัน เกรงว่าพวกเขาคงจะเคยสำรวจเกาะลอยคว้างมาหลายแห่งแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม “จะว่าไป ก็ถือว่าพวกเราได้ผลประโยชน์มามากมายทีเดียว”
“โชคดีที่มีพี่ใหญ่หิมะเหินและกระบี่ปีศาจ” บรรพชนแมลงพูดพลางหัวเราะฮิฮิ “ทำเอาข้าเสียเปรียบไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ต้องขอบคุณเผ่าเซวี่ยเหยียนเป็นอย่างมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย “ไปเถิด พวกเราระวังหน่อยก็แล้วกัน แม้เกาะลอยคว้างแห่งนี้จะไม่อันตรายมากนัก รายงานก็ค่อนข้างละเอียด แต่ก็ยังต้องระวังหน่อยอยู่ดี อย่าได้ทำเรือล่มในหนอง เหยียบย่ำเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่อันตราย”
รายงานค่อนข้างละเอียด เพียงแต่ว่าบันทึกอันตรายเอาไว้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเอง
“ไปกันเถอะ” อาภรณ์สีดำบนร่างของบรรพชนแมลงพลันปริแตกออกแล้วกลายเป็นแมลงจำนวนนับไม่ถ้วน มุ่งหน้าไปกบดานรอบด้านอย่างรวดเร็ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำแดงเขตลวง
จอมกระบี่นั้นผ่อนคลายที่สุด มีแต่พบศัตรูที่แข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้น จึงต้องให้จอมกระบี่เป็นผู้ลงมือ
ฟิ้ว
พวกเขาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วด้วยความคล่องแคล่ว และรักษาวิธีการปกปิดเช่นการหลบซ่อนในอากาศเอาไว้ด้วย
พวกเขามีประสบการณ์มาก่อนแล้ว วิธีการปกปิดพรรค์นี้มีประโยชน์ไม่มากนัก พวกเขาถูกกลิ่นอายอันไร้รูปร่างของเกาะลอยคว้างผลักไส เมื่อเผ่ามรณะทมิฬเข้าใกล้ ก็สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย! ทว่าเมื่อสำแดงออกมาแล้ว ก็ย่อมดีกว่าการทะยานไปด้วยความเร็วสูงอย่างโจ่งแจ้งมากแน่นอน
จากประสบการณ์ของพวกเขา
เมื่ออยู่ในเกาะลอยคว้างนั้นมิอาจชักช้าได้ จะต้องรวดเร็ว! ยิ่งช้าก็ยิ่งถูกพบตัวได้ง่ายขึ้น
เผ่ามรณะทมิฬทั้งหมดที่พบ ก็ต้องสังหารให้เกลี้ยง! ด้วยกระบวนท่าเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง ต่อให้เป็น ‘อ๋อง’ ก็ต้องถูกสังหารในพริบตา นอกเสียจากจะเป็น ‘อ๋องระดับยอดสุดของเผ่ามรณะทมิฬ’ เท่านั้น ขอเพียงสังหารแล้ว เผ่ามรณะทมิฬก็จะไม่ได้รับรายงานอย่างรวดเร็วถึงเพียงนั้น มีครั้งหนึ่งที่พวกเขาทะยานเข้าไปยังใจกลางสุดของเกาะลอยคว้างโดยใช้เวลาขั่วยามกว่าๆ จึงถูกเผ่ามรณะทมิฬพบเข้า พวกเขาสังหารบรรดา ‘อ๋อง’ เหล่านั้น แม้แต่ระดับยอดสุดก็ยังต้องหนีไปอย่างน่าอนาถ…เนื่องจากเขตลวงปกคลุม เผ่ามรณะทมิฬจึงไม่กล้าไปแจ้ง ’จักรพรรดิ‘
ดังนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงทิ้งร่างแยกร่างหนึ่งเอาไว้เพื่อข่มขู่
และทำให้ฝ่ายตนจากไปได้สบายๆ
ครั้งนั้น พวกเขาได้กวาดล้างดินแดนชนเผ่าจนก้นชี้ฟ้า! ได้อะไรมามากมายยิ่งนัก
ตอนที่พวกเขาจากไป ’จักรพรรดิ‘ ของเกาะลอยคว้างแห่งนั้นก็ยังคงหลับใหล ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิกล้าลงมือกับจักรพรรดิ เขตลวงของเขาถึงขั้นปกคลุมแค่รอบด้านเท่านั้น ไม่กล้าส่งผลกระทบต่อ ’จักรพรรดิ‘ เพราะหากปลุกเขาจนตื่นขึ้นมาก็คงยุ่งยากไปกันใหญ่แล้ว ส่วนการสังหารจักรพรรดิที่หลับใหลน่ะหรือ ต่อให้จักรพรรดิอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขัดขวาง พวกเขาก็มิอาจสังหารให้ตายได้ เนื่องจากตัวตนของ ‘เผ่ามรณะทมิฬ’ และ ‘เผ่าชนพื้นเมือง’ เองนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่งจริงๆ
ไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญ ที่อาศัยสมบัติลับระดับยอดและพลังภายนอกอื่นๆ
แต่ว่า…
เมื่อท่องไปในเกาะลอยคว้างแห่งหนึ่ง และสู้เสียจนราบคาบไปหมด ขณะที่จากมานั้น จักรพรรดิของเกาะลอยคว้างก็ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา เรื่องพรรค์นี้ พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำสำเร็จเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
แน่นอนว่า ‘ประสบการณ์’ เหล่านี้ก็ทำให้พวกเขาถ่วงเวลาถูกพบตัวออกไปให้ได้มากที่สุด
“สวบๆๆ!”
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูง
“ไม่ถูกต้องแล้ว หยุดก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปเบื้องหน้า จับจ้องไปยังทะเลสาบขนาดมหึมาแห่งหนึ่งไกลออกไป ทะเลสาบแห่งนั้นกินพื้นที่กว่าร้อยล้านลี้ กว้างใหญ่ไพศาล ระลอกคลื่นน้ำซัดสาดน้อยๆ
“เหตุใดจึงมีทะเลสาบที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ได้เล่า” จอมกระบี่ก็ตกใจ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ส่งรายงานให้จอมกระบี่และบรรพชนแมลง เขาเชื่อใจจอมกระบี่เต็มเปี่ยม ส่วนบรรพชนแมลงปาถัวเฉินนั้นสามารถมาช่วยตนได้ในยามวิกฤต ตนก็เชื่อใจมากเช่นเดียวกัน
พวกเขาสามคนต่างก็ล่วงรู้ข้อมูล ดังนั้นจึงมองดูทะเลสาบขนาดมหึมาตรงหน้าแห่งนี้อย่างจริงจัง
“รายงานที่เผ่าเซวี่ยเหยียนมอบให้ กาะลอยคว้างสิบแปดแห่งที่มีรายงานโดยละเอียด พวกเราก็ได้ไปมาหมดแล้ว แม้เกาะลอยคว้างแห่งนี้จะมีรายงานที่ค่อนข้างละเอียด บางส่วนยังคงมีแค่หยาบๆ แต่ทว่า…ทะเลสาบขนาดมหึมาเช่นนี้ ไม่มีทางไม่บันทึกอะไรเอาไว้เลย” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็พูดเสียงต่ำ “รายงานของเผ่าเซวี่ยเหยียนมิอาจปลอมแปลงขึ้นมาได้ แล้วทะเลสาบนี่มาจากไหนกันเล่า”
เกาะลอยคว้างสามสิบสามแห่งที่สำรวจก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาไม่กังขาในรายงานของเผ่าเซวี่ยเหยียนเลย
“ทะเลสาบแห่งนี้…” พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมารางๆ
ข้าจะตรวจสอบดูเสียหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ร่างแยกพลังรบหลักร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ร่างแยกมุ่งหน้าต่อไป ทั้งยังสำแดงเขตลวงออกมาด้วย เมื่อเข้าไปในระยะค่อนข้างประชิด ขอบเขตของเขตลวงจึงสัมผัสถูกทะเลสาบแห่งนั้นเข้าจนได้!
ชั่วขณะที่กระทบกันนั้น
ทะเลสาบมหึมาแห่งนั้นพลันขยับไหว
โครมมม…
ประหนึ่งโลกพลิกย้อนกลับ! ทะเลสาบขนาดมหึมากลับกลายเป็นปากใหญ่สีแดงดุจแอ่งโลหิต ซึ่งเป็นเพียงแค่ปากของสิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬารหาใดเปรียบตนหนึ่งเท่านั้น ร่างกายของสิ่งมีชีวิตนี้ใหญ่โตเกินไป ร่างกายกว่าครึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ยังมีร่างกายส่วนหนึ่งอยู่กลางอากาศ ปากของมันกลับปกคลุมเข้ามาเสียแล้ว แม้พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนจะทะยานไปด้วยความเร็วสูง แต่กลับมิอาจทะยานออกจากขอบเขตของปากสีแดงดุจแอ่งโลหิตได้ทันกาล
“เป็นมัน! สิ่งมีชีวิตคละถิ่น ‘จักรพรรดิเหวศิลา’!” จอมกระบี่ตกใจใหญ่
สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองขึ้นมา นี่คือศัตรูที่น่าหวาดหวั่นที่สุดที่พวกเขาได้พบตั้งแต่มาถึงเกาะลอยคว้าง ถึงขั้นทำให้พวกเขาเกิดความคิดสิ้นหวังขึ้นมา!
“เกรงว่าครั้งนี้คงจะหนีไม่พ้นเสียแล้ว” บรรพชนแมลงพึมพำ