Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 29 พบหน้าเป็นครั้งแรก
“ฮ่าฮ่า ตอนนี้พวกเจ้าก็ออกเดินทางติดตามข้ามาเสีย ข้าอดใจรอพบจ้าวหิมะเหินไม่ไหวแล้ว”
จักรพรรดิเป่ยเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ จักรพรรดิ” เหล่าแม่ทัพเทพได้แต่รับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
เพียงไม่นาน ‘เรือปีกบินประกายทอง’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหักลำนั้นก็ไปจากโลกเป่ยเหออย่างยิ่งใหญ่ เคลื่อนตัวคราหนึ่งก็มุ่งตรงไปยังโลกแสงดาว
……
ณ โลกแสงดาว
ตงป๋อเสวี่ยอิงและประมุขแสงดาว กับคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่โถงตำหนัก พร้อมที่จะรับมือกับศัตรูจากภายนอกตลอดเวลา
“น้องหิมะเหิน ข้ากำลังติดต่อสื่อสารกับเหล่าประมุขโลกอยู่” ประมุขแสงดาวพูดต่อ “พวกเขาได้ยินว่าน้องหิมะเหินเต็มใจช่วยเหลือ ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นหาใดเปรียบ น้องหิมะเหินมีความต้องการอันใดก็จงพูดมา บุญคุณอันใหญ่หลวงอย่างการช่วยเหลือทั้งเผ่าพันธุ์นี้ ขอเพียงแค่พวกเขาสามารถให้ได้ เกรงว่าก็คงไม่มีทางลังเลเลย!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของประมุขแสงดาว
ยามที่ตนเองมาถึงในตอนแรก ประมุขแสงดาวปฏิบัติต่อตนเหมือนเป็นสหาย แต่ตอนนี้กลับเห็นตนเป็น ‘ผู้มีพระคุณ’ มีความซาบซึ้งเกินกว่าที่จะพรรณนาได้
“ข้าต้องการข้อมูลของเกาะลอยคว้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“ข้อมูลน่ะไม่ควรค่าแก่การพูดถึงหรอก” ประมุขแสงดาวกลับเอ่ยต่อไปว่า “ข้อมูลนั้นจะว่าไปแล้วก็ล้ำค่ายิ่ง โลกแต่ละแห่งต่างก็ไม่ปล่อยให้รั่วไหลโดยง่าย แต่ในความเป็นจริงต่อให้ตกลงกันแล้วก็มิได้เป็นการสูญเสียต่อเผ่าพันธุ์ของตนมากสักเท่าใดนัก! อย่างบุญคุณอันยิ่งใหญ่เช่นการช่วยรักษาเผ่าพันธุ์ ถ้าหากน้องหิมะเหินเพียงแค่หยิบยกพูดถึงเงื่อนไขนี้ เกรงว่าพวกเขาก็คงจะลำบากใจเช่นกัน! มิได้ให้ผลประโยชน์มากเพียงพอ พวกเขาก็อาจจะไม่เชื่อว่าน้องหิมะเหินจะสามารถช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของพวกเขาในยามคับขันได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงนิ่งงัน ก็ยังเข้าไปส่งสมบัติล้ำค่าให้
เกรงว่าผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกาจะยังไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกับตนกระมัง! อย่างเช่นบรรดาประมุขของโลกชนพื้นเมืองดั้งเดิมเหล่านี้ เกรงว่าก่อนหน้านี้ต่างก็ไม่เห็นผู้บำเพ็ญอยู่ในสายตากันเลย
“ถ้าหากมีวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่บางอย่างที่ไร้ประโยชน์ต่อชนพื้นเมืองดั้งเดิม แต่มีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อผู้บำเพ็ญ ข้าก็สามารถเก็บเอาไปได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“น้องหิมะเหิน เงื่อนไขนี้ของเจ้านั้นต่ำเกินไปเสียแล้ว ข้าจะให้พวกเขาดูแลจัดเตรียมของขวัญก็แล้วกัน เมื่อถึงเวลาเจ้าก็ไปเลือกเอา” ประมุขแสงดาวกลับพูดขึ้น ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปร อดที่จะอุทานมิได้ “เรือปีกบินประกายทอง! ช่างมาได้อย่างรวดเร็วนัก! ข้าต้องไปเรียกรวมตัวเหล่าประมุขโลกคนอื่นๆ เดี๋ยวนี้”
“เรือปีกบินประกายทองหรือ”
“อะไรกัน จักรพรรดิเป่ยเหอมาถึงได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
เหล่าผู้อาวุโสภายในโถงตำหนักเผ่าแสงดาวและเหล่าหัวหน้าทัพหน้าถอดสีกันทุกคน
จักรพรรดิเป่ยเหอมีสถานะเช่นไร
โลกชนพื้นเมืองดั้งเดิมมีจำนวนมากมายมหาศาล ประมุขโลกที่โลกบ้านเกิดของคน มีพลังแห่งโลกบ้านเกิดส่งเสริม พลังยุทธ์ก็ยังนับได้ว่าไม่เลว เมื่อใดที่ออกไปจากบ้านเกิด พลังยุทธ์ก็จะลดต่ำลงไปส่วนหนึ่งในทันที! ‘ประมุขแสงดาว’ อยู่ที่หุบเขาเขี้ยวหักอันไพศาลก็ย่อมมิอาจจัดอันดับได้อยู่แล้ว เพียงแต่สมาชิกธรรมดาๆ คนหนึ่งในบรรดาประมุขโลกจำนวนมาก อย่างเช่นก่อนหน้านี้ราชันย์อนธการอมตะเคยพบกับประมุขแสงดาวแล้วต่างก็ไม่รู้จักกัน สถานะอย่างประมุขแสงดาวนี้ ตามปกติแล้วไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพบจักรพรรดิเป่ยเหอเลยด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรจักรพรรดิเป่ยเหอก็ถูกกล่าวขานว่าเป็นบุคคลที่เข้าใกล้ระดับยอดเคารพมากที่สุดแล้ว
******
นครแสงดาว แสงดาวอันเข้มข้นส่องประกายระยับไปทั่วทั้งนครหลวง นอกจากนี้ยังปกคลุมไปทั่วทั้งสี่ทิศ กดดันทั่วทั้งโลก
ประมุขแสงดาวและตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัวขึ้นเคียงข้างกันที่นอกประตูเมือง พร้อมกันนั้นบริเวณรอบๆ ก็ยังมีระลอกคลื่นห้วงมิติสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นด้วย ประมุขโลกคนแล้วคนเล่ากำลังมาถึงอย่างต่อเนื่อง! บรรดาประมุขโลกเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ ‘ประมุขแสงดาว’ อนุญาต จึงมิได้เผชิญกับการสกัดกั้น ถูกเหนี่ยวนำให้เคลื่อนที่ในพริบตามาถึงที่นี่โดยตรง แต่ ‘เรือปีกบินประกายทอง’ ของจักรพรรดิเป่ยเหอก็ปรากฏขึ้นยังบริเวณไกลๆ แล้วเช่นกัน และกำลังฝืนทลายเปิดการสกัดกั้นของแสงดาวเคลื่อนเข้ามาด้วยความเร็วสูง
“พี่แสงดาว”
“พี่แสงดาว จักรพรรดิเป่ยเหอมาอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ประมุขโลกแต่ละคนมาถึง พวกเขาต่างก็คุ้นเคยกับประมุขแสงดาวเป็นอย่างยิ่ง ต่างก็เป็นสหายเก่าแก่กันแล้ว! ถึงอย่างไรผู้ที่ประมุขแสงดาวติดต่อไปก่อนต่างก็เป็นประมุขโลกกลุ่มหนึ่งที่สนิทสนมคุ้นเคยที่สุด แต่หุบเขาเขี้ยวหักใหญ่โตยิ่งนัก มีโลกชนพื้นเมืองดั้งเดิมมากมาย ก็มีโลกจำนวนมากที่มิได้มีปฏิสัมพันธ์กับโลกแสงดาวแต่อย่างใด คราวนี้ประมุขแสงดาวรวบรวมสหายมาได้เกินกว่ายี่สิบท่าน
เมื่อรวมตัวได้แล้ว แต่ละคนก็เคลื่อนที่ผ่านอากาศเข้ามา!
พวกเขามองมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงในรูปลักษณ์หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาว ทุกคนล้วนมีท่าทีตื่นเต้นและคาดหวังอยู่บ้าง
“นี่ก็คือน้องหิมะเหินของข้า” ประมุขแสงดาวแนะนำ พร้อมกันนั้นเขาก็มองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง “น้องหิมะเหิน คนเหล่านี้ก็คือสหายที่สนิทสนมที่สุดของข้า ต่างก็เป็นประมุขโลกที่อยู่บริเวณรอบๆ นี่! ล้วนมิใช่มาร พวกที่โหดร้ายนั่นข้าย่อมไม่เสวนาด้วยอยู่แล้ว”
“คารวะจ้าวหิมะเหิน” เหล่าประมุขโลกกลุ่มนี้มีรูปลักษณ์ต่างๆ นานา บ้างก็มีร่างกายเป็นสัตว์ มีศีรษะเป็นมนุษย์ บ้างก็มีสองหัวว บ้างก็มีเรือนผมแผ่สยาย มีขนาดใหญ่กว่าลำตัวอย่างเห็นได้ชัด…
กลิ่นอายก็แตกต่างกัน สายโลหิตก็ไม่เหมือนกัน
พวกเขาแต่ละคนต่างก็ทักทายตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง!
“ประมุขโลกทุกท่าน จักรพรรดิเป่ยเหอมาถึงแล้ว พวกเรามาต้อนรับจักรพรรดิเป่ยเหอผู้นี้กันก่อนเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ได้ มาต้อนรับจักรพรรดิท่านนี้กันก่อน”
“รอให้เสร็จเรื่องแล้วพวกเราค่อยมาสนทนากับจ้าวหิมะเหินโดยละเอียด”
ประมุขโลกแต่ละคนต่างก็พยายามอดกลั้นความคิดมากมายในหัวใจเอาไว้ ทุกคนหันหน้ามองไปทางห้วงอากาศที่อยู่ไกลออกไป
ครืน…
เรือปีกบินประกายทองลำนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้จากบริเวณไกลๆ อย่างรวดเร็ว มันมีขนาดใหญ่โตมโหฬารยิ่ง แม้กระทั่งทั้งสองข้างของกราบเรือใหญ่ยังมีประกายทองรวมตัวกันเป็นปีก เรือบินทั้งลำแหวกผ่านอากาศ ประกายทองระยิบระยับจับตาหาใดเปรียบ! พูดถึงพลังคุกคามก็ทำให้ประมุขแสงดาวและเหล่าประมุขโลกกลุ่มหนึ่งได้เห็นแล้วก็อดที่จะรู้สึกถึงแรงกดดันอันไร้นามที่ทำให้หัวใจบีบรัดมิได้
ถ้าหากไม่มีตงป๋อเสวี่ยอิง! ไม่ต้องพูดถึงพวกเขายี่สิบเก้าคนเลย ต่อให้รวบรวมประมุขโลกได้หนึ่งร้อยคนก็ไม่กล้าเรียกรวมตัวต่อต้านจักรพรรดิเป่ยเหอหรอก!
ลำพังแค่ส่งแม่ทัพเทพที่ร้ายกาจมาไม่กี่คนก็สามารถทำลายล้างสังหารทั่วทั้งสี่ทิศได้อย่างสบายๆ แล้ว!
กล้ารวบรวมประมุขโลกร้อยคนมาอยู่ด้วยกันอย่างนั้นหรือ ก็ส่งสามสิบหกแม่ทัพเทพออกมาจัดการ! ผลาญสังหารเสียให้สิ้น!
ดังนั้นถึงแม้ว่าจักรพรรดิเป่ยเหอจะอหังการเป็นอย่างยิ่ง ต้องการจะควบคุมโลกทุกแห่ง แต่บรรดาโลกเหล่านั้นก็เพียงแค่ต่างคนต่างต้านทานเท่านั้น ย่อมมิกล้ารวมตัวกันขึ้นมาต่อต้านอยู่แล้ว เพราะว่าเมื่อใดที่รวมตัวกันก็ย่อมต้องเผชิญกับ ‘การกระหน่ำโจมตี’ อยู่แล้ว
“มีน้องหิมะเหิน พลังยุทธ์ของเหล่าแม่ทัพเทพก็ย่อมต้องลดฮวบลงอย่างฉับพลันยยู่แล้ว ผู้ที่พลังยุทธ์อ่อนแอก็จะจมดิ่งในทันที แม้กระทั่งแม่ทัพเทพที่จัดอยู่ในสิบอันดับแรก เกรงว่าพลังยุทธ์ก็คงจะใกล้เคียงกันกับทุกท่าน” ประมุขแสงดาวถ่ายเสียงปลุกใจ “ถึงแม้ว่าจักรพรรดิเป่ยเหอจะแกร่งกล้า แต่พลังยุทธ์ก็ต้องลดลงอย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน ข้ากับประมุขโลกสิบท่านร่วมมือกันก็เพียงพอที่จะเทียบเคียงได้แล้ว!”
“พูดถึงพลังยุทธ์ พวกเราก็มิได้อ่อนด้อยไปกว่าพวกเขาเลย” ประมุขแสงดาวถ่ายเสียงพูด
เหล่าประมุขโลกคนอื่นๆ แต่ละคนต่างพากันพยักหน้า เพื่อเผ่าพันธุ์ บวกกับมีความมั่นใจที่จ้าวหิมะเหินนำมาให้ ทำให้พวกเขากล้าเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเป่ยเหอในที่สุด!
“ตึง!”
เรือปีกบินประกายทองหยุดลง
เรือขนาดมหึมาเปล่งประกายสีทองระยับจับตา ที่หัวเรือมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น ที่นำมาก็คือชายหนุ่มอาภรณ์เขียวคนหนึ่ง ด้านหลังคือเหล่าแม่ทัพเทพกลุ่มหนึ่ง แม่ทัพเทพเหล่านั้นแต่ละคนกลิ่นอายยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา ทุกคนต่างกล้าแกร่งกว่าบรรดาประมุขโลกเหล่านี้มากมายอย่างเห็นได้ชัด ส่วน ‘จักรพรรดิเป่ยเหอ’ ก็ยิ่งแฝงไว้ด้วยแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่น
เขายืนอยู่ที่นั่นคนเดียวก็ทำให้ชนพื้นเมืองดั้งเดิมทั้งหมดทั่วทั้งนครแสงดาวหวาดหวั่นไม่เป็นสุขแล้ว
คนเดียวทำลายล้างโลก
สำหรับจักรพรรดิเป่ยเหอ…มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดเลย!
“จักรพรรดิเป่ยเหอ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้า ก็มองเห็นจักรพรรดิเป่ยเหอที่มีชื่อเสียงเลื่องลือผู้นั้น ผู้ที่ยืนอยู่ที่จุดยอดสุดของหุบเขาเขี้ยวหักอย่างไม่ต้องสงสัย และมีพลังยุทธ์ใกล้เคียงกับยอดเคารพ!
จักรพรรดิเป่ยเหอก็กวาดสายตามามอง
ในขณะนี้เอง
สายตาของพวกเขาสองคนก็ปะทะเข้าด้วยกัน
มุมปากของจักรพรรดิเป่ยเหอปรากฏรอยยิ้มขึ้น อาจพูดได้ว่ายอดฝีมือกลุ่มใหญ่ของนครแสงดาวกลุ่มนี้ก็มีเพียงแค่จ้าวหิมะเหินคนเดียวที่คู่ควรให้เขาสนใจ
…………………………………………………